“มีธุระนิดหน่อยจะออกไปแป๊บหนึ่งค่ะ”
นรมนเดินไปอย่างรับร้อน ท่าทางเหมือนกับว่าร้อนใจมาก
บุริศร์รีบเอากมลส่งให้สมจิต แล้วก็ดึงนรมนไว้อย่างรวดเร็ว และพูดขึ้นว่า “จะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่งคุณ”
นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “คุณไม่ยุ่งเหรอคะ?”
“ตอนนี้ยังไม่ยุ่ง เรื่องที่บริษัทชัยยศจัดการอยู่ เรื่องที่สำคัญที่สุดของผมตอนนี้ก็คืออยู่เป็นเพื่อนคุณกับลูก”
บุริศร์พูดจบก็จูงมือของนรมนไว้แล้วก้าวเดินออกไปข้างนอก
กมลเห็นว่าตัวเองโดนแด๊ดดี้ทิ้งอีกแล้ว ก็อดที่จะปากจู๋ขึ้นมาไม่ได้
“คุณน้าสมจิต หนูก็จะหาแฟนค่ะ! น่ารังเกียจที่สุดเลย ทิ้งหนูไว้คนเดียวอีกแล้ว!”
มุมปากของสมจิตอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นทีหนึ่ง
เด็กสมัยนี้ล้วนแก่แดดเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
แค่สี่ขวบเองก็จะหาแฟนแล้วเหรอ?
งั้นเธอที่อายุยี่สิบห้าแล้ว ยังไม่มีแฟน มันแย่มากเลยใช่ไหม
สมจิตรู้สึกว่าตัวเองโดยกระทบกระเทือนใจแล้ว
นรมนไม่รู้ความคิดที่ยิ่งใหญ่ของลูกสาวตัวเองเลยสักนิด พอโดนบุริศร์ลากขึ้นรถมาแล้วถึงพูดขึ้นว่า “คุณไม่ถามฉันเลยเหรอคะว่าจะไปไหน?”
“ขึ้นรถแล้วคุณก็จะต้องบอกผมเองว่าจะไปไหน ไม่ใช่เหรอ?”
บุริศร์สตาร์ทรถขึ้น
ก็ได้ ผู้ชายคนนี้มักจะเอาเธออยู่หมัดได้ตลอดเลย
นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไปร้านKFCที่อยู่ละแวกทิศเหนือของชานเมืองค่ะ”
แล้วบุริศร์ก็ไม่ได้ถามนรมนว่าเพราะอะไรถึงไปที่นั่น แต่ก็ขับรถมุ่งไปทางนั้นเลย
รถขับได้อย่างนิ่งสนิท ความเร็วของรถก็ไม่ได้ช้า ผ่านไปไม่นานก็มาถึงหน้าประตูร้านKFC
คราบน้ำตาที่อยู่บนใบหน้าของอรอุรชายังไม่แห้ง เธอจ้องมองนาฬิกาไม่หยุด แล้วก็จ้องมองรอบข้าง ท่าทางเหมือนกับว่าร้อนใจมาก
นรมนเปิดกระจกหน้าต่างออกโดยตรง
“ขึ้นรถ!”
อรอุรชาอึ้งไปเล็กน้อย
เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เธอเพิ่งชนรถของนรมนพังไป คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีรถส่วนตัวโผล่ออกมาอีกคันแล้ว
อรอุรชารู้อยู่แล้ว ว่าฐานะทางบ้านของนรมนจะต้องไม่เลวมากแน่
แววตาของเธออดไม่ได้ที่จะมืดขรึมลงมาหลายส่วน และมีความรู้สึกต่ำต้อยและหงุดหงิดเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
หลังจากที่ขึ้นรถมาแล้ว อรอุรชาก็มองบุริศร์ทีหนึ่ง เป็นเพราะว่านั่งอยู่ข้างหลัง ก็เลยไม่ได้เห็นหน้าตรงของบุริศร์ แต่ว่าเพียงแค่มองดูบุคลิกท่าทางเธอก็รู้แล้วว่าบุริศร์จะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งแน่
“เจตต์เป็นอะไรไปเหรอ?”
นรมนไม่รู้ว่าอรอุรชากำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็เปิดปากพูดขึ้น
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าอรอุรชามาเกี่ยวข้องกับเจตต์ได้ยังไง แต่ว่าเมื่อกี้เป็นสายโทรศัพท์ที่อรอุรชาโทรมาจริง ๆ แล้วพูดว่าเจตต์เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้น แล้วเธอก็ถามนรมนว่าจะไปดูด้วยกันไหม
แน่นอนว่านรมนจะต้องไม่พูดอะไรแล้วก็รีบมาแน่
ตอนที่บุริศร์ได้ยินคำว่าเจตต์คำนี้นั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย
“เจตต์เหรอ?”
เขาถามขึ้นอย่างอัตโนมัติคำหนึ่ง น้ำเสียงที่ทุ่มต่ำแทบจะให้หูของคนที่ได้ยินตั้งท้องขึ้นมา
“คุณอย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ”
แต่นรมนกลับพูดขัดคำพูดของบุริศร์ไปเลย
อรอุรชาเห็นนรมนร้อนใจเรื่องของเจตต์มากขนาดนี้ มือเล็ก ๆ คู่นั้นก็กำเข้าหากันแน่นขึ้นมา
ที่เธอให้นรมนไปดูด้วยนี่ตกลงผิดหรือถูกกันแน่?
แต่ว่าเธอไม่มีเงินนี่ ถ้าเกิดว่าเจตต์บาดเจ็บรุนแรงมาก แล้วเธอจ่ายค่ารักษาพยาบาลไม่ไหวแล้วทำให้เจตต์เสียเวลาไปขึ้นมา
พอคิดถึงจุดนี้ อรอุรชาก็กัดริมฝีปากพูดขึ้นว่า “ฉันก็ไม่รู้ ตอนที่ได้รับโทรศัพท์นั้นก็นึกว่าเป็นพวกโทรศัพท์หลอกลวง ก็เลยไม่ได้สนใจ แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้คุณหมอก็ใช้โทรศัพท์ของเจตต์โทรมาหาฉันอีก แล้วบอกว่าสถานการณ์ของฉุกเฉิน ให้ฉันรีบไปดู คุณนรมน ฉันรู้สึกกลัวนิดหน่อย บนตัวฉันไม่มีเงิน ฉันขอยืมเงินคุณมาจ่ายค่านอนโรงพยาบาลให้เจตต์ก่อนได้ไหมคะ?”
อยู่ ๆ บุริศร์ก็ขมวดหัวคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“อย่างเจตต์ยังไม่มีเงินนอนโรงพยาบาลอีกเหรอ?”
ไม่ใช่มั้ง?
เจ้าหมอนั่นออกไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ คงจะไม่ได้ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนจนไปหรอกมั้ง?
อรอุรชารีบส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ค่ะ เงินของเขาก็เป็นของเขา แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ของเขาฉุกเฉิน ฉันก็คงจะต้องออกไปให้ก่อน”
“คุณไม่ต้องยืมหรอก ค่าใช้จ่ายของเจตต์ฉันมาออกเอง อยู่โรงพยาบาลไหนเหรอ?”
“โรงพยาบาลโยโกฮาม่าค่ะ”
อรอุรชาได้ยินนรมนพูดได้อย่างง่ายดายแบบนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเก็บกดขึ้นมาแล้ว
ไม่ว่ายังไงเธอก็เทียบกับนรมนไม่ได้เลย
ถึงว่าล่ะขนาดผู้หญิงคนนี้แต่งงานไปแล้ว เจตต์ก็ยังคงไม่ลืมเลือนเธออีก
อรอุรชากัดริมฝีปากไว้แล้วก้มหัวลงไป ขอบตาก็แดงขึ้นมา
นรมนไม่ได้สังเกตเห็นถึงปฏิกิริยาของเธอ แล้วก็นั่งรถไปกับบุริศร์ที่ขับรถอย่างเร็วจนมาถึงโรงพยาบาลโยโกฮาม่า
“บุริศร์ นรมน? ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”
รมิดามองพวกเขาสองคนอย่างรู้สึกสงสัย
นรมนเองก็อึ้งไปเล็กน้อย
“คุณทำงานอยู่ที่นี่เหรอคะ?”
“อย่างเจ้ยังจะต้องทำงานอีกเหรอ? คือผู้อำนวยการโรงพยาบาลโทรศัพท์หาฉัน บอกว่ามีการผ่าตัดของผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์คนหนึ่งค่อนข้างยาก แล้วพอดีว่าฉันอยู่ในเมืองชลธีพอดี ก็เลยติดต่อให้ฉันมานั่งแท่นทำการผ่าตัด”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนนึกถึงเจตต์ขึ้นมาทันที
“ชื่อผู้ป่วยชื่ออะไรคะ? ใช่ชื่อเจตต์หรือเปล่าคะ?”
“เหมือนจะใช่นะ”
คำพูดของรมิดาทำให้นรมนคว้ามือเธอมาจับไว้แน่นทีหนึ่งแล้วพูดขึ้น “ขอร้องคุณล่ะ จะต้องรักษาเขาให้หายให้ได้นะคะ”
“นี่มันอะไรกัน? เจตต์เป็นอะไรกับคุณเหรอ? ถึงได้สนใจมากขนาดนี้! บุริศร์ คุณได้แต่ดูเฉย ๆ ไม่ยุ่งอะไรเลยเหรอ?”
บุริศร์พูดขึ้นอย่างยิ้มอ่อน ๆ ว่า “เจตต์เป็นลูกพี่ลูกน้องของภรรยาผม”
“ลูกพี่ลูกน้อง”ในตอนที่คำคำนี้ทะลุเข้าไปในหูของอรอุรชานั้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องมองนรมนอยู่อย่างแปลกใจ
ลูกพี่ลูกน้องเหรอ?
เป็นไปได้ยังไงกัน?
แล้วอรอุรชาถึงเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าถึงแม้ว่านรมนจะเป็นกังวล แต่ว่าความรู้สึกในแววตานั้นกลับไม่มีความรักในเชิงชู้สาว
จิตใจของเธอก็เบิกบานขึ้นมาทันที
ลูกพี่ลูกน้อง!
ฮา ฮา!
เป็นลูกพี่ลูกน้องนี่เอง!
งั้นก็หมายความว่าเธอยังมีโอกาสอยู่ใช่ไหม?
บนใบหน้าของอรอุรชามีรอยยิ้มเพิ่มมากขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
นรมนดึงมือของรมิดาไว้อย่างร้อนใจแล้วพูดขึ้นว่า “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าอาการของเขาเป็นยังไง แต่ว่าสามารถเรียกคุณมาผ่าตัดได้นั้น แสดงว่าจะต้องหนักมากแน่ คุณจะต้อง จะต้อง……”
“เอาล่ะ ฉันจะพยายามให้สุดฝีมือละกัน โอเค?”
รมิดาตบบ่าของนรมนเบา ๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปเลย
หางตาของบุริศร์เหล่มองอรอุรชาที่หนึ่ง
ปฏิกิริยาบนใบหน้าของเด็กสาวคนนี้ เขาได้รวบรวมไว้หมดแล้ว
ดูท่าฤดูใบไม้ผลิของเจตต์จะมาถึงแล้ว
เขาเองก็จะได้ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าเจตต์จะมาขุดรั้วของตัวเองแล้ว
พอคิดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็พูดกับอรอุรชาขึ้นว่า “ผมจะให้คนเอาบัตรเอทีเอ็มของเจตต์มา แล้วบอกรหัสผ่านให้ คุณช่วยเอาไปกดเงินออกมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วย”
อรอุรชาและนรมนต่างก็อึ้งไปเลย
“บุริศร์ นี่คุณหมายความว่าไง? ฉันพูดไปแล้วนี่ ค่าใช้จ่ายฉันมาออกเอง”
นรมนรู้สึกว่าจิตใจของบุริศร์นั้นแคบเกินไปแล้วมั้ง?
เจตต์ก็เป็นถึงขนาดนี้แล้ว และที่สำคัญความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็แสดงออกชัดเจนแล้วว่าพวกเธอสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้อง ทำไมถึงได้ยังมีปัญหากับเจตต์มากขนาดนี้นะ?
บุริศร์กลับพูดขึ้นเรียบ ๆ ว่า “คุณชายเจตต์ยังมีเงินที่จะมารักษาตัวเองอยู่ และที่สำคัญรหัสผ่านบัตรเอทีเอ็มของเจ้าหมอนั่นผมก็รู้อยู่”
“คุณไปรู้ได้ยังไงกัน?”
นรมนรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
บุริศร์กลับไม่พูดแล้ว
“คุณอย่ายุ่งเลย”
พูดแล้วเขาก็ให้คนเอาบัตรเอทีเอ็มของเจตต์ออกมาจากข้างใน แล้วก็มอบให้ถึงมืออรอุรชาด้วยมือตัวเอง
“ไม่ได้ ไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา ฉันจะยุ่งกับเงินของเขาไม่ได้”
อรอุรชาปฏิเสธไปเลยโดยตรง
บุริศร์กลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมกับภรรยาผมออกมาอย่างรีบร้อน ก็เลยไม่ได้พกเงินมาด้วย คุณคงจะทนดูให้เจตต์ไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาแล้วไม่ได้ผ่าตัดเหรอ? ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ หมอคนที่เข้าไปเมื่อกี้เป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งระดับโลก คนทั่วโลกต่างก็มาเข้าแถวรอคิวให้เธอผ่าตัดให้ เธอทำการผ่าตัดครั้งหนึ่งนั้นราคาก็ไม่ใช่น้อยเลย ใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์ของผมและภรรยาผมนั้นก็มีวงเงินจำกัด เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่รูดการ์ดของเขา งั้นการผ่าตัดนี้ก็คง……”
“ฉันไป ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
พออรอุรชาได้ยินว่าการผ่าตัดอาจจะไม่สามารถดำเนินการต่อไป ก็รีบเอาบัตรเอทีเอ็มของเจตต์แล้วก็วิ่งไปเลย
นรมนจ้องมองบุริศร์ที่มีมุมปากมีรอยยิ้มแฝงอยู่ แล้วก็กอดอกถามขึ้นว่า “บุริศร์ นี่คุณคิดแผนบ้า ๆ อะไรอีกแล้วเนี่ย? ท่านประธานใหญ่บุริศร์อย่างคุณจะไม่มีเงินค่าผ่าตัดแค่นั้นด้วยเหรอ? หยอกล้อเด็กผู้หญิงแบบนี้คนหนึ่งคุณต้องการทำอะไรกันแน่? หรือว่าคุณจะคิดอะไรกับเธอเหรอ?”
“คิดอะไรเนี่ย! คุณดูไม่ออกเหรอว่าคนที่เธอชอบคือเจตต์น่ะ? ยัยโง่ นี่ผมกำลังสร้างโอกาสให้กับเจตต์อยู่ เขาจะได้ไม่ต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตจริง ๆ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง
“เธอ? ชอบเจตต์เหรอ? คุณรู้ได้ยังไง?”
“ก็ใช้ตามองนะซิ ผู้หญิงคนนั้นทั้งแววตาเต็มไปด้วยเจตต์ ตอนที่จ้องคุณนั้นก็รู้สึกต่ำต้อยและเก็บกดมาก คุณมัวแต่เป็นห่วงเจตต์อยู่ไง แน่นอนก็จะต้องไม่ได้สังเกตเห็นเธออยู่แล้ว”
คำพูดของบุริศร์เต็มไปด้วยความหึงหวง
นรมนรู้สึกหมดคำพูดขึ้นมาทันทีเลย
“เขาเป็นพี่ชายของฉัน”
“ผมรู้ว่าเป็นพี่ชายของคุณ ถ้าไม่มีความสัมพันธ์ชั้นนี้อยู่ละก็ ผมจับเขาโยนลงมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ไปแล้ว แต่ว่าเรื่องต่อไปจากนี้คุณก็ไม่ต้องยุ่งมากแล้ว ตอนนี้มีคนเป็นห่วงเจตต์แล้ว คุณยุ่งมากเกินไปจะทำให้คนเกลียดเอาได้นะ”
บุริศร์พูดไปแล้วก็โอบเอวของนรมนเอาไว้
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย หลักการอันนี้เธอรู้อยู่แล้ว แต่ว่าอรอุรชาเด็กผู้หญิงคนนั้น กลับไปจะต้องไปตรวจสอบสักหน่อยถึงจะได้
อย่างรวดเร็วอรอุรชาก็ไปกดเงินออกมา และจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้ว แล้วก็รีบกลับขึ้นมาอย่างรีบร้อน จนบนใบหน้ามีแต่เหงื่อซึมออกมา
“ยังไม่ออกมาอีกเหรอ?”
เธอหายใจหอบ แววตาที่เป็นกังวลจ้องเขม็งตรง ๆ ไปทางห้องผ่าตัด
จากแววตาของเธอนรมนสามารถมองเห็นความร้อนใจและความเป็นห่วงอยู่
อยู่ ๆ จิตใจของเธอก็ดีใจขึ้นมา
เด็กผู้หญิงคนนี้ทำไมดูแล้วรื่นตาขนาดนี้ จะให้มาคู่กับเจตต์นั้นน่าเสียดายเด็กผู้หญิงอย่างเธอแล้ว
นรมนจ้องมองดูอรอุรชา ดูยังไงก็ยังรื่นตาอย่างงั้น
“ยังไม่ออกมา แต่ว่าคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วงมากเกินไป หมอรมิดาเป็นหมอที่เก่งกาจมาก จะต้องไม่เป็นอะไรแน่”
“อืม”
วินาทีนี้อรอุรชารู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ความสามารถมากเลย นอกจากรออย่างเหี่ยวแห้งอยู่ที่นี่แล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้เลย
ไม่เหมือนนรมน เธอมีเส้นสายมีเงินมีตำแหน่งหน้าที่การงาน สามารถช่วยเหลือเจตต์ได้ทุกวินาที
พอคิดไปแบบนี้แล้ว อรอุรชาก็รู้สึกต่ำต้อยขึ้นมาอีกครั้งเลย
“รอให้เขาออกมา แล้วฉันมั่นใจว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วก็จะไปเลย”
“ทำไมต้องไปด้วยล่ะ? คุณยังต้องอยู่ดูแลเขาต่อซิ อรอุรชา คุณเองก็เห็นแล้ว ที่บ้านฉันยังมีลูกอีก บริษัทของสามีฉันก็ยุ่งมากด้วย จึงไม่สามารถหาเวลาว่างออกมาดูแลเจตต์ได้ ในเมื่อเขาได้ผ่าตัดแล้ว ก็จะต้องได้นอนโรงพยาบาลแน่เลยถูกไหม? พยาบาลพิเศษก็ดูแลได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นคุณสามารถที่จะอยู่ดูแลเขาต่อได้ไหม?”
นรมนจับมือของอรอุรชาเอาไว้ แล้วพูดกับเธออย่างจริงใจมาก
อรอุรชารู้สึกตกใจที่ได้รับการชื่นชอบ
“แต่ว่า แต่ว่า……”
“เอาล่ะ อย่ามัวแต่ว่าอยู่เลย ตกลงตามนี้ละกัน งานทางด้านร้านKFCของคุณ ฉันจะช่วยคุณลางานเอง”
อรอุรชาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันได้โทรไปลาออกแล้ว ฉันจะอยู่ดูแลเขาต่อให้ดีเองค่ะ”
“งั้นก็ขอบใจคุณมาก”
นรมนยิ้มได้อย่างมีความสุขมาก
บุริศร์เห็นท่าทางที่มีความสุขของนรมนแล้ว ที่มุมปากก็มีรอยยิ้มโผล่ออกมาเช่นกัน
เจ้าเจตต์คนนี้ออกไปเที่ยวหนึ่ง แต่กลับพาแฟนเด็กคนหนึ่งกลับมาด้วย สถานการณ์แบบนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ
ถึงแม้ดูจากท่าทางของอรอุรชาแล้ว ระหว่างเธอกับเจตต์อาจจะยังมีปัญหาอะไรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร เขาจะพยายามให้เจตต์กับอรอุรชาได้อยู่ด้วยกันให้ได้ ในเมื่อมีแต่แบบนี้เท่านั้น ภรรยาของเขาถึงจะไม่โดนคนมาหมายปอง
ในใจของบุริศร์มีแผนการแบบนี้อยู่ ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าแววตาของนรมนนั้นตกมาอยู่บนตัวเขาอยู่ตลอด ความรู้สึกในแววตานั้นดูไม่ชัดเจน