กิจจาไม่มีการแสดงออกอะไรกับคำตอบของมิลิน หลังจากเก็บโทรศัพท์ก็เดินมาตรงหน้านรมน
นรมนยังถูมือบุริศร์อยู่ คิดว่าทำแบบนี้จะทำให้เขาอบอุ่นขึ้นนิดหน่อย แต่ไอร้อนทั้งร่างกายบุริศร์เหมือนถูกแช่แข็ง ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรก็ไม่มีทางทำให้เขาอบอุ่นได้
“หม่ามี้ เธอตกลงแล้ว เดี๋ยวจะมา คุณออกไปรอเถอะครับ”
ขอบตากิจจาบวมจนเจ็บปวดเนื่องจากน้ำตาไหล
เขาทนเห็นเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้ มันทำให้เขานึกถึงพ่อตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
คนที่ปลอมตัวเป็นตรินท์คนนั้น
เขาสะสมความรู้สึกจริงใจจากแก่นแท้กับเขาเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่เสียชีวิต
หัวใจกิจจาปั่นป่วนอย่างรุนแรง
เขาห้ามให้คนในครอบครัวตัวเองเกิดอุบัติเหตุอีก ห้ามเด็ดขาด แม้ว่าต้องทำเรื่องอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องคนในครอบครัว เขาก็ไม่สนเรื่องอื่น
ไม่ใช่ฟังไม่ออกถึงความกริ้วโกรธและความรู้สึกแย่ของมิลิน และไม่ใช่ว่าไม่ใส่ใจความรู้สึกมิลินโดยสิ้นเชิงจริงๆ แต่เขาไม่สนใจเรื่องอื่น
บอกว่าขู่ก็ได้ บอกว่าอะไรก็ได้ เขาแค่หวังว่าคนในครอบครัวจะไม่น้อยลงอีกก็พอแล้ว
กิจจาไม่รอให้นรมนตอบ พูดแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป
นรมนมองแผ่นหลังกิจจา ไม่รู้ควรพูดเกี่ยวกับเด็กคนนี้อย่างไรดี มักรู้สึกว่าเด็กคนนี้แบกความรับผิดชอบที่ไม่ใช่ของตัวเองไว้บนร่างกายตัวเองทั้งหมด
เธอกลัวกิจจาเป็นแบบนี้จะยากลำบากเกินไป แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าตัวเองยังพูดอะไรบางอย่างให้ดีขึ้นได้บ้าง
การเดินออกไปของกิจจาทำให้ภายในห้องเหลือเพียงบุริศร์และนรมนสองคน
เธอถูมือบุริศร์ สีหน้าแววตาไม่ได้ตื่นตระหนกแบบตอนแรก และมีความสงบมากขึ้น
ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะยากลำบากก็ดี เหยียบย่ำกระดูกข้างหน้าก็ดี เธอก็จะตามเขาไป โดยไม่เจ็บแค้นและเสียใจภายหลัง
นรมนทำให้อุณหภูมิภายในห้องสูงขึ้นสองสามองศา
คลื่นความร้อนกระทบใบหน้าเธอ ทำให้ทั้งร่างเธอเหงื่อไหล แต่นรมนเห็นร่างบุริศร์ยังไม่มีท่าทางจะบรรเทาลง ก็รู้สึกเสียใจอย่างช่วยไม่ได้
มิลินมาเร็วมาก ไม่รู้ว่าอยู่ละแวกนี้หรือมีวิธีการอื่นๆ เธอไม่สน และไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้
เมื่อกิจจาเห็นมิลินมาถึง สีหน้าก็เหมือนปกติ เอ่ยเรียก “อาจารย์” อย่างเรียบๆ
กานต์รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ในดวงตามีความจริงจัง
ความสงสัยที่กิจจามีต่อมิลินเขาก็รู้ แต่ตอนนี้กลับเรียกมิลินมา นั่นแสดงว่าอาการคุณบุริศร์แย่มาก
เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ทันที พูดกับกิจจาว่า “พี่ แหวนฉันล่ะ?”
ตอนแรกที่กานต์รับแหวนมาจากมือป้าโอก็ไม่รู้ว่าสิ่งของนั้นมันดีอย่างไร ต่อมาเพื่อไปตามหาหนังสือโบราณเล่มนั้นที่หมู่บ้านดารายน กานต์เอาแหวนนั้นให้โสธร ต่อมาโสธรกับนรมนแสดงละครร่วมกันออกมา ทำให้คนอื่นนึกว่าโสธรหักหลังนรมน แหวนวงนี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ไม่มีใครรู้ แหวนวงนี้อยู่ในมือกิจจา
นี่มันอยู่ในมือกิจจากได้อย่างไร คนอื่นไม่รู้ แต่กานต์รู้ โสธรให้คนเอาไปให้กิจจา
เดิมทีแล้วคิดว่ากิจจาเป็นลูกศิษย์มิลิน มิลินเป็นคนของหมู่บ้านดารายน และกิจจาก็ยังเป็นพี่ใหญ่ของกานต์ ดังนั้นให้กิจจาก็เหมาะสมที่สุดแล้ว
หลังจากกิจจาเอากลับมาแล้วก็คืนให้กานต์ น่าเสียดายตอนนั้นกานต์ขี้เกียจเก็บสิ่งนี้ไว้ เลยให้กิจจาช่วยเก็บมัน
ในตอนนี้เห็นมิลินมาที่นี่แล้ว ถึงไม่รู้ว่าแหวนวงนี้มันมีความหมายอะไรกับป้าโอ แต่สามารถทำให้ป้าโอมอบแหวนวงนี้กับกานต์เป็นมรดกตกทอดก่อนตายได้ กานต์รู้สึกว่ามันไม่ใช่ของธรรมดา
คนอื่นอาจจะมองอะไรไม่ออก แต่มิลินที่เป็นคนของหมู่บ้านดารายนเหมือนกันจะมองไม่ออกเหรอ?
ประเด็นนี้กานต์ไม่กล้ายืนยัน แต่ก็จะลองเสี่ยงดู
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องปกป้องคุณบุริศร์ก่อนเสมอ
กิจจาไม่รู้ว่าชั่วขณะหนึ่งกานต์คิดอ้อมค้อมเยอะมากขนาดนี้ แค่เมื่อได้ยินกานต์ในตอนนี้พูดถึงแหวนวงนั้น ความคิดเดียวคือนั่นเป็นของของหมู่บ้านดารายน บางทีอาจจะมีประโยชน์กับบุริศร์ เป็นไปได้มากทีเดียวว่าพิษนี้มันแพร่กระจายมาจากแหวน?
แต่ไม่จริงสิ แหวนวงนี้เหมือนบุริศร์ไม่ได้สัมผัสมันมาก่อน
กิจจาคิดไปคิดมาก็ไม่มีทางเข้าใจ แต่ก็ยังหยิบแหวนวงนั้นออกมาจากกระเป๋าอย่างราบรื่น ส่งให้กานต์ต่อหน้ามิลินอย่างเคร่งขรึม
“อยู่นี่”
เมื่อมิลินเห็นแหวนวงนั้นดวงตาก็หดลง อารมณ์ที่ไม่เข้าใจผ่านไปทันที
“แหวนวงนี้……”
“ยายโอของผมก่อนตายทิ้งไว้ให้แด๊ดดี้ แต่ผมชอบมันเป็นพิเศษ แด๊ดดี้เลยให้ผมเอามาเล่น มันทำไมเหรอครับ?”
กานต์ไม่ได้บอกว่าแหวนวงนี้เอาให้เขา แต่บอกว่าให้บุริศร์ มันทำให้ใบหน้ามิลินมีการครุ่นคิดอะไรบางอย่างโดยทันที
“เขาอยู่ที่ไหน?”
ในขณะนี้ มิลินมีความกังวลเล็กน้อย
ถึงแม้กิจจาไม่รู้ว่าแหวนวงนี้มีประโยชน์อะไร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นว่าทำแบบนี้ก็เข้าใจแล้วว่ากานต์จงใจ
แต่แบบนี้ก็เป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการเช่นกัน แน่นอนว่าไม่คิดแล้วว่าทำไม
“อยู่ทางนี้ครับ”
กิจจารีบพามิลินขึ้นไปข้างบน
คุณท่านตนุวรสงบเยือกเย็นอยู่มุมหนึ่งในห้องรับแขกตลอดเวลา ไม่มีความรู้สึกถึงการมีอยู่ แต่กำลังไตร่ตรองอย่างไม่แน่ใจ
“โตษิน เกิดอะไรขึ้นกับบุริศร์?”
“อาการปวดประสาทกำเริบครับ คุณชายกิจจาเป็นลูกศิษย์ของมิลิน ตอนนี้เรียกเธอมาน่าจะมาดูอาการให้ประธานบุริศร์ล่ะมั้งครับ? ยังไงแล้วการปวดประสาทมันน่าทรมานมาก”
เรื่องที่บุริศร์ปวดประสาท ไม่ใช่ความลับในครอบครัว
ถึงแม้คุณท่านตนุวรรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คำพูดโตษินไม่มีปัญหา แค่ขมวดคิ้วพูดขึ้น “ให้คนไปเตรียมซุปบำรุงเลือดลมหน่อย อาการปวดประสาทนี้จะรุนแรงหรือไม่รุนแรง ถ้ามิลินรักษาบุริศร์ให้หายดีได้จริงๆ น้ำใจนี้ก็ต้องจำเอาไว้”
“ครับ คุณท่าน”
โตษินไปสั่ง
คุณท่านตนุวรถอนหายใจ พึมพำกับตัวเอง “ปีใหม่นี้พักผ่อนไม่สบายใจเลย เฮ้อ!”
เขาส่ายหน้ากลับไปที่ห้อง
มิลินถูกกิจจาพาขึ้นไปข้างบนแล้ว พอเปิดประตูห้อง คลื่นความร้อนก็ลอยเข้ามา
ทั้งร่างนรมนเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ แต่มองบุริศร์บนเตียงอีกครั้ง ทั้งร่างกายเย็นเฉียบไร้เหงื่อ ใบหน้าล้อมรอบไปด้วยสีเขียวไร้ชีวิต เมื่อมองแวบแรกคือถูกวางยาพิษจริงๆ แต่สีหน้ามิลินเปลี่ยนไปทันที
เมื่อนรมนได้ยินประตูห้องเปิดก็หันศีรษะกลับไป เห็นมิลินและกิจจา ก็ให้ทางเดินอย่างช่วยไม่ได้
“ยมราช รบกวนคุณด้วย”
การไหว้วานในดวงตานรมนทำให้มิลินตกตะลึงเล็กน้อย
หรือนงลักษณ์กลับมาไม่ได้มาหานรมน?
เป็นไปได้อย่างไร?
ข่าวที่เธอได้รับไม่ใช่ของปลอม
แต่ตอนนี้นรมนวางใจให้เธอมาช่วยชีวิตบุริศร์ ทำได้แค่พิสูจน์ว่าการคาดเดาของตนถูกต้อง สำหรับนรมนแล้ว ไม่มีใครสำคัญกว่าบุริศร์
มองท่าทางบุริศร์ในตอนนี้ขณะนี้อีกครั้ง สีหน้ามิลินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ฉันต้องรักษาเขาคนเดียว พวกคุณออกไปให้หมด ทางที่ดีปิดกล้องวงจรด้วย นรมน ฉันรู้เธอสงสัยฉัน และไม่ค่อยไว้ใจด้วย แต่ตอนนี้เธอทำได้แค่เชื่อฉัน”
ดวงตานรมนเย็นชาเล็กน้อย สีหน้าแววตาที่มองมิลินมีความดุเดือดเล็กน้อย
“คุณมั่นใจว่าจะช่วยเขาได้ใช่ไหม?”
“มั่นใจ”
“มั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์?”
“เก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
เมื่อมิลินพูดคำนี้ออกมา นรมนก็โล่งใจในที่สุด
“โอเค ไม่ว่าคุณต้องการอะไร ฉันตกลงทั้งหมด แค่คุณช่วยชีวิตเขาได้”
คำพูดนี้ถือว่าค่อนข้างไม่อะไร
มิลินตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ พูดขึ้น “ถ้าฉันต้องการชีวิตนงลักษณ์ล่ะ?”
ในเวลาต่อมา ในมือนรมนมีมีดสั้นเพิ่มหนึ่งด้ามตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ แต่มันไม่ได้วางบนคอมิลิน แต่วางบนคอตัวเอง
“หม่ามี้!”
กิจจาตกใจจนหน้าซีด มิลินก็ประหลาดใจนิดหน่อย
“นรมน เธอหมายความว่าไง?”
นรมนพูดอย่างเย็นชา “ถ้าวันนี้คุณช่วยชีวิตบุริศร์ ตระกูลโตเล็กและฉันได้รับความกรุณาจากคุณ ต่อไปคุณต้องการอะไร ตราบใดที่มันไม่ทำร้ายชีวิตคนในครอบครัวฉัน ฉันตกลงคุณได้ทุกอย่าง”
“ถ้าฉันไม่ต้องการสิ่งนี้ล่ะ?”
มิลินฟังความหมายในคำพูดนรมนออก
เธอกำลังปกป้องนงลักษณ์!
ประเด็นนี้ทำให้นรมนค่อนข้างประหลาดใจ
เท่าที่เธอรู้ นงลักษณ์และนรมนไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ก่อนที่นงลักษณ์ยังไม่กลับมาเมืองชลธี ความรู้สึกที่นรมนมีต่อนงลักษณ์นั้นเป็นแค่คนแปลกหน้าที่มีก็ได้ไม่มีก็ได้เท่านั้น
ถึงแม้มีราเชนอยู่ นรมนก็ไม่ได้มีความกระตือรือร้นมากนักในการติดต่อเชื่อมความสัมพันธ์ในครอบครัวอะไรกับนงลักษณ์ แต่ตอนนี้นรมนกลับปกป้องนงลักษณ์
ทำไม?
ระหว่างพวกเขาเกิดเรื่องอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้เหรอ?
ถึงขนาดทำให้ก้นบึ้งหัวใจนรมนมองนงลักษณ์อยู่ในขอบเขตคนในครอบครัว
นรมนเป็นผู้หญิงที่ปกป้องคนในครอบครัวตัวเอง
ตราบใดที่เธออยากช่วยเหลือสนับสนุนนงลักษณ์ ถ้าอย่างนั้นเธอก็จะไม่ให้ตนทำสำเร็จง่ายๆ
นึกถึงภารกิจของตัวเอง คิ้วมิลินก็ขมวดแน่น
นรมนเหมือนรู้นานแล้วว่ามิลินจะพูดแบบนี้ ก็ยิ้มเยาะขณะพูดขึ้น “วันนี้คุณมาที่นี่ ทุกคนข้างนอกเห็นหมดแล้ว รวมถึงคนของฉัน คนในตระกูลพรโสภณ คนในตระกูลโตเล็กและคนในตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ถ้าคุณไม่รักษาบุริศร์ให้หาย ฉันจะตายต่อหน้าคุณ คุณคิดว่าทำให้ตระกูลโตเล็ก ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา และตระกูลพรโสภณไม่พอใจในเวลาเดียวกัน คุณจะเดินออกไปจากเมืองชลธีได้ไหม? ฉันรู้ บางทีคุณอาจจะแค้นสามครอบครัวนี้ แต่ไม่ว่าจะแค้นแค่ไหนก็ต้องมีชีวิตอยู่ คุณคิดว่างั้นไหม?”
มิลินสั่นสะท้านทันที
เธอไม่เห็นการล้อเล่นในดวงตานรมนเลยแม้แต่นิดเดียว
และแสดงว่านรมนตัดสินใจนานแล้ว ตราบใดที่บุริศร์เป็นอะไร เธอก็ไม่อยากมีชีวิตเด็ดขาด!
ก่อนตายถ้าสามารถดึงเธอมาด้วยกันได้ การค้าขายนี้ก็คุ้มค่าอย่างมาก
เอาทีละอย่างสองอย่างมาขู่เธอ!
เห็นว่ามิลินอย่างเธอข่มเหงรังแกง่ายจริงๆ เหรอ?
ขณะที่กำลังจะโกรธ ก็เห็นกิจจาพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนนรมนทันที ในที่สุดก็ร้องไห้เสียงดังออกมาเหมือนเด็กสี่ห้าขวบ
“หม่ามี้ คุณอย่าตาย คุณตายแล้วผมจะทำยังไง? กานต์กับกมลจะทำยังไง? คุณอย่าทิ้งผมไป! หม่ามี้!”
กิจจาร้องไห้ด้วยความเศร้าสุดขีด ดวงตานรมนเปียกชื้นทันที หัวใจมิลินก็มีความเจ็บปวด
“ไม่ต้องเป็นห่วง หม่ามี้เธอไม่ตายหรอก ไม่ต้องร้องไห้ หนวกหูจะตายแล้ว พาหม่ามี้เธอออกไป ถ้าฉันไม่เรียกให้เธอเข้ามาก็ห้ามเข้า ได้ยินไหม?”
เมื่อมิลินพูดคำนี้ออกไป นรมนและกิจจาก็ตกตะลึงทันที
ดวงตาสองข้างที่เปื้อนน้ำตาของกิจจามองตรงไปที่มิลิน ความซาบซึ้งและความเชื่อใจภายในทำให้มิลินอบอุ่นหัวใจอย่างช่วยไม่ได้
เจ้าเด็กแสบคนนี้ ถือว่ารู้จุดอ่อนของตนอย่างแท้จริง