แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1039

ตอนที่ 1039

บางทีนรมนอาจจะพูดได้ถูกต้อง อรอุรชาคนนี้ไม่เห็นว่าจะคู่ควรกับเจตต์ตรงไหนเลย และอีกอย่างนิสัยแบบนี้……

เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทีที่อรอุรชามีต่อนรมนในเมื่อกี้

“ชัยยศ หาคนคอยตามอรอุรชาไว้ คอยดูอย่าให้เธอสร้างเรื่องขึ้นมา”

บุริศร์โทรศัพท์หาชัยยศโดยตรง

นรมนรู้สึกหมดคำพูดเลย นี่เธอไปทำอะไรใครเหรอ

บุริศร์วางสายโทรศัพท์แล้ว จ้องมองเจตต์ทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณจะอยู่รอที่นี่จนกว่าเขาจะฟื้นเหรอ?”

“อย่างน้อยก็ต้องรอเขาฟื้นก่อนค่อยไปดีกว่ามั้ง ไม่งั้นฉันไม่วางใจ”

นรมนรู้ความหมายของบุริศร์ เธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่เป็นก้างขวางคอคอยยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่วให้ได้ เพียงแต่ว่าเจตต์ยังไม่ตื่น แล้วใครจะไปรู้ว่าอรอุรชาและขวัญตานั่นมันเป็นเรื่องอะไรกัน แล้วจะให้ทิ้งเจตต์ไว้กับคนแปลกหน้าแบบนี้ เธอไม่ไว้ใจเลยจริง ๆ

“เดี๋ยวผมไปซื้ออะไรมาให้คุณดื่มหน่อย อันนี้มันเย็นเกินไปแล้ว”

“ค่ะ”

นรมนพยักหน้า

แล้วบุริศร์ก็เดินออกไป

นรมนพูดกับขวัญตาขึ้นว่า “ฉันจะไปดูประวัติอาการป่วยของเจตต์สักหน่อย คุณดูแลเขาไปก่อนนะคะ”

“ได้”

ขวัญตาพยักหน้าเล็กน้อย

นรมนมาถึงที่รมิดา

“ยังไง? ยังไม่วางใจอีกเหรอ?”

“ความรุนแรงระดับอุบัติเหตุของเขาเป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่ได้ถือว่าร้ายแรงมาก แต่ว่าตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บนั้นคนอื่นค่อนข้างที่จะรับมือยาก ก็เลยเรียกฉันมาเที่ยวหนึ่ง คุณอย่าแค่เห็นฉันก็รู้สึกกลัว ไม่ได้มีเรื่องใหญ่อะไรเลย”

รมิดารู้ว่าความสำคัญที่เจตต์มีต่อนรมน จึงรีบบอกอาการของเขากับเธอ

คราวนี้นรมนถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง

“ฉันว่าเด็กสาวสองคนนั้นนี่มันเรื่องอะไรกัน?”

รมิดายุ่งเรื่องคนอื่นน้อยมาก แต่ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับนรมนเธอก็อยากจะยุ่งสักหน่อย

นรมนพูดขึ้นอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อยว่า “ฉันเองก็ไม่รู้ ทุกอย่างต้องรอให้เจตต์ฟื้นขึ้นมาก่อนถึงจะรู้”

“โชคทางด้านผู้หญิงแรงจริง ๆ เลยนะ”

รมิดายิ้มน้อย ๆ แล้วส่ายหน้าขึ้น

แล้วนรมนก็พูดคุยกับรมิดาอีกพักหนึ่ง พอรู้สึกว่าเวลาพอประมาณแล้ว ถึงได้เดินออกมาจากห้องทำงานชั่วคราวของรมิดา

บุริศร์รออยู่ที่ข้างนอก แล้วถือโทรศัพท์อยู่กำลังทำงานผ่านโทรศัพท์ พอเห็นนรมนออกมา ถึงได้ยื่นนมร้อนที่อยู่ในมือออกไปให้

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

นรมนถามขึ้น

“เพิ่งกลับมาได้ไม่นานเอง”

บุริศร์หยุดทำงานชั่วคราวไปก่อน

นรมนจับนมร้อนในมือดูมันเป็นอุ่น ๆ ไปแล้ว ก็รู้เลยว่าบุริศร์น่าจะมารอสักระยะหนึ่งแล้ว เพียงแต่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยพูดเรื่องอะไรพวกนี้มาก่อนเลย

“คุณรู้ว่าฉันอยู่ข้างใน กลับมาแล้วทำไมถึงไม่เข้าไปละคะ?”

“ให้เวลาคุณกับหมอรมิดาพูดคุยกัน แล้วก็จัดการเรื่องงานสักหน่อยด้วย”

บุริศร์พูดขึ้นอย่างรักใคร่

นรมนดื่มนมร้องลงไป แล้วก็ถามขึ้นว่า “ชัยยศจัดการได้ยังไงบ้าง?”

“มีเรื่องบางอย่างเขายังต้องการเวลาเรียนรู้อยู่”

“พฤกษ์ฟื้นขึ้นมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่กลับบริษัทแล้วเหรอคะ?”

บุริศร์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ผมไม่อยากให้เขากลับไปแล้ว”

“หมายความว่าไงคะ?”

นรมนอึ้งไป

บุริศร์เอามือใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หลายปีมานี้เขาสามารถเผชิญโลกกว้างได้ด้วยตัวเองมาตั้งนานแล้ว คอยตามผมอยู่อย่างนี้มันดูสิ้นเปลืองหน่อย โอกาสก้าวหน้าของข้างนอกมีตั้งเยอะขนาดนั้น เขาน่าจะไปบุกเบิกโลกที่เป็นสำหรับของเขาเอง และอีกอย่างส่วนตัวผมก็อยากจะให้เขากลับเข้าไปในกองทัพด้วย”

“งั้นคุณละคะ? คุณจะกลับไปไหมคะ?”

นรมนจ้องมองบุริศร์ เป็นครั้งแรกที่ถามปัญหานี้กับเขาตรง ๆ

บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณรู้เรื่องหมดแล้วเหรอ?”

“คุณไม่พูดฉันจะไปรู้ได้ยังไงคะ?”

นรมนมีความเล่นตัวเล็กน้อย

บุริศร์เห็นว่าภรรยาโกรธแล้ว ก็รีบพูดขึ้นว่า “ผมกับเขาไม่เหมือนกัน ลูกเมียผมก็มีหมดแล้ว จะกลับไปอีกทำไม? ถึงแม้ถ้ากลับไปแล้ว ผมก็มีห่วง เวลาออกปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่สามารถทำเต็มที่ได้ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วยังสู้เก็บโอกาสไว้ให้คนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ ผมเฝ้าลูกเมียอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาก็พอแล้ว”

“ไม่ได้เรื่อง”

นรมนเยาะเย้ยขึ้น แต่ว่ามุมปากกลับคลี่ออกขึ้น

เขาจะไม่กลับไปแล้ว ดีจริง ๆ เลย

ความรู้สึกแบบนี้เหมือนกับว่าใจที่แกว่งอยู่ อยู่ ๆ ก็ได้วางลง เป็นความผ่อนคลายที่พูดไม่ออก

“เรื่องของพฤกษ์คุณอย่างยื่นมือเข้าไปแทรกเลย ให้ตัวเขาตัดสินใจเองเถอะ คนบางคนมีความสามารถ ไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะมีความทะเยอทะยาน แล้วคุณจะไปรู้ได้ยังไงว่าพฤกษ์จะไม่ชอบชีวิตที่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากับคมทิพย์ล่ะ?”

ข้อเสนอแนะของนรมนตรงประเด็นเป็นอย่างมาก

บุริศร์พยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ถึงแม้ว่าเขาจะไม่กลับกรมทหาร ผมก็ไม่อยากจะให้เขาทำกับผมแล้ว ที่ข้างนอกเขามีกิจการของตัวเองมากมาย เพียงแต่ว่าไม่ได้เอามารวมกัน ก็เลยทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นผู้ช่วยพิเศษของผม ที่จริงทรัพย์สินของเขารวมกันก็มีไม่น้อย ถ้าหากว่าคมทิพย์จะเดินบนเส้นทางบันเทิงจริง ๆ ละก็ คาดว่าพฤกษ์เองก็น่าจะต้องก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาเองแล้ว ในเมื่อถ้าอยู่ภายใต้ความไม่มีอำนาจไม่มีพละกำลัง ถึงอยากจะปกป้องคนรักของตัวเองก็ไม่น่าจะทำได้ เส้นสายบางอย่างตัวเองจะต้องเป็นคนไปจัดการเอง ”

พอได้ยินบุริศร์ช่วยพฤกษ์คิดได้อย่างรอบคอบมาก นรมนก็พูดขึ้นอย่างอิจฉาเล็กน้อยว่า “ที่รัก คุณดีกับพฤกษ์มากจริง ๆ เลยนะคะ ฉันรู้สึกอิจฉาขึ้นมาบ้างแล้วนะคะ”

“ผมไม่ดีกับคุณเหรอ? คนไม่มีหัวใจ”

บุริศร์ยื่นมือไปขุดจมูกเธอทีหนึ่งอย่างรักใคร่

นรมนแลบลิ้นให้เล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ว่ายังไงฉันก็อิจฉา”

“งั้นคุณพูดมาซิว่าผมควรจะดีกับคุณยังไงดี?”

บุริศร์ส่ายหน้าขึ้นอย่างไม่รู้จะทำยังไง มีบางครั้งนรมนก็เป็นเหมือนกับเด็กคนหนึ่งเลยจริง ๆ

แต่ว่าเขายินยอมที่จะให้เธอเป็นเหมือนเด็กตลอดชีวิต แบบนี้จะมีความสุขมากกว่าเยอะเลย

“หรือว่าคืนนี้คุณปรนนิบัติฉันให้ดี ๆ เป็นไง?”

นรมนกะพริบตาดวงโต ๆ ไว้ แล้วจ้องมองบุริศร์ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยการรอคอย

บุริศร์รู้สึกอ้ำอึ้งขึ้นมาทันทีเลย

“แค่ก แค่ก เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นเถอะ กลางคืนผมจะต้องประชุมวิดีโอคอลอีก”

“มอบให้ชัยยศก็พอแล้ว ไหนคุณบอกจะมอบอำนาจให้เขาแล้วไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ให้เขาได้ฝึกฝนเยอะ ๆ หรือจะบอกว่าที่รักไม่ชอบฉันแล้วเหรอคะ?”

นรมนยื่นนิ้วมือออกไปทางหน้าอกของบุริศร์ บุริศร์ตกใจจนรีบกุมมือของเธอเอาไว้ทันที

“ทูนหัว ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”

“ฉันหยอกล้อสามีฉัน เกี่ยวอะไรกับคนอื่นด้วยล่ะ?”

นรมนที่ท่าทางไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน ทำให้บุริศร์รู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาขึ้นทันที

ตอนนี้เขาเปิดอกไปเลยยังทันไหมนะ?

“คือว่า พวกเราจะไปดูว่าเจตต์ฟื้นหรือยังไม่ใช่เหรอ? รีบไปกันเถอะนะ”

หน้าผากของบุริศร์มีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมา

นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนละก็ ตัวเองจะต้องชอบที่นรมนหยอกล้อแบบนี้แน่ ๆ แต่ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาไม่ปกติ เขามีความทุกข์แต่พูดยากจริง ๆ เลย

นรมนกลับพูดขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ไม่รีบ เขาหนีไปไหนไม่ได้ซะหน่อย แล้วอีกอย่างความรู้สึกสามีภรรยาของพวกเราสำคัญกว่า”

บุริศร์จะร้องไห้แล้วจริง ๆ

“ที่รัก ผม คือว่าผม……”

“ตกลงคุณยังจะปิดบังฉันอีกนานแค่ไหน?”

นรมนหน้าขรึมลงทันที ถึงแม้ว่าเสียงจะไม่ได้ดังมาก แต่ว่าปฏิกิริยาที่ยิ้มอย่างมีความสุขบนใบหน้ากลับไม่เห็นแล้ว แล้วสิ่งที่มาแทนที่กลับเป็นความโกรธเคืองเสี้ยวหนึ่ง

บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจขึ้นมาว่านรมนได้รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นบ้างขึ้นมา

“นี่ผมก็เป็นเพราะว่าไม่อยากให้คุณเป็นห่วงไง?”

“พูดไปเรื่อย นี่เป็นท่าทีที่คุณไม่อยากจะให้ฉันเป็นห่วงเหรอ? ฉันเคยให้โอกาสคุณหรือเปล่า? ร่างกายของคุณเป็นของฉัน ของฉันเข้าใจไหม? คุณได้รับการอนุญาตจากฉันหรือยัง? คุณไปทำการผ่าตัดได้ปรึกษาฉันก่อนไหม? บุริศร์ คุณนี่ปีกกล้าขาแข็งแล้วนะ ตอนนี้รู้จักทำไปก่อนแล้วค่อยมาว่ากันทีหลังแล้วใช่ไหม?”

นรมนโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงแล้วยื่นนิ้วไปหยิกตรงหน้าอกบุริศร์อย่างแล้ว ครั้งแล้วครั้งเล่า

บุริศร์รักท่าทางที่แข็งกร้าวของเธอในตอนนี้เป็นอย่างมากเลย แต่ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะ ขอร้องล่ะ ไว้หน้าเขาหน่อยได้ไหม

“ที่รัก คุณให้ผมกลับไปคุกเข่าบนเปลือกทุเรียนได้ไหม เรากลับไปคุยกันที่บ้านเถอะนะ?”

“คุยอะไรคุย? ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ในเมื่อคุณชอบปิดบังฉันมากขนาดนี้ ชอบทำการผ่าตัดแบบนั้นมากขนาดนี้ งั้นคุณก็ไปอยู่เองคนเดียวเถอะ”

นรมนผลักเขาออกทีหนึ่ง แล้วก็ก้าวเท้าเดินไปเลย

เธอจะบ้าตายอยู่แล้ว

ผู้ชายอย่างบุริศร์นี่ให้โอกาสแล้วยังไม่ยอมเปิดอกพูดอีก ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ทิ้งเขาให้หงอยไปเลย

นรมนคิดไปอย่างโกรธเคือง ฝีเท้าที่ก้าวอยู่ก็ใหญ่ขึ้นไปเล็กน้อย

ส่วนบุริศร์นั้นรู้สึกเซ็งมากเลย

เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าเมื่อเช้าที่นรมนให้เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาจะเป็นเรื่องนี้?

เป็นเพราะตัวเขาคิดได้ช้าเอง รมิดากับนรมนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขนาดนี้ ข่าวจะไม่รั่วไหลไปหากันได้ยังไงล่ะ?

“นรมน ที่รัก คุณช้า ๆ หน่อย”

บุริศร์ตามอยู่ที่ข้างหลัง หัวคิ้วขมวดกันแน่น

ทำให้ภรรยาโกรธแล้ว

จะทำยังไงดี?

เมื่อก่อนเวลาโกรธ นอนด้วยกันตื่นเดียวก็หายแล้ว แต่ตอนนี้การนอนเป็นได้แค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แล้ว

เขามีความรู้สึกพ่ายแพ้เหมือนกับว่ายกหินมาทุบเท้าตัวเองขึ้นมาทันที

มุมปากของนรมนคลี่ออกเล็กน้อย

ความรู้สึกแบบนี้มันซะใจมากจริง ๆ

แต่ว่าเธอจะให้บุริศร์รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าตัวเองตั้งใจยืมเรื่องนี้มาเอะอะโวยวาย

นรมนเดินเข้าไปในห้องของเจตต์อย่างมุมปากคลี่ออกเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ได้ยินเสียงต่ำของเจตต์ลอยออกมาจากข้างในแล้ว

“ขวัญตา คุณเป็นคุณหนูใหญ่คนหนึ่งมาอยู่ที่ผมนี่ มันเรื่องอะไรกัน? รีบกลับไปเลยนะ”

“ฉันไม่ไป ฉันจะดูแลคุณ คุณเป็นอย่างนี้อยู่จะไม่มีคนดูแลคุณได้ยังไง”

ขวัญตาพูดอย่างเหตุผลเต็มเปี่ยม

“ผมจะหาพยาบาลพิเศษเอง”

“พยาบาลพิเศษจะไปได้เรื่องได้ยังไง? หรือว่าคุณอยากจะให้ผู้หญิงอื่นมาเห็นร่างกายของคุณเหรอ?”

“คุณเองก็ผู้หญิงดีไหม?”

เจตต์รู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อย

“นั่นมันไม่เหมือนกัน ฉันเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคตของคุณ ที่ฉันดูมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”

ความหลงตัวเองของขวัญตาแบบนี้ ทำให้มุมปากของเจตต์กระตุกขึ้นเล็กน้อย

“ผมบอกไปแล้ว ชาตินี้ผมไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน คุณอย่ามาเสียเวลาบนตัวผมเลยจะได้ไหม?”

“ฉันไม่! ชาตินี้ฉันจะแกะติดกับคุณ ฉันไม่สน คุณมองเห็นตัวฉันหมดแล้ว ถ้าคุณไม่แต่งงานกับฉัน ฉันจะยังไปแต่งงานกับใครได้อีก?”

คำพูดของขวัญตานั้นเนื้อหาเกินไป ชั่วขณะหนึ่งทำให้นรมนและบุริศร์ที่อยู่ข้างนอกต่างก็อึ้งไป

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

เจตต์รู้สึกยากลำบากขึ้นมาจริง ๆ

“ผมบอกแล้วไง นั่นมันเป็นแค่อุบัติเหตุ”

“ฉันไม่สน ในเมื่อคุณเห็นตัวฉันไปหมดแล้ว ฉันโตมาขนาดนี้ นอกจากแม่ฉันแล้ว ยังไม่เคยมีใครเห็นร่างกายของฉันมาก่อน คุณจะต้องรับผิดชอบ”

ขวัญตาพูดขึ้นอย่างไม่ยอมรามือ

เจตต์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว

“ผมปวดหัว”

“เดี๋ยวฉันไปตามหมอให้คุณ”

ขวัญตาพูดแล้วก็จะกดกระดิ่งเรียกพยาบาล แต่กลับโดนเจตต์คว้ามือเอาไว้แล้วพูดขึ้นว่า “คุณอย่ามาปรากฏตัวต่อหน้าผมก็ไม่ปวดแล้ว”

“อ๋ายหยา คุณจับคนอื่นเขาอีกแล้ว ยังจะพูดว่าคิดอะไรกับเขาอีก”

บนใบหน้าของขวัญตามีสีแดงระเรื่อขึ้นมา เจตต์ตกใจจนรีบปล่อยมือออกทันที

“โอ้สวรรค์ ใครก็ได้ช่วยมาเก็บยัยปีศาจนี่ออกไปทีเถอะ”

เจตต์รู้สึกมาตลอดว่าตัวเองเป็นปีศาจ แต่พอมาวันนี้พบเจอกับขวัญตาเข้า ถึงรู้ว่าตัวเองนั้นยังอ่อนเกินไป

ขวัญตายิ้มจนเรียกได้ว่าดีใจมาก

“เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์หรือเหล่าเทวดาอะไรต่างก็ยุ่งเกินไป มายุ่งเรื่องบนโลกมนุษย์ไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นยังไงคุณก็เก็บฉันไว้เองเถอะนะ”

พูดแล้วเธอก็ก้มหน้าลงไปม๊วฟคำหนึ่ง แล้วจุ๊บเจตต์ทีหนึ่ง

ทั้งตัวเจตต์นิ่งอึ้งไปเลย จากนั้นวินาทีต่อมาก็ตะคอกขึ้นมา

“ขวัญตา คุณนี่ฉวยโอกาสผมอีกแล้วนะ! ตกลงนี่ใครล่วงเกินใครกันแน่?”

“คุณพูดเสียงดังอีกหน่อยซิ ให้คนทั้งหมดได้ยินไปเลย แบบนั้นก็จะได้ไม่มีคนมาแย่งกับฉันแล้ว”

ครั้งนี้ เจตต์กลับไม่มีเสียงแล้ว

เขาอยากจะสลบไปเลยได้ไหม?

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท