“มีอะไรเหรอ?”
บุริศร์เห็นว่าสีหน้าของนรมนดูไม่ปกตินัก จึงรีบลุกขึ้นมาแล้วเดินไปทางนั้น
นรมนนั่งเหม่ออยู่ตลอด
บุริศร์เดินมาเห็นว่าในถุงนั้นเต็มไปด้วยเลือดและกลิ่นคาวสัตว์ป่าคละคลุ้ง
มีไก่ป่า กระต่ายป่าอะไรพวกนั้น แต่ว่าทุกอย่างต่างก็เลือดสาดกระเซ็น บางตัวยังชักแหง็ก ๆ และขยับเขยื้อนอยู่ ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
ภาพแบบนี้ค่อนข้างที่จะสะเทือนใจคน ถ้าหากเป็นคนที่ขวัญอ่อน คาดว่าน่าจะตกใจจนร้องไห้ออกมาแล้ว ถึงแม้ว่านรมนจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ว่าก็พยายามอดกลั้นความสะอิดสะเอียนและอยากจะอวกอยู่ตลอด จนรู้สึกไม่ค่อยสบายนัก
“นี่คือของขวัญปีใหม่จากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาเหรอ?”
สีหน้าของคุณท่านตนุวรดูไม่ค่อยดีนัก แล้วก็จะให้โตษินโทรศัพท์หาธรรศเลย แต่กลับโดนนรมนห้ามไว้ซะก่อน
“คุณตาคะ โทรศัพท์สายนี้หนูเป็นคนโทรเองดีกว่าค่ะ”
สีหน้าของนรมนแฝงไว้ด้วยความขอร้องเสี้ยวหนึ่ง ไม่ว่ายังไงคุณท่านตนุวรก็ตัดใจปฏิเสธไม่ได้ เขาถอนหายใจทีหนึ่งแล้วก็หันหน้าไป แต่ว่าสีหน้ากลับไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่
เขาจะดูก่อนว่าทางตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะว่ายังไง ถ้าพูดไม่ดี เขาจะไม่มีทางปล่อยเจ้าเด็กสองคนนั้นไปแน่
ร่างกายของนรมนยังคงสั่นเทาอยู่บ้าง บุริศร์พูดขึ้นอย่างเป็นห่วงบ้างว่า “หรือไม่ผมเป็นคนโทรเองดีกว่า? คุณวางใจเถอะ ผมจะคิดก่อนพูดแน่ ๆ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ที่คุณอาส่งของขวัญปีใหม่มาให้ฉันก็ถือได้ว่าเป็นความรักและเป็นห่วงในตัวฉันแล้ว ฉันในฐานะที่เป็นรุ่นเด็กกว่าก็ควรจะโทรไปพูดขอบคุณสักหน่อยซิ”
นรมนพยายามให้อารมณ์ของตัวเองสงบนิ่งลงมา จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรไปหาธรณี
ตอนนี้ไม่รู้ว่าธรรศจะยุ่งอยู่ในกรมทหารหรือเปล่า ยังไงธรณีก็อิสระและผ่อนคลายกว่าหน่อยหนึ่ง
ธรณีมองเห็นสายของนรมนโทรเข้ามา ทั้งตัวก็อึ้งไปเลย พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อครั้งที่รวมญาติกันนั้น ก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง จึงอดไม่ได้ที่น้ำเสียงจะอ่อนลงมาเล็กน้อย
“นรมน โทรศัพท์หาฉันในเวลาแบบนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
นรมนยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณอาเล็ก เมื่อกี้หนูได้รับของขวัญปีใหม่จากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา หลากหลายอย่างมากเลยนะคะ พวกไก่ป่ากระต่ายป่าพวกนั้นยังตายไม่สนิท เลือดสด ๆ ยังพุ่งไหลออกมาอยู่เลยค่ะ ได้ยินมาว่าต้มนึ่งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นจะสดมากกว่า ขอบคุณอาเล็กที่ยังจำได้ว่าต้องเพิ่มสัตว์ป่ามาให้หนูด้วย”
ธรณีอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็พูดขึ้นโดยสัญชาตญาณว่า “ไก่ป่ากระต่ายป่าอะไร? ฉันไม่เคยส่งของแบบนี้ไปเลยนะ! ฉันแค่ซื้อของบำรุงนิดหน่อยแล้วก็ให้คนส่งไปให้เธอนะ”
“ไม่ใช่อาเล็กเป็นคนส่งเหรอคะ? งั้นจะเป็นไปได้ไหมคะว่าจะเป็นอาสามส่งมา?”
น้ำเสียงของนรมนเพิ่งจบลง ธรณีก็พูดขึ้นโดยตรงเลยว่า “เป็นไปไม่ได้ อาสามของเธอออกไปปฏิบัติภารกิจต่างพื้นที่ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”
พอคำพูดนี้พูดออกมา ใจของนรมนก็กระตุกขึ้นทีหนึ่ง แต่ว่าก็ยังยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “งั้นอาจจะเป็นของป่าที่คนอื่นส่งมา แล้วก็มาปนรวมกันกับของอาเล็ก ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูค่อยลองถามดูอีกที”
“ได้ ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรจะต้องโทรศัพท์หาฉันด้วยนะ”
ธรณีรู้สึกไม่ค่อยวางใจนัก
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ อาเล็กไปทำงานต่อเถอะค่ะ”
พูดจบนรมนก็วางสายไปเลย
บุริศร์อยู่ข้างกายเธอ แน่นอนว่าได้ยินชัดเจนอยู่แล้ว หัวคิ้วก็ขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
คุณท่านตนุวรเห็นท่าทีแบบนี้ของนรมน ก็รีบถามขึ้นว่า “ใช่เจ้าเด็กตระกูลทวีทรัพย์ธาดาสองคนนั้นส่งมาหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่ค่ะ”
นรมนบอกเล่าคำพูดของธรณีออกมาอีกรอบหนึ่ง ในห้องรับเขาก็เงียบขรึมลงทันที
กล้าอ้างชื่อของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาส่งของมาให้ตัวเอง ของที่ส่งมายังเป็นแบบนี้อีก ข้างในนี้ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ไม่ใช่เรื่องดี
“ผมว่าบอกกับอาเล็กคำหนึ่ง ให้เขาช่วยเช็กให้หน่อยว่าคนมาส่งของนั้นมันเรื่องอะไร แล้วทางเราก็เอาของป่านี้โยนทิ้งไปเถอะ ของที่ใครก็ไม่รู้ส่งมา อย่ากินจะดีกว่า”
บุริศร์เสนอความคิดเห็น
เรื่องที่นรมนโดนหนอนพิษยังทำให้เขามีความกังวลอยู่ในจิตใจ ตอนนี้ก็รับเรื่องราวแบบนี้ไม่ไหวอีกแล้ว
คุณท่านตนุวรก็แสดงท่าทีว่าเห็นด้วย
นรมนเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนมีความคิดเห็นเหมือนกัน ก็เลยให้คนเอาสัตว์ป่านั่นไปทิ้งซะ
ทางด้านธรณีพอได้รับข่าวแล้ว ก็เริ่มตรวจเช็กคนที่ไปส่งของให้นรมน แต่น่าเสียดายระหว่างทางที่คนคนนั้นกลับมาได้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ตอนที่ไปตรวจสอบนั้นตัวยังไม่ฟื้นเลย
ข่าวนี้ทำให้นรมนรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้าง
เรื่องนี้ทำไมดูแล้วไม่เหมือนกับว่าจะเป็นอุบัติเหตุง่าย ๆ และที่สำคัญของป่าพวกนั้นก็ทำให้คนรู้สึกไม่ดีจริง ๆ เลย
ธรณีสาบานว่าจะตรวจสอบให้ถึงที่สุด บุริศร์และคุณท่านตนุวรก็ไม่ได้โต้แย้ง
คุณท่านตนุวรขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “หรือไม่ย้ายไปพักที่บ้านฉันดีกว่า คนเยอะก็ทำให้ลงมือยาก นรมนในตอนนี้ทำให้ฉันเป็นกังวลเป็นอย่างมาก และอีกอย่างก็ใกล้จะตรุษจีนแล้ว เจตต์ก็ใกล้จะแต่งงานแล้ว ไปพักกับฉันพวกเธอก็ช่วยเสนอความคิดได้ง่ายด้วยใช่ไหม?”
ถ้าหากว่าไม่มีเรื่องส่งของขวัญเกิดขึ้น นรมนนั้นไม่ได้อยากจะไป ในเมื่อได้อยู่กันสองต่อสองกับบุริศร์นั้นจะดีมากแค่ไหน ถ้าคนเยอะขนาดนั้น ตัวเองอยากจะออดอ้อนหรือว่าทำอะไรก็จะต้องอดทนเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น นรมนรู้ ทั้งคุณท่านตนุวรและบุริศร์ต่างก็เป็นกังวลเป็นอย่างมาก ยังมีพวกเด็ก ๆ อีก ถึงแม้ว่าเด็กทั้งสองคนจะไม่ได้พูดอะไรในช่วงที่เธอโดนหนอนพิษ แต่ว่านรมนก็สามารถดูออกได้ว่า พวกเขานั้นเป็นห่วงเธอมาก
พอคิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็จ้องมองบุริศร์ทีหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “งั้นจะย้ายไปเหรอคะ?”
“ย้ายไปเถอะ”
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบุริศร์คือจะต้องรับประกันความปลอดภัยในชีวิตนรมน ถ้าหากไม่มีเรื่องโดนหนอนพิษละก็ เขาก็จะยังไม่กลัวขนาดนี้ ตอนนี้เขาเป็นกังวลทั้งวันทั้งคืน ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ดีเลย
นรมนเห็นว่าบุริศร์เองก็พูดแบบนี้แล้ว ก็ไม่พูดอะไรมากอีกเลย
คุณท่านตนุวรเห็นว่านรมนยอมตอบตกลงแล้ว ก็ดีใจแทบแย่ แล้วก็ให้โตษินรีบพาตัวเองกลับบ้าน จะรีบไปเก็บกวาดห้องในนรมนให้เรียบร้อย
โตษินเห็นคุณท่านตนุวรดีใจ ตัวเองก็ดีใจขึ้นมาเหมือนกัน แล้วก็ยิ้มและพูดว่า “นายท่าน พวกเรายังจะต้องไปหาคุณชายเจตต์อีกนะครับ”
“ใช่ ใช่ ใช่ ยังจะต้องไปหาเจตต์อีก ต้องเอาของไปให้เจ้าบ่าวอีกสักหน่อย”
พูดแล้วคุณท่านตนุวรก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวลาไปเลย
พวกเขาจากไปแล้ว ในห้องรับแขกก็เหลือแต่บุริศร์และนรมนสองสามีภรรยา
นรมนพิงอยู่ในอกของบุริศร์ แล้วถามเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณกลัวว่าตัวเองจะปกป้องฉันได้ไม่ดีเหรอคะ?”
“อืม ที่บ้านคุณตาจะปลอดภัยมากกว่า ทางด้านคุณตาต่างก็เป็นทหารหน่วยพิเศษปลดประจำการออกมา ผมจะวางใจมากกว่า และที่สำคัญภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีผู้คนมากมายแล้ว คนอื่นก็ไม่กล้าทำอะไรโอ่อ่าแล้ว”
บุริศร์เองก็พูดแบบนี้แล้ว แน่นอนว่านรมนต้องไม่ปฏิเสธแน่
“พวกเด็ก ๆ ก็ส่งตรงไปที่บ้านคุณตาเลยดีกว่า”
“ได้”
นรมนหาวขึ้นมาทีหนึ่ง
บุริศร์เห็นเธอเหนื่อยแล้ว ก็พูดเสียงอ่อนหวานขึ้นว่า “ผมอุ้มคุณขึ้นไปนอนพักสักหน่อยดีกว่า?”
“ได้ค่ะ แต่ว่าฉันยังคิดอยู่เลยว่าจะออกไปซื้อของขวัญปีใหม่สักหน่อย แล้วก็ซื้อเครื่องประดับให้พี่สะใภ้สักหน่อย ถึงแม้จะให้ของขวัญพวกเขาไปบ้างแล้ว แต่ว่าเด็กผู้หญิง ซื้อเครื่องประดับให้สักหน่อยยังไงก็ดีกว่า”
นรมนพูดไปก็หาวไป
บุริศร์พยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบตกลง
“รอคุณนอนตื่นมา ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
“สามีดีจังเลยค่ะ”
นรมนจุ๊บที่แก้มของบุริศร์ทีหนึ่งอย่างซุกซน จากนั้นก็โดนบุริศร์ช้อนตัวอุ้มขึ้นมาเลย แล้วก็เดินไปที่ห้องนอน
นรมนไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่สบาย เพียงแต่แค่รู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียหน่อย แล้วก็มักจะรู้สึกง่วงนอนเท่านั้น
บุริศร์นอนเป็นเพื่อนเธอไปพักหนึ่ง นรมนก็นอนตื่นขึ้นมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายก็ดีขึ้นมากแล้ว
นรมนโทรศัพท์หาขวัญตา ทางด้านนั้นก็เหมือนกับว่าเพิ่งนอนตื่นมาเหมือนกัน น้ำเสียงยังสะลึมสะลือขี้เกียจอยู่บ้าง
เธอก็หัวเราะขึ้นมาทันทีแล้วพูดว่า “โยว่ กลางวันแสก ๆ พี่ชายก็ไม่รู้จักพักผ่อนสักบ้าง พวกคุณเป็นแบบนี้จะทำให้คนอื่นรู้สึกอิจฉานะรู้ไหม?”
ขวัญตาหน้าแดงเล็กน้อยขึ้นมาทันที
“นี่ นรมน ในสมองของคุณทั้งวันมีแต่เรื่องพวกนี้เหรอ? ใครบอกคุณว่าฉันกับเจตต์ทำเรื่องอย่างนั้นกลางวันแสก ๆ เหรอ?”
“อย่างไหนเหรอ?”
อารมณ์ของนรมนดีขึ้นมากแล้ว มีอารมณ์มาหยอกล้อขวัญตาเล่นแล้ว
ขวัญตาแทบจะหน้าแดงไปทั้งหน้าแล้ว ยิ้มแล้วบ่นด่าขึ้นว่า “ไม่อยากจะพูดกับเธอแล้ว ตกลงโทรศัพท์มาทำไม?”
“จะนัดเธอออกไปเดินช้อปปิ้งไง ไปหรือเปล่า?”
คำพูดของนรมนทำให้ขวัญตาหันไม่มองเจตต์ทีหนึ่ง
หลังจากที่เทย่าตายแล้ว ปฏิกิริยาของเจตต์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก เมื่อไม่นานมานี้คุณท่านตนุวรได้เคยมาแล้ว และบอกว่าจะจัดงานแต่งให้งานหนึ่ง เจตต์ก็ตอบตกลงแล้ว คุณท่านตนุวรให้พวกเขาย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์กับทุกคน เจตต์ก็ตอบตกลงแล้ว แต่ว่าขวัญตาสามารถมองออกได้ว่า ในใจของเจตต์ยังมีบาดแผลหนึ่งอยู่ จะเยียวยาให้หายนั้นยังต้องการเวลาอยู่
ถ้าหากเวลานี้ให้เขาไปอยู่ด้วยกันกับนรมน บางทีอาจจะมีผลพลอยได้ก็ได้?
ในใจของขวัญตาคิดไป จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าในใจยังรู้สึกแปลก ๆ นิดหนึ่งอยู่ ในเมื่อผู้ชายของตัวเองยังต้องการให้ผู้หญิงอื่นมาปลอบโยน เรื่องนี้พูดยังไงก็ไม่ค่อยสบายใจนัก แต่ว่าขวัญตาเชื่อมั่นในตัวนรมนและเจตต์ ตอนนี้พวกเขาเป็นญาติกัน บางครั้งการอยู่เคียงข้างกันของญาติพี่น้องก็ขาดไม่ได้จริง ๆ
พอคิดมาถึงตรงนี้ ขวัญตาก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณรอเดี๋ยวนะ ฉันถามคนขับรถบ้านฉันก่อนว่าจะไปด้วยกันหรือเปล่า? ในเมื่อข้างนอกยังหิมะตกอยู่ ถ้าไม่มีคนขับรถพวกเราสองคนช้อปกันไม่สนุกหรอก”
“ได้”
นรมนพูดจบก็วางสายไป
บุริศร์กลัวเธอจะหนาว ก็เลยลวดคว้ามือของเธอมากุมไว้ในมือตัวเอง
“เจตต์ก็จะไปด้วยเหรอ?”
บุริศร์ถามขึ้น
นรมนนึกว่าบุริศร์หึงหวงอีกแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เขาไปด้วยก็ไม่กระทบต่อตำแหน่งที่คุณอยู่ในใจฉัน วางใจได้เลยค่ะ”
พูดจบนรมนก็ยิ้มได้อย่างสดใสร่าเริงมาก
บุริศร์รู้ว่านรมนเข้าใจผิดแล้ว แล้วอยากจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เทย่าตายแล้ว อยู่ ๆ ก็กล้ามเนื้อหัวใจวาย แล้วช่วยไว้ไม่ทันกาล”
“ห๊ะ?”
นรมนอึ้งไปเล็กน้อย
เธอนึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เทย่าที่อดกลั้นมานานหลายปีขนาดนี้ เทย่าที่ไม่เคยรักใครสนใจลูกชายตัวเองด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้ตายไปอย่างง่ายดายขนาดนี้?
“คุณเป็นคนทำเหรอคะ?”
นรมนจ้องมองดูบุริศร์ ในใจยังมีความตื่นตระหนกอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าเทย่าสมควรตาย แต่ว่าเธอจะมาตายด้วยมือของบุริศร์ไม่ได้
ไม่ว่าจะพูดยังไง เทย่าก็เป็นแม่ของเจตต์ เจตต์เกลียดเธอ โกรธแค้นเธอ แต่ว่าก็คงจะไม่สามารถทนเห็นคนอื่นลงมือกับแม่ของตัวเองได้
นรมนไม่มีความมั่นใจ เพียงแต่แค่จ้องมองบุริศร์อยู่อย่างตื่นตระหนก
เธอนั้นค่อนข้างเป็นห่วงเจตต์ วินาทีนี้บุริศร์รู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง แต่ว่าเขาก็รู้ความในใจที่นรมนมีต่อตัวเอง เพราะฉะนั้นก็ปรับเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองไปอย่างรวดเร็ว แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ใช่ผม ตอนที่ผมไปถึงนั้น ทั้งเจตต์และขวัญตาต่างก็อยู่ แต่เทย่าได้ตายไปแล้ว เธอได้ตายไปต่อหน้าต่อตาเจตต์ ผมรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุดของเธอแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะทำเรื่องร้ายแรงมามากขนาดนั้น แต่ว่าสุดท้ายก็ยังมีลูกชายมาช่วยเธอเก็บศพและส่งศพด้วย ผมได้ยินมาว่าเจตต์เอาเธอไปฝังไว้ที่ภูเขาทางด้านทิศตะวันออก ฮวงจุ้ยของที่ทางนั้นไม่เลวเลย ถือได้ว่าเป็นที่ที่ดีแห่งหนึ่ง”
คำพูดของบุริศร์ทำให้หัวคิ้วของนรมนค่อย ๆ ขมวดขึ้นมา
ตายต่อหน้าต่อตาเจตต์เหรอ?
นี่มันคือความบังเอิญหรือว่าเป็นอย่างอื่น?
ชั่วขณะหนึ่งนรมนรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจนัก
แล้วก็ในเวลานี้พอดี อยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นมา แล้วก็ทำให้นรมนที่กำลังครุ่นคิดอยู่ตกใจจนสะดุ้งเลย