แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1252 มีผมอยู่ คุณจะกลัวอะไร?

บทที่ 1252 มีผมอยู่ คุณจะกลัวอะไร?

ยิงเหรอ?

ใจของนรมนหล่นตุ๊บลงทีหนึ่ง

คนในตอนนี้เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?

ไม่ต้องยืนยันก็สามารถยิงปืนกลางถนนได้เลยเหรอ?

ความโกรธอย่างหนึ่งแผ่ขยายออกมาจากหน้าอกของนรมน

อยู่ ๆ บุริศร์ก็จับมือเธอไว้แน่น แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณเข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

นรมนนิ่งอึ้งไปหนึ่งวินาที

เธออยากจะอยู่ด้วย แต่ว่าเธอเห็นดวงตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นของบุริศร์แล้ว ก็รู้สึกเดาความคิดที่แท้จริงของบุริศร์ไม่ถูกเลย

หรือว่าเขาจะมีวิธี

นรมนรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ตัวเองจะมาอวดเก่ง เธอพยักหน้าเบา ๆ ไปทีหนึ่ง

หลังจากที่ทั้งสองคนคลายมือออกจากกันแล้ว นรมนก็เดินไปทางศูนย์การค้าอย่างรวดเร็ว

เสียง“ปิ๊ว”ดังขึ้นทีหนึ่ง เสียงกระสุนนัดหนึ่งดังขึ้นไปทางด้านนรมนทันที

นรมนนั่งลงไปอย่างอัตโนมัติ แล้วก็ยังกลิ้งไปกับพื้นอีก จึงหลบอันตรายไปได้อย่างหวุดหวิด กระสุนไปโดนประตูกระจกอีกข้างหนึ่ง ทำให้แตกทะลุทันทีเลย แล้วเสียงเตือนฉุกเฉินก็ดังขึ้น และทั้งสถานที่ก็วุ่นวายขึ้นมา

ดวงตาของบุริศร์เย็นลงมาหลายองศาทันที

นี่กล้ายิงปืนขึ้นมาจริง ๆ เหรอ!

บุริศร์หันกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็กระโดดตัวลอยทีหนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว

พออีกฝ่ายเห็นใบหน้าบุริศร์ที่สามารถดูออกได้ง่ายว่าเป็นใครก็อึ้งไปทันที จากนั้นก็อยากจะเหนี่ยวไกขึ้นมาอีกครั้งอย่างอัตโนมัติ แต่ความรวดเร็วของบุริศร์กลับเร็วมากเกินไป เร็วจนเขามองไม่เห็นเงาคน รู้สึกแต่เพียงเงาดำ ๆ ข้างหน้าเล็กน้อย วินาทีต่อมาข้อมือก็มีความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวส่งมาแล้ว

“อ้า!”

เสียงร้องที่ราวกับหมูโดนเชือดร้องดังขึ้นมา

นรมนรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

เมื่อกี้เธอถึงกับมองการกระทำของบุริศร์ไม่ทัน

เขาเร็วเกินไปแล้ว!

ความเร็วของบุริศร์เพิ่มสูงขึ้นมาถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ในขณะที่นรมนแปลกใจนั้น บุริศร์ก็ได้ปลดมือของอีกฝ่ายลงแล้ว จากนั้นก็สวนมือกลับไปตบหน้าอีกฝ่ายทีหนึ่งทันที

“เหนี่ยวไกกลางถนน แกไม่กลัวยิงโดนผู้บริสุทธิ์เหรอ? หึ? ชุดที่ใส่อยู่บนตัวแกนี่มันหมายความว่าอะไร? ใจของแกไม่มีสำนึกบ้างเลยเหรอ?”

ในเวลานี้บุริศร์เป็นเหมือนกับเทพสังหารคนหนึ่ง แรงสังหารที่ระเบิดออกมาทั้งตัวทำให้คนอดไม่ได้ที่จะถอยหนีไปสามก้าว

ในรถยังมีคนอีกสองคนที่เหมือนกับเป็นผู้ช่วย แต่ว่าอยู่ภายใต้การข่มขู่ของบุริศร์ ก็ได้แต่นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับเลย ท่าทางเหมือนกับว่าตกใจจนโง่ไปแล้ว

“เจ้าโง่! พวกแกยังมัวแต่อึ้งอยู่ทำไม? ไปจับมันมาให้ฉัน! ยังมีนังผู้หญิงคนนั้นด้วย!”

เสนาธิการเขมทัตตะโกนขึ้นอย่างกับคนบ้า แต่วินาทีต่อมาปืนกระบอกนั้นก็ได้ไปจ่ออยู่หัวของเขาแล้ว

“คุณลองดูซิ”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นไร้ความอบอุ่นของบุริศร์ ทำให้เสนาธิการเขมทัตตกใจจนเข่าอ่อนไปทั้งตัวเลย แต่ก็ยังพยายามฝืนอยู่

“บุริศร์ ผมไม่ได้เป็นคนที่อยากจะจับคุณนะ แต่ว่ามันเป็นเจตนาของเบื้องบน คุณเองก็อย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะ? ทุกคนต่างก็มาจากที่เดียวกันทั้งนั้น คำสั่งทหารขัดขืนได้ยาก ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก”

“ไม่มีทางเลือกเหรอ? ไม่มีทางเลือกก็ทำให้คุณเหนี่ยวไกกลางถนนไปเรื่อยได้เหรอ? หรือไม่สนใจคนรอบข้างได้เหรอ? ผมอยากจะถามสักหน่อย ผมทำความผิดใหญ่หลวงอะไร ถึงทำให้คุณต้องมาฆ่าผมกลางถนนแบบนี้ด้วย? ไหนมีหมายจับหรือเปล่า? เอาออกมาให้ผมดูหน่อยซิ”

คำพูดของบุริศร์ทำให้สีหน้าเสนาธิการเขมทัตดูไม่ดีขึ้นมาเล็กน้อย

“นี่เป็นปฏิบัติการที่เป็นความลับ เอกสารไม่ได้ส่งต่อมาถึงผม ที่ผมได้รับมามีแต่คำสั่งปากเปล่าเท่านั้น”

“ผมมียศทหารอะไรคุณไม่รู้เหรอ? ด้วยยศของคุณในตอนนี้ไม่มีหนังสือมาแล้วยังอยากจะมาจับผมอีก? คุณกำลังคิดอะไรอยู่?”

บุริศร์เปิดปากพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย จากนั้นวินาทีต่อมาก็เป็นเหมือนอย่างกับเป็นซาตาน แล้วก็เตะเข้าตรงข้อพับเสนาธิการเขมทัตเลย

เสนาธิการเขมทัตคุกเข่าลงทันที เสียงนั้นนรมนได้ยินแล้วยังรู้สึกหัวเข่าเจ็บแทนเลย

แล้วในเวลานี้ก็มีกลุ่มคนชุดดำโผล่ออกมาจากไหนไม่รู้กลุ่มหนึ่ง แล้วมาล้อมพวกเสนาธิการเขมทัตไว้อย่างรอบด้าน

บุริศร์พูดขึ้นเสียงเย็นขึ้นว่า “พากลับไปให้หมด อย่าตีจนตายล่ะ ฉันยังอยากรู้เรื่องอะไรหน่อย”

“ครับ!”

คนชุดดำเปิดปากพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ความแข็งแกร่งแบบนั้นทำให้คนรู้สึกตัวสั่นทั้งที่ไม่หนาวเลย

เสนาธิการเขมทัตหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที

“บุริศร์ คุณแอบเลี้ยงคนไว้เยอะขนาดนี้ นี่คุณจะเป็นกบฏแล้วเหรอ?”

“เสนาธิการเขมทัตใช่ไหม? คุณนี่ดูละครทีวีมากไปหรือเปล่า? หรือว่าคุณนึกว่านี่มันเป็นสมัยโบราณ? ผมเป็นกบฏ? ผมเป็นกบฏยังไงล่ะ? ก็แค่จะเชิญคุณกลับไปเป็นแขกหน่อยเท่านั้น พาตัวไป”

บุริศร์พูดขึ้นอย่างเยือกเย็น

คนชุดดำรีบเดินขึ้นหน้า แล้วก็กระชากคนที่อยู่ในรถทั้งสามคนออกมา จากนั้นก็อุดปากไว้และก็ลากขึ้นรถไปเลย

ผู้คนรอบข้างไม่มีใครกล้าพูดอะไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป

เพราะว่ากลุ่มคนชุดดำนั้นใส่ชุดเฉพาะของสหภาพQT

อยู่ที่นี่สหภาพQTแปลว่าอะไร ไม่มีไม่รู้จัก ไม่มีใครไม่รู้ความหมาย ไม่มีใครที่จะรังเกียจที่ตัวเองอายุยืนเกินไปแล้วไปแหย่สหภาพQTหรอกนะ

บุริศร์เห็นว่าคนรอบข้างค่อนข้างรู้ตัวดี ก็เลยไม่พูดอะไรอีก แต่กลับเดินไปตรงหน้านรมน แล้วแรงสังหารที่แผ่ออกมารอบข้างก็ถูกเก็บเข้าไปทันที

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ดวงตาของเขามีแววเป็นกังวลกะพริบอยู่

นรมนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าคนคนนี้รู้สึกคุ้นหน้าจังเลย เหมือนกับว่าฉันจะเคยเจอที่ไหนมาก่อนนะคะ”

“ฮือ?”

บุริศร์รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง

เสนาธิการเขมทัตกับนรมนน่าจะไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน

หัวสมองของนรมนหมุนไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมา

ภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่รังแกกมลอยู่ตรงหน้าประตูบ้านคริชณะ และตอนนั้นยังมีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดจาโวยวายกับเธอด้วย

จากนั้นก็เหมือนกับว่าเสนาธิการเขมทัตคนนี้จะปรากฏตัวออกมาใช่หรือเปล่า?

นรมนจำได้ไม่ค่อยชัดเจนแล้ว แต่คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นภาพอย่างนี้

“ฉันนึกออกแล้ว ลูกของผู้ชายคนนี้เคยรังแกกมลมาก่อน ที่หน้าประตูบ้านพี่ใหญ่คริชณะ”

ดวงตาของบุริศร์เย็นลงไปทันที

“รังแกลูกสาวฉันเหรอ? ดีนี่!”

บุริศร์เอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาลูกน้องโดยตรง

“ช่วยต้อนรับเสนาธิการเขมทัตให้ฉันดี ๆ หน่อย”

“ได้ครับ พี่ใหญ่”

หลังจากที่วางสายโทรศัพท์แล้ว บุริศร์เองก็รู้ว่า ศูนย์การค้านี่คงจะเดินต่อไปไม่ได้แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอย่างหดหู่ว่า “ขอโทษนะ รบกวนความสุขของคุณอีกแล้ว การอยู่กับผม เหมือนกับว่าจะเกิดเรื่องได้ทุกที่ทุกเวลาเลย ต้องทำให้คุณต้องลำบากใจแล้ว”

“ไม่เป็นไร ฉันชินแล้วค่ะ ชีวิตแบบนี้ถึงจะเหมาะสมกับพวกเรา”

นรมนเดินหน้ามาคล้องแขนบุริศร์ไว้ และยิ้มอย่างอ่อนโยนขึ้นมา

“ถ้าหากมีชีวิตเรียบง่ายอยู่กับคุณ เหมือนกับตอนสามปีหลังจากที่แต่งงานกัน บางทีฉันอาจจะไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำว่าคุณรักฉันมากขนาดนี้”

พอได้ยินนรมนพูดถึงเรื่องที่ตัวเองชั่วช้าที่สุดสามปีนั้น บุริศร์ก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า “ถ้าหากผมรู้ว่าจะต้องเจออะไรมากมายมาตั้งแต่แรก……”

“แล้วยังไงคะ? คุณก็จะไม่แต่งงานกับฉันแล้วเหรอคะ?”

คำพูดนี้ของนรมนถามจนบุริศร์ไม่รู้จะตอบยังไงไปชั่วขณะ

จ้องมองดวงตาที่แวววาวคู่นั้นของภรรยา แล้วอยู่ ๆ บุริศร์ก็ประคองใบหน้าของเธอไว้ แล้วพูดอย่างลึกซึ้งขึ้นว่า “ไม่ ผมก็ยังจะแต่งงานกับคุณอยู่ แต่ว่าผมคงจะไม่ให้เสียเวลาสามปีนั่นไป ผมจะประคบประหงมคุณไว้ในมือตั้งแต่แรก จะไม่ปล่อยให้เวลาสามปีนั้นสูญเสียไปเลย”

อยู่ ๆ ดวงตาของนรมนก็ฝืดเคืองขึ้น

“เป็นสามีภรรยาแก่เฒ่ากันแล้ว ยังจะมาพูดคำพูดหวานเลี่ยนแบบนี้อีก”

“ที่ผมพูดเป็นความจริง ๆ ตอนนี้ผมยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าเวลาที่ได้อยู่กับคุณมันน้อยเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราจะแต่งงานกันมาแปดปีแล้ว แต่ว่าเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ มันก็แค่หนึ่งปีกว่า ๆ เท่านั้น ถ้าเทียบกับสามีภรรยาทั่วไปแล้ว มันก็ไม่ได้ดื่มด่ำกับความอบอุ่นมากเท่าไหร่นักจริง ๆ นี่คือสิ่งที่ผมบุริศร์ติดค้างคุณไว้”

บุริศร์รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

นรมนรีบพูดขึ้นว่า “ความรักไม่มีใครติดค้างใครหรอกค่ะ ฉันรู้แค่ว่าฉันชอบคุณ ชอบคุณมากกว่าชอบตัวเองซะอีก ฉันอยากจะอยู่กับคุณ ไม่ว่าอยู่กับคุณแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่จะเป็นยังไง จะมีลมพายุฝนแบบไหน สำหรับฉันแล้ว ขอแค่สามารถยืนอยู่ข้างอยู่ข้างคุณ ได้อยู่เป็นเพื่อนคุณ นั่นก็เป็นความสุขที่สุดของฉันแล้ว”

“ยัยโง่ บนโลกใบนี้จะหาผู้หญิงที่โง่อย่างคุณอีกคนไม่ได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอยู่กับผมแล้วมีแต่การนองเลือด แต่ว่าคุณก็ยังไม่คำนึงอะไรแบบนี้ คุณที่เป็นแบบนี้จะให้ผมทำใจปล่อยมือไปได้ยังไง”

“งั้นก็อย่าปล่อยมือ จับมือฉันไว้ตลอด จนเดินไปถึงจุดจบของโลก เดินไปถึงน้ำทะเลของเราแห้งเหือดก้อนหินแตกสลายไป จนตราบชั่วฟ้าดินสลาย”

“ได้”

การตอบตกลงของบุริศร์ทำให้ใจของนรมนอุ่นร้อน

ทั้งสองคนไม่ไปสนใจสายตาของผู้อื่น จูงมือกันแล้วก็เดินไปข้างหน้าต่อไป

อยู่ที่นี่ พวกเขาก็คือราชา

ก่อนหน้านี้ที่ไม่อยากจะปะทะกับเสนาธิการเขมทัต ก็แค่ไม่อยากจะทำให้คนที่อยู่เบื้องบนต้องขุ่นเคือง ในเมื่อยังต้องไว้หน้ากันหน่อย แต่ว่าในเมื่อเสนาธิการเขมทัตเหนี่ยวไกปืนกลางถนนขึ้น และเขาบุริศร์เบื้องหลังก็ยังมีธเนศพลเป็นที่พึ่ง เขายังจะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ?

สิ่งเดียวที่บุริศร์กลัวก็คือกลัวทำให้นรมนติดร่างแหไปด้วย แต่ว่าพอจ้องมองเด็กสาวที่ยืนหยัดอยู่ข้าง ๆ นี้ ผู้หญิงที่ไม่เคยสั่นไหวตั้งแต่วินาทีที่แต่งงานกับเขา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

เขาจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีมาปกป้องนรมนให้ดี ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาจริง ๆ ต้องตกจากสวรรค์ไปสู่นรก เขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอก็พอแล้ว

พอคิดได้ถึงจุดนี้ บุริศร์ก็ไม่เป็นห่วงอะไรแล้ว

ทั้งสองคนเดินเล่นไปตามถนนเหมือนอย่างกับคู่รักทั่วไป

ร้านกาแฟข้าง ๆ มีเสียงเปียโนไพเราะลอยมาระลอกหนึ่ง

นรมนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ฉันยังจำได้ว่าตอนที่คุณอยู่ในมหาลัยเคยเล่นเปียโนบทเพลงหนึ่ง เป็นเพลง《เฟือร์เอลิเซอ》ของเบทโฮเฟิน”

“คุณชอบฟังเหรอ?”

บุริศร์จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ

ตอนที่อยู่มหาลัยเขาเคยเล่นเปียโนมาก่อนจริง ๆ

ของอย่างเปียโนนี้ สำหรับลูกผู้ดีมีสกุลอย่างพวกเขาแล้วเป็นวิชาที่จำเป็นจะต้องเรียนอยู่แล้ว และเขาก็เคยเรียนได้ไม่เลวด้วย เพียงแต่ว่าพอไปเป็นทหารก็ได้เล่นน้อยลง แล้วพอมาทำธุรกิจก็ยิ่งไม่มีความสุนทรีแบบนั้นแล้ว

มาวันนี้พอได้ยินนรมนพูดขึ้นแบบนี้ แล้วเห็นปฏิกิริยาในดวงตาของนรมน เขาก็อดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดขึ้น

นรมนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อยากฟังค่ะ”

บุริศร์รู้สึกว่าของในโลกใบนี้ไม่มีอะไรสามารถต้านทานรอยยิ้มของนรมนได้

ขอแค่เธอยิ้มขึ้นมา ถึงแม้ว่าเธอจะอยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้า บุริศร์ก็คงจะคิดหาวิธีเด็ดมาให้เธอจงได้

เพราะว่ารอยยิ้มของเธอเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุด งดงามที่สุดในโลกจริง ๆ

บุริศร์จูงมือของนรมนเดินเข้าไปในร้านกาแฟ

อยู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นว่า “ผมจำได้ว่าคุณก็เล่นเปียโนได้ไม่เลวเหมือนกัน”

“ก็ยังดี แต่ว่าไม่ได้เล่นนานแล้ว”

“มาเถอะ เรามาร่วมเล่นสี่มือประสานกันดีกว่า”

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย

“ฉันกับคุณเหรอคะ?”

“ไม่งั้นล่ะ? เชิญครับ คุณนายบุริศร์!”

บุริศร์ยื่นมือมาทางนรมนอย่างเป็นสุภาพบุรุษมาก

นรมนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเลย

“ฉัน ฉันอาจจะตามจังหวะคุณไม่ทัน ฉันกลัวว่าจะทำให้จังหวะของคุณวุ่นวายไป”

“มีผมอยู่ คุณยังจะกลัวอะไร?”

บางทีอาจจะเพราะว่าสายตาของบุริศร์อ่อนโยนเกินไป หรือบางทีอาจจะเพราะว่าวินาทีนี้บรรยากาศมันดีเกินไป นรมนก็เลยยื่นมือไปให้บุริศร์อย่างตกอยู่ในภวังค์

เธอไม่รู้ว่าตัวเองเดินขึ้นไปบนเวทีได้ยังไง และไม่รู้ว่าตัวเองนั่งลงไปได้ยังไง รู้แต่เพียงบรรยากาศรอบข้างนั้นมีแต่กลิ่นอายของบุริศร์ มือที่มีนิ้วมือเรียวยาวคู่นั้นจับมือของเธอไว้ น้ำเสียงที่อ่อนโยนดังอยู่ข้างหู

“คุณนายบุริศร์ คุณทำได้อยู่แล้ว บนโลกใบนี้มีแต่คุณที่สามารถร่วมเล่นสี่มือประสานกันกับผมได้”

หัวใจของนรมนเหมือนกับว่าโดนเติมอะไรเข้าไปอย่างงั้น แล้วก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมขึ้นมาทันที

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท