แค้นรักสามีตัวร้าย – ตอนที่ 1095

ตอนที่ 1095

บทที่ 1095 คุณอยากจะเจอเขาเหรอ?
“ไม่รู้ซิ แต่ว่าใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า เผื่อเอาไว้ก่อน”
ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของบุริศร์ และเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้นงลักษณ์ก็ได้สร้างความเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตขนาดนั้นในประเทศFขึ้นมา ใครจะไปรู้ว่าจะทำให้ซวยไปด้วยหรือเปล่า
นรมนรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที
ทั้งสองคนใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
พฤกษ์เคาะประตูจากข้างนอก
“ประธานบุริศร์”
“เข้ามา”
น้ำเสียงของบุริศร์ขรึมต่ำ
พฤกษ์ผลักประตูเข้ามา พอเห็นนรมนและบุริศร์แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ถึงพูดขึ้นว่า “องค์ชายสามของประเทศFกำลังมาทางนี้ครับ เหมือนจะบอกว่าจะมาหาผู้ก่อการจลาจล เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ถึงจะไม่ใช่พื้นที่ของประเทศF แต่ว่าอยู่ในเขตแนวชายแดน ถือได้ว่าเป็นเขตแดนกรณีพิพาท องค์ชายสามจะมาค้นหาคน พวกเราก็ขัดขวางไม่ได้ ความหมายของแดเนียลคือให้มาถามพวกประธานบุริศร์ว่าจะออกไปจากที่นี่ไหมครับ? ถ้าหากว่าจะออกไปจากที่นี่ละก็ เขาจะส่งพวกคุณไปครับ”
ตอนนี้นรมนยังไม่ค่อยอยากจะมีความสัมพันธ์อะไรกับพวกคนของประเทศF พอได้ยินพฤกษ์พูดแบบนี้ ก็รีบพูดขึ้นว่า“พวกเราไปกันเถอะ ในเมื่อที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ของพวกเรา อยู่ที่นี่ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมานิดหน่อยจริง ๆ ก็พูดกันไม่ชัดเจนหรอก”
“ได้”
เมื่อบุริศร์เห็นว่านรมนต้องการจะไป ก็ไม่มีความคิดเห็นอะไรอยู่แล้ว
พฤกษ์รีบลงไปจัดแจงอย่างรวดเร็ว
“วันคริสต์มาสนี้ทำให้คุณฉลองได้ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย”
บุริศร์รู้สึกหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย
ตอนแรกเขากะว่าจะฉลองกันสองคนกับนรมนดี ๆ สักหน่อย แต่ใครจะไปรู้ทุกที่มีแต่เรื่องเต็มไปหมด
นรมนกลับยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่หรอกค่ะ ฉันรู้สึกว่านี่เป็นคริสต์มาสที่มีความสุขที่สุดมาในหลายปีนี้เลย”
“จริงเหรอ? ไม่ได้หรอกผมนะ?”
นัยน์ตาของบุริศร์มีแววซาบซึ้งระยิบระยับอยู่
นรมนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จะน่ารักเกินไปแล้วหรือเปล่า
เมื่อก่อนเขาเอาแต่ทำงาน ยังจะไปคิดถึงเรื่องวันคริสต์มาสแบบนี้ซะที่ไหน? แต่งงานมาแปดปี เป็นครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกรักครั้งแรกและความรู้สึกเหมือนแต่งงานกันใหม่ ๆ เลย
เพราะฉะนั้น หลายครั้งที่เผชิญหน้ากับเรื่องอะไรบ้างก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี อย่างน้อยสามารถทำให้ชีวิตเดินไปตามทางที่ตัวเองต้องการได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?
“จริงค่ะ!”
มือทั้งคู่ของนรมนคล้องคอของบุริศร์เอาไว้ แล้วก็จูบลงบนปากของเขาทีหนึ่ง
บุริศร์รีบกระชับแขนให้แน่นขึ้น แล้วกักขังเธอไว้ในอ้อมกอด แล้วก็พูดขึ้นว่าน้ำเสียงแหบแห้งว่า “เมื่อวานผมถามป้องแล้ว รออีกสองสามวันผมก็สามารถทำได้แล้ว หวังว่าพอถึงตอนนั้นคุณจะยังคงยั่วยวนผมแบบนี้ต่อนะ”
นรมนนิ่งอึ้งไปทันทีเลย
เอ๋?
เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
พอเห็นว่านัยน์ตาของบุริศร์เหมือนกับว่าจะมีเปลวไฟพุ่งขึ้นมา นรมนก็รู้สึกลนลานขึ้นมาทันทีเลย
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันรู้สึกว่าเราสามารถเจรจากันดี ๆ ได้นะคะ”
“อืมฮื้อ”
ปลายเสียงของบุริศร์หลอกล้อขึ้นเล็กน้อย ทำให้นรมนมีความหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย
ที่ข้างนอกมีเสียงของพฤกษ์ดังลอยมาอีกครั้ง
“ประธานบุริศร์ครับ คุณนายครับ องค์ชายสามได้ล้อมรอบเมืองทั้งเมืองไว้แล้วครับ ตอนนี้พวกคุณออกไปไม่ได้แล้วครับ”
ดวงตาของบุริศร์หนักหน่วงขึ้นมาหลายส่วนทันที
องค์ชายสามคนนี้ทำให้คนรังเกียจมากจริง ๆ
นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันจะให้นงลักษณ์ช่วย ขอแค่พวกเราอยากจะออกไป ฉันไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถกักตัวพวกเราไว้ได้จริง ๆ นงลักษณ์ปฏิบัติการมานานหลายปีขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีเส้นทางพิเศษให้พวกเราจากไปได้แน่”
บุริศร์หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คุณติดต่อกับนงลักษณ์แล้วเหรอ?”
“ร่วมงานกันครั้งหนึ่ง ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ที่คลังอาวุธขององค์ชายสามโดนระเบิดก็เพราะว่านงลักษณ์สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยฉันเบี่ยงเบนความสนใจไป เพื่อให้แน่ใจว่าธิดาวีร์จะสามารถไปถึงคุกสากลได้อย่างราบรื่น”
นรมนไม่ได้มีอะไรปิดบังบุริศร์
ถึงแม้ว่าจะเดาออกแล้วว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนงลักษณ์แต่ว่าบุริศร์กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นการร่วมงานที่นรมนเป็นคนเอ่ยออกมา แต่ว่าไม่ว่าภรรยาตัวเองจะทำอะไร ตัวเขาประคองไว้ก็พอแล้ว
“โอเค”
บุริศร์พยักหน้าเล็กน้อย
นรมนโทรศัพท์หานงลักษณ์ขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากที่นงลักษณ์ได้ฟังแล้ว ยังไม่ทันที่นรมนจะได้เปิดปากพูด เธอก็พูดขึ้นว่า “ฉันได้ให้คนไปรับพวกคุณแล้ว วางใจเถอะ ต้องไม่มีอะไรแน่”
“ขอบใจมาก”
หลังจากที่นรมนวางสายลงแล้ว บุริศร์ก็ให้คนของตัวเองสลายตัวไปจากที่นี่ เหลือไว้แต่เพียงพฤกษ์ติดตามพวกเขาอยู่
กิมจิพาคนเก่าของอาณาจักรรัตติกาลที่สหภาพQT นี่เป็นสิ่งที่บุริศร์จัดแจงไว้แล้ว
อยู่ที่นี่พละกำลังของสหภาพQTนั้นยิ่งใหญ่มาก ถึงแม้ว่าองค์ชายสามอยากจะหาเรื่องก็จะต้องคิดดูให้ดีก่อน
หลังจากที่ทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ที่ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังลอยมา
“ประธานบุริศร์ นรมน คุณผู้หญิงให้ฉันมารับพวกคุณ”
คือมิลินนั่นเอง
นรมนเดาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นเธอ แต่ว่าก็ยังถามขึ้นคำหนึ่งว่า
“คุณกลับไปที่เมืองชลธีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เพราะว่าเรื่องของคุณ ฉันต้องนั่งเครื่องบินกลับมาด้วยตัวเอง นี่เป็นความตั้งใจของคุณผู้หญิงค่ะ”
คำพูดของมิลินทำให้นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง
ดูท่ามิลินคนนี้จะเป็นลูกน้องที่นงลักษณ์เชื่อมั่นที่สุดแล้วจริง ๆ ด้วย
เธอและบุริศร์เองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วก็ออกไปจากโรงแรมเลย
มิลินและพวกเขาเพิ่งจะขึ้นรถแล้วออกไป ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาทางโรงแรมเลย
ในช่วงที่สวนทางกันนั้น นรมนเห็นผู้ชายคนที่เป็นผู้นำอยู่ข้างหน้า เหมือนกับว่าจะเคยเห็นที่ไหน โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น เหมือนกับของราเชนยังไงอย่างงั้นเลย
“คนคนนั้นเป็นใครเหรอ?”
นรมนชี้ไปที่ผู้ชายที่ได้เดินเข้าไปในโรงแรมแล้ว
ถ้าหากว่าทายไม่ผิดละก็ ผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นคนที่บุริศร์โยนจากบนเรือลงไปในทะเลคนนั้น
มิลินมองไปทีหนึ่ง หัวคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “นั่นคือองค์ชายสาม”
“เขาเป็นองค์ชายสามของพวกคุณเหรอ?”
นรมนดูแปลกใจเป็นอย่างมาก
บุริศร์กวาดตามองทีหนึ่ง แล้วก็หึเสียงเย็นขึ้นทีหนึ่ง
ถ้ารู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นองค์ชายสามตั้งแต่แรก ตอนแรกก็ไม่ควรจะโยนเขาลงทะเลเลย แต่ควรจะโยนลงไปในโถส้วมซะมากกว่า เขาจะได้ไม่ต้องมาก่อกวนอีก
นรมนเห็นมิลินพยักหน้า ก็รู้สึกหมดคำพูดขึ้นเล็กน้อย
นี่คือการที่สวรรค์จะให้เธอเป็นศัตรูกับองค์ชายสามแล้วจริง ๆ เหรอ?
เธอส่ายหัวเล็กน้อย จากนั้นก็พิงอยู่กับอกของบุริศร์
และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บนถนนมีคนเฝ้าตรวจตราอยู่มากมาย แต่ว่ามิลินกลับเหมือนอย่างกับว่ามาในดินแดนที่ไม่มีผู้คน ไม่มีใครกล้ารั้งรถของเขาไว้สักคน
นรมนดูไม่ออกจริง ๆ ว่ารถคันนี้มีตรงไหนที่แตกต่างจากคนอื่น
เธอหันหน้าไปมองมิลินแล้วถามขึ้นว่า “ทำไมพวกเขาถึงได้รั้งรถของคุณเลยล่ะ?”
“เพราะว่ารถของฉันเป็นรถในวัง เป็นรถส่วนตัวของประธานาธิบดี”
พอคำพูดแบบนี้ของมิลินพูดออกมา ก็ทำให้นรมนและบุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่งทันที
รถส่วนตัวของประธานาธิบดีเหรอ?
มิลินขับอย่างโอ้อวดไปทั่วท้องถนนแบบนี้ งั้นระหว่างเธอกับประธานาธิบดีต้องมีความสัมพันธ์กันยังไงนะ?
เหมือนกับว่าจะรู้สึกถึงความคิดของนรมน มิลินก็พูดขึ้นเสียงเรียบว่า “อย่าคิดไปเรื่อย ฉันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับประธานาธิบดี เพียงแต่แค่รู้วิธีการรักษานิดหน่อย ประธานาธิบดีก็เลยเห็นค่าหน่อยเท่านั้น พอท่านให้ฉันออกมารับคน ฉันก็เลยลวดมารับพวกคุณด้วย พอส่งพวกคุณไปถึงที่ปลอดภัยแล้วฉันก็จะไปรับคนที่ประธานาธิบดีบอกให้ไปรับ นี่ก็ไม่ขัดแย้งกันสักหน่อย”
ถึงแม้ว่ามิลินจะอธิบายไปแบบนี้ แต่ว่านรมนรู้ ถ้าไม่ใช่การวางแผนไว้ของนงลักษณ์ ก็คงจะมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะไม่มีเรื่องที่มิลินออกมารับคนนี้หรอก
นงลักษณ์แกล้งตายมานานหลายปีขนาดนี้ และมิลินก็ไม่ได้เปิดเผยออกมาตลอด แล้วยังสามารถได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีอย่างมากด้วย
นรมนจะไม่ชื่นชมการวางแผนของนงลักษณ์และความหนักแน่นของมิลินไม่ได้เลย
บุริศร์กลับไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แค่มองมิลินเล็กน้อยแล้วก็หันหน้าไป
ข้างนอกยังคงชุลมุนวุ่นวาย
มิลินขับรถผ่านเส้นกั้นเขตไป แล้วก็มาถึงเขตชายแดนของประเทศF
ไม่ว่ายังไงนรมนก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะมาถึงประเทศFได้เร็วขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าแผนการเร็วสู้การเปลี่ยนแปลงไม่ได้
การเฝ้ายามของประเทศFเคร่งครัดเป็นอย่างมาก
นรมนจ้องมองสไตล์สถาปัตยกรรมที่กึ่งทันสมัยและกึ่งย้อนยุค แล้วก็รู้สึกว่ามีความสวยงามเป็นอย่างมาก
บุริศร์ชี้ไปที่หอระฆังที่อยู่ไม่ไกลนักแล้วพูดขึ้นว่า “หอระฆังนั่นน่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับมาตรฐานเลยนะ ดูจากภายนอกน่าจะพอมีอายุบ้างแล้วนะ”
พอมิลินได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้แล้ว ก็รีบพูดขึ้นว่า “หอระฆังนี่น่าจะมีประวัติศาสตร์ประมาณสองร้อยปีมาแล้ว”
“เก่าขนาดนี้เลยเหรอ? นี่ดูไม่ออกจริง ๆ เลยนะ”
นรมนและบุริศร์ทั้งสองคนต่างก็ไม่เหมือนกับว่ากำลังหนีภัยอยู่ กลับเหมือนกับว่าออกมาท่องเที่ยว
มิลินจะไม่ชื่นชมความหนักแน่นของพวกเขาไม่ได้
รถขับมาเข้าไปในศาลากลาง
มิลินพาพวกเขาเข้าไปในบ้านของนายกเทศมนตรี
นายกเทศมนตรีเป็นตาแก่ที่อายุประมาณห้าปีกว่าปี ในตอนที่เห็นมิลินพานรมนมานั้นก็รีบเดินออกมา
“คุณหมอมิลิน พวกคุณมาแล้วเหรอ?”
“อืม แขกพิเศษของคุณผู้หญิง ต้อนรับดี ๆ หน่อย”
คำพูดของมิลินทำให้นรมนเข้าใจขึ้นมาทันทีว่า นายกเทศมนตรีคนนี้เป็นคนของนงลักษณ์
นงลักษณ์แกล้งตายมาเป็นสิบปี คาดว่าอำนาจน่าจะแทรกซึมเข้าไปในทุกแห่งหนแล้ว ที่นี่ปรากฏนายกเทศมนตรีออกมาคนหนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
นายกเทศมนตรีเห็นบุคลิกท่าทางของบุริศร์และนรมนนั้นไม่ใช่คนทั่วไป ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เรียกผมว่าก้องภพก็พอแล้ว แขกทางไกล เชิญเข้ามาเถอะครับ”
บุริศร์เองก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากที่พยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปพร้อมกับนรมน
ก้องภพจัดแจงห้องพักแขกให้กับพวกเขา แล้วก็พูดกับพ่อบ้านว่าจะต้องทำตามความต้องการของพวกบุริศร์ทุกอย่าง
นรมนรู้สึกว่าตัวเองเป็นแขกผู้มีเกียรติแล้วจริง ๆ
มิลินไม่ได้อยู่ต่อ หลังจากที่ส่งพวกเขาเสร็จแล้วก็จากไปเลย
ข้างนอกยังคงชุลมุนวุ่นวายตามจับคนอยู่
นรมนจ้องมองดูข้างนอก แล้วถามเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณว่าราเชนจะรู้หรือเปล่าคะว่าพวกเรามาถึงที่นี่แล้ว?”
“ไม่แน่ใจ คุณอยากจะเจอเขาหรือ?”
บุริศร์มองนรมนทีหนึ่ง ความคิดไม่ชัดเจน
นรมนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ยังไม่เจอก่อนดีกว่า ที่จริงพูดตามจริงแล้ว ฉันไม่ค่อยชอบประเทศFซะเท่าไหร่ แค่คิดถึงว่าพวกกล้าณรงค์และเนตราเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ฉันก็รู้สึกไม่ดีทั้งตัวแล้ว”
“ใช่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะสามารถมีโอกาสพบเจอกล้าณรงค์นั้นไหม”
บุริศร์จ้องมองไปที่ข้างนอก แล้วเปิดปากพูดขึ้นเรียบ ๆ
นรมนนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
“ถ้าเกิดเจอกันเข้าละคะ?”
“ฆ่า!”
คำพูดประโยคนี้ของบุริศร์ พูดออกมาได้อย่างมีแรงอาฆาตเต็มเปี่ยม
นรมนไม่ได้มีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว
มีคนบางส่วนก็น่าสงสารจริง ๆ แต่บางคนก็ไม่จำเป็น
พ่อบ้านนำอาหารและเครื่องดื่มมาให้พวกเขา จากนั้นก็ถอยออกไป ไม่มีการสอดรู้สอดเห็นความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเลยสักนิด
นรมนและบุริศร์ผ่อนคลายและอาบน้ำอย่างหาได้ยาก ในช่วงเวลาที่พิเศษอย่างนี้บุริศร์ก็ทำอะไรกับนรมนไม่ค่อยจะได้
ทั้งสองคนนั่งพิงอยู่บนโซฟาและดูทีวีไป
ข่าวของประเทศFรายงานสภาพพังพินาศของคลังอาวุธที่โดนระเบิดอยู่ไม่ขาด กองกำลังทหารมากมายรีบรุดหน้าไปที่ที่เกิดเหตุ
นรมนพบเห็นเงาของราเชนด้วยสายตาที่แหลมคม
เขาแฝงตัวอยู่ในฝูงชน ใส่หมวกแก๊ปไว้ ในดวงตามีแววเคร่งขรึมและโหดเหี้ยมกว่าตอนอยู่ที่เมืองBขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
นรมนขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
ราเชนที่เป็นแบบนี้ ทั้งตัวมีแต่ความเยือกเย็น เหมือนกับว่าได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
เธอยังจำได้ตอนที่เจอเขาอยู่ที่เมืองBนั้น ยังมีท่าทางที่เป็นคุณชายหล่อเหลามีอิสรเสรีอยู่เลย แต่ตอนนี้ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?
บุริศร์เองก็เห็นราเชน แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “การตายของซินดี้ได้นำพาความดีงามเสี้ยวสุดท้ายของเขาไปแล้ว บางทีราเชนอาจจะไม่เคยคิดที่จะแย่งชิงอำนาจมาก่อนเลย แต่น่าเสียดาย เกิดมาในครอบครัวแบบนี้ ถ้าไม่แย่งก็มีแต่ตาย ผมได้ยินมาว่าซินดี้ต้องตายแทนราเชน ตอนแรกคนที่แพรวาจะจับตัวคือราเชน แต่เป็นเพราะว่าซินดี้วางยาเขาให้สลบ แล้วตัวเองก็ไปตามนัดแทนถึงได้เกิดพลาดตายไป”
พอได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ จิตใจของนรมนก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท