บุริศร์ยังไม่ทันคิดตกจะจัดการอย่างไรดี นรมนก็เงยหน้าขึ้น ทำให้บุริศร์วางมือถือไว้ข้างหลังอัตโนมัติ
“ดีใจที่คุณมีความสุข”
บุริศร์ยิ้มบางๆ พูดขึ้น
นรมนพูดอย่างมีความสุข “แน่นอน สถานที่สวยๆ อย่างนี้พวกนั้นอิจฉาจะตาย พากันถามฉันที่นี่ที่ไหน”
“คุณบอกพวกเขาหรือ”
“จะทำงั้นได้ไง ถึงฉันอยากจะให้การท่องเที่ยวของเราที่นี่พัฒนาขึ้น แต่ฉันก็ไม่โง่หรอกนะ ถ้าบอกพวกเขา ไม่เป็นการเปิดเผยตำแหน่งพิกัดของเราหรือ ฉันไม่มีทางถูกหลอกค่ะ”
นรมนเหมือนเด็กเล็กๆ รู้สึกภาคภูมิใจ ท่าทางอย่างนั้นทำให้บุริศร์ชอบมาก แต่เพราะเรื่องของเจตต์ เขายังไม่ค่อยวางใจ
“นรมน”
“คะ”
นรมนเงยหน้ามองบุริศร์อีกครั้ง
สายตาของเธอตื่นเต้นดีใจ ทำให้บุริศร์ไม่กล้าพูดออกไป
“ไม่มีอะไร ชอบก็ดูเยอะๆ เดี๋ยวจะนอนแล้ว”
“ค่ะ”
นรมนพยักหน้ารับ ออกไปคุยต่อข้างนอก
บุริศร์หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้ง มองรายงานตรวจร่างกายในมือ แล้วหรี่ตา
ถูกพิษตะกั่ว?!
เจตต์ถูกพิษตะกั่วได้อย่างไร
อีกอย่างตอนเขาแต่งงานกับขวัญตาน่าจะตรวจร่างกายแล้วสิ
ไม่ได้ตรวจเจอหรือ
บุริศร์รู้สึกปวดหัว
เขาส่งรายงานนี้ให้เจตต์ ถามเขา “ผลตรวจร่างกายของนายดูเองละกัน ในร่างกายมีสารเคมีประเภทตะกั่ว ตอนแต่งงานไม่ได้ตรวจร่างกายหรือ”
เจตต์แปลกใจกับรายงานนี้อย่างเห็นได้ชัด ตอบเขา “ตอนที่จดทะเบียนฉันรถคว่ำอยู่โรงพยาบาลพอดี ฉันจะตรวจร่างกายยังไง”
“งั้นถึงยังไงหมอก็น่าตรวจเจอร่างกายนายมีตะกั่วมากเกินไปสิ”
นี่คือเรื่องที่บุริศร์คิดเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ
เจตต์เงียบไป
จริงสิ
ตอนที่เขารถคว่ำอยู่โรงพยาบาลน่าจะตรวจร่างกายทุกด้านแล้ว ทำไมถึงตรวจไม่เจอว่ามีตะกั่ว
และรายงานนี้เป็นคนของบุริศร์ จะต้องเป็นความจริงแน่
หรือที่โรงพยาบาลมีคนตั้งใจลบข้อมูลการตรวจร่างกายของเขา
“เจตต์ ยังมีความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง”
คำพูดของบุริศร์ทำให้เจตต์อึ้งนิดหนึ่ง
“อึม”
“ตอนที่นายอยู่โรงพยาบาลมีคนวางยา ตอนนั้นก็เลยยังตรวจไม่เจอ”
ความเห็นของบุริศร์ทำให้เจตต์ส่ายหน้า
“เป็นไปไม่ได้! ขวัญตาดูแลฉันตลอดเวลา นายคงไม่ได้จะบอกฉันขวัญตาน่าสงสัย อยากให้ฉันถูกพิษตะกั่วหรอกนะ มันมีประโยชน์อะไรกับเธอ พวกเราไม่เคยป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยซ้ำ ถ้าหากเธอวางยาพิษตะกั่วจริงๆ เธอไม่กลัวจะเป็นอันตรายกับลูกในอนาคตหรือไง”
เจตต์เพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินบุริศร์พูดขึ้น “ดูเหมือนนายจะมองข้ามไปคนหนึ่ง”
“ใครเหรอ”
“ผู้หญิงที่อยากแต่งงานกับนาย นักศึกษาอรอุรชา”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ในหัวของเจตต์มีภาพใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่งลอยเข้ามาในหัว
เขาขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
“เป็นไปไม่ได้มั้ง”
“ฉันก็ไม่รู้ นายไปสืบเองละกัน”
เจตต์ถามน้ำเสียงเคร่งขรึม “นรมนรู้เรื่องนี้มั้ย”
“ยังไม่ได้บอก เมียฉันมาเที่ยว ไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ”
บุริศร์พูดอย่างไม่เกรงใจ
เจตต์พูดเสียงแผ่วเบา “ดีที่สุดอย่าบอกเธอ ฉันแก้ไขเรื่องของฉันเอง ไม่ง่ายกว่าเธอจะได้ไปเที่ยวกับนายและลูกๆ อย่าเล่าเรื่องที่รบกวนจิตใจเธอ”
“ฉันก็รักเมียของฉัน นายดูแลตัวเองให้ดีก็พอ ฉันไม่บอกเรื่องสุขภาพนายได้ แต่นายก็ต้องรับปากด้วยจะไม่ทำให้เธอเป็นห่วง นายรู้มั้ย ฉันทนไม่ได้ที่เห็นเธอเป็นห่วงนาย”
“รู้แล้ว คนขี้หึง”
เจตต์วางมือถือแล้ว ดวงตาเคร่งขรึมทีเดียว
ถ้าหากในร่างกายเขามีตะกั่วจริงๆ เช่นนั้นถ้าเขามีลูกกับขวัญตาจะทำอย่างไรล่ะ
เจตต์กังวลใจมาก
ลูกที่มีพิษตะกั่วจะเก็บไว้ไม่ได้ ถึงตอนนั้นเป็นห่วงสุขภาพของขวัญตา และจิตใจของขวัญตาจะต้องไม่อยากเสียเด็กคนนี้ไปแน่ๆ
เจตต์กระวนกระวาย
เขารีบมายืนข้างๆ ขวัญตา กอดเธอจากด้านหลัง
“เป็นอะไรไปคะ”
เพราะการตายของพรรษา สองสามวันนี้เจตต์อารมณ์ไม่ดี ตอนนี้เขากอดเธอจากข้างหลัง ขวัญตาเข้าใจว่าเขานึกถึงพรรษาอีกแล้ว จึงกระซิบถาม
เจตต์รู้สึกขัดแย้งในใจเหลือเกิน
พวกเขาแต่งงานกันไม่กี่วัน ต่อให้ท้องก็ยังมองไม่ออก แต่เขาจะพูดกับขวัญตาอย่างไร
เจตต์ยิ่งรู้สึกสับสน
ขวัญตาไม่รอคำตอบจากเขา หันไปมองเจตต์ รู้สึกว่าในดวงตาของเขามีความลังเล ก็อดสงสารไม่ได้ “ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น เชื่อฉันนะคะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณค่ะ”
“ผมเชื่อคุณครับ แต่ผมไม่เชื่อตัวเอง”
เจตต์อยากมีลูกของตัวเองยิ่งกว่าใครทั้งนั้น
ตอนนี้เขาเป็นเด็กกำพร้าแล้ว ไม่มีพ่อไม่มีแม่ ปรารถนาจะมีสายเลือดของตัวเองต่อไป แต่ตอนนี้เขากลัวเหลือเกิน
ขวัญตารับรู้ได้ถึงความไม่สบายใจของเจตต์ ยิ้มให้เขา “เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”
“ให้คุณดูอะไรอย่างหนึ่ง”
เจตต์หยิบมือถือขึ้นมา ยื่นผลการตรวจร่างกายให้ขวัญตา
ขวัญตามองมือถือสงสัย สีหน้าตอนที่อ่านรายงานก็เปลี่ยนไป
“เป็นไปได้ยังไงคะ”
“ผมก็เพิ่งรู้ ขวัญตา พวกเราไม่เคยป้องกัน ถ้าเกิดมีลูกล่ะ…”
เจตต์รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองโหดร้าย แต่จะไม่พูดก็ไม่ได้
ขวัญตาเข้าใจความกังวลของเจตต์ทันที
“ถ้าหากมีจริงๆ งั้นก็ทำแท้งเถอะค่ะ ในเมื่อเราต้องรับผิดชอบกับชีวิต”
ขวัญตาเสียใจ
เธอก็อยากมีลูกให้เจตต์ เด็กที่สืบทอดสายเลือดของพวกเขา แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เอื้อให้ทำอย่างนั้น
ตอนนี้เธอได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่ท้อง เช่นนี้บางทีจะเสียใจน้อยลงบ้าง
เจตต์กอดเธอแน่น
“ขอโทษ ขวัญตา ผมขอโทษ เพราะผมไม่ทันระวัง ไม่ปกป้องคุณให้ดี”
“เด็กโง่ เกี่ยวอะไรกับคุณ รู้ยังคะใครเป็นคนทำ”
“พอจะเดาได้ แต่ผมยังไม่แน่ใจ เรื่องนี้ให้ผมเป็นคนจัดการเอง ผมจะต้องมีคำตอบให้คุณ”
แววตาของเจตต์โหดเหี้ยม
เขาเป็นลูกเศรษฐีไม่เป็นโล้เป็นพาย เป็นเพลย์บอยได้ นั่นเพราะเขาไม่อยากจริงจัง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะวางแผนกับเขาได้ ทำร้ายคนรอบตัวที่เขาแคร์ที่สุด
ขวัญตาก็ครุ่นคิดเพราะเรื่องของเจตต์ ลูบท้องของตัวเอง หวังว่าตัวเองจะไม่ท้อง แต่ก็หวังว่าตัวเองจะท้อง ความขัดแย้งในใจทำให้เธอจิตใจสับสนวุ่นวาย
“พรุ่งนี้จะเผาศพพ่อแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเรากลับไปจัดพิธีศพที่เมืองชลธีดีมั้ยคะ”
ขวัญตาถามขึ้น
เจตต์อึ้งไป พยักหน้า “ก็ดีครับ พ่อเป็นคนเมืองชลธี แม้ว่าจะตายห่างจากบ้านเมืองตัวเอง แต่ก็ต้องการกลับไปที่รากเหง้าของตัวเอง พรุ่งนี้เราพาอัฐิของพ่อกลับไปกัน”
งานมงคลและงานอวมงคลชนกัน เจตต์นอกจากรู้สึกผิดต่อขวัญตาแล้ว ตอนนี้ยังมีเรื่องถูกพิษตะกั่วอีก ยิ่งทำให้เขาไม่รู้ควรจะชดใช้ขวัญตาอย่างไรดี
ราวกับรับรู้ได้ถึงความในใจของเจตต์ ขวัญตากุมมือของเขา พูดเสียงอ่อนโยน “ฉันเป็นภรรยาของคุณ ฉันรู้จักคุณตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นทหาร ตอนนั้นฉันเตรียมตัวเป็นภรรยาทหารแล้ว ในเมื่อภรรยาทหารไม่กลัวลำบาก ตอนนี้ยังมีอะไรน่ากลัวอีก คุณวางใจเถอะ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นยังไง ฉันจะคอยเคียงข้างคุณ เราเป็นสามีภรรยากัน ขอแค่พวกเราร่วมใจกัน ไม่มีใครจะทำอะไรพวกเราได้”
“ครับ”
เจตต์พยักหน้า แล้วโอบขวัญตาเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง
“ผมไม่อยากทำให้คุณลำบาก แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือน ทำให้ผมไม่ได้ป้องกัน ช่วงนี้จึงต้องทำให้คุณลำบาก รอเรื่องนี้เรียบร้อย ผมค่อยพาคุณไปฮันนีมูนชดเชยนะครับ”
“ตกลงค่ะ”
การตัดสินใจของเจตต์ ขวัญตาไม่มีความเห็นเป็นอื่น
เธอรักเจตต์หมดหัวใจอย่างนี้ ไม่มีวันหันหลังกลับมาเสียใจ
เจตต์พูดคุยกับเธออีกครู่หนึ่ง ก็ออกไปข้างนอก
เขาย่อมมีช่องทางของตัวเอง
เพื่อตรวจสอบร่างกายถูกพิษตะกั่วจริงหรือไม่ เจตต์ใช้ช่องทางของตัวเองตรวจร่างกายอีกครั้ง ผลที่ออกมาเหมือนกับของบุริศร์ไม่ผิดเพี้ยน
ใครกันแน่ต้องการทำอย่างนี้กับเขา
เกี่ยวข้องกับการตายของพรรษาพ่อของเขาหรือเปล่า
เจตต์ไม่เข้าใจ
พรรษาตายกะทันหัน เบาะแสแม้แต่น้อยก็ไม่เหลือให้เขา นอกจากศพนั่น เขาก็ไม่เจอปัญหาอื่นเกี่ยวกับข้อสงสัยในตัวพรรษาอีก
ขณะที่วินเซนต์หาคนหนึ่งเจอผ่านกาสิโน
คนที่ชื่อปองภพ
ผู้ชายคนนี้อายุพอๆ กับพรรษา
เขาเป็นคนดูแลกาสิโนกลางๆ พรรษาเข้าออกกาสิโนหลายครั้งก็ได้เขาต้อนรับ
วินเซนต์ตรวจสอบผู้ชายคนนี้พบว่าปองภพเป็นคนเมืองชลธี แต่ยี่สิบกว่าปีก่อนจากเมืองชลธีมาอยู่ที่นี่ ตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยไปไหนอีก แต่เรื่องที่น่าสงสัยก็คือ ภรรยาของปองภพหายตัวไป
หลายปีมานี้ไม่มีข่าวคราวของเธอ แต่ปองภพไม่เคยออกตามหาเธอ
เรื่องนี้น่าสนใจ
ตอนที่วินเซนต์ขุดเรื่องของปองภพต่อไปเขาก็ค้นพบ ปองภพเคยพบกับพรรษาที่เมืองชลธี และเวลาที่พบกันคาดไม่ถึงจะเป็นปีที่เทย่าให้กำเนิดเจตต์
ดังนั้นปองภพคนนี้เป็นไปได้มากที่จะรู้เรื่องระหว่างพรรษากับเทย่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ วินเซนต์ก็สั่งการ ให้คนไปจับปองภพมา ขอแค่คนมา เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะสอบสวนไม่ได้
แต่ปองภพอาจจะได้ยินข่าวลือ ตอนที่วินเซนต์พาคนไป เขาหนีไปแล้ว
วินเซนต์คว้าน้ำเหลว รู้สึกหงุดหงิด
“ไปจับมา! ค้นให้ทั่วอย่างน้อยต้องมีเบาะแสอะไรสักอย่าง”
วินเซนต์ออกคำสั่ง ทุกคนเริ่มรื้อค้นพลิกหาจนทั่ว
บ้านของปองภพไม่มีของมีค่าอะไร มองปราดเดียวก็เห็นชัด ทุกคนหากับรอบหนึ่งแล้วก็ไม่เจอของที่มีค่าอะไร
หรือว่าเขาพกติดตัวไปด้วยตอนที่หนีไป
วินเซนต์คิดอย่างนี้ รู้สึกกลัดกลุ้ม
เขาช้าไปก้าวหนึ่งอีกแล้วหรือ
เขาเตะเก้าอี้เต็มแรง ได้ยินเสียง “คลิก” เหมือนของบางอย่างปิดเข้าหากัน จากนั้นก็เห็นตู้ตรงหน้าจู่ๆ เปิดออกเอง เผยให้เห็นตู้เซฟใบไม่ใหญ่นักที่อยู่ข้างใน