นรมนถอนหายใจ
เรื่องแล้วเรื่องเล่าประดังเข้ามา ปวดหัวเหลือเกิน
ตอนนี้เธออยากจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้นออกไปท่องโลกกับบุริศร์สองคน
“โสธรยังอยู่มั้ย”
“อยู่ค่ะ เขารับผิดชอบเฝ้าแพรวาได้ยินชัยยศบอกว่าจัดการเฮลิคอปเตอร์คืนนี้ส่งแพรวาไปขึ้นเครื่องบินแล้วค่ะ”
สมจิตรายงานอย่างขยันขันแข็ง
นรมนพูดเสียงเบา “บอกโสธรด้วย ให้เขาตามขึ้นเครื่องไปประเทศFด้วย ราเชน ให้วีซ่ามาหลายคน พาไปได้สองสามคน แล้วก็ติดต่อกับคนของบุริศร์ที่ประเทศFสองฝ่ายแลกคนกันแล้ว อย่าให้เกิดปัญหา ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามให้แพรวาถูกใครชิงตัวไปได้ระหว่างทาง”
“ค่ะ ฉันจะไปจัดการให้เรียบร้อย”
หลังจากสมจิตออกไปแล้ว นรมนก็ลุกขึ้นไปชั้นบน
วันนี้ไม่กินมื้อเย็นแล้ว
เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า โทรไปหา ราเชน บอกเขาให้หาคนรวมกับคนของบุริศร์ไปรับตัวแพรวาจะดีที่สุด
ราเชนไม่มีปัญหากับการจัดการของเธอ
หลังตกลงกันเรียบร้อยแล้ว นรมนคิดจะพักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวจะไปรับเนตราเอง
ผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมปล่อยไป
เวลานี้เอง มือถือของนรมนก็ดังขึ้น
เธอมองแวบหนึ่ง คาดไม่ถึงคือวิดีโอคอลที่กิจจาส่งคำเชิญเข้าร่วมมา
นรมนรีบจัดแจงตัวเอง แล้วกดรับ
“กิจจา!”
“หม่ามี้!”
กิจจาค่อนข้างคล้ำกว่าเมื่อก่อน แต่ดูแล้วแข็งแรง และร่าเริงมาก ท่าทางไม่เหมือนคนที่เป็นออทิสติก
เรื่องนี้ทำให้นรมนดีใจมาก
“เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน แม่เห็นหน้าลูกตากแดดจนดำเชียว”
นรมนสงสารมาก
กิจจายิ้มแย้ม “ผมตามอาจารย์มาแอฟริกาครับ”
“แอฟริกางั้นหรือ”
นรมนตกใจ
“ทำไมถึงไปที่นั่นล่ะ”
“อาจารย์บอกว่าเงื่อนไขการแพทย์ที่นี่จำกัด อยากจะมาช่วยเหลือ และโรคที่นี่ก็ซับซ้อน เหมาะให้ผมมาเรียนที่นี่”
ในตอนแรกกิจจาไม่ได้ชอบแพทยศาสตร์มากนัก แต่ตอนนี้ติดตามมิลินเห็นความลำบากจนเคยชิน จึงรู้สึกว่าเรียนหมอก็ดีมาก
“หม่ามี้ ผมได้ยินอาการปวดประสาทของแด๊ดดี้กำเริบหรือครับ”
นรมนอึ้งไปนิดหนึ่ง
เรื่องนี้เป็นความลับมาก มีไม่กี่คนที่รู้ แต่ตอนนี้กิจจารู้เรื่องนี้ แสดงว่ามิลินคอยติดตามข่าวคราวที่นี่ตลอด
มิลินติดตามเรื่องที่นี่อาจเป็นเพราะกิจจา หรืออาจเป็นเพราะเหตุอื่น นรมนไม่อยากจะคิดให้ซับซ้อน แต่ละคนต่างมีเรื่องราวของตัวเอง สร้างพลังที่เหมาะสมเพื่อปกป้องตัวเองก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
เธอจึงยิ้มถาม “ลูกได้ยินจากอาจารย์หรือจ๊ะ”
“อึม อาจารย์บอกว่าอาการปวดประสาทของแด๊ดดี้เป็นเคสที่ซับซ้อน รักษายาก แต่อาจารย์บอกด้วย ที่ศาลบรรพบุรุษหมู่บ้านดารายนมีหนังสือเก่าเล่มหนึ่ง ในนั้นมีวิธีรักษาอาการปวดประสาทของแด๊ดดี้ หม่ามี้ ลองส่งคนไปหาดูสิครับ ผมคิดว่าอาป้องอ่านแล้วอาจจะมีวิธี”
กิจจาเล่าอย่างนี้ ทำให้นรมนดีใจ
เธอรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาป้าโอเคยพูดเรื่องนี้ แต่ตอนนั้นพวกเขาซ่อมแซมศาลนี้ก็หาหนังสือเล่มนั้นไม่เจอ
“พวกเราหาหนังสือเล่มนั้นไม่เจอจ้ะ”
“ทำไมล่ะครับ อาจารย์บอกผมว่ามี”
ใบหน้ากิจจาแสดงความสงสัย
เห็นได้ชัดเขาในวัยนี้ยังไม่เข้าใจอาจารย์บอกว่ามีแล้วทำไมถึงไม่มี
นรมนเห็นเขาหน้านิ่วคิ้วขมวด ก็อดสงสารไม่ได้ “หม่ามี้จะลองหาวิธีค้นหาอีกรอบ ลูกไม่ต้องกังวลไป ถ้าคิดถึงบ้านก็กลับมานะ”
“โอเคครับ หม่ามี้ ผมจะเอาของฝากจากแอฟริกาไปให้”
“ผู้อพยพแอฟริกาหรือจ๊ะ”
นรมนพูดเล่น แต่คาดไม่ถึงตอนที่กิจจากลับมาจะพาผู้อพยพแอฟริกามาด้วยจริงๆ แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องในภายหลัง
สองคนคุยกันครู่หนึ่ง ก็วางสาย
ครั้งนี้ได้เจอกับกานต์ และยังได้คุยวิดีโอคอลกับกิจจา ตอนนี้เหลือแต่กมลที่ยังไม่ได้เจอ
ตอนนี้นรมนรอไม่ไหวที่จะโทรไปหากมล
เธอคิดแล้วก็ทำทันที รีบโทรไปหากมล แต่ฝั่งนั้นไม่มีคนรับสาย
นรมนโทรสามสี่ครั้ง ก็ไม่มีคนรับสาย เธออดไม่ได้ที่จะไม่สบายใจ
เด็กน้อยต่อให้ออกไปวาดรูป ก็ไม่น่าจะไม่พกมือถือ
หรือว่ากมลเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ นรมนก็เป็นกังวล
เธอหวังเหลือเกินการคาดเดาของเธอจะไม่เป็นจริง
นรมนโทรไปหาอาจารย์ของกมล แต่ปลายสายไม่มีสัญญาณ
เมื่อติดต่อกมลไม่ได้อย่างนี้ทำให้นรมนหงุดหงิด
“คุณหนูครับ ท่านหัวหน้า ให้คุณลงไปกินข้าวครับ”
เสียงของโตษินดังมาจากข้างนอก
ตอนนี้นรมนจะมีอารมณ์กินข้าวได้ยังไง
“ฉันจะออกไปกินข้าวข้างนอก ไม่ต้องรอ”
นรมนคว้าเสื้อคลุมรีบร้อนจะออกไปข้างนอก เห็นเธอจะออกไปข้างนอก สมจิตก็รีบขับรถมารับเธอ
“คุณนาย จะไปไหนคะ”
“โรงเรียนอนุบาลABC”
ตอนนี้นรมนอยากจะมีปีกบินได้
สมจิตค่อนข้างคุ้นเคยกับเส้นทาง ใช้ทางลัดขับไปหน้าประตู โรงเรียนอนุบาลABC
นรมนรีบเข้าไปในห้องทำงานอาจารย์ใหญ่ทันที
“อาจารย์ใหญ่คะ ฉันคือแม่ของกมล ฉันอยากรู้ลูกสาวออกไปวาดรูป ตอนนี้ทำไมติดต่อไม่ได้ พวกเขาไปที่ไหนกันคะ ขอที่อยู่ให้ฉันได้มั้ยคะ”
นรมนแสดงบัตรประจำตัว
อาจารย์ใหญ่รีบลุกขึ้น “คุณนายบุริศร์ ไม่ต้องกังวลไป ผมจะลองติดต่อพวกเขา พวกเขาไปไม่ไกล แถวนี้เอง ถ้าคุณคิดถึงลูก ผมจัดให้รถไปรับได้ ตอนนี้พวกเขาน่าจะใกล้กลับมาแล้ว”
“ไม่ต้องค่ะ คุณให้ที่อยู่ฉัน เดี๋ยวฉันจะไปรับเองค่ะ คุณช่วยแจ้งครูให้ทราบหน่อยได้มั้ยคะ”
นรมนปกติจะไม่ขออภิสิทธิ์ แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ เธอกลัวกมลจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
อาจารย์ใหญ่เห็นสีหน้านรมนไม่ค่อยดี ก็รีบส่งที่อยู่ให้นรมน
นรมนกับสมจิตรีบไปตามที่อยู่นั้นทันที
ที่นี่คือสวนสาธารณะ ห่างจากเขตเมืองเพียงสิบกว่ากิโลเมตร
นรมนรู้สึกกระวนกระวายใจตลอดทาง
สมจิตมองเธอแวบหนึ่ง “คุณนาย คุณหนูเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันก็ไม่รู้ ตอนนี้ฉันกลัวจัง กล้าณรงค์ยังอยู่ข้างนอก ตอนนี้ถึงจะปิดข่าวที่แพรวาถูกฉันจับ แต่ช้าเร็วกล้าณรงค์ก็ต้องรู้ข่าว ฉันกลัวเขาจะจับกมลไปข่มขู่ให้ฉันปล่อยตัวประกัน ถึงตอนนั้นฉันไม่กล้าคิด ถ้ากมลรับสายฉันก็ยังดี แต่ตอนนี้ไม่มีคนรับสาย อาจารย์ก็ไม่ได้รับสาย ฉันร้อนใจเหลือเกิน”
ขณะพูด นรมนก็โทรไปหากมลอีกหลายครั้ง แต่ก็โทรไม่ติด
สีหน้าของเธอเคร่งเครียด
สมจิตรู้ว่าลูกมีความหมายกับนรมนมากแค่ไหน เธอรีบเร่งความเร็ว
ตอนที่รถไปถึงที่หมาย นรมนรีบเข้าไปหาอาจารย์ที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม
“ครูทอย ฉันคือแม่ของกมลค่ะ ฉันมารับลูกสาวกลับบ้าน ขอโทษด้วยค่ะ งานวาดรูปครั้งนี้พวกเราอยู่ได้ถึงแค่ตอนนี้”
นรมนน้ำเสียงขอโทษ
ครูทอยแปลกใจที่นรมนมาที่นี่ แต่พูดอย่างกลุ้มใจ “คุณแม่กมล ฉันกำลังจะโทรไปหาคุณพอดี กมลเธอ…”
“ลูกสาวฉันเป็นอะไรคะ มีใครมาหาเธอหรือเปล่า หรือเธอเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ”
นรมนอกสั่นขวัญแขวน
กลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ กมลตีเด็กผู้ชายในชั้นเรียนเรา และยังหัวแตกด้วย ตอนนี้ถูกครูอิงฟ้าพาไปโรงพยาบาลแล้ว กมลก็ตามไปด้วย ฉันกำลังหยิบโทรศัพท์ คิดจะโทรไปหาผู้ปกครอง ดูว่าเรื่องนี้จะตกลงกันยังไง”
นรมนงุนงง
“ครูทอยคุณพูดผิดหรือเปล่าคะ คนอื่นเป็นฝ่ายตีลูกสาวของฉันหรือเปล่า”
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่อยากเชื่อ กมลจะตีคนจนหัวแตกจริงๆ หรือ
กมลเป็นเด็กช่างกิน กลายเป็นนักรบหญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
นรมนรู้สึกว่าที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่ลูกสาวของเธอ
ครูทอยอยากจะร้องไห้
“คุณแม่กมลคะ ฉันไม่ได้ล้อเล่นค่ะ กมลเป็นคนลงมือจริงๆ”
“ทำไมคะ”
นรมนเริ่มรู้สึกปวดหัวแล้ว
ครูทอยส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้เหตุผลค่ะ เรื่องนี้ค่อยสอบถามอีกที ตอนนี้ไปโรงพยาบาลดูเด็กๆ ก่อนดีมั้ยคะ”
“อ้อ ใช่ พวกเราไปโรงพยาบาลกัน ไปรถฉันเถอะค่ะ”
นรมนให้สมจิตขับรถมา
ครูทอยพูดขึ้น “ฉันไปไม่ได้ค่ะ ทางนั้นมีครูอิงฟ้าอยู่ ที่นี่ยังมีเด็กคนอื่น ฉันปล่อยพวกเขาไว้ไม่ได้ คุณแม่กมล ฉันติดต่อผู้ปกครองอีกฝ่ายให้มาแล้ว พวกคุณลองเจรจากันดูนะคะ”
อาจเป็นเพราะกมลแสดงออกก้าวร้าว ทำให้ครูทอย รู้สึกว่าหม่ามี้ของเธอก็เป็นคนแบบนั้น แม้ว่านรมนจะดูไม่เหมือน แต่ยังหวังดีเตือนเธอ
มุมปากนรมนเกร็งนิดหนึ่ง
ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่เคยทะเลาะจนต้องพบผู้ปกครอง เจ้ากมล ช่วงนี้เก่งกล้าขึ้นหรือ
นรมนเพียงแต่พยักหน้า ไปที่โรงพยาบาลตามที่ครูทอย ให้ที่อยู่
นรมนแทบจะเห็นกมลยืนที่มุมหนึ่งในทันที
โคลนเปรอะเปื้อนเต็มตัว ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนเด็กถูกทอดทิ้ง
ส่วนครูอิงฟ้า นั่นร้อนใจเดินไปเดินมาที่หน้าประตูห้องผ่าตัด คอยคำรามใส่กมลอยู่เรื่อยๆ
“ดูสิเธอทำบ้าอะไร! ถ้าสกายเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะมีหน้าพูดกับผู้ปกครองเขายังไง เป็นเด็กผู้หญิง ทำไมมีอะไรไม่พูดกันดีๆ ไม่ไหวจริงๆ ก็ถูกเขาตีสักทีสองทีจะเป็นไรไป แต่เธอทำบ้าอะไร ตีจนเขาสมองเปิด ยืนดีๆ! รอผู้ปกครองเธอมา ฉันจะต้องพูดกับผู้ปกครองเธอให้รู้เรื่อง รีบเอาเบอร์โทรผู้ปกครองมาเดี๋ยวนี้!
นรมนหรี่ตาทันที
กางเกงของกมลเปียกชื้น ดูแล้วคงถูกดึงตัวขึ้นมาจากน้ำ
ครูอิงฟ้าไม่รู้จักเปลี่ยนกางเกงให้เด็ก แล้วตอนนี้ยังให้กมลยืนทำโทษอีก
เธอโกรธจนควันออกหู
กมลแม้จะถูกลงโทษ แต่ยังคงพูดคอแข็ง “เขาตีหนูก่อน เขาด่าหนู หนูแค่ป้องกันตัว”
“ป้องกันตัวบ้าอะไร! ป้องกันตัวทำเขาเข้าโรงพยาบาลนี่นะ ยังจะกล้าพูดอีก”
ครูอิงฟ้า โกรธจัด
กมลยังคงไม่ยอม “สู้ไม่ได้จะโทษใครได้”
“ยังจะพูดอีก!”
ครูอิงฟ้าโมโหจนหยิกกมลทีหนึ่ง
นรมนเดือดถึงขีดสุด
“คุณทำอะไร”