แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1049

ตอนที่ 1049

งานเลี้ยงพบปะสังสรรค์นี้จบลงเร็วเพราะการก่อเรื่องของลูกสาวคนโตของอรรณพ

การออกจากงานของอรรณพสองสามีภรรยา ทำให้ป้องจึงได้ลุกขึ้นตาม

“ในเมื่อน้องสี่กลับไปแล้ว อย่างนั้นพวกเราค่อยเจอกันใหม่ครั้งหน้าแล้วกันนะ แต่พี่รองผมคิดว่าพี่น่าจะเรียกค่าเสียหายทางจิตใจกับอรรณพนะ จะให้ลูกสาวของมาเขาดูน้องชายของหลานชายผมฟรีๆได้อย่างไร ถูกไหม”

ป้องกลัวเรื่องราวจะวุ่นวายไม่พอจึงเกิดความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ขึ้น

บุรุิศร์ปรายมองเขาแล้วพูดเบาๆ“เงินพนันของผมเมื่อไรจะให้ผม”

ป้องหน้าแหกทันใด

“ไม่ใช่สิ คุณเป็นคนขาดเงินด้วยเหรอ”

“ผมไม่ขาดเงิน แต่ผมก็หาเงินได้ไม่มาก และถึงอย่างไรก็เป็นเงินที่ผมชนะได้มานะ”

บุริศร์ท่าทางกวนโอ๊ย มองดูป้องที่ขบกัดฟัน

โพนี่ยิ้มแล้วพูด “พี่รอง แล้วจะให้ผู้จัดการนำเงินไปส่งให้ที่บ้านพี่นะ”

“ยังคงเป็นน้องสะใภ้ที่น่ารักจริงใจ คุณชายป้องหัดดูภรรยาเป็นตัวอย่างบ้างนะ”

บุริศร์พูดจบก็ลุกยืนขึ้น แล้วเดินตรงมาที่ด้านหน้าของนรมน ยิ้มแล้วพูด“ไปกันเถอะ ตอนเย็นอยากทานอะไร ผมจะพาคุณไปทาน เงินที่ชนะมาวันนี้น่าจะเพียงพอ”

ป้องรู้สึกว่าวันนี้ไม่ควรเอ่ยปากพูดจาเลยจริงๆ

คริชณะเห็นท่าทางของพวกเขาแบบนี้แล้ว จึงหัวเราะขึ้นอย่างร่าเริงเบิกบาน

งามสุดาเดินเข้ามา คริชณะคว้าเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วพูดเสียงต่ำ “คุณอยากทานอะไร ตอนกลางวันผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”

“คุณมีเวลาเหรอ ไม่ต้องกลับไปที่ค่ายทหารเหรอ

“แม้จะยุ่งแค่ไหน แต่เวลาที่จะทานอาหารเป็นเพื่อนภรรยานั้นก็ย่อมมีอยู่”

เสียงคริชณะนั้นไม่ดังมาก งามสุดาได้แต่เม้มปากแล้วยิ้ม แต่ท่าทางที่มีความสุขนั้นทำให้คนรอบข้างอิจฉาไม่มีที่สิ้นสุด

การรวมตัวของทั้งสี่คนจึงจบลงไปแบบนี้

ตอนที่บุริศร์พานรมนออกมานั้น กมลที่อิ่มมากจนรู้สึกอึดอัดท้อง นรมนเห็นแล้วอยากจะหัวเราะ

“เมื่อกี้กานต์กลับมาหนูไม่เห็นเหรอ”

“เห็นสิคะ แต่ว่าหม่ามี้ไปจัดการแล้วไม่ใช่เหรอ หนูรู้สึกว่าการกินนั้นดีกว่าเยอะ”

กมลเรอสะอึกขึ้น ล้วนเป็นกลิ่นของเค้กครีมทั้งนั้น

“นี่ทานไปเท่าไหร่จ๊ะ ไม่กลัวว่าท้องหนูจะแตกเหรอ”

นรมนยื่นสองมือไปอุ้มกมลขึ้น แต่กลับได้ยินเธอพูดว่า“หม่ามี้หนูกลับไปกับพี่ดนัยได้ไหม หนูอยากไปเล่นกับคุณทวด”

ดนัยที่พอดีอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ได้ยินคำพูดของกมลจึงรีบพูดขึ้น “พี่สะใภ้รอง ผมจะดูแลกมลอย่างดีครับ”

“จ๊ะ รบกวนเธอแล้วนะ”

บุริศร์ที่อยากจะมีเวลาส่วนตัวสองต่อสองกับนรมน ย่อมไม่อยากจะพากมลไปด้วย เวลานี้ดนัยกลับอยากให้กมลกลับไปพร้อมกับเขา เขาน้อมรับด้วยความยินดีอย่างที่สุด

กมลหันมาโบกมือให้กับพวกบุริศร์ จากนั้นก็จากไปพร้อมกับดนัย

นรมนพูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย“ลูกสาวของคุณคงต้องอบรมสักหน่อยแล้วคุณว่าไหม นิสัยที่เห็นว่าใครมีของกินหน่อยก็ร้องตามไปกับเขานี้ไม่ไหวนะ ถ้าหากว่าวันใดวันหนึ่งถูกคนไม่ดีหลอกล่อไปด้วยลูกอมอันหนึ่ง คุณจงร้องไห้อยู่ที่บ้านเหอะ”

บุริศร์จูงมือเธอ ยิ้มแล้วพูด“กมลใช่ว่าจะตามทุกคนไป”

“ทำไมจะไม่ตาม ครั้งก่อนที่สวนสนุกมีเด็กชายคนหนึ่งใช้ไอศกรีมแท่งหนึ่งมาหลอกล่อเธอให้ตามไปไม่ใช่เหรอ”

นรมนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็รู้สึกหงุดหงิด

เจ้าตัวแสบนั่นยังรับพู่หยกจากเขามาหน้าดื้อๆ เรื่องนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะจัดการอย่างไร

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ บุริศร์ก็นึกขึ้นได้

“ผมให้คนไปสืบพู่หยกนั่นแล้ว เป็นของตระกูลพูนเจริญ”

“ตระกูลพูนเจริญไหน รีบให้คนส่งคืนกลับไปเร็ว”

นรมนที่ใบหน้าเหลืออดหมดคำพูด

บุริศร์ยิ้มแล้วพูด“ตระกูลพูนเจริญแห่งเมืองN ตระกูลเก่าแก่ทางด้านดนตรี คนในครอบครัวเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงหลายคน พู่หยกนั้นเป็นของธนธีเด็กที่ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่สูงมาก ถูกคนในตระกูลพูนเจริญให้ความสำคัญฝึกฝนเลี้ยงดูเรื่องนี้”

นรมนตะลึงงันไปชั่วครู่

“ตระกูลพูนเจริญแห่งเมืองNเหรอ นั่นอยู่ห่างไกลจากพวกเรามากเลยนะ”

บุริศร์ยิ้มขึ้นทันใด

“คุณคิดอะไรนะ หรือคิดว่ากมลของพวกเราจะแต่งงานกับธนธีจริงๆ เด็กๆเขาเล่นกันตามประสาใครจะไปจริงจังเล่า พรุ่งนี้ผมจะให้คนส่งคืนกลับไปให้ตระกูลพูนเจริญ”

“ใช่ๆๆ คืนกลับไป พู่หยกนั่นแพงเกินไป”

นรมนรีบพยักหน้า

ระหว่างที่ทั้งคู่สนทนานั้นได้ออกจากงานเลี้ยงแล้ว

บุริศร์ถามขึ้นอย่างอ่อนโยน“ไปทานอาหารที่ร้านไหนกันดี ผมจะได้โทรจองโต๊ะ”

“ที่ไหนก็ได้ แต่ว่าพวกเราจะไปหาเนตราไม่ใช่เหรอ”

นรมนแทบอยากจะเจอเนตราตอนนี้ใจจะขาด

ถึงแม้ว่าบาดแผลบนร่างกายจะตกสะเก็ดแล้ว แต่ก็ยังเจ็บอยู่

ความเจ็บปวดที่เนตราฝากไว้บนร่างกายของเธอ เธอย่อมต้องเอาคืนอย่างแน่นอน

บุริศร์เห็นเธอที่กระฟัดกระเฟียด ก็อดไม่ได้ที่จะใช้มือสัมผัสเข้าที่ใบหน้าของเธอ จากนั้นก็โทรศัพท์หาวินเซนต์

“เตรียมตัวสักหน่อย อีกสักครู่ผมจะพานรมนไปที่นั่น”

“ครับ เฮีย”

เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง บุริศร์ก็โทรไปจองโต๊ะร้านอาหารสไตล์ตะวันตกร้านหนึ่ง

นรมนไม่ได้คัดค้านกับเรื่องนี้

สองคนที่ขึ้นรถแล้วขับตรงมาถึงหน้าประตูวิลล่าหลังหนึ่งที่อยู่เขตชานเมือง

นรมนมองดูที่นี่แล้วถามขึ้น“ที่นี่เป็นวิลล่าของคุณเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

“ไม่ใช่ของผม เป็นของวินเซนต์”

บุริศร์อธิบาย

เป็นครั้งแรกที่นรมนได้ยินชื่อวินเซนต์ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “วินเซนต์คนนี้คือใครเหรอ”

“เพื่อนคนหนึ่งของผมที่เคยร่วมกันสร้างองค์กรเล็กๆองค์กรหนึ่งด้วยกัน ต่อมาเมื่อไปเป็นทหาร จึงปล่อยให้เขาบริหารจัดการ หลายปีนี้ได้ข่าวว่าก้าวหน้าได้ไม่เลวเลยทีเดียว

บุริศร์พูดเบาๆ

นรมนก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

ทั้งคู่ลงจากรถแล้วเดินตรงเข้าไปทันที

เห็นคนพกปืนยืนเฝ้ายามอย่างองอาจ ดวงตานรมนหรี่ลงครู่หนึ่ง

บุริศร์พานรมนเดินเข้าไป ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งเอ้อระเหยอยู่บนโซฟา โดยเท้าทั้งสองข้างไขว้กันวางอยู่บนโต๊ะกาแฟ นั่งเขย่าแก้วไวน์แดงที่ถืออยู่ในมือ

เมื่อเห็นบุริศร์และเธอเดินเข้ามา วินเซนต์เงยหน้าขึ้นอย่างขี้เกียจ ยิ้มแล้วกล่าวทักทาย “เฮีย พี่สะใภ้ พวกคุณมากันแล้วเหรอ”

“เนตราล่ะ”

“อยู่ในห้องใต้ดิน คนอย่างเธอยังสมควรอยู่บนพื้นดินด้วยเหรอ”

วินเซนต์หัวเราะอย่างกระหายเลือด

นรมนรู้สึกถึงความเหี้ยมโหดบนตัวของเขา ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ

แต่ในเมื่อคนคนนี้เป็นเพื่อนของบุริศร์ เธอจึงไม่สามารถพูดอะไรได้

บุริศร์พูดขึ้นเบาๆ“ผมอยากพานรมนไปดูสักหน่อย”

“นี่กุญแจ”

วินเซนต์โยนกุญแจห้องใต้ดินไปให้กับบุริศร์

นรมนเดินไปที่ห้องใต้ดินภายใต้การนำทางของบุริศร์

ทันทีที่เปิดประตูห้องใต้ดิน กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นได้ลอยมากระทบใบหน้า

นรมนรีบอุดจมูกทันที

บริศร์พูดด้วยเสียงต่ำเบาๆ“ถ้าหากทนไม่ไหวก็ขึ้นไปก่อน เดี๋ยวผมจะลงไปดูเอง”

“ไม่เป็นไร”

นรมนรับกลิ่นนี้ไม่ไหว แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอจะทำให้เธอยอมถอยได้

ขณะที่ทั้งคู่เดินลงบันไดนั้น ก็ได้ยินเสียงดุด่าต่อว่าอย่างเสียงดังของเนตรา

“ไอ้พวกสารเลว! ปล่อยฉัน! ฉันจะฆ่าพวกแก ฉันจะต้องฆ่าพวกแกให้ได้!”

“นังบ้า ยังมีแรงร้องตะโกนอีกใช่ไหม”

เสียงแส้กระทบลมดังขึ้น เสียงเนตราก็กรีดร้องขึ้นทันที

นรมนขมวดคิ้วขึ้น มองออกมาจากด้านนอก เห็นเนตรากำลังถูกแส้เฆี่ยนตีจนเนื้อหนังถลอกปอกเปิก

แส้นั้นมีหนาม เมื่อเฆี่ยนลงไป ทำให้เห็นถึงกระดูกชัดเจน

เหมือนดังกับนรมนในตอนนั้น

เนตราเจ็บจนแทบจะสลบ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมให้เธอหมดสติ กระชากผมของเธอขึ้น เธอเจ็บจนต้องตื่นขึ้นอีกครั้ง

“นรมนอยู่ไหน อยากจะฆ่าจะแกงฉันอย่างสะใจก็เชิญทำเลย! ทรมานฉันแบบนี้ ไม่แน่จริงนิหว่า”

ก่อนที่จะมา นรมนโกรธเนตรามาก ตอนนี้เมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ทันใดนั้นเธอก็ไม่มีความคิดที่จะอยากจะลงโทษเธออีก

สิ่งที่เธออยากจะทำ คนของวินเซนต์ได้ทำให้แล้ว

ตอนนี้บนร่างกายของเนตราไม่มีส่วนใดที่ดูได้อีกแล้ว เลือดสดๆบนตัวกำลังตกสะเก็ด ก็ถูกแส้เฆี่ยนตีจนแตกถลอกอีกครั้ง รอยบาดแผลบางส่วนก็บวมแดงก่ำจนกลายเป็นหนองไปแล้ว

ถ้าหากไม่เพ่งดูให้ดีๆ ก็จะดูไม่ออกว่าเนตรายังเป็นคนอยู่

ผมเผ้าเปียกโชกเปรอะเปื้อนไปด้วยเหงื่อและเลือดสดๆ พันพะรุงพะรังยุ่งเหยิงทั่วใบหน้า แลดูกระเซอะกระเซิง

ใบหน้าของเธอก็บวมเป่งจนดูไม่ออกถึงเค้าโครงหน้าเดิม

นรมนจึงหันหลังเดินออกจากห้องใต้ดิน

บุริศร์รู้ว่านรมนเป็นคนจิตใจดี เมื่อเธอเห็นเธอจากไป ตัวเขาเองก็เดินตามไปทันที

“รู้สึกลงมือกับเธอหนักเกินไปเหรอ”

บุริศร์ถามขึ้น

นรมนส่ายหน้า แต่พูดขึ้นเบาๆ“เนตราน่าจะต้องทำเรื่องเลวๆไว้ไม่น้อย ตามความสามารถของคุณจะต้องหาหลักฐานได้แล้วส่งเธอเข้าไปได้ใช่ไหม” อย่าให้คนของคุณหรือมือของคุณต้องเปื้อนเลือด เธอเฆี่ยนแส้ใส่ฉันสามที ตอนนี้ก็สาสมแล้ว เดิมทีฉันอยากจะลงมือด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อคนของคุณลงมือแทนแล้ว เรื่องนี้ก็ให้มันจบพอแค่นี้เถอะ ความแค้นที่ฉันมีต่อเธอถือว่าสิ้นสุดกัน”

สุดท้ายเธอก็ทนไม่ได้ที่ให้มือบุริศร์ต้องเปื้อนชีวิตเพราะเธอ

ถือว่าเป็นการสะสมบุญให้กับลูกๆก็แล้วกัน

เมื่อวินเซนต์ได้ยินคำพูดของนรมน จึงยิ้มด้วยความเย็นชา “พี่สะใภ้ วันนี้พี่เมตตาต่อเธอ เธออาจจะไม่เมตตาต่อพี่ในวันข้างหน้า คนแบบนี้จัดการให้สิ้นซากเหมาะสมที่สุด”

“เธอสมควรตายหรือไม่ ให้ศาลเป็นผู้ตัดสินเถอะ ฉันไม่อยากให้มือขอบบุริศร์ต้องเปื้อนเลือดไปมากกว่านี้”

เมื่อพูดจบนรมนก็เดินออกไปทันที

วินเซนต์มองดูแผ่นหลังของนรมน แล้วพูดกับบุริศร์ว่า “พี่สะใภ้ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนเฮียโหดเหี้ยมมากแค่ไหนเหรอ”

“ทำตามที่เธอบอก เก็บลมหายใจไว้ให้เธอ นำหลักฐานไปยื่นแล้วโยนเธอเข้าไปในคุก ดูจากสภาพร่างกายของเนตราตอนนี้แล้ว น่าจะอยู่ได้อีกไม่เกินสองปี บางครั้งค่อยๆทรมานสะใจกว่าการฆ่าเธอให้ตายทีเดียว”

คำพูดของบุริศร์ทำให้วินเซนต์ชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นพยักหน้า

หลังจากที่นรมนออกมา ฉับพลันนั้นจิตใจรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

บุริศร์ที่ตามออกมาด้วยนั้นได้ดึงเธอเข้ามากอดไว้

“เป็นอะไรไป ทำไม่ลงเหรอ ตอนที่เธอทำกับคุณไม่มีเคยคำว่าใจอ่อนเลยนะ”

นรมนทอดถอนใจแล้วพูด “บางทีฉันอาจจะใจไม่แข็งพอ จริงอยู่ที่เนตราใจคอโหดเหี้ยม แต่ว่าพวกคุณก็ลงมือหนักเกินไป”

“ตอนที่เธอทำร้ายคุณ ใจผมอยากจะฆ่าเธอทิ้งด้วยซ้ำ ตอนนี้ปล่อยให้เธอมีชีวิตตายทั้งเป็น ถือว่าผมเมตตากรุณามากแล้ว ในเมื่อคุณลงมือไม่ลง อย่างนั้นที่เหลือก็ปล่อยให้ผมจัดการ คุณวางใจได้ ผมไม่ปล่อยมือให้เธอต้องตายด้วยน้ำมือของผมหรอก ผมจะส่งเธอเข้าคุก ยังมีอะไรดีๆให้รอชมอยู่”

ขณะที่บุริศร์เปล่งคำพูดเหล่านี้นั้น มุมปากได้ยกยิ้มร้ายเยือกเย็น ทำให้นรมนอกสั่นผวา

บุริศร์แบบนี้เธอรู้สึกไม่คุ้นเคย แต่ก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะรู้ว่าเขานั้นทำเพื่อเธอ เพราะว่ารักเธอถึงได้ทำเช่นนี้ เพียงแต่ว่าเธอไม่ต้องการทำให้บุริศร์นั้นกลายเป็นปีศาจร้าย

นรมนกุมมือบุริศร์ไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“บุริศร์ ฉันหวังว่าคุณจะทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับฉัน ว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า เพื่อคำสัญญานี้คุณอย่าได้ทำเรื่องที่มุทะลุเกินไป เหลือทางไว้ให้ตัวเองได้เดินด้วย”

มองแววตาที่คาดหวังของนรมน บุริศร์จึงพยักหน้า แต่ว่าในใจนั้นกลับคิดว่าภรรยาตัวเองนั้นจิตใจช่างดีเกินไป ในเมื่อเรื่องบางเรื่องเธอไม่สามารถทำได้ อย่างนั้นก็ปล่อยเป็นหน้าที่เขาในการจัดการก็แล้วกัน

นรมนเห็นเขารับปากแล้ว จึงยิ้มขึ้น

เธอกำลังอยากบอกบุริศร์ว่าไปกันเถอะ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจู่ๆจะเกิดเรื่องขึ้นกับบุริศร์

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท