คำพูดของขวัญตาเพิ่งพูดจบลง สีหน้าของเทย่าก็เปลี่ยนไปทันทีเลย
“นี่แกจะฆ่าฉันเหรอ? แกมันไอ้ลูกเนรคุณ! ฉันอุ้มท้องสิบเดือนคลอดแกออกมา แต่แกกลับจะฆ่าแม่เหรอ? แกมันไอ้สารเลว!”
เทย่าโกรธจนยกมือขึ้นสะบัดตบไปที่เจตต์อีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เธอกลับไม่ได้สมปรารถนา เพราะโดนขวัญตาคว้าแขนไว้ทันที และก็สะบัดเธอจนล้มไปอีกข้างอย่างแรง
“เจตต์ของเราได้เมตตาคุณมากแล้ว คุณคิดว่าทำเรื่องอย่างนั้นกับนรมนแล้ว บุริศร์จะปล่อยคุณไปงั้นเหรอ? ถ้าหากว่าคุณตกไปอยู่ในมือบุริศร์ คุณก็จะต้องอนาถกว่านี้เป็นร้อยเท่าแน่นอน ทางเดินนี้คุณเป็นคนเลือกเดินมาเอง คือตัวคุณเองที่เลือกที่จะเดินทางตายเส้นนี้มาตั้งแต่แรก เจตต์ก็แค่อยากจะให้คุณได้ตายดีหน่อยเท่านั้น นี่ถือว่าเป็นความกตัญญูที่สุดแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก?”
คำพูดของขวัญตานี้ทำให้เทย่าหัวเราะออกมา
“กตัญญูเหรอ? ฉันว่าสุนัขจิ้งจอกอย่างเธอเป็นคนชักจูงให้เขามาฆ่าฉันซะมากกว่า แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร ถึงได้รีบมาแต่งงานกับลูกชายฉัน ใครจะไปรู้ว่าโดนคนอื่นนอนพอมาแล้วหรือเปล่าถึงได้รีบมาหาคนรับช่วง……”
คำพูดของเทย่ายังพูดไม่จบก็โดนเจตต์เดินหน้าไปก้าวหนึ่งแล้วอุดปากไว้
“แก……”
เทย่ายังอยากจะขัดขืน แต่เจตต์ก็ล็อกแขนของเธอไว้ก่อน
ในแววตาของเขามีแววเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่งพาดผ่าน
“แม่ ทางผิดของแม่ยิ่งเดินก็จะยิ่งไปไกลแล้ว ถ้าหากแม่แค่หลอกใช้ผมกับพ่อในตอนแรก นอกจากเสียใจแล้วผมก็พูดอะไรไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้แม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง แม่หนีไม่รอดแล้ว?”
“แกพูดไปเรื่อย!”
อยู่ ๆ เทย่าก็พูดไม่ออก แต่ว่าความหมายที่สื่อออกมาในดวงตานั้นเจตต์ก็ยังสามารถที่จะอ่านออกได้อยู่
เขายิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดขึ้นว่า “รู้ไหมครับ? เพราะความเมตตาของผมครั้งเดียว ทำให้แม่มีโอกาสใช้อรอุรชาและตุลยามาทำร้ายนรมนจนเกือบตาย ผมก็รู้แล้วว่าผมทำได้ผิดไป ลูกชายไม่เอาไหน ไม่อยากจะให้แม่ต้องตกไปอยู่ในมือของบุริศร์แล้วโดนทรมานจนค่อย ๆ ตายไป ก็เลยต้องให้แม่ได้จบลงเร็ว ๆ แม่วางใจเถอะ ยาอันนี้แรงมาก แม่จะเจ็บปวดไม่นานแล้วมันก็จะผ่านไป ลูกชายจะจัดการศพให้แม่แน่นอน แม่คลอดลูกชายมาครั้งหนึ่ง ลูกชายก็จะส่งแม่ครั้งหนึ่ง เราสองคนแม่ลูกถือได้ว่าเจ๊ากันไป ชาติหน้าอย่าได้มาเจอกันอีกเลย”
พอเจตต์พูดจบ อยู่ ๆ ดวงตาก็ร้อนขึ้นมา น้ำตาที่อุ่นร้อนก็ไหลลงมาตามหางตา
เทย่ายังอยากจะพูด แต่กลับรู้สึกเจ็บปวดใจมากขึ้นมาตรงหน้าอก เธอตะเกียกตะกายขึ้นมา ร้องขอความช่วยเหลือ ในดวงตามีแววหวาดกลัวและสิ้นหวังเกิดขึ้นมาครั้งแรก แต่ว่ามือของเจตต์กลับไม่ได้คลายออกเลย
ตัวเธอกระตุกไปทั้งตัว แล้วก็ล้มลงไปบนพื้น
เธอจับคอเสื้อของตัวเองไว้ ยื่นมือไปอยากจะล้วงอะไรออกมาจากคอสักหน่อย แต่ว่าทุกอย่างก็สูญเปล่า
เจตต์จ้องมองท่าทางที่เจ็บปวดอย่างน่าอนาถของเทย่าไป แต่ในที่สุดก็เบือนหน้าหนีไป น้ำตาร่วงหล่นไปอย่างไม่มีสุ้มเสียง
ขวัญตารู้สึกปวดใจแทบตาย เธอกอดเจตต์ไว้แน่น แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เสียใจก็ร้องไห้ออกมาเถอะ ไม่มีใครหัวเราะเยาะคุณหรอก ร้องไห้ไปครั้งนี้ ต่อไปก็จะไม่มีความเจ็บปวดอีก ฉันรับรองว่าต่อไปฉันจะดีกับคุณให้มาก ๆ ชาตินี้จะไม่จากคุณไปไหนเลย”
ครั้งนี้เจตต์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แค่กอดขวัญตาไว้แน่น กอดเธอไว้แน่น ๆ……
ในตอนที่คนของบุริศร์ไปถึงจุดที่พักของเทย่านั้น คนของเธอโดนควบคุมตัวไว้ทั้งหมด แต่กลับไม่เห็นเทย่า
ชัยยศเอาเรื่องนี้ไปรายงานกับบุริศร์
บุริศร์จ้องมองนรมนที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ แล้วให้รมิดาและป้าหวานดูแลเธอไปก่อน แล้วตัวเองก็ขับรถมาถึงจุดที่พักของเทย่า
อยู่ภายใต้การลงโทษของบุริศร์ ในที่สุดก็มีคนยอมคลายออกจากปากแล้วว่าเท่ย่าไปหาเจตต์
ตามที่อยู่ที่พวกเขาให้มา บุริศร์ก็มาถึงที่โรงแรม
ในตอนที่เขาเคาะประตูห้องของเจตต์นั้น คนที่มาเปิดประตูคือขวัญตา
สำหรับการมาถึงของบุริศร์นั้น เธอไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
“ประธานบุริศร์ เข้ามาเถอะค่ะ”
บุริศร์ข่มอารมณ์ให้ต่ำลงเป็นอย่างมาก ทั้งตัวแผ่ซ่านไปด้วยรังสีทำลายล้างอยู่
เขาเดินเข้าไป ก็เห็นเจตต์นั่งอยู่บนเก้าอี้ เทย่านอนอยู่บนเตียง เหมือนกับว่านอนหลับอยู่
ไฟโกรธของบุริศร์ก็พุ่งสูงขึ้นมาทันที
“เจตต์ คุณคิดจะเป็นศัตรูกับผมเหรอ?”
น้ำเสียงของบุริศร์ดังลอดไรฟันออกมา
เจตต์เป็นคนที่นรมนหว่งใยมากที่สุด ถ้าหากว่าเปลี่ยนไปยืนฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาจริง ๆ บุริศร์ก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่นรมนรู้แล้วจะเสียใจหรือเปล่า
ขวัญตาเห็นท่าทีผู้ชายทั้งสองคนเหมือนกับว่าแค่จุดก็ติดไป ก็รีบพูดขึ้นว่า “ประธานบุริศร์ เทย่าตายแล้วค่ะ อยู่ ๆ ก็กล้ามเนื้อหัวใจตาย เพิ่งตายไปเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ”
บุริศร์นิ่งอึ้งไปทันทีเลย
ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้?
ท่าทีของเจตต์ดูโศกเศร้าเป็นอย่างมาก เขาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณสามารถหาคนมาตรวจสอบได้ ฤทธิ์ยาแรงมาก เธอเจ็บปวดอยู่สิบกว่านาทีถึงได้จากไป ตอนนี้ร่างกายยังอุ่นอยู่เลย”
บุริศร์ได้ยินคำว่าฤทธิ์ยาอย่างความรู้สึกไว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา มีการคาดเดาบางอย่างกำลังแผ่ซ่านขึ้นมาในใจเขา
“คุณทำอะไรเธอ?”
ขวัญตาเล่าเรื่องทั้งหมดไปรอบหนึ่ง
สายตาที่บุริศร์จ้องมองเจตต์มีความซับซ้อนขึ้นเล็กน้อย
ถ้าพูดตามหลักแล้ว เพื่อนรมนแล้วเจตต์ยื่นมือออกมาช่วยจัดการเทย่าให้ เขาควรจะดีใจต่างหาก แต่ว่าพอคิดถึงว่าทุกอย่างนี้เพื่อภรรยาของตัวเอง ในใจก็อยู่ไม่สุขเป็นอย่างมาก
ผู้หญิงของเขา จะแก้แค้นก็ควรจะเป็นเขาที่ลงมือเองซิ?
แต่ว่าบุริศร์ก็เหมือนกับว่าพอจะเข้าใจความในใจของเจตต์
ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่คลอดและเลี้ยงดูเขามา ถ้าเทย่ามาตกอยู่ในมือของบุริศร์ ไม่แน่คงจะไม่ได้ดีไปกว่าตุลยาซะเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าในใจจะยังโกรธอยู่ และรู้สึกว่านรมนต้องมาลำบากมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้เทย่ากลับตายไปอย่างง่ายดายแบบนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกไม่สมดุลเลย แต่ว่าเพื่อเห็นแก่หน้าเจตต์และขวัญตาแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าช่างมันเถอะ
บุริศร์มาอย่างโกรธจัด แล้วก็กลับไปอย่างรู้สึกพ่ายแพ้เล็กน้อย
ในตอนที่เขากลับมาถึงบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็กนั้น นรมนก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว และกำลังกินอาหารอยู่ พอเห็นว่าบุริศร์กลับมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “คุณไปทำอะไรที่บริษัทมาคะ?”
ในน้ำเสียงของเธอแฝงไว้ด้วยความน้อยใจเสี้ยวหนึ่งอย่างไม่รู้ตัว
ใจของบุริศร์ก็เจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวขึ้นมา
“จัดการเรื่องอะไรนิดหน่อย”
เขาคิดว่าอยากจะเล่าเรื่องของเทย่าให้นรมนฟัง แต่พอคิดไปคิดมาก็ช่างมันไปดีกว่า
ในเมื่อเจตต์เป็นพี่ชายของนรมน ถ้าเธอรู้ว่าเพื่อเธอแล้วเจตต์จะต้องมาแปดเปื้อนกับการตายแม่ของตัวเอง ไม่แน่อาจจะทั้งเสียใจและรู้สึกผิดไปด้วยแน่
เพื่อไม่ให้นรมนเสียใจและรู้สึกผิด บุริศร์จึงตัดสินใจว่าจะปิดบังไว้
นรมนไม่ได้สงสัยอะไรเขา แล้วก็พูดขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อนเล็กน้อยว่า “แปลกจังเลย ไหนว่าหายแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำฉันยังรู้สึกง่วงนอนมากอยู่เลย”
“งั้นก็นอนเถอะ ในเมื่อใกล้ตรุษจีนแล้ว จะพักผ่อนให้ดี ๆ สักหน่อยก็ได้อยู่”
บุริศร์กุมมือนรมนไว้อย่างรักใคร่เอ็นดู
นรมนจ้องมองดูบุริศร์ที่อยู่ตรงหน้า แล้วรู้สึกว่าสามารถเห็นหน้าเขาได้อีกครั้ง มันดีจังเลย
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินชื่อหนอนพิษแบบนี้ คิดมาตลอดว่าของแบบนี้มีแต่ในเทพนิยายเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะได้สัมผัสอย่างแท้จริงครั้งหนึ่งแบบนี้
ความกลัวแบบนั้นทำให้เธอไม่กล้าที่จะนอนหลับ
“คุณนอนเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้”
บุริศร์ถอดเสื้อนอกออก และถอดรองเท้าแล้วขึ้นเตียง จากนั้นก็รวบตัวนรมนมากอดไว้ในอ้อมกอด
สามารถกอดนรมนไว้ได้อย่างสมจริงขนาดนี้ บุริศร์รู้สึกว่านี่มันเป็นพรจากฟ้าประทานมาให้ชัด ๆ
หลายวันมานี้บุริศร์เองก็เหนื่อยมาก ๆ เขากอดนรมนไว้แล้วก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
นรมนจ้องมองใบหน้าที่หลับปุ๋ยของเขา ในใจก็รู้สึกอิ่มเอมมาก เธอหาท่วงท่าที่สบายได้ท่าหนึ่งแล้วก็นอนหลับสนิทไปในอ้อมอกของบุริศร์
ส่วนทางด้านเจตต์นั้นก็ไม่ได้ทำการใหญ่โต และไม่ได้บอกใคร เขาและขวัญตาสองคนเอาร่างของเทย่าไปเผาที่เตาเผาศพโดยตรงเลย
หลังจากที่เผาร่างของเทย่าไปอย่างเรียบง่ายแล้ว พวกเขาก็ซื้อหีบใส่กระดูก แล้วก็เอาอัฐิของเทย่าไปที่สุสานที่เคยซื้อไว้ก่อนหน้านี้ แล้วก็ฝังเทย่าให้เรียบร้อย
ขวัญตาเห็นเจตต์ตระเตรียมทุอย่างไว้อย่างพร้อมเพรียงมาก ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “คุณซื้อสุสานไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“ตั้งแต่ตอนที่แม่ผมโดนตรวจสอบออกมาว่ามีปัญหา”
น้ำเสียงของเจตต์ไม่ได้ฟังดูดีนัก
ขวัญตารู้สึกตกใจเล็กน้อย
ในเวลานั้นเจตต์ยังไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวเลย ก็คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าเทย่าจะไม่ได้ตายดีแล้วเหรอ?
เธอรักใครเอ็นดูเจตต์ อยากจะปลอบโยนเขาสักหน่อย แต่ก็ได้ยินเจตต์พูดขึ้นว่า “ผมไม่เป็นไรแล้ว ความเศร้าเสียใจทั้งหมดมันเสียใจไปหมดแล้วตั้งแต่ที่เธอทิ้งผมไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ที่ผมเสียใจก็เพราะว่า ความสัมพันธ์แม่ลูกในที่สุดก็มาถึงทางตันแล้ว และรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย ถ้าหากว่าผมไม่เมตตาเธอครั้งแล้วครั้งเล่า นรมนก็คงจะไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานในครั้งนี้”
“คุณอย่าว่าตัวเองแบบนี้ซิ คุณเองก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะไปร่วมมือกับกล้าณรงค์ใช่ไหม?”
พอขวัญตาเห็นเจตต์เสียใจ หัวใจก็เจ็บจี๊ดจนแทบทนไม่ไหว
เจตต์รวบตัวเธอมากอดไว้ในอก แล้วก็ไม่พูดอะไร แต่ว่าความอ่อนแอในตัวเขาก็ทำให้ความห่วงใยของเพศแม่ของขวัญตาแผ่ซ่านออกมา
ในตอนที่โตษินเอาเรื่องทั้งหมดนี้ไปบอกกับคุณท่านตนุวรนั้น คุณท่านตนุวรก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วงทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า“ต้องลำบากเจ้าเด็กเจตต์คนนี้แล้ว”
“นายท่านครับ คุณชายเจตต์เป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรคนหนึ่ง”
สำหรับการกระทำของเจตต์ โตษินเองก็ชื่นชมเป็นอย่างมาก
คุณท่านตนุวรพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เอาของที่คุณนายหญิงเหลือทิ้งไว้มอบให้กับเจตต์ไป บอกเขาว่านี่เป็นของที่ยายเขาเหลือไว้ให้เขา แล้วก็ถือว่าเป็นของที่ระลึกและปลอบโยนให้เจ้าเด็กนั่นก็แล้วกัน แล้วในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดคำพูดของฉันไปด้วยว่า เจตต์เป็นหลานชายของตระกูลพรโสภณ เรื่องแต่งงานระหว่างตระกูลรัตติกรวรกุลและตระกูลปวนะฤทธิ์ ตระกูลพรโสภณจะยุ่งด้วยแน่นอน”
“ครับ”
โตษินรู้ว่า นี่คือการที่คุณท่านตนุวรยอมรับเจตต์เป็นหลานชายแล้ว
เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ถึงได้พูดขึ้นอย่างยากลำบากว่า “นายท่านครับ ตุลยาตายไปแล้วครับ”
คุณท่านตนุวรเงียบขรึมไป
โตษินรู้ดีว่าคุณท่านตนุวรเป็นคนยังไง แล้วก็กลัวเขาจะโกรธและโทษบุริศร์ จึงรีบพูดขึ้นว่า “ตุลยาเป็นคนรนหาที่ตายเอง เธอใส่หนอนพิษกับคุณหนูนรมน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณชายน้อยกิจจาพบเห็นเรื่องนี้จากหนังสือคัมภีร์โบราณเล่มหนึ่งเข้า ตอนนี้คุณหนูนรมนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ครับ”
คุณท่านตนุวรถอนหายใจอย่างหนักหน่วงขึ้นทีหนึ่งแล้วพูดว่า “คนชั่วมักจะปรากฏตัวมาอย่างชั่วร้ายในสายตาคุณอย่างที่คุณคาดคิดไม่ถึง แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้บนตัวฉันก็ไม่มียศอะไรแล้ว บุริศร์อยากจะทำยังไงก็ให้เขาทำอย่างนั้นไปเถอะ แค่น่าเสียดายที่คิมต้องลำบากคลอดเธอออกมาครั้งหนึ่ง แต่กลับไม่เดินบนทางที่ถูกที่ควร”
พอเห็นว่าคุณท่านตนุวรไม่ได้โกรธ โตษินถึงได้โล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ทางเดินของคนทุกคนต่างก็เพราะตัวเองเดินออกมาทั้งนั้น นายท่าน ก็อย่าเศร้าเสียใจมากไปเลย”
“อืม เตรียมของขวัญสักหน่อย พรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมนรมนสักหน่อย”
“ได้ครับ”
แล้วโตษินก็ถอยออกไป
ไม่มีใครรู้ว่าคุณท่านตนุวรเฝ้าจับตามองตระกูลโตเล็กและตระกูลรัตติกรวรกุลมาตลอด ตอนนี้เรื่องราวก็ได้แก้ไขไปชั่วคราวแล้ว โตษินก็รู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกเรื่องพวกนี้กับบุริศร์แล้ว
การนอนตื่นนี้ของบุริศร์ นอนได้หลับสนิทเป็นอย่างมาก ในตอนที่แสงอรุณในเช้าวันรุ่งขึ้นส่องเข้ามานั้น เขาก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
ใบหน้างดงามของนรมนที่นอนสบายอยู่ในอ้อมอกของตัวเองราวกับเป็นภาพวาดที่สาวงาม บุริศร์จ้องมองจนเหมือนกับหลงเล็กน้อย
เขายื่นนิ้วมือออกไปแล้วแตะใบหน้าของนรมนเบา ๆ แล้วอยู่ ๆ ใบหน้าก็ชิดเข้าไปใกล้ จากนั้นก็ค่อย ๆ ก้มหัวลงไป
แล้วก็เวลานั้นเอง อยู่ ๆ นรมนก็ลืมตาขึ้นมา จนทำให้บุริศร์ตกใจจนสะดุ้ง วินาทีต่อมา นรมนก็ยื่นมือออกไปดึงใบหน้าของบุริศร์ลงมา เรียวปากที่อุ่นร้อนก็โดนปิดลงในชั่ววินาที