มุมปากของบุริศร์กระตุกขึ้น
นรมนก็ไม่บังคับเขา อย่างไรเสียก็พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เอาที่เขาคิดว่าดีแล้วกัน
เธอกระโดดลงจากหลังของบุริศร์ และโบกมือ “คุณไปเตรียมตัวให้เรียบร้อยนะ ฉันจะไปหาลูก ๆ ซื้อของมาให้พวกเขา”
นรมนเดินเข้าไปอย่างมีความสุข
บุริศร์รู้สึกว่าโลกทั้งใบมืดมน
ผู้ชายแต่งหญิง?
เขาต้องทำแบบนี้จริงเหรอ?
นรมนกลับไม่สนใจว่าตอนนี้ในใจของบุริศร์จะรู้สึกยุ่งเหยิงแค่ไหน ถือของตรงเข้าไปในห้องของกานต์และกิจจา
กานต์ยังคงหลับอยู่
น้อยครั้งมากที่จะได้เห็นเจ้าเด็กคนนี้นอนหลับช่วงกลางวัน เพียงแต่นึกถึงความกดดันที่เขาต้องแบกรับ นรมนย่องเบา ๆ
กิจจาเห็นนรมนเข้ามา จึงวางตำราแพทย์ในมือลง
“หม่ามี้”
“ออกมาแป๊บนึง”
นรมนยิ้มให้กิจจา
กิจจาเปิดผ้าห่มออก ก็ถูกนรมนอุ้มขึ้นไป ใบหน้าเล็ก ๆ แดงขึ้นในชั่วพริบตา
“หม่ามี้ ผมไม่เป็นไรครับ ผมเดินเองได้”
“ให้หม่ามี้อุ้มลูกเถอะ ขาของลูกได้รับบาดเจ็บ ไม่สะดวก”
นรมนพูดจบถึงจะมองเห็นใบหน้าเล็ก ๆ ของกิจจาแดงขึ้น จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที“ตอนนี้กิจจาของพวกเรารู้จักอายแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอก นี่คือหม่ามี้ของลูกนะ อุ้มลูกมันมีอะไรน่าอาย?”
กิจจาเม้มปากไม่พูดจา ความจริงรู้สึกไม่สบายใจ
ตั้งแต่ตนเองเรียนรู้องค์ประกอบของร่างกายมนุษย์ จึงรู้จักการป้องกันตัวระหว่างชายและหญิง ทุกครั้งกิจจาจึงรู้สึกไม่สบายใจ
เขารู้สึกเกรงใจที่จะพูดกับนรมน ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่เงียบเอาไว้
นรมนรู้สึกว่าเรื่องที่กิจจาได้เจอในปีนี้ทำให้นิสัยร่าเริงในตอนแรกของเขาตกตะกอนไปมาก ตอนนี้นับวันยิ่งมีนิสัยเหมือนเจ้าชายผู้สง่างามเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับการเรียนแพทย์หรือเปล่า
นรมนอุ้มกิจจามานั่งที่ห้องรับแขก หยิบกล่องสี่เหลี่ยมออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้เขา
“ดูว่าชอบไหม”
กิจจามองนรมนอย่างแปลกใจ
“ให้ผมเหรอครับ”
“อืม ให้ลูกจ้ะ”
ท่าทางที่อ่อนโยนของนรมนทำให้กิจจาน้ำตาคลอ
“ผมไม่อยากได้ เอาให้กานต์เถอะครับ”
“กานต์ก็มีของกานต์ ส่วนชิ้นนี้ตั้งใจซื้อให้ลูก รีบเปิดดูสิ”
นรมนเร่งรัด กิจจาจึงต้องเปิดดู
ภายในกล่องมีชุดเข็มเงินสำหรับฝังเข็ม และยังมีมีดผ่าตัด
กิจจาจำได้ เครื่องมือชุดนี้ทิ้งไว้โดยบรรพบุรุษของคนที่มีชื่อเสียงในวงการแพทย์ ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ในโลกแห่งการแพทย์ น่าเสียดายที่จากโลกนี้ไปเมื่อปีก่อน เครื่องมือชุดนี้จึงถูกประมูล ว่ากันว่าราคาพุ่งถึงสิบล้าน หลังจากนั้นไม่รู้ว่าใครเป็นคนซื้อไป
วันนี้อยู่ดี ๆ ก็มาปรากฏตรงหน้ากิจจา เขางงไปหมด
เขาหยิบเข็มเงินมาหรี่ตามองดูแสงสะท้อน เป็นได้ตามคาดเมื่อหยิบขึ้นมาก็มองเห็นตัวอักษรย่อขนาดเล็กมาก
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นของจริง!
กิจจาชอบเรียนแพทย์จริง ๆ เมื่อเห็นสิ่งของที่ตกทอดมาจากปรมาจารย์ในโลกแห่งการแพทย์จึงรู้สึกตื่นเต้นไปโดยปริยาย
“หม่ามี้ ได้ของชิ้นนี้มาจากไหน?”
“ลูกไม่ต้องสนหรอกว่ามาจากไหน ชอบหรือไม่ชอบ?”
“ชอบครับ ชอบที่สุดเลย!”
แววตาของกิจจาปรากฏความกระตือรือร้นและความเบิกบาน
นรมนรู้สึกพอใจมากทันที
“ชอบก็ดีแล้ว หม่ามี้หวังว่าต่อจากนี้ลูกก็จะกลายเป็นปรมาจารย์ในโลกแห่งการแพทย์ เครื่องมือชุดนี้ให้ลูกนะ และยังมีมีดผ่าตัดอีก ว่ากันว่าคมมาก ระวังด้วย อย่าให้บาดตนเอง ในช่วงเวลาสำคัญสามารถนำมาป้องกันตัวได้ หม่ามี้ได้ยินมาว่ามีดผ่าตัดเล่มนี้มีกลไก”
นรมนเพิ่งจะพูดจบ กิจจาก็นำมีดผ่าตัดมาเล่นในมือ ฝีมือการใช้มีดที่สวยงามและชำนาญดูคล่องแคล่ว ดูดีอย่างยิ่ง
มีดผ่าตัดส่งเสียงคลิก ทันใดนั้นเข็มบาง ๆ ก็โผล่ออกมาจากด้ามมีด ส่องประกายแสงน่ากลัว จนนรมนเกือบตกใจ
“นี่คือกลไกเหรอ?”
“ครับ นี่คือกลไก เอาไว้ป้องกันตัว เข็มบาง ๆ นี้มักจะถูกใส่ด้วยยาพิษ เพียงแต่ด้านบนน่าจะถูกคนทำความสะอาดไปแล้ว”
มุมปากของกิจจาเอาแต่ยกขึ้น เห็นได้ว่าเขาชอบของขวัญชิ้นนี้จริง ๆ
นรมนกล่าวอย่างเป็นห่วง “ลูกต้องระวังตัวนะ อย่าเผลอทำร้ายตนเอง”
“ไม่มีทางครับ นี่เป็นของที่หม่ามี้ให้ผม ผมจะเก็บเอาไว้กับตัว ใช้ไปตลอดชีวิต”
กิจจายิ้มอย่างใส่ซื่อ
นรมนรู้สึกสงสารทันที
“เจ้าเด็กโง่ ก็แค่เครื่องมือชุดเดียว หลังจากนี้ถ้าเจอของดีหม่ามี้จะซื้อให้ลูกนะ”
“ไม่ต้องครับหม่ามี้ เครื่องมือยังต้องใช้งานถนัดมือ ขอบคุณครับหม่ามี้ ผมชอบมาก”
กิจจาวางของลงอย่างระมัดระวัง จากนั้นเก็บเรียบร้อย
นรมนรู้สึกดีมาก ดูเหมือนจะซื้อของมาได้ถูกต้องจริง ๆ
ตอนแรกเธอคิดว่าตนเองซื้อของปลอม แต่นภดลบอกว่าเครื่องมือชุดนี้เป็นของจริง เธอจึงซื้อกลับมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าซื้อของมาไม่เสียเที่ยวจริง ๆ
หลังจากกิจจาเก็บของเรียบร้อยจึงพูดกับนรมน “หม่ามี้ หม่ามี้ออกไปกับคุณครู แล้วทำไมหม่ามี้ถึงกลับมาคนเดียว?คุณครูล่ะครับ?เธอทำอะไรหม่ามี้หรือเปล่า?”
นรมนชะงักไปเล็กน้อย
เธอมองกิจจา พบว่าแววตาของเขามีความจริงจังและเย็นชามาก
นรมนสงสารจับใจทันที
“ทำไมถามแบบนี้ล่ะ? เธอคือคุณครูของลูกนะ เธอจะทำอะไรหม่ามี้?เพียงแต่ระหว่างทางมีเรื่องต้องจัดการ หม่ามี้เลยกลับมาก่อนแค่นั้นเอง อย่าคิดฟุ้งซ่าน หือ?”
“หม่ามี้ ไม่ว่าใคร ถ้าทำร้ายหม่ามี้ ก็คือศัตรูของผม”
กิจจาพูดประโยคนี้อย่างเคร่งขรึมพอสมควร ทำให้นรมนใจหายทันที
“กิจจา บนโลกใบนี้ไม่ได้มีคนชั่วมากมายขนาดนั้น อย่าคิดฟุ้งซ่านเลย หรือจะพูดอีกอย่าง มิลินปฏิบัติต่อลูกเหมือนกับลูกแท้ ๆ เห็นแก่ลูกเธอไม่มีทางทำอะไรหม่ามี้หรอก”
“ครับ”
กิจจาพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอีก
“หม่ามี้ ผมกลับห้องก่อนนะครับ ผมยังไม่ได้ท่องวิชาแพทย์เลย”
“ได้จ้ะ”
นรมนมองเห็นกิจจาตั้งใจเรียนเช่นนี้ นอกจากจะรู้สึกสงสารก็ไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถทำอะไรได้
เมื่อกิจจาเดินไปเกือบจะถึงประตูก็หยุดลงฉับพลัน
เขาหันหน้ากลับมามองนรมน “หม่ามี้ พรุ่งนี้วันเกิดแด๊ดดี้ใช่ไหมครับ?”
“ใช่ ทำไมเหรอ?”
นรมนมองกิจจาและเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา
จู่ ๆ กิจจาก็เข้าใจอะไรขึ้นมา เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เปล่าครับ แค่อยากให้หม่ามี้ช่วยทักทายแด๊ดดี้ให้ผมหน่อย”
“หมายความว่าอะไร? ลูกจะไม่ฉลองวันเกิดให้แด๊ดดี้เหรอ?”
นรมนชะงักไป
กิจจาตอบด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้ผมกับกานต์ต้องออกไปจากที่นี่ คืนนี้กองกำลังป้องกันประเทศจะเคลื่อนพลตอนสองทุ่ม อารมณ์ของกานต์ไม่ค่อยคงที่ ผมต้องดูเขา เลยไม่มีเวลาร่วมงานวันเกิดของแด๊ดดี้”
นรมนไม่รู้ว่าวันนี้ตอนสองทุ่มกองกำลังป้องกันประเทศจะเคลื่อนพล จึงอดอึ้งไปไม่ได้
“ไปพร้อมกันพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ?”
“ถ้าพวกเราอยู่ที่นี่ คงจะไม่ค่อยสะดวก”
กิจจาพูดจบก็เข้าห้องไป
นรมนเข้าใจว่ากิจจาพูดอะไรทันที ใบหน้าแดงขึ้นอย่างอดไม่ได้
เธอดูเหมือนต้องการจะครอบครองบุริศร์อย่างเอาแต่ใจเหรอ?
ทำไมแม้แต่ลูกก็พูดแบบนี้?
นรมนหดหู่ใจสุด ๆ
บุริศร์เดินออกมาพอดี มองเห็นท่าทางหดหู่ใจของนรมน จึงอดถามไม่ได้ “เป็นอะไรไป?ใครทำให้คุณอารมณ์ไม่ดี?”
“คุณไง!”
นรมนพูดจบก็หันตัวเดินจากไป กลับถูกบุริศร์จับเอวบางดึงเข้ามาให้อ้อมแขน
“พูดให้มันเข้าใจหน่อย ผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจ?หือ?”
ลมหายใจของบุริศร์รดใบหูของนรมน ลมหายใจอุ่น ๆ ทำให้นรมนสั่นไปทั้งตัว
เธอรู้สึกคุ้นเคยกับฉากนี้ขึ้นมาทันที เหมือนกับว่าตนเองเพิ่งปฏิบัติกับบุริศร์แบบนี้?
นรมนคิดจะถอนตัวออกมาจากอ้อมแขนของบุริศร์ กลับถูกเขากอดเอาไว้แน่น
จะหนีไปไหน?”
“บุริศร์ ของของคุณใช้งานได้แล้วเหรอ?”
นรมนมองบุริศร์อย่างยั่วยุ
บุริศร์กล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “ผมถามป้องแล้ว เขาบอกว่าการผ่าตัดเล็กอันที่จริงสองวันก็เสร็จแล้ว ดังนั้น……”
ใบหน้าของนรมนขาวซีด
“ไม่จริงใช่ไหม?ทำไมถึงโกงขนาดนี้?อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสิบวันครึ่งเดือนไม่ใช่เหรอ?บุริศร์ คุณอย่าเห็นแก่เรื่องเล็กน้อยทำลายความสุขไปชั่วชีวิตเลยนะ”
มองเห็นนรมนหวาดกลัวเช่นนี้ บุริศร์หลุดขำออกมา
นรมนถึงจะรู้ตัวว่าโดนเขาหลอก
“ตลกมากไหม ?หือ?”
นรมนเอื้อมสองมือออกไปวางใต้รักแร้ของบุริศร์และเกาเบา ๆ
“คุณหลอกฉันเลย รังแกฉันเลย!”
“อย่าสร้างปัญหา ฮา ๆ ๆ !”
บุริศร์เป็นคนบ้าจี้ ถูกนรมนลงโทษแบบนี้ จึงหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้ เสียงหัวเราะที่เบิกบานดังไปทั่วทั้งห้อง จนได้ยินไปถึงข้างนอก
นภดลมีเรื่องจะรายงาน หลังจากได้ยินเสียงด้านในก็ชะงักไป จากนั้นจึงหันตัวเดินกลับ
เขาควรจะแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
นรมนไม่รู้ว่าด้านนอกมีสถานการณ์อย่างไร มองเห็นบุริศร์หัวเราะเบิกบาน จึงอดลงมือหนักขึ้นไม่ได้
“ยังกล้าพูดว่าฉันสร้างปัญหาเหรอ?หือ?ดูเหมือนถ้าฉันไม่จัดการคุณ ถ้าเจ๊ไม่แสดงอำนาจ คุณจะเห็นฉันเป็นแมวป่วยใช่ไหม?”
นรมนเปลี่ยนตำแหน่ง ตรงไปที่ท้องของบุริศร์ทันที
บุริศร์รู้สึกแค่เพียงมือเล็ก ๆ ที่อ่อนแอไร้กระดูกของเธอเหมือนประกายไฟ จุดประกายประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาในชั่วพริบตา ลุกลามดั่งไฟแผดเผา
ถ้าถูกเธอทรมานอย่างนี้ต่อไป ตนเองคงต้องพ่ายแพ้จริง ๆ
บุริศร์รีบคว้ามือของนรมน พลิกตัวกดทับร่างกายของเธอ
นรมนหน้าแดง เหมือนลูกท้อสุก ทำให้คนอยากกัดสักคำอย่างห้ามใจไม่ไหว สายตาของเธอเป็นประกาย พร้อมกับแสงหลังการกระเซ้าเย้าแหย่ ละลานตาน่าหลงใหล
บุริศร์ค่อย ๆ ก้มลงไป
ลมหายใจอุ่น ๆ ทำให้หัวใจของนรมนเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เห็นได้ชัดว่าแต่งงานกันมานานแล้ว แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เธอยังคงใจเต้นแรงเหมือนอย่างเคย เหมือนกับจะกระเด้งออกมาจากลำคอได้ทุกเมื่อ หัวใจที่เฝ้ารอนั้นอยากจะลองดู
นรมนหลับตาลงอย่างไม่รู้ตัว
ในวินาทีที่ริมฝีปากบางเย็น ๆ แตะลงบนริมฝีปากเชอร์รี่ของเธอ นรมนรู้สึกแค่เพียงเซลล์ทั้วร่างกายผลิบานราวกับดอกไม้ไฟ
จูบที่เอ้อระเหยดูเหมือนจะพรากความคิดของเธอไป หลอมรวมเข้ากับร่างกายของบุริศร์อย่างลึกซึ้ง ในเส้นเลือด รินไหลอยู่ท่ามกลางลมหายใจของเขา
หลังจากจูบจบลง บุริศร์ยังรู้สึกว่าไม่พอ
เขาลูบไล้ใบหน้าที่เขินอายของนรมน เสียงแหบแห้ง
“นรมน”
“คะ?”
“ผมรักคุณ”
สามคำนี้ของบุริศร์พูดด้วยเสียงเหมือนเชลโล เหมือนกับเปิดขวดไวน์แดง กลมกล่อมมีเสน่ห์
นรมนรู้สึกว่าตนเองเมาไปเรียบร้อยแล้ว
ในแววตาของเธอมีแสงดาวระยิบระยับ สองมือโอบรอบลำคอบุริศร์แน่น เธอเม้มปากยิ้ม “ยังขาดชุดผู้หญิง การสารภาพครั้งนี้ไม่นับ”
มุมปากของบุริศร์กระตุกขึ้นทันที