“มีอะไรเหรอ?”
บุริศร์เห็นสีหน้าของนรมนเปลี่ยนสีไป ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาคำหนึ่ง
“อ๋อ ไม่มีอะไร เรื่องส่วนตัวของผู้นิดหน่อยของผู้หญิงน่ะ”
นรมนรีบพูดขึ้น
เธอเองก็พูดแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าบุริศร์ก็ไม่ถามต่อไปแล้ว
“ผมไปดูก่อนว่าแถว ๆ นี้มีร้านอะไรอร่อยหรือเปล่า พวกคุณสองคนเดินเล่นไปก่อนนะ”
“ได้ค่ะ”
บุริศร์พูดจบแล้วก็จากไป
พอเขาเดินไปแล้ว สีหน้าของนรมนก็ขรึมลงทันที
“ที่คุณพูดเป็นความจริงเหรอ?”
“ฉันจะไปหลอกคุณได้ยังไง? นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันบังเอิญไปได้ยินมา ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เจตต์จะจัดการยังไง แต่ฉันกลัวว่าเขาจะผ่านด่านในใจของตัวเองไปไม่ได้ คุณก็รู้ หลายปีมานี้คนที่เขาสนใจมากที่สุดนอกจากคุณแล้วก็คือเธอ”
คำพูดของขวัญตาทำให้สีหน้าของนรมนยิ่งดูไม่ได้มากขึ้น
เทย่าโทรศัพท์หาเจตต์แล้ว!
นี่เป็นสิ่งที่ขวัญตาเพิ่งบอกตัวเองเมื่อกี้
เทย่า!
ตอนแรกก็เป็นเพราะว่าเธอมีพ่ออยู่ต่างประเทศคนหนึ่ง แล้วเพื่อจะหลอกล่อพ่อคนนั้นออกมาถึงได้ยอมปล่อยตัวเธอ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีความสามารถ แล้วถือโอกาสนี้หนีไปได้
ตอนนี้เธอถือได้ว่าเป็นนักโทษหลบหนี แต่กลับยังกล้าโทรศัพท์หาเจตต์!
โทรศัพท์หาเจตต์ในตอนนี้นี่อยากจะทำอะไรกันแน่?
เจตต์จะแต่งงานแล้ว แล้วเธอจะกลับมาก่อเรื่องอะไรอีก?
ในหัวสมองของนรมนเอาแต่คิดถึงปัญหานี้ไม่หยุด สีหน้าก็ดูไม่ได้เป็นอย่างมาก
แล้วความรู้สึกที่เจตต์มีต่อเทย่านั้นก็ซับซ้อนมาตลอด หลายปีมานี้คิดมาตลอดว่าเทย่าโดนพ่อของตัวเองบีบจนเป็นบ้า แต่สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าเทย่าจะหลอกใช้คนทั้งหมด แล้วเจตต์จะให้อภัยเทย่าไหมนะ?
นรมนเองไม่รู้ แต่ว่ากลับรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก
“อีกไม่กี่วันฉันจะไปหาเขาพูดคุยสักหน่อย”
“อย่าพูดว่าฉันเป็นคนบอกกับคุณนะ อย่าเอาฉันไปขายล่ะ นั่นเป็นสามีฉันนะ พวกเรายังจะต้องใช้ชีวิตด้วยกันอีกนะ”
คำพูดของขวัญตาทำให้นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
“คุณนี่จำเป็นต้องขนาดนี้เลยเหรอ? ระมัดระวังขนาดนี้! ฉันว่าคุณเอาเจตต์ได้อยู่หมัดขนาดนี้แล้ว ยังกลัวเขาไม่เอาคุณอีกเหรอ?”
“กลัวซิ ฉันต้องกลัวอยู่แล้ว คุณไม่ใช่ไม่รู้สักหน่อย ที่เขายอมแต่งงานกับฉันก็เพราะว่าฉันเป็นฝ่ายรุกทั้งนั้น ใครจะไปรู้ว่าในใจของเขาจะมีพื้นที่สำหรับฉันหรือเปล่า? ถ้าหากเป็นเพราะว่าเรื่องนี้ทำให้เขาโมโหขึ้นมาละก็ ฉันก็คงจะเป็นคุณนายเจตต์ไม่สำเร็จแล้ว”
ขวัญตาพูดได้อย่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก ทำให้นรมนรู้สึกขำขึ้นมาทันที
“ฉันนี่ไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าคุณไปถูกใจเขาได้ยังไงกัน? เมื่อก่อนเจตต์เป็นคุณชายเจ้าสำราญคนหนึ่งนะคุณไม่รู้เหรอ?”
“รู้ซิ แต่ว่าฉันก็ชอบแบบนี้”
ขวัญตาพูดแหะ ๆ ไป แต่ว่าในดวงตากลับจริงจังมาก
“เพราะอะไรล่ะ? บนโลกใบนี้คงไม่มีการชอบอย่างไม่มีเหตุผลหรอกมั้ง?”
ตรงส่วนนี้นรมนคิดไม่เข้าใจ
ขวัญตาครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดว่า “ฉันจะบอกคุณ แต่คุณห้ามบอกเขานะ ฉันไม่อยากจะให้เขาดีกับฉันเพราะว่าเรื่องของเมื่อก่อน ฉันอยากจะให้เขาค่อย ๆ พบความดีของฉัน แล้วก็ค่อย ๆ รักฉัน”
“มีความมั่นใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
ขวัญตาหน้าตาสะสวยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ท่าทางที่มั่นใจในตัวเองของเธอยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์ทำให้คนหวั่นไหวมากขึ้น
นรมนถามขึ้นอย่างสงสัยเล็กน้อยว่า “ตกลงรู้จักได้ยังไงกัน?”
“เจตต์เคยช่วยชีวิตฉันไว้”
คำพูดของขวัญตาทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย
“เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง? ฉันไม่เคยได้ยินเจตต์พูดถึงเลยนะ ถ้าเขาเคยช่วยสาวสวยอย่างคุณคนหนึ่ง ก็คงจะเก็บคุณเข้าสต๊อกตั้งนานแล้วซิ? ยังจะต้องให้คุณมาตามจีบอย่างตอนนี้อีกเหรอ?”
คำพูดของนรมนนี้ทำให้ขวัญตารู้สึกเขินอายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“เป็นเรื่องจริง แต่ว่าเป็นเรื่องตอนที่เขาเป็นทหารแล้ว”
“ห๋า?”
ไม่ว่ายังไงนรมนก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำตอบแบบนี้
ขวัญตาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ปีนั้นฉันอายุแค่สิบแปด เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะ พ่อของฉันก็เลยให้เงินฉันมานิดหน่อยให้เอาไปเที่ยวเล่น ฉันก็เลยนัดเพื่อนหลายคนออกไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าฉันจะโชคร้ายขนาดนั้น เดินเที่ยวอยู่ต่างประเทศก็เจอกับการจู่โจมของผู้ก่อการร้ายเข้า ตอนนั้นฉันตกใจแทบแย่ ยังคิดว่าตัวเองจะตายอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ากองกำลังรักษาสันติภาพของประเทศเราจะไปที่นั่น นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นท่าทางของทหารในกองกำลังรักษาสันติภาพ คุณไม่รู้หรอกว่า เจออันตรายในต่างแดน แล้วในตอนที่เห็นกองกำลังรักษาสันติภาพของประเทศตัวเองนั้นมันเป็นความรู้สึกยังไง”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ขวัญตาก็เหมือนกับว่าสามารถย้อนกลับไปคิดถึงความหวาดกลัวและความไร้ที่พึ่งในตอนนั้นได้
เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนนั้นกระสุนบินเฉียดหูไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อน ๆ ของฉันตกใจจนกรีดร้องขึ้น และหลบหนีกันไป ฉันเห็นพวกเธอมีบางคนโดนยิง เลือดสีแดงสดสาดโดนใบหน้าของฉัน ตอนนั้นฉันก็รู้สึกว่า จบแล้ว ฉันคงจะไม่มีทางได้เห็นหน้าพ่อฉันอีกแล้ว ตอนนั้นพวกผู้ก่อการร้ายถือปืนไว้แล้วกราดยิง แล้วฉันก็อยู่ในรัศมีที่ถูกกราดยิงด้วย ฉันนึกว่าฉันจะถูกยิงจนพรุนเป็นตะแกรงแล้ว แต่ว่าก็ในวินาทีนั้นเอง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งมากอดฉันไว้แล้วก็กลิ้งไปกับพื้น และยังปกป้องฉันไว้ในอ้อมกอดอีก”
แววตาของขวัญตามีแววความรักแบบเด็กสาวขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“คุณไม่รู้หรอก ว่าตอนนั้นเขาหล่อมากแค่ไหน ฉันจ้องมองจนแทบค้างไปเลย เพื่อช่วยฉันแล้ว เขาก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าเขาก็ยังคงส่งฉันไปถึงเขตพื้นที่ปลอดภัย แล้วก็ยังปลอบใจฉันว่าจะไม่เป็นอะไร ฉันเห็นกับตาว่าเขาโดนยกขึ้นไปบนเตียงพยาบาล และฉันก็อยากจะรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้างแล้ว แล้วก็สืบค้นข่าวของเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่ากฎระเบียบของกองกำลังรักษาสันติภาพนั้นเข้มงวดมาก ไม่มีทางที่จะได้ข่าวอะไรของเขาเลย รอจนพวกผู้ก่อการร้ายโดนขจัดไปจนหมดแล้ว แล้วฉันนอนตื่นมา กองกำลังรักษาสันติภาพก็ถอนกำลังออกไปแล้ว ฉันตามหาเงาของเขาไปทั่ว ฉันคิดว่าชาตินี้คงจะไม่มีไร้วาสนากับเขาแล้ว”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ขวัญตาก็ยิ้มขึ้นมา ยิ้มได้อย่างหวานชื่นมาก
เธอจ้องมองนรมนแล้วพูดขึ้นว่า “รู้ไหม? ที่หลายปีมานี้ฉันอยู่ต่างประเทศตลอด ก็เพื่อที่จะเสาะหาเงาของเขาแหละ แต่ว่าข่าวคราวแม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี แล้วพอปีนี้ทางบริษัทของพ่อฉันเกิดปัญหาขึ้นมา ท่านตัวคนเดียวจัดการไม่ไหว ก็เลยไม่ลากฉันกลับมาช่วยงานไม่ได้ แล้วฉันถึงได้บังเอิญพบว่า ผู้ชายที่ฉันตามหาอยู่กลับอยู่ในเมืองเดียวกับฉัน เพราะฉะนั้น นี่คือพรหมลิขิตที่สวรรค์กำหนดไว้ดีแล้ว?”
พอนรมนได้ยินเธอพูดไปแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้วจริง ๆ
“เพราะฉะนั้นเธอก็เลยเริ่มตามจีบเขาเลยเหรอ?”
“ใช่ ฉันตามหามาหลายปีขนาดนี้ถึงได้หาเจอ ฉันจะยอมถอยเขาให้ผู้หญิงอื่นได้ยังไง? ฉันได้ยินมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บทางความรู้สึกมาแล้วก็จะออกไปท่องเที่ยวรอบโลก ฉันก็เลยตามไป แล้วก็สร้างสถานการณ์บังเอิญเจอกับเขาไม่หยุด แต่น่าเสียดายเขาจำฉันไม่ได้เลยสักนิด”
พอพูดมาถึงตรงนี้ ยังไงขวัญตาก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
นรมนพูดปลอบใจเธอไปว่า “ตอนนั้นเจตต์เป็นทหาร ช่วยคนและรักษาสันติภาพเป็นหน้าที่ของเขา เขาช่วยคนไปเยอะขนาดนั้น จะมาจำได้ได้ยังไงล่ะ? แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็ปลดประจำการแล้ว แน่นอนว่าคงจะไม่ไปคิดเรื่องเมื่อก่อนที่เคยช่วยคนไว้หรอก และที่สำคัญตอนนั้นคุณอายุแค่สิบแปด ตอนนี้คุณก็อายุยี่สิบหกแล้ว เรื่องหลายปีขนาดนี้เขาจะไปจำได้ยังไงล่ะ”
“เพราะฉะนั้น จำไม่ได้ก็ช่าง ในเมื่อฉันจำได้ก็พอแล้ว ฉันชอบแต่เขา ฉันจะยิ่งพยายามชอบเขาให้มากขึ้นอีก ถ้าสามารถทำให้เขาก็ชอบฉันได้ด้วยก็สมบูรณ์แบบแล้ว”
ขวัญตายิ้มได้สดใสมาก
นี่ก็คือความรักซินะ
นรมนพร่ำบ่นอยู่ในใจ
ผู้ชายอย่างเจตต์นี่ ก็ถือได้ว่าคนโง่มีบุญของคนโง่แล้ว
ขวัญตาดีกับเขาอย่างจริงใจ ไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนและสิ่งที่ต้องสูญเสียไปเลย หวังว่าพวกเขาสองคนจะสามารถอยู่กันไปจนแก่จนเฒ่าได้นะ
นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าหากว่าคุณเอาเรื่องนี้บอกกับเขาแล้ว รับรองว่าเขาจะต้องดีกับคุณมากขึ้นแน่”
“ไม่เอา ฉันต้องการให้เขาชอบฉันเพราะว่าฉันเป็นฉัน แต่ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องอย่างอื่น”
ขวัญตาพูดอย่างมั่นใจขึ้นอีกครั้ง
นรมนกลับรู้สึกว่าขวัญตาถูกใจตัวเองเป็นอย่างมาก
“เอาล่ะ ฉันจะช่วยคุณรักษาความลับไว้ให้ดีเอง อ๋อใช่แล้ว อรอุรชาคนนั้นนี่มันเรื่องอะไรกัน? ในเมื่อคุณตามจีบเจตต์มาตลอด คงจะไม่รู้จักอรอุรชาคนนั้นไม่ได้หรอกมั้ง? ทำไมถึงได้ให้เธอมาฉวยโอกาสไปได้ล่ะ?”
ตอนนี้นรมนนึกถึงอรอุรชาแล้วก็รู้สึกว่ามันแปลกมาก ๆ
ขวัญตาพูดขึ้นย่างรู้สึกเซ็งเล็กน้อยว่า “อรอุรชาผู้หญิงคนนี้ เป็นคนตอแหล เป็นผู้หญิงสำส่อน เธอกับเจตต์พบกันนั้นล้วนเป็นเรื่องไม่คาดคิดมาก่อน มีอยู่ครั้งหนึ่งมีงานการกุศลเพื่อสังคม แล้วเจตต์ผ่านไปพอดี ก็เลยได้ช่วยเหลือสนับสนุนนักศึกษามหาลัยคนหนึ่งไว้ ซึ่งก็คืออรอุรชา ตอนนั้นถึงฉันจะรู้เรื่อง แต่ว่าเรื่องแบบนี้ฉันก็ไม่มีทางขัดขวางได้นี่ ในเมื่อเจตต์เขาทำความดี แต่ใครจะรู้ว่าอรอุรชากลับหวั่นไหวต่อเขา และตลอดระยะเวลาฉันก็ไม่เห็นพวกเขาติดต่อกัน และก็ไม่รู้ว่าอรอุรชาใช้วิธีอะไร ถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเจตต์ราวกับอยู่ในกำมือมาตลอด นี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ เลย”
พอได้ยินขวัญตาพูดแบบนี้ นรมนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
“คุณจะบอกว่าหลังจากที่เจตต์ช่วยอรอุรชาแล้ว อรอุรชาก็รู้การเคลื่อนไหวของเขามาตลอดเลยเหรอ?”
“ก็ใช่น่ะซิ ไม่งั้นเธอจะไปตั้งใจชนรถของคุณได้ยังไง? แล้วพอเจตต์เกิดอุบัติเหตุปุ๊บก็รู้เรื่องปั๊บได้ยังไง ขนาดฉันยังไม่ได้รับข่าวเลย เธอก็ได้รับข่าวก่อนแล้ว แถมตามคุณกับบุริศร์ไปอีกด้วย ผู้หญิงคนนี้จะพูดว่ายังไงดีล่ะ? ฉันมักจะมีความรู้สึกรังเกียจอย่างพูดไม่ออกอย่างหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นแค่นักศึกษาจน ๆ คนหนึ่ง แต่ว่ากลับมีความสามารถที่จะมาตามสืบการเคลื่อนไหวของเจตต์ได้ ฉันก็ยอมแล้วจริง ๆ”
ขวัญตาพูดไปอย่างไม่คิดอะไร แต่นรมนฟังไปกลับมีความคิดเห็นขึ้น
หรือว่าอรอุรชาคนนี้จะสนใจการเคลื่อนไหวของเจตต์เพียงเพราะว่ารู้สึกดีกับเจตต์แค่นั้นจริง ๆ เหรอ?
แต่ว่าจะสนใจการเคลื่อนไหวของเจตต์นั้น และยังรู้แม่นยำขนาดนี้ จะบอกว่าเป็นแค่นักศึกษาจน ๆ ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ว่ายังไงนรมนก็ไม่เชื่อหรอก
บองทีอีกเดี๋ยวพอกลับไปแล้วเธออาจจะต้องไปอรอุรชาสักหน่อยแล้ว
หรือไม่แน่งานการกุศลที่เจตต์พบเจอในครั้งนั้นอาจจะเป็นการตั้งใจวางแผนไว้ก่อนแล้ว
นรมนไม่ได้อยากจะคิดแบบนี้ แต่ว่าช่วงนี้มีเรื่องเยอะมากเกินไปแล้ว อำนาจของแต่ละฝ่ายต่างก็กำลังค่อย ๆ ขยับเขยื้อน งานแต่งงานของเจตต์ก็ใกล้เข้ามาแล้ว เธอจะไม่ระแวงไม่ได้แล้ว
แต่ว่าเรื่องนี้นรมนกลับไม่ได้บอกกับขวัญตา
อรอุรชาเป็นใครนั้น เธอจะต้องไปถามก่อนถึงจะรู้ พอถึงตอนนั้นค่อยบอกขวัญตาก็ยังไม่สาย
แล้วทั้งสองคนก็พูดเรื่องอย่างอื่นอีกเล็กน้อย บุริศร์ก็กลับมาแล้ว
“ข้างหน้านี้มีร้านสุกี้หม้อไฟอยู่ร้านหนึ่ง ไปกินกันสักหน่อยไหม? อากาศแบบนี้เหมาะที่จะกินสุกี้จะได้อบอุ่นสักหน่อย”
บุริศร์เป็นห่วงร่างกายและการกินของนรมน แต่กลับไม่กล้าพูดให้ชัดเจน จึงได้แต่เอาสภาพอากาศมาอ้าง
แน่นอนว่าขวัญตาฟังออกอยู่แล้ว แต่ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ได้ พอดีเลยฉันไม่ได้กินสุกี้หม้อไฟมานานแล้ว พวกเราไปกินด้วยกันเถอะ”
“ไป!”
ทั้งสามคนเดินมาถึงร้านสุกี้หม้อไปที่อยู่ใกล้ แต่เพราะว่าที่นี่เป็นสนามบิน การค้าขายจะไม่ดีก็ไม่ได้ ในตอนที่พวกบุริศร์มาถึงนั้นห้องส่วนตัวก็ได้หมดไปแล้ว
นรมนจึงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นก็นั่งห้องโถงข้างนอกก็ได้ นาน ๆ ครั้งสัมผัสชีวิตของคนธรรมดาทั่วไปบ้างก็ดีเหมือนกัน”
เมื่อภรรยาก็พูดแบบนี้แล้ว แน่นอนว่าบุริศร์เองก็ต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ขวัญตากลับยิ่งมีนิสัยง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก แล้วก็พยักหน้าตอบตกลงด้วยเลย
คนทั้งหลายมาถึงโต๊ะที่ติดหน้าต่างอยู่แล้วนั่งลง บุริศร์เอาเมนูยื่นให้ขวัญตาและนรมน ให้พวกเธอสั่งอาหาร
ขวัญตายิ้มแล้วพูดกับนรมนว่าขึ้นว่า “คุณมาสั่งเถอะ ฉันเป็นคนที่กินอะไรก็ได้ คุณสั่งก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะไปเข้าห้องน้ำซะหน่อย”
พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้นแล้วไปเลย เพียงแต่ว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเงาที่คุ้นเคยเดินเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้นสอง
ขวัญตาสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเลย