บุริศร์เห็นนรมนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตอนนี้เธอมีความสวยงามแบบน่ารักอย่างหนึ่ง
เขายิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณไม่รู้สึกเหรอว่าตั้งแต่ที่ราเชนกลับไปประเทศFแล้ว ก็ไม่ค่อยติดต่อพวกเราเลย?”
“เขาอาจจะยุ่งอยู่มั้งคะ”
พอโดนบุริศร์พูดเตือนแบบนี้ นรมนก็นึกขึ้นมาได้ว่า นอกจากที่ตัวเองเป็นฝ่ายติดต่อราเชนไปเองแล้ว ตอนนี้ก็เหมือนกับว่าราเชนจะไม่เคยติดต่อมาหาตัวเองเลยจริง ๆ เมื่อก่อนเขาแทบอยากจะให้ตัวเองรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาแทบแย่ และก็น่าจะเป็นการเตรียมการเพื่อที่จะช่วยเขาแย่งอำนาจ แต่ว่าตอนนี้หลังจากที่ราเชนแก้แค้นให้ซินดี้เสร็จแล้ว ก็เหมือนกับว่าข่าวคราวจะขาดหายไป ไม่มีข่าวสารเลยแม้แต่น้อย
หัวคิ้วของนรมนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“คุณมีข่าวอะไรของราเชนใช่หรือเปล่าคะ?”
“ไม่มี แต่ว่าผมเดาว่าคุณป้าใหญ่นงลักษณ์ของคุณอาจจะช่วยอะไรอยู่เบื้องหลังอยู่นิดหน่อย ราเชนก็เลยสงบนิ่งไม่รีบร้อนมาหาเราอย่างนี้ คนเราก็อย่างนี้เมื่อไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวพันกัน ตอนนี้เขาเองก็อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ศัตรูล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะช่วยพวกเราได้หรือเปล่า”
บุริศร์พูดขึ้นเรียบ ๆ เหตุผลที่ลึกซึ้งเขาไม่ได้พูดออกมา ในเมื่อเขาเองก็ไม่อยากจะให้นรมนเข้าไปพัวพันในเรื่องราวทางการเมืองของประเทศF
นรมนได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ ถึงแม้ว่าอยากจะโต้เถียง แต่ว่าพอเจอเรื่องราวของพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนมาแล้ว เธอก็ไม่กล้าคาดหวังกับคนอื่นอีกแล้ว โดยเฉพาะวังวนการเมืองแบบที่ราเชนอยู่ ถ้าหากจะบอกว่าเขาไม่คำนึงถึงอะไรอย่างอื่นเลยนั้น นรมนไม่เชื่อหรอก
บุริศร์เห็นนรมนลังเลอยู่เล็กน้อย ก็รีบพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ถ้าอยากจะรู้ข่าวนี้ก็ไม่มีอะไรยาก อย่างมากผมก็แค่ติดต่อราเชนไปก่อน แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันก็พอแล้ว”
“ไม่เอา”
นรมนรีบส่ายหน้าขึ้นมา
“กล้าณรงค์จะเป็นลูกแท้ ๆ ของแพรวาหรือเปล่า เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเราเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น กล้าณรงค์ก็ยังเป็นศัตรูตัวฉกาจของเราอยู่ดี ถ้าสามารถเอาตัวอย่างดีเอ็นเอมาได้ ก็แค่ทำให้เรายิ่งเข้าใจบางอย่างชัดเจนขึ้นเท่านั้น ไม่มีผลตรวจนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางการเป็นศัตรูของพวกเรากับเขา ในเมื่อถึงแม้จะรู้ว่าเขาเป็นลูกชายของแพรวา ความบาดหมางระหว่างพวกเราก็ไม่มีทางคลี่คลายได้ เพื่อคนที่ไม่มีความสำคัญแบบนี้คนหนึ่งจะต้องสละผลประโยชน์ของตัวเองเอาไปแลกเปลี่ยนกับราเชน ฉันรู้สึกว่ามันไม่คุ้ม”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย
“คุณเหมือนกับว่าจะไม่ค่อยชอบราเชนนะ?”
“พูดไม่ได้ว่าชอบหรือไม่ชอบ ในเมื่อไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน และที่สำคัญฉันรู้สึกว่าชีวิตของเราในตอนนี้ก็ดีมากแล้ว ได้พูดคุยกับพวกลูก ๆ ได้ดื่มชากับคุณตา มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบายดี ทำไมฉันจะต้องทำให้ตัวเองหรือว่าคุณไปตกอยู่ในศึกแย่งอำนาจของประเทศFด้วยล่ะ? ถ้าหากไปถึงจุดที่หนีไม่พ้นจริง ๆ ถ้าราเชนมาขอร้องพวกเราแล้ว พวกเราค่อยมาคิดปัญหานี้กันยังไม่สาย ตอนนี้ฉันแค่อยากจะฉลองตรุษจีนกับคุณ กับลูก ๆ กับคุณตา และกับคนในครอบครัวดี ๆ ก็พอแล้ว สำหรับเรื่องอื่น ขอแค่ไม่ใช่เรื่องที่ร้ายแรงมาก ฉันก็ไม่อยากไปยุ่งมาก”
พูดจบนรมนก็กอดตัวบุริศร์ไว้เลย
พอได้ยินว่าภรรยาที่เป็นใหญ่มีความปรารถนาในเทศกาลตรุษจีนแบบนี้แล้ว ทำไมบุริศร์จะไม่ตอบตกลงล่ะ?
“ได้ พวกเราไม่ไปยุ่งเรื่องวุ่นวายยุ่งเหยิงพวกนั้นแล้ว แต่ฉลองตรุษจีนกันดี ๆ ก็พอ”
“ก็ใช่น่ะซิ”
นรมนค่อนข้างพอใจกับการที่บุริศร์กลับมาสู่เรื่องปกติ
“งั้นคุณภรรยาที่ยิ่งใหญ่ พรุ่งนี้ก็จะย้ายไปอยู่กับคุณตาแล้ว จะต้องเตรียมของอะไรบ้างหรือเปล่า?”
บุริศร์เห็นว่านรมนไม่อยากจะพูดคุยเรื่องนี้แล้ว ก็เลยอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเรื่องเรื่องหนึ่ง
นรมนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณตาน่าจะเตรียมไว้หมดแล้วมั้ง ไม่ต้องถึงมือเราหรอก พวกเราเตรียมปากไปกินก็พอแล้ว”
“คุณนี่มีหน้าไปจริง ๆ เลยนะ”
“ก็ใช่นะซิ ในเมื่อฉันเป็นหลานสาวแท้ ๆ ของคุณตา”
นรมนพูดมาถึงตรงนี้ ใจก็กระตุกขึ้นทีหนึ่ง
นอกจากตัวเธอแล้ว ยังมีราเชนที่เป็นหลานของคุณท่านตนุวรอีก
พอคิดถึงราเชน นรมนก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ว่าอย่างรวดเร็วก็หัวเราะขึ้นมาแล้ว “ที่รัก ฉันอยากกินของอร่อย”
“หิวแล้วเหรอ?”
“อือหือ”
บุริศร์ได้ยินว่านรมนหิวแล้ว ก็รีบลุกขึ้นไปเข้าครัวด้วยตัวเอง
นรมนโดนบุริศร์ทำให้กินจนติดปาก แล้วก็พูดขึ้นอย่างออดอ้อนว่า “ฉันอยากกินข้าวผัดไข่ เอาแบบรูปหัวใจนะคะ”
“ได้”
บุริศร์ยิ้มอย่างรักใคร่ขึ้น ตอนนี้สำหรับเขาแล้ว ขอแค่นรมนอยากกิน ถึงแม้ว่าตัวเองจะทำไม่เป็นก็จะไปเรียนทำมา
หลังจากที่เขาออกมาจากห้องแล้ว พอลงมาก็เห็นลูกน้องกำลังรออยู่ที่ห้องรับแขก ในตอนที่ลูกน้องเห็นบุริศร์มาและกำลังจะเปิดปากพูดนั้น กลับโดนบุริศร์ห้ามไว้ซะก่อน
“ไม่ช่วยฉันหั่นผักที่ห้องครัวหน่อย”
“ห๋า?”
คำสั่งของบุริศร์ทำให้ลูกน้องมึนงงไปเลย และยังคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปซะอีก
“ทำไม? ทำไม่เป็นเหรอ?”
น้ำเสียงของบุริศร์ขรึมลงมาหลายส่วน
ลูกน้องรีบพูดขึ้นว่า “เป็น เป็น เป็น หั่นเป็นครับ?”
ล้อเล่นเหรอ เขาจะกล้าพูดว่าไม่เป็นเหรอ?
บุริศร์ชี้ไปที่แครอทที่อยู่อีกข้างหนึ่ง แล้วพูดเสียงเรียบขึ้นว่า “หั่นแครอทเป็นลูกเต๋า หั่นลูกเต๋าเป็นหรือเปล่า?”
สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ไว้ใจแล้วมาดูลูกน้องทีหนึ่ง
ลูกน้องรู้สึกว่าแรงกดดันใหญ่เท่าภูเขาเลย บนหน้าผากก็มีเหงื่อซึมออกมา ได้แต่พยักหน้าและพูดว่า “ผมหั่นเป็นครับ”
พอเห็นลูกน้องเอาแครอทไปหั่นอย่างคล่องแคล่วแล้ว น้ำเสียงของบุริศร์ถึงดีขึ้นมาหน่อย
“เจอเรื่องอะไรบ้างไหม?”
เขาถามขึ้นเสียงต่ำ หางตามองไปทางห้องนอนทีหนึ่ง
นรมนยังไม่ออกมา
ในเมื่อนรมนไม่อยากจะยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องนี้ งั้นก็ให้เขามาทำเถอะ ที่จริงเขาก็เป็นเหมือนกับนรมน ที่อยากจะฉลองตรุษจีนดี ๆ สักหน่อย แต่ว่าตอนนี้เขามาหาถึงบ้านแล้ว เรื่องบางเรื่องคนบางคนไม่จัดการก็ไม่ได้นะ เขาจึงได้แต่เพียงขจัดไปอันตรายที่แอบซ่อนอยู่ไปก่อน
ลูกน้องนิ่งไปครู่หนึ่ง กำลังอยากจะยืดตัวตรงรายงาน กลับได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “หั่นต่อไป หั่นให้เท่า ๆ กันหน่อย”
พอได้ยินข้อเรียกร้องของบุริศร์ ลูกน้องก็อยากจะร้องไห้จริง ๆ
เขาก้มหัวไว้ ต่อสู้กับแครอทไป แล้วก็พูดไปด้วยว่า “ประธานบุริศร์ครับ คนคนนั้นยอมรับสารภาพแล้ว บอกว่ามีคนให้เงินเขามาก้อนหนึ่ง ให้เขามาคอยตามคุณกับคุณนาย ให้ถ่ายรูปว่าพวกคุณทำอะไรกันทุกวัน แล้วทุกวันต้องเอาไปโพสต์ สำหรับอีกฝ่ายเป็นใครนั้นเขาไม่รู้ พวกเขาติดต่อกันทางอีเมลในคอมพิวเตอร์เท่านั้น อีเมลอันนั้นเขาก็เคยตรวจสอบมาแล้ว บอกว่าเป็นอีเมลใหม่ที่ซื้อมาจากในเน็ต เช็กอะไรสำคัญไม่เจอเลย ”
บุริศร์ฟังมาถึงตรงนี้ หัวคิ้วก็ขมวดกันทีหนึ่ง
จะเอารูปถ่ายชีวิตประจำวันทุกวันของเขากับนรมนเหรอ?
ใครกันนะที่สนใจพวกเขามากขนาดนี้?
นงลักษณ์เหรอ?
หรือว่ากล้าณรงค์?
บุริศร์ไม่เข้าใจ
“มีอีเมลอันนั้นไหม?”
“มีครับ ผมขอมาแล้ว อยู่ที่ผมครับ”
ลูกน้องพูดแล้วก็จะยื่นมือไปหยิบ แต่กลับได้ยินบุริศร์พูดขึ้นว่า “ตั้งใจหั่นแครอทไป หั่นหมดแล้วค่อยว่ากัน”
“ครับ”
ลูกน้องไม่รู้ว่าการหั่นแครอทนี้ตกลงคือการฝึกฝนอะไร แต่ว่าประธานบุริศร์บอกว่าให้เขาหั่นเขาหั่นไปก็พอแล้ว
กว่าจะหั่นแครอทให้เป็นลูกเต๋าเสร็จไปได้ บุริศร์ก็พูดขึ้นเสียงเรียบว่า “ส่งอีเมลที่โทรศัพท์ฉัน แล้วนายก็ไสหัวไปได้แล้ว”
“แล้วคนคนนี้จะจัดการยังไงครับ?”
ลูกน้องถามขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
บุริศร์นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำว่า “ขังไปก่อน รอให้ฉันตรวจเช็กอีเมลเสร็จก่อนค่อยว่ากัน”
“ได้ครับ”
ลูกน้องรีบถอยออกไปจากห้องครัว
บุริศร์ล้างมืออย่าคล่องแคล่ว จากนั้นก็ใส่ผ้ากันเปื้อน แล้วเริ่มหั่นผักอย่างอื่นต่อไป ผ่านไปไม่นาน ข้าวผัดไข่ถ้วยหนึ่งก็ผัดเสร็จแล้ว
เขายกข้าวผัดไข่มาวางที่โต๊ะอาหาร
นรมนกำลังใช้โทรศัพท์ดูซีรีส์อยู่ และก็หัวเราะจนตัวโยนอยู่
นรมนที่เป็นแบบนี้ทำให้บุริศร์รู้สึกว่าเป็นจริงเป็นอย่างมาก
เขาเอาข้าวผัดไข่วางลงบนตู้หัวเตียง แล้วดึงโทรศัพท์ของนรมนออก แล้วก็กดหยุดชั่วคราวไว้แล้ววางลงบนโต๊ะอีกข้างหนึ่ง
“กินข้าวก่อนนะ เล่นโทรศัพท์ตอนกินข้าวมันไม่ดี”
นรมนกำลังดูอย่างสนุกสนานอยู่ ก็มาโดนบุริศร์แย่งโทรศัพท์ไป ในใจยังไงก็มีความไม่ยินยอมอยู่บ้าง แต่ว่าพอตอนที่เธอเห็นแววกังวลในดวงตาของบุริศร์นั้น เธอก็ยินยอมแล้ว
ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญเทียบเท่ากับบุริศร์ได้
นรมนเห็นข้าวผัดไข่ที่บุริศร์ผัดมามีทั้งสีสันกลิ่นรสครบถ้วน ก็อดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้
“สามีฉันนี่เก่งมากจริง ๆ เลย”
“อืม เรื่องเก่ง ๆ ของสามีคุณอย่างผมนั้นยังมีอีกเยอะเลย รีบกินเถอะ”
บุริศร์ไม่เขินอายเลยสักนิด
นรมนรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ตอนนี้หน้าด้านมากเกินไปแล้ว ไม่น่ารักเลย
แต่ว่าเธอก็ขัดขวางแรงดึงดูดไว้ไม่อยู่ จึงรีบเอาตะเกียบขึ้นมากินคำหนึ่งเลย รสชาตินี้นั้นชอบจะตายอยู่แล้ว
นรมนกินไปอย่างเงียบ ๆ แล้วบุริศร์ก็ลวดยื่นกานาฉ่ายมาให้ด้วยจานหนึ่ง
“กินกานาฉ่ายสักหน่อย จะได้มีสารอาหารมากขึ้น”
“ขอบคุณค่ะที่รัก”
นรมนกินไปด้วยก็กะพริบตาให้กับบุริศร์ไปด้วย ท่าทางที่ซุกซนแบบนั้นทำให้จิตใจบุริศร์รู้สึกคันยิก ๆ ยากที่จะทนไหว แต่กลับได้แต่พยายามอดทนไว้เท่านั้น
ข้าวผัดไข่ถ้วยหนึ่งนรมนกินแล้วรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
บางครั้งความสุขก็อยู่ข้าง ๆ กาย บะหมี่ถ้วยเดียว น้ำแก้วหนึ่งล้วนสามารถทำให้คุณมีความสุขได้ แค่ดูว่าสภาพจิตใจของคุณเป็นยังไง
หลังจากที่นรมนกินเสร็จแล้ว ก็รู้สึกว่าอิ่มท้องเป็นอย่างมาก
พอวางถ้วยและตะเกียบลง บุริศร์ก็ยื่นน้ำมาให้
นรมนรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากเกินไปแล้ว
หลังจากที่เธอดื่มน้ำเสร็จแล้ว ก็เรอย่างไม่รักษาภาพพจน์เลยขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองบุริศร์แล้วถามขึ้นว่า “ใช่แล้ว คุณไม่กินเหรอคะ?”
“ผมยังไม่หิว”
บุริศร์ยิ้มแล้วพูดขึ้น
นรมนรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ความสามารถมากจริง ๆ
“คือว่าวันละสามมื้อต้องกินให้ตรงเวลา ไม่งั้นกระเพาะจะไม่มีนะคะ”
“อืม ผมจะจำไว้ คุณจะขยับเขยื้อนสักหน่อย? หรือว่าจะดูซีรีส์ต่อ?”
บุริศร์สอบถามนรมน
นรมนเอียงหัว แล้วยิ้มและถามขึ้นว่า “คุณคิดว่าไงล่ะ? ฉันควรทำอะไรดี?”
“ผมคิดว่าคุณไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้หลังบ้านสักหน่อย หรือไม่ก็ลงจากเตียงมาขยับเขยื้อนสักหน่อย”
“โอเคได้ ฟังคุณเลย”
นรมนเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
ในดวงตาของบุริศร์เต็มไปด้วยความรักใคร่
ทั้งสองคนเดินไปวนรอบสวนหลังบ้านสักสองรอบ
นรมนก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยแล้ว แล้วบุริศร์ก็ส่งเธอกลับไปดูซีรีส์ต่อที่ห้องนอน
“คุณดูซีรีส์ไปเถอะ ผมจะจัดการเรื่องราวที่ห้องหนังสือนิดหน่อย”
น้ำเสียงของบุริศร์อ่อนโยน
นรมนพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ค่ะ ระวังการพักผ่อนด้วย อย่างให้เหนื่อยเกินไปล่ะ ถึงแม้ว่าคุณจะรับผิดชอบหาเลี้ยงครอบครัว แต่ว่าก็จะต้องรักษาสุขภาพเพื่อพวกเราด้วยนะคะ”
“ขอบคุณภรรยาที่เป็นห่วง”
บุริศร์จูบลงตรงหน้าผากของนรมนทีหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นออกไปจากห้องนอน
นรมนเอาโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วอยากจะเปิดซีรีส์ขึ้นมาใหม่ อยู่ ๆ ก็ดังเสียงติ๊งขึ้นทีหนึ่ง แล้วข้อความหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมา
เธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็กดเปิดออก
“กล้าณรงค์ตัดสินใจจะลงมือกับคุณในวันตรุษจีน ระวังตัวด้วย”
นี่เป็นเบอร์ของคนแปลกหน้า แต่ว่านรมนกลับรู้ว่าเป็นใคร
หัวคิ้วของเธอขมวดเข้าหากันแน่น
กล้าณรงค์นี่น่ารังเกียจจริง ๆ เลย
เธอก็แค่อยากจะฉลองตรุษจีนดี ๆ สักหน่อย ความหวังแค่นี้ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ล่ะ?
นรมนไม่อยากจะต่อกรกับกล้าณรงค์ในตอนนี้จริง ๆ แต่น่าเสียดายคนมาหาถึงบ้านแล้ว เธอจะไม่สนใจก็ไม่ได้แล้ว
เธอลบข้อความทิ้งไป จากนั้นก็หาเบอร์ของนภดลในโทรศัพท์ออกมาแล้วก็กดโทรออกไป