ราวกับรู้ว่ากานต์กำลังคิดอะไร บุริศร์ก็ยื่นนิ้วออกไปดีดหน้าผากเขาหนึ่งที แล้วพูดขึ้น “ไม่ว่าฉันจะเปลี่ยนไปเป็นยังไง ฉันก็เป็นพ่อของลูก”
กานต์ลูบหน้าผาก พูดขึ้นอย่างหดหู่เล็กน้อย “ทำไมนิสัยชอบดีดหน้าผากคนอื่นไม่เปลี่ยนล่ะเนี่ย?”
มุมปากบุริศร์ยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาที่ยิ้มแย้มนั้นทำให้ทั้งร่างรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“หม่ามี้ล่ะ?”
กานต์ถามอย่างค่อนข้างกังวล
บุริศร์มองเขา แล้วพูดเสียงทุ้ม “เธอเป็นภรรยาฉัน ฉันจะทำอะไรเธอได้?”
ในหัวสมองก็มีภาพนรมนที่เพิ่งเข้าไปในห้องแล้วโดนตัวเองเกือบบีบคอตายปรากฏขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
บุริศร์หันศีรษะไปอย่างช่วยไม่ได้ หลบหลีกแววตาของกานต์ รู้สึกผิดอยู่บ้าง
กานต์ไม่พบความผิดปกติของบุริศร์ จึงพูดพึมพำ “ไม่เสมอไปหรอก ใครจะไปรู้ว่าคุณทำอะไรหม่ามี้หรือเปล่า”
“หุบปาก!”
บุริศร์ขมวดคิ้วทันที ความกดขี่ที่ยากจะต่อสู้นั้นทำให้กานต์ตกตะลึงเล็กน้อย
“คุณบุริศร์ ผมไม่ชอบที่คุณเป็นในตอนนี้”
กานต์พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่กลัวทำให้บุริศร์โมโหเลยสักนิดเดียว
บุริศร์ตกตะลึงเล็กน้อย
“ลูกว่าไงนะ?”
“ผมบอกว่า ผมไม่ชอบที่คุณเป็นในตอนนี้ รู้สึกว่าคุณในตอนนี้มันแปลกหน้ามาก คนที่ทำตัวสูงส่ง มีความชั่วร้ายและแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก รวมๆ แล้วมันต่างกับแด๊ดดี้คนก่อนของผมมากเกินไป ผมไม่ชอบคุณที่เป็นแบบนี้”
กานต์ไม่แข็งกร้าวและไม่ถ่อมตัว และมองบุริศร์ขณะที่พูดอย่างไม่เกรงกลัว
ทันใดนั้นบุริศร์ก็ตกตะลึง
ไม่ชอบเหรอ?
ตัวเองก่อนหน้านี้เป็นอย่างไร?
อดทน เย็นชา ไม่ตรงปก หน้าเนื้อใจเสือ
นี่น่าจะเป็นคำพ้องความหมายของเขา
แต่เขาในตอนนี้แตกต่างกันอย่างไร?
แค่ไม่อยากอดทนมากเกินไปก็แค่นั้น
ในอกเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด ทำให้เขาหลอกหลอน ราวกับทุกคนทุกเรื่องทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากจะแสดงความโกรธ อยากจะทะเลาะ อยากจะ……เข่นฆ่า!
สองคำหลังเมื่อบุกเข้าไปในสมองบุริศร์ เขาก็ตกใจทันที
ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้นะ?
หรือว่าเป็น……
ดวงตาบุริศร์หนักอึ้งขึ้นทันที
“ฉันไปห้องทำงานแป๊บ ลูกดูแลกมลให้ดี และห้ามไปรบกวนการพักผ่อนของหม่ามี้ลูก ถ้าเธอถาม ลูกก็บอกว่าพ่อกำลังทำงานในห้องทำงาน รู้ไหม?”
บุริศร์พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไป แต่รู้สึกแขนเสื้อตัวเองถูกใครบางคนดึงไว้
เขาชะงักไปเล็กน้อย หันกลับไปอีกครั้ง เห็นมือเล็กของกานต์จับแขนเสื้อเขาไว้แน่นแล้วถามขึ้น “คุณบุริศร์ ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง คุณก็เป็นแด๊ดดี้ผมใช่ไหม?”
หัวใจบุริศร์สั่นทันที ความเจ็บปวดและความเสียใจอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้มันโอบล้อมเขาไว้ทันที ทำให้เขารู้สึกแย่เล็กน้อย
“พูดไร้สาระหรือไง”
เขายิ้มมุมปาก การแสดงออกที่คุ้นเคยนั้นทำให้ความไม่สบายใจของกานต์กลับมาเหมือนเดิมอยู่บ้าง
“ผมรู้แล้ว คุณไปทำงานเถอะ”
กานต์ปล่อยบุริศร์ไป
ถึงนิสัยเขาจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่เมื่อครู่นี้กานต์พบว่าเขาก็ยังเป็นเขา ยังเป็นคุณบุริศร์คนนั้นที่ตัวเองชอบมากที่สุด
เมื่อบุริศร์หันตัวไป สีหน้าก็หนักอึ้งเล็กน้อย
มิลินตัวแสบ!
เขารีบขึ้นไปข้างบน ไปที่ห้องทำงาน
เมื่อมิลินรับโทรศัพท์จากบุริศร์ ทั้งร่างก็ตกตะลึง แต่ไม่กล้ารอช้า รับสายทันที
“คุณท่าน!”
“เธอใช้วิธีอะไรในการถอนพิษฉัน? ทำไมอารมณ์กับนิสัยฉันเปลี่ยน? ในร่างกายฉันเหมือนมีความโหดเหี้ยมวิ่งวนรอบๆ มันควบคุมไม่ได้ค่อยได้อยู่รางๆ มิลิน ฉันว่าเธอเบื่อที่จะใช้ชีวิตแล้ว กล้าเล่นของใส่ร่างกายฉันตามใจชอบเหรอ! หืม?”
คำสุดท้าย บุริศร์ลากเสียงยืดยาวมาก เหมือนดาบใหญ่แห่งความตายอยู่เหนือศีรษะ ทำให้มิลินหวาดกลัวและตระหนกตกใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณท่าน ฉันไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก ต้องการถอนสัตว์พิษในความทรงจำคุณ ทำได้แค่ปลูกพิษสีทองให้คุณเท่านั้น พิษสีทองเป็นราชาพิษของหมู่บ้านล้อมรั้วเรา ทุกคน ตราบใดที่ในร่างกายมีพิษ ก็จะถูกคุณควบคุม ไม่กล้าขัดคำพูดคุณ นี่เป็นเกียรติพิเศษที่คุณท่านมีได้ อีกอย่างพิษสีทองสามารถถอนพิษประหลาดบนโลกได้ แค่มันจะค่อนข้างก้าวร้าว ในปัจจุบันคุณท่านกับมันอาจจะยังไม่ผสมกันอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเลยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อีกอย่างพิษสีทองมันฝังที่ห้องโถงบรรพบุรุษหมู่บ้านดารายน บางทีอาจจะเพราะความแค้นของบรรพบุรุษ เลยทำให้คุณรู้สึกเหี้ยมโหด”
มิลินพูดด้วยความสั่นจนจบ ก็ได้ยินบุริศร์ทำเสียงฮึดฮัดก่อนพูดขึ้น “อย่าเอาสำนวนพวกนี้มากระตุ้นฉัน ฉันจะบอกเธอให้ ความเป็นความตายและอนาคตของหมู่บ้านดารายนจะเป็นยังไง มันไม่เกี่ยวกับฉันเลย ฉันไม่สนใจ และไม่ใส่ใจ สำหรับสัตว์พิษบนตัวพวกเธอ ฉันก็ไม่สน และไม่อยากให้พวกเธอ และไม่อยากให้พวกเธอมาทำเพื่อฉัน ดังนั้นไอ้พิษสีทองบ้าอะไรนี่ ทางที่ดีเธอหาวิธีเอามันออกไปให้ฉันซะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ฉันจะฆ่าเธอทันทีโดยไม่เกรงใจ”
พูดจบบุริศร์ก็วางสายทันที
ความไม่พอใจของบรรพบุรุษอะไร ควบคุมผู้อื่นอะไร บุริศร์อย่างเขาไม่สนใจทั้งนั้น
พูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่าให้เขาเป็นปืน ให้เขาไปล้างแค้นให้หมู่บ้านดารายนในปีนั้นหรอกเหรอ?
แต่หมู่บ้านดารายนไปกระตุ้นคนพวกนั้นให้โกรธทำไม มิลินไม่ยอมบอกตน และยังอยากให้ตนไปจัดการกับสามตระกูลใหญ่และอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเพียงคนเดียวอีกเหรอ?
บุริศร์อย่างเขาดูเหมือนคนโง่?
บุริศร์ทำเสียงฮึดฮัดเย็นชา รู้สึกความเหี้ยมโหดในอกเพิ่มขึ้นอย่างยากที่จะควบคุม ความรู้สึกอยากทะเลาะวิวาทก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
เขาโทรหาป้องตลอดเวลา
“ความโหดเหี้ยม ความใจร้อนไม่สบายใจภายในใจ มียาอะไรระงับได้ไหม?”
ป้องตกตะลึงเล็กน้อย ถามขึ้น “นายพูดถึงใครอ่ะ?”
“ฉัน โดนเล่นงาน”
บุริศร์ก็ไม่ได้ปิดบังป้อง
เมื่อป้องได้ยิน ก็รู้สึกหดหู่เล็กน้อยทันที
“เรื่องไม่ดีในครอบครัวนายนี่เยอะจริง”
“พูดไร้สาระให้น้อยๆ หน่อย มียาระงับได้หรือเปล่า?”
พลังความหงุดหงิดของบุริศร์เผยออกมาอีกครั้ง
ป้องก็ไม่กล้ากระตุ้นเขาอีก พูดขึ้นเสียงทุ้ม “ขึ้นชื่อว่าเป็นยาจะมีพิษสามส่วน กินมากๆ มันไม่ดีต่อสุขภาพนาย นายดูสิว่าบ้านนายมีหยกอุ่นอะไรไหม ไปหามาใส่ได้ ไม่แน่มันอาจจะมีประสิทธิภาพ หยกสามารถระงับความเหี้ยมโหดกับหงุดหงิดได้ แต่ฉันแนะนำให้นายมาให้ฉันตรวจสอบสักหน่อย”
“ไม่มีเวลา จะออกไปเที่ยวกับคนในครอบครัว นัดกันไว้ตั้งนานแล้ว เด็กๆ ก็เฝ้าคอย ถ้าเปลี่ยนเป็นวันอื่นพวกเขาจะผิดหวัง”
บุริศร์พูดจบก็วางสายไป
หยกอุ่น?
หยก?
เขาเหมือนจำได้ว่าในคลังสินค้าเหมือนจะมีสิ่งนี้
คิดแบบนี้แล้ว บุริศร์ก็ขับรถไปที่คลังสินค้าที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลโตเล็ก
กานต์ไม่ค่อยวางใจ เมื่อเขาออกไปก็ขอตามไปด้วย บุริศร์ก็ไม่ได้ห้าม แค่อุ้มกมลเข้าไปในบ้าน ไว้ด้วยกันกับนรมน จากนั้นก็พากานต์กลับไปที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลโตเล็ก
เมื่อเปิดห้องเก็บของ กานต์ก็รู้สึกตัวเองตาเกือบบอด
“คุณบุริศร์ นี่ห้องเก็บของตระกูลโตเล็กเราเหรอ? ของเยอะมากขนาดนี้เชียว? นี่มันเท่าไรกันเนี่ย?”
เห็นท่าทางประหลาดใจของลูกชาย บุริศร์ก็พูดอย่างผ่อนคลายสบายๆ “เจ้าเด็กแสบ เก็บสีหน้าที่ประหลาดใจของลูกเอาไว้ ตระกูลโตเล็กเราขาดเงินเหรอ? ตระกูลโตเล็กเราถึงจะจนก็เหลือเงิน นี่มันมีค่าอะไร? ถ้าลูกชอบ เดี๋ยวตอนที่ลูกมีความรัก แด๊ดดี้จะให้เหมืองเพชรลูก ให้ลูกเอาให้เด็กผู้หญิงได้ตามใจชอบเลยดีไหม?”
มุมปากกานต์กระตุก พูดอย่างดูถูก “คุณบุริศร์ คุณโม้แล้ว ไม่น่ารักเหมือนคุณบุริศร์คนก่อนเลยจริงๆ โอ๊ย!”
เขาเพิ่งพูดจบ นิ้วบุริศร์ก็ดีดหน้าผากเขาอีกครั้ง
“อะไรเนี่ย คุณบุริศร์ คุณทำผมอีกทีผมจะทำคืนแล้วนะ”
“พูดเหมือนลูกเอาชนะพ่อได้งั้นแหละ”
บุริศร์ไม่สนใจเสียงร้องเอะอะของกานต์เลย หลังจากเดินเข้าไปก็เลือกหยกมรกตออกมาสองสามอันทันที ไม่สนว่าจะเป็นความบริสุทธิ์หรือวัตถุดิบ มันดีที่สุด
“เลือกเองมาหนึ่งอัน พ่อได้ยินมาว่าหยกรักษาความสงบปลอดภัย”
คำพูดนี้ของบุริศร์ทำให้มุมปากกานต์กระตุก
คุณบุริศร์นี่ ตอนนี้ยังมีความเชื่อเรื่องโชคลางด้วย
แต่เขาก็ยังเลือกแผ่นมังกรและฟินิกซ์หนึ่งชิ้น พูดขึ้นเรียบๆ “ผมกับกมลเอาแผ่นมังกรและฟินิกซ์คู่นี้แล้วกัน ส่วนแผ่นมังกรอันนี้ให้พี่ชาย”
กานต์หยิบแผ่นหยกสามชิ้นไป เหลือแผ่นหยกสีเลือดมังกรและฟินิกซ์ สีแดงสดนั้นดูสวยเย้ายวนอย่างบอกไม่ถูก
บุริศร์แค่มองก็รู้สึกพึงพอใจ
เขายัดชิ้นหนึ่งเข้าไปในกระเป๋าตัวเอง รู้สึกไม่ดีอีกครั้ง จึงหาเชือกมาพันไว้แนบข้างตัว
ความเย็นลอยออกมาจากหน้าอก ราวกับแทรกซึมผ่านผิวหนังเข้าไปในหัวใจ อย่างเรียบๆ ช้าๆ ระงับความเหี้ยมพวกนั้น
บุริศร์เอาอันที่เหลือนั้นใส่กระเป๋าไว้ ตั้งใจว่าจะกลับไปใส่ให้นรมน
“ไปกันเถอะ”
หลังจากบุริศร์ล็อกห้องเก็บของแล้ว ก็กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลพรโสภณกับกานต์อีกครั้ง
ภายในห้องรับแขก นรมนตื่นแล้ว ได้ยินโตษินบอกว่าบุริศร์พากานต์ออกไปข้างนอก เดี๋ยวกลับมา เธอก็ไม่ได้กังวล ดื่มชาเป็นเพื่อนคุณท่านตนุวรในห้องรับแขก
สองตาหลานไม่รู้คุยอะไรกัน คุณท่านตนุวรยิ้มอย่างมีความสุข และใบหน้านรมนก็มีรอยยิ้มเช่นกัน อบอุ่นเป็นพิเศษ เงียบสงบเป็นพิเศษ ทำให้มีความรู้สึกสงบสุขไหลเวียนในก้นบึ้งจิตใจ
ดวงตาบุริศร์มีแสงที่ไม่เข้าใจแวบผ่านไป จากนั้นก็ยิ้มขณะเดินเข้าไป
“คุยอะไรกันน่ะ? มีความสุขเชียว”
นรมนเห็นบุริศร์กลับมา ก็รีบถอดเสื้อคลุมเขา จากนั้นก็วางไว้ที่ราวแขวนเสื้อข้างๆ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้น “พูดเรื่องสนุกๆ อากาศหนาวแบบนี้ คุณพากานต์ไปไหนมา?”
“ไปเลือกของดีมาให้พวกคุณ”
ขณะที่พูด บุริศร์ก็นำหยกสีเลือดออกมา
นรมนทึ่งในความสวยของมันทันที
“หยกสีเลือด! บนโลกนี้มีหยกสีเลือดไม่มาก แล้วความบริสุทธิ์ดีขนาดนี้ยิ่งไม่ค่อยเห็น หยกสีเลือดชิ้นนี้อย่างน้อยก็มีมูลค่าหลายล้านใช่ไหม?”
“ก็ไม่สนหรอกว่ามันเท่าไร แค่หินชิ้นหนึ่ง ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวผมเอาไปทำเป็นเครื่องประดับให้คุณเอาไหม?”
บุริศร์สวมหยกสีเลือดในนรมนทันที
บางทีอาจจะเพราะความสัมพันธ์ของหยก บางทีอาจจะเพราะรอยยิ้มสดใสเหมือนดวงดาวของนรมน บุริศร์รู้สึกความหงุดหงิดภายในใจมันแทบไม่เหลือแล้ว
ความเย็นเล็กน้อยลอยมาจากตำแหน่งหน้าอก ทำให้นรมนรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
คุณท่านตนุวรเห็นบุริศร์กับนรมนรักกันแบบนี้ ก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ขณะพูดขึ้น “บุริศร์ นายอย่าทำให้สาวน้อยคนนี้เสียคน เดี๋ยวเธอทำให้นายโกรธ นายจะทำยังไง?”
“ผู้หญิงของผมโดนเอาใจจนเป็นยังไงผมรู้ดีแก่ใจ ไม่ต้องให้คนแก่อย่างคุณมาใส่ใจ”
ดวงตาบุริศร์เย็นชาเล็กน้อย สิ่งที่พูดออกมาค่อนข้างแหลมคม ทำให้นรมน กานต์และคุณท่านตนุวรตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้
“บุริศร์ นี่คุณเป็นอะไร?”
นรมนดึงเขามา เดิมทีแล้วอยากจะให้บุริศร์บรรเทาน้ำเสียงหน่อย แต่ไม่คิดว่าน้ำเสียงบุริศร์จะยิ่งเย็นชาขึ้น
“ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณท่าน ไม่รู้ว่าการเผาหมู่บ้านดารายนในปีนั้นมันเพื่ออะไร?”