คำถามแบบนี้ทำให้บุริศร์รู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่ง
เขานึกว่าธรณีเห็นรูปวาดของชินทรแล้วจะคิดถึงชินทรขึ้นมา แต่คิดไม่ถึงว่าคำพูดของธรณีจะเปลี่ยนแปลงไปเร็วขนาดนี้
“อารองเหรอครับ?”
บุริศร์ถามกลับไปประโยคหนึ่งอัตโนมัติ
อยู่ ๆ เขาก็นึกออก พี่ใหญ่ของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาคือพ่อของนรมน ส่วนธรรศคืออาสาม และธรณีคืออาเล็ก เหมือนกับว่าจะไม่เคยได้ยินเรื่องอารองจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาก่อน หนำซ้ำทั้งคนทั้งชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
“คนคนนี้โดนลบชื่อออกไปจากตระกูลเรานานแล้ว นานจนพวกเราเกือบจะจำเขาไม่ได้แล้ว หรือกระทั่งฉันรู้สึกมาตลอดว่าในบ้านเรามีแค่พวกเราสามคนพี่น้องเท่านั้น”
ธรณียิ้มขมขื่นขึ้น แล้วดูดบุหรี่แรง ๆ ทีหนึ่ง แต่กลับสำลักขึ้นมา แล้วก็ไอติดต่อกันไม่หยุด
บุริศร์รินน้ำจากข้าง ๆ มาให้เขาแก้วหนึ่ง
ธรณีดื่มน้ำไปคำหนึ่ง แล้วข่มอาการไอครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองรูปวาดเต็มผนังแล้วก็พูดขึ้นว่า “ที่จริงพี่รองก็เป็นเหมือนกับพี่ใหญ่ ชอบวาดรูปเหมือนกัน ชอบท่องเที่ยวชอบถ่ายรูป และเขายังชอบความเป็นอิสระมากกว่า และที่สำคัญพี่ใหญ่กับพี่รองเป็นพี่น้องฝาแฝดกันด้วย”
คำพูดนี้ทำให้บุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง
ฝาแฝดเหรอ?
นี่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยจริง ๆ
ธรณีจ้องมองความสงสัยของบุริศร์ แล้วก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ดูจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมมาพูดแล้ว ที่นรมนสามารถคลอดลูกแฝดชายหญิงออกมาได้ ทุกคนต่างก็นึกว่าเป็นกรรมพันธุ์มาจากตระกูลโตเล็กของพวกนาย แต่ใครจะไปรู้ละว่าตระกูลทวีทรัพย์ธาดาของเราก็มีกรรมพันธุ์ฝาแฝดเหมือนกัน เพียงแต่ว่าโอกาสที่ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะมีฝาแฝดนั้นไม่เยอะ เพราะฉะนั้นถึงไม่มีใครรู้เรื่องมากเท่าไหร่”
บุริศร์ไม่ได้พูดแทรก
เรื่องนี้มันเกินความคาดหมายไปบ้าง แต่ว่าก็ไม่ได้ยอมรับได้ยาก
ก็จริงอยู่ ถ้าในตระกูลของนรมนไม่มีกรรมพันธุ์ฝาแฝดถ่ายทอดมา ถึงแม้จะเป็นกรรมพันธุ์ฝาแฝดที่ถ่ายทอดมาจากทางเขา ก็ไม่แน่ว่านรมนจะสามารถคลอดลูกฝาแฝดออกมาได้
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงลูกคนที่นรมนแท้งไป
นั่นก็เหมือนกับว่าจะเป็นแค่การท้องลูกคนเดียว
เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะมีกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดมา ก็ไม่แน่ว่าทุกครั้งจะตั้งท้องฝาแฝดได้
บุริศร์ไม่พูดอะไร แล้วธรณีก็พูดต่อว่า “พี่ใหญ่กับพี่รองเป็นฝาแฝดกัน นี่เป็นเรื่องที่ตอนนั้นทำให้พ่อฉันกับแม่ฉันดีใจแทบแย่ พ่อฉันเป็นคนที่ชอบชีวิตในกรมทหารคนหนึ่ง หนำซ้ำยังรู้สึกว่าคลอดลูกชายออกมาก็ควรจะต้องฝึกฝนให้เป็นทหารตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นพอรู้ว่าจะมีลูกชายสองคน พ่อฉันก็ดีใจแทบแย่ เขาเลี้ยงดูลูกชายทั้งสองคนมาด้วยตัวเอง พี่ใหญ่เป็นคนค่อนข้างเงียบขรึม และเชื่อฟัง แต่พี่รองกลับเป็นคนค่อนข้างดื้อด้าน ซุกซน และก็ไม่ได้สนใจต่อการอบรมสั่งสอนของพ่อมาตลอดเลย”
“แม่ของฉันรู้สึกว่าลูกชายสองคน มีคนหนึ่งรับช่วงหน้าที่การงานของพ่อต่อก็พอแล้ว พี่ใหญ่เงียบขรึม แล้วก็เชื่อฟัง บิดาก็เลยคาดหวังกับเขาไว้สูงมาก ในทางกลับกันพี่รองนั้น แม่ของฉันรู้สึกว่าพี่รองแค่มีความสุขก็พอแล้ว ก็เลยไม่ได้บังคับให้เขาทำเรื่องที่ไม่ชอบ”
บนใบหน้าของธรณีมีแววทุกข์ใจพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
บุริศร์ดับไฟบุหรี่ที่เกือบจะติดถึงก้นแล้วในมือลง
เขาจ้องมองธรณี แล้วก็ถามขึ้นว่า “หรือว่ารูปที่อยู่ในนี้จะไม่ใช่รูปของพ่อตาผม? แต่เป็นของอารองเหรอครับ?”
ธรณีอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าบุริศร์จะถามแบบนี้ ว่ากลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่อยู่แล้ว พี่ใหญ่ไม่ใช่คนต่ำช้าที่จะไปแอบอ้างผลงานของผู้อื่น ภาพวิวพวกนี้พี่ใหญ่เป็นคนวาด แต่ว่าภาพคนพวกนี้พี่รองเป็นคนวาด”
คำพูดนี้ทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย
เหมือนกับว่าเขาจะเคยได้ยินนรมนพูดมาก่อน ว่าชินทรนั้นวาดรูปวิวทิวทัศน์เป็นหลักมาตลอด และวาดรูปผู้คนน้อยมาก รูปคนเพียงคนเดียวที่วาดก็คือรูปแม่ยายคิมเท่านั้น
คำพูดของธรณีในตอนนี้ทำให้บุริศร์รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง
“รูปคนมีแค่คนคนเดียว”
“ใช่ คือพี่สะใภ้ใช่ไหมล่ะ?”
ธรณีจ้องมองบุริศร์ ยิ้มขมขื่นแล้วก็ถามขึ้นว่า “นายคิดว่าพี่ใหญ่เลิกกับพี่สะใภ้แล้วไปเป็นทหารเพื่อวงศ์ตระกูลจริง ๆ เหรอ?”
“ความหมายของอาคือ พ่อตาและอารองตกหลุมรักแม่ยายพร้อมกัน แล้วพ่อตาก็ยอมถอยออกมาให้เหรอครับ?”
หัวสมองของบุริศร์หมุนวนอย่างรวดเร็ว
ธรณีจะไม่พูดก็ไม่ได้ว่า บุริศร์นั้นฉลาดเป็นอย่างมาก
“เมื่อก่อนทั้งฉันและพี่สาม รวมทั้งคนทั้งบ้านต่างก็คิดแบบนี้ จนกระทั่งวันนี้ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนกับพี่สะใภ้เปี๊ยบมาหาฉัน ฉันถึงได้รู้สาเหตุ”
คำพูดของธรณีพูดมาถึงตรงนี้ บุริศร์ก็พอเดาออกได้แล้ว
“เธอคือนงลักษณ์ เป็นคุณป้าใหญ่ของนรมน เป็นพี่สาวฝาแฝดของแม่ยาย”
“ดูท่าเรื่องที่นายและนรมนรู้จะมีไม่น้อยเลยนะ”
ธรณีไม่ได้สงสัยเลยสักนิด เพียงแต่แค่หัวเราะอย่างขมขื่น
“แต่ว่าตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าคิมยังมีพี่สาวฝาแฝดคนหนึ่งอยู่ พี่ใหญ่ไม่รู้ พี่รองก็ยิ่งไม่รู้”
คำพูดของธรณีทำให้หัวสมองของบุริศร์หมุนขึ้นมาเล็กน้อย
“อาเล็ก ความหมายของคุณคือ? ความหมายของคุณคือ พ่อตาชอบแม่ยาย ส่วนอารองก็ชอบนงลักษณ์เหรอ? แล้วว่าพวกเขาทั้งสองคนต่างก็คิดว่าชอบคนคนเดียวกัน? เพราะฉะนั้นก็เลยต่างคนต่างถอยให้กันเหรอครับ?”
ที่จริงบุริศร์พอจะเดาได้เกือบหมดแล้ว แต่ว่ายังมีส่วนไม่ตรงอยู่บ้าง
ธรณีดูดบุหรี่เข้าไปแรง ๆ อีกทีหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า “พี่น้องฝาแฝดสองคนตกหลุมรักผู้หญิงฝาแฝดสองคนในเวลาเดียวกัน นี่มันช่างน้ำเน่าจริง ๆ เลยใช่ไหม? แต่ที่น่าเสียดายคือ พี่ใหญ่และพี่รองของฉันกลับไม่รู้ว่านั่นคือพี่น้องฝาแฝดคู่หนึ่ง ต่างก็นึกว่าเป็นคนคนเดียวกัน ตอนที่พี่รองออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้เจอกับนงลักษณ์เข้า แล้วก็ตกหลุมรักเธอในทันที แต่น่าเสียดายตอนนั้นนงลักษณ์ไม่ได้กลับประเทศมากับพี่รองด้วย พอพี่รองกลับมาก็พบว่าพี่ใหญ่กับคิมกำลังรักกันอยู่ ก็เลยนึกว่าผู้หญิงที่ตัวเองชอบจับปลาสองมือ พอโกรธขึ้นมาก็เลยตบคิมต่อหน้าพี่ใหญ่ แล้วยังจะยังไงได้ล่ะ? ตอนนั้นพี่ใหญ่ก็โมโหขึ้นมาทันที และก็เกิดการทะเลาะกันใหญ่โตกับพี่รองขึ้นมา จนสุดท้ายแม่ก็มาห้ามให้แยกกันไป แต่ว่าระหว่างสองพี่น้องก็เกิดความบาดหมางและห่างเหินกันขึ้นมาแล้ว”
หลังจากที่สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วธรณีก็พูดต่อขึ้นว่า “พี่รองโกรธมากจนออกนอกประเทศไปอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ไปประเทศFตามสัญชาตญาณ ซึ่งเป็นที่ที่รู้จักกับนงลักษณ์ นงลักษณ์เป็นห่วงเป็นใยเขามาก ถึงแม้พี่รองจะเสียใจที่เธอจับปลาสองมือ แต่พอเห็นนงลักษณ์หุบปากไม่เอ่ยถึงเรื่องระหว่างเธอกับพี่ใหญ่ พี่รองเองก็ไม่อยากจะพูดถึง แต่ว่าช่วงระยะเวลานั้นพี่รองแทบจะกักขังนงลักษณ์เอาไว้ เพราะในความทรงจำของเขามีแต่นงลักษณ์อยู่ข้างกายเขา ถึงจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพี่ใหญ่ได้ รอให้ต่อไปพวกเขามีลูกกันแล้ว พี่รองกับนงลักษณ์ก็จะแต่งงานกัน พอถึงตอนนั้นถึงนงลักษณ์จะมีความรู้สึกอะไรกับพี่ใหญ่ แต่ตอนนั้นก็จะมีลูกมาเชื่อมโยงเอาไว้แล้ว และระหว่างนงลักษณ์กับพี่ใหญ่ก็จะไม่มีทางเป็นไปอีก แต่เพราะว่าพี่รองหวาดระแวงเกินไป พอนงลักษณ์ทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยหนีไป”
“พี่รองตามหานงลักษณ์ไปทั่วทุกที่ จนสุดท้ายเมื่อไม่รู้จะทำยังแล้วจึงกลับประเทศมา แล้วก็พบมาว่าคิมกำลังมีความรักร้อนแรงกับพี่ใหญ่อยู่ ตอนนั้นพี่รองก็โกรธจนเป็นบ้าไปเลย พี่รองกับพี่ใหญ่เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรงมากต่อหน้าพ่อกับแม่ หนำซ้ำยังเอาคลิปวิดีโอที่ใกล้ชิดของตัวเองกับนงลักษณ์ออกมาให้พี่ใหญ่ดู ตอนนั้นพี่ใหญ่อึ้งทึ่งไปเลยทั้งตัว ไม่ว่ายังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่ตัวเองรักมากจะไปมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแบบนั้นกับน้องชายตัวเองได้ ชั่วขณะหนึ่งก็เกิดรับไม่ได้ขึ้นมา”
ตอนที่ได้ยินธรณีพูดมาถึงตอนนี้นั้น หัวคิ้วของบุริศร์ก็ขมวดกันขึ้นมา
“เป็นไปได้ยังไง? ถ้าพ่อตากับแม่ยายอยู่ด้วยกันตลอดเวลาละก็ ไม่เคยคิดเลยเหรอว่าไม่มีทางที่อารองจะไปอยู่ด้วยกันกับแม่ยายได้?”
“ความบังเอิญมันก็อยู่ที่ตรงนี้แหละ ช่วงเวลานั้นคิมได้ไปเรียนต่อต่างประเทศในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยน ก็เลยไม่อยู่ในประเทศพอดี”
ธรณีหัวเราะได้อย่างขมขื่นเล็กน้อย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะความบังเอิญของช่วงเวลานั้นละก็ บางทีสองพี่น้องก็คงจะไม่เดินไปจนถึงขั้นแตกหักกันในตอนสุดท้ายหรอก
บุริศร์รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง
ความรักของพ่อตาแม่ยายนี้ เต็มไปด้วยอุปสรรคไม่เรียบง่ายเลยจริง ๆ
“แล้วก็เป็นเพราะว่าแบบนี้ พ่อตาถึงได้ฟังคำพูดของที่บ้านแล้วไปเป็นทหารเหรอครับ?”
ธรณีพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นบิดากำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ต่างแดน เพียงแต่แค่กลับมานอนที่บ้านคืนเดียวแล้วก็จะไปต่อเลย แต่พอมาเห็นพี่ใหญ่และพี่รองทะเลาะกันแบบนี้เพราะว่าผู้หญิงคนเดียว ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา แล้วก็ออกคำสั่งกับลูกชายทั้งสองคนว่า ห้ามใครเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้อีก ถ้าไม่เชื่อฟังก็จะขับออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ตอนนั้นพี่รองดื้อดึงและโกรธเคืองมาก ก็เลยพูดว่าจะให้ออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็ออกจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาซิ ชาตินี้เขาจะไม่มีทางยอมทิ้งผู้หญิงที่ตัวเองรักแน่ ตอนนั้นทำให้พ่อโกรธแทบตาย”
“วันที่สองบิดากลับไปปฏิบัติหน้าที่กับทีมแล้ว ส่วนพี่ใหญ่ก็เริ่มหลบหน้าคิม ในใจเขาก็ทุกข์ใจ และเสียใจ เขาทำใจปล่อยคิมไปไม่ได้ แต่ว่ากลับคิดว่าระหว่างคิมกับพี่รองได้อยู่ด้วยกันแล้ว ตัวเองไม่ควรที่จะไปแทรกอีก ตอนนั้นพี่ใหญ่ก็เลยบอกกับแม่ว่าจะไปเป็นทหาร แม่รู้ความในใจของพี่ใหญ่ ก็เลยไม่ได้พูดอะไรมาก แล้วก็ช่วยส่งใบสมัครให้พี่ใหญ่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบิดาจะมาพลีชีพไปซะก่อน”
“เพราะว่าบิดาพลีชีพไปแล้ว พี่ใหญ่ที่อยู่ในฐานะลูกชายของวีรบุรุษผู้กล้าจึงข้ามขั้นตอนการตรวจสอบไปมากมาย แล้วก็ได้ไปเป็นทหารเข้ากรมไปเลย ตอนนั้นพี่ใหญ่รู้สึกว่า ในเมื่อก็เป็นแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปพูดกับคิมให้ชัดเจนแล้ว เรื่องบางเรื่องทุกคนต่างก็หลีกเลี่ยงไม่พูดกัน แล้วเขาก็เป็นฝ่ายถอนตัวออกไป เพื่อให้พี่รองกับคิมได้สมหวังกัน เขานึกว่าทั้งพี่รองและคิมจะเข้าใจ แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าฟ้าจะกลั่นแกล้งคน เรื่องทั้งหมดนี้ทั้งคิมก็ดี พี่รองก็ดี ต่างก็ไม่รู้ว่ายังมีนงลักษณ์อยู่ด้วยอีกคนหนึ่ง”
พูดมาถึงตรงนี้ ธรณีทอดถอนใจไม่หยุด
บุริศร์ถามเสียงต่ำขึ้นว่า “อาเล็ก คุณรู้ว่านงลักษณ์มีตัวตนมานานแล้วเหรอครับ?”
“ฉันเพิ่งรู้วันนี้”
คำพูดของธรณีทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย
“ที่นงลักษณ์มาหาคุณ ก็เพราะว่าเรื่องนี้เหรอครับ?”
“อืม”
ธรณีพยักหน้าเล็กน้อย
“เรื่องมันนานมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ทำไมนงลักษณ์ต้องมาพูดเรื่องนี้ด้วยครับ?”
บุริศร์ใส่หมัดเดียวจนเห็นเลือด ธรณีกลับหลบเลี่ยงเล็กน้อย
“อาจจะอยากกลับมาตระกูลพรโสภณมั้ง เธอบอกว่าเธอติดค้างพี่สะใภ้คิมมาทั้งชีวิต ถ้าไม่ได้พูดออกมาก็จะไม่สบายใจ”
“ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ยี่สิบกว่าปีแล้วมั้ง? ตอนนี้ถึงเพิ่งกลับมาบอกว่าติดค้างแม่ยายไว้ทั้งชีวิต? ตอนนี้ถึงเพิ่งรู้สึกจิตใจเป็นทุกข์เหรอครับ? อาเล็ก ความเฉลียวฉลาดของอาลดลง? หรือว่ารู้สึกว่าผมบุริศร์เป็นคนโง่ครับ? ข้ออ้างแบบนี้ คุณเชื่อเหรอครับ? หรือว่ารู้สึกว่าผมจะเชื่อ?”
คำพูดของบุริศร์นั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก
ธรณีกลับเบือนหน้าหนีไป แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้มันก็เป็นอย่างนี้”
“งั้นทำไมอาจจะต้องรั้งนรมนไว้ไม่ให้เธอไปประเทศFด้วยล่ะครับ? เพราะว่าอารองตระกูลทวีทรัพย์ธาดายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? ตัวเขาอยู่ที่ประเทศFใช่ไหมครับ?”
พอคำพูดของบุริศร์พูดออกไป ธรณีก็ลืมตาโตขึ้น จ้องมองบุริศร์แล้วก็พูดขึ้นว่า “นายพูดเรื่อยเปื่อยอะไร?”
“เป็นการพูดเรื่อยเปื่อยเหรอครับ? อาเล็ก ถ้าหากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตระกูลทวีทรัพย์ธาดา คุณจะตื่นตระหนกขนาดนี้เหรอครับ? ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าอารองยังมีชีวิตอยู่ คุณจะห้ามนรมนไปประเทศFเหรอครับ? หรือจะบอกว่าที่นงลักษณ์มาที่นี่ ก็เพราะต้องการให้อาเกลี้ยกล่อมนรมนให้ไปประเทศF? นี่เป็นเจตนาของเธอหรือว่าเป็นของอารองละครับ? ตอนนี้อารองอยู่ที่ประเทศFมีสถานะอะไรอยู่ครับ? น่าจะสถานะไม่ต่ำต้อยด้วยละมั้ง? ไม่งั้นตอนที่คุณย่าเสียทำไมถึงไม่เห็นอารองกลับมาเลยละครับ?”
คำถามเยอะแยะมากมายของบุริศร์ถาโถมใส่ธรณีจนมึนงงไปเลย
เขารู้ว่าจะประเมินบุริศร์ต่ำไปไม่ได้ แต่คิดไม่ถึงว่าสมองของบุริศร์จะหมุนวนได้เร็วขนาดนี้ เร็วจนเขาไม่มีทางที่จะควบคุมได้ หนำซ้ำยังไม่รู้ว่าควรจะอธิบายและตั้งรับยังไงถึงจะดี
เสียง“เพรี้ยง”ดังขึ้นทีหนึ่ง ที่ข้างนอกมีเสียงแก้วชาตกพื้นดังขึ้นมา แล้วผู้ชายสองคนที่อยู่ในห้องวาดรูปก็อึ้งไปทันที จากนั้นสีหน้าก็ดูไม่ดีขึ้นมาทันที