นรมนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการเล่นสี่มือประสานกันกับบุริศร์มันจะมีความรู้สึกที่ไม่สมจริงขนาดนี้ และสวยงามมากขนาดนี้
ข้างหูมีแต่เสียงเปียโนที่ไพเราะ เพลงที่เล่นยังคงเป็นเพลง《เฟือร์เอลิเซอ》ของเบทโฮเฟิน แต่ว่าวินาทีนี้นรมนรู้สึกว่าบทเพลงนี้มันช่างงดงามและน่าฟังมากขนาดนี้ แล้วก็มีกลิ่นอายที่ไม่เหมือนเดิมเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
มือของทั้งสองคนบินว่อนไปบนคีย์บอร์ดขาวดำ และเต้นระบำไป อย่างกับภูตจิ๋วสองตน ที่หลงระเริงกับความสุขบนโลกมนุษย์อยู่
ในดวงตาของพวกเขาสองคนมีเพียงซึ่งกันและกันเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าพวกเขาทั้งสองคนเข้ากันได้ดีเช่นนี้
คนรอบข้างต่างก็ฟังกันจนอึ้งไป มีคนหนึ่งเอาโทรศัพท์ออกมาถ่ายคลิปไว้อย่างรวดเร็ว แล้วก็โพส์ตลงไปบนโลกออนไลน์
นรมนและบุริศร์ในตอนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พวกเขาไม่รู้เลยว่าการกระทำธรรมดาของตัวเองจะสามารถติดเทรนฮิตขึ้นมาได้
โพนี่ที่กำลังจะคลอดลูก เพื่อเป็นการผ่อนคลายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการหดเกรงของมดลูก เธอจึงเข้าไปดูWeiboอย่างเบื่อหน่ายขึ้นมา แล้วก็เห็นคลิปที่นรมนและบุริศร์เล่นเปียโนกันเข้า จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปเล็กน้อย
ป้องสังเกตอาการภรรยาตัวเองอยู่ตลอด พอเห็นว่าโพนี่นิ่งอึ้งไป ก็อดไม่ได้ที่จะเดินหน้าเข้ามาดูสักหน่อย แล้วก็โกรธขึ้นมาทันที
“บุริศร์นี่ยังไงกัน? ไหนว่ารักกันดีกับพี่สะใภ้รองอยู่ไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้กลับไปเล่นเปียโนอยู่กับผู้หญิงอื่นลับหลังพี่สะใภ้รองเหรอ? นี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ! เพื่อเขาแล้วพี่สะใภ้รองต้องยอมเสียสละอะไรมากมาย ต้องสูญเสียอะไรไปมากมาย เขานี่มันเป็นผู้ชายชั่วจริง ๆ!”
โพนี่อึ้งไปเล็กน้อย
“คุณมีความสัมพันธ์ดีกับนรมนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”
ผู้ชายบ้านเธอนั้น เธอรู้จักดีที่สุด
ตั้งแต่แรกป้องไม่ได้ชอบนรมนซะเท่าไหร่เลย และมักจะเอาแต่คิดว่านรมนมาฉุดให้บุริศร์ตกต่ำไป และในฐานะที่เป็นพี่น้องของบุริศร์ ช่วงหลายปีมานี้บุริศร์ต้องเจออะไรมาบ้าง แน่นอนว่าเขาต้องยืนอยู่ข้างบุริศร์อยู่แล้ว
สำหรับจุดนี้ โพนี่ไม่ได้ช่วยพูดอะไรแทนนรมน เพราะว่าความลำบากแบบนี้มีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่รู้ และเธอก็เชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นป้องก็ดี คนอื่นก็ดี ช้าหรือเร็วก็จะต้องเห็นความดีของนรมนเอง และรู้ว่าที่นรมนอยู่กับบุริศร์นั้น คู่ควรกับบุริศร์ทุกอย่างแน่
เพียงแต่ว่าโพนี่คิดไม่ถึงว่าเวลาที่ป้องยอมรับนรมนนั้นจะเร็วขนาดนี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย
ป้องกลัวภรรยาจะเข้าใจผิด จึงรีบพูดขึ้นว่า “อะไรคือความสัมพันธ์ของผมกับเธอดีขนาดนั้น? เธอเป็นพี่สะใภ้รองของผม แน่นอนว่าผมจะต้องปกป้องเธออยู่แล้ว แล้วอีกอย่าง เธอก็เป็นเพื่อนของคุณไม่ใช่เหรอ? เพื่อนรักของเมียผมก็จะต้องเป็นคนดีเหมือนเมียผมอยู่แล้ว”
“รู้จักแต่เลียแข้งเลียขาฉัน”
ริมฝีปากของโพนี่คลี่ขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ร้องอย่างเจ็บปวดเพราะมดลูกบีบตัวขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง
“โพนี่ สูดหายใจเข้าลึก ๆ สูดหายใจเข้าลึก ๆ นะ”
ป้องตื่นเต้นจนบนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา อย่างกับว่าคนที่จะคลอดลูกไม่ใช่โพนี่ แต่เป็นเขายังไงอย่างงั้น
โพนี่จับโทรศัพท์ไว้แน่น เจ็บจนหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “นั่นคือนรมน คุณอย่าพูดเรื่องตลกเลย เธอก็แค่แต่งหน้าขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ดูดี ๆ ก็ยังสามารถมองออกได้ว่าเป็นเธอ แต่ว่าการขึ้นเทรนฮิตแบบนี้จะทำให้เปิดเผยตำแหน่งของพวกเขาหรือเปล่า? ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์ของพวกเขาค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง”
ใจของป้องหล่นลงตุ๊บทีหนึ่ง
ใช่ซิ สถานการณ์ในตอนนี้ของบุริศร์มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่นี่
“คุณอย่าเพิ่งไปสนใจพวกเขาเลย สนใจตัวเองดีกว่า ผู้หญิงจะคลอดลูกถือเป็นจุดหนึ่งที่ต้องก้าวผ่านไป พวกเรามาก้าวข้ามผ่านจุดนี้ไปก่อนดีกว่าไหม? พี่รองมีความสามารถมากซะขนาดนั้น คุณวางใจเถอะ เขาจะต้องจัดการให้เรียบร้อยได้แน่”
คำพูดของป้องเพิ่งจบลง การติดเทรนฮิตบนโลกออนไลน์ก็ได้หายไปจนหมดเกลี้ยงแล้ว
ในขณะเดียวกัน ที่ฐานทัพใหญ่สหภาพQT สีหน้าของกานต์ยังคงขาวซีดอยู่ แต่ว่ามือทั้งคู่กำลังเคาะอยู่บนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว แล้วไม่นานก็หยุดลง
ที่หน้าจอคอมปรากฏรูปสัญญาลักษณ์จิ้งจอกเงินขึ้นมา จากนั้นก็ส่งข้อความมาประโยคหนึ่ง
“เจ้าเด็กผี ร่วมมือกันอย่างมีความสุขนะ!”
หัวคิ้วของกานต์ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย
เจ้าเด็กผีเหรอ?
เจ้าจิ้งจอกเงินนี่ยังคงทำให้คนทั้งรักทั้งเกลียดเหมือนเดิมเลย
แต่ว่าสามารถร่วมมือกับจิ้งจอกเงินมาลบเทรนฮิตนี้ไปได้ และที่สำคัญยังไม่มีทางค้นหาเจออีกด้วย นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้คนดีใจได้อีกเรื่องหนึ่ง
จากนั้นกานต์ก็เจ็บปวดจนตัวงออยู่บนเตียง
เล่นเปียโนสี่มือประสานกันเหรอ?
ที่ร้านกาแฟอีก!
ตอนนี้เขาสงสัยมากจริง ๆ ว่าตัวเองเป็นลูกชายแท้ ๆ ของพวกเขาจริงหรือเปล่า
ในขณะที่เขาบาดเจ็บ นอนอยู่บนเตียงกำลังต้องการพ่อแม่ แต่พวกเขาสองคนกลับวิ่งไปเดินช้อปปิ้งโรแมนติกกันอยู่ แถมยังไปติดเทรนฮิตอีก พวกเขาเคยคิดถึงภาพฝังใจที่จะเกิดขึ้นในใจเขาที่เป็นลูกชายคนนี้บ้างไหม
แล้วในตอนที่กานต์กำลังเสียใจอยู่นั้น กมลกับกิจจาก็เดินเข้ามาพอดี
“พี่ พี่รู้สึกยังไงบ้าง? ยังเจ็บอยู่ไหมคะ? มาเดี๋ยวหนูเป่าให้นะคะ”
น้ำเสียงที่อ่อนหวานของกมลทำให้กานต์รู้สึกว่าโลกนี้ยังมีรักจริงอยู่
“ไม่เป็นไร ไม่เจ็บแล้ว”
กานต์คลี่ยิ้มขึ้นมาทันที แต่ว่าสีหน้าที่ขาวซีดนั่นก็ยังทำให้กมลเบ้ปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งตัวเข้ามากอด
“พี่ พี่ทำให้หนูตกใจมากเลย! ต่อไปห้ามทำอย่างนี้อีกนะคะ”
กมลหลีกเลี่ยงบาดแผลของกานต์ไว้ แล้วกอดกานต์ไว้แน่น
หัวใจของกานต์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันทีเลย
“พี่ไม่เป็นไรแล้ว นี่ก็ดี ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอ”
“แบบนี้ก็เรียกว่าดีด้วยเหรอ?”
กิจจายกน้ำซุปบำรุงเลือดและเรี่ยวแรงเข้ามาถ้วยหนึ่ง แล้วยื่นให้กับกานต์
“ฉันให้พวกเขาทำมา นายดื่มซิ”
“ได้”
กานต์รับไป แล้วก็ดื่มรวดเดียวหมดเลย
พอเห็นกานต์ถือโน้ตบุ๊คไว้ กมลก็ถามขึ้นอย่างรู้สึกสงสัยว่า “พี่ พี่กำลังทำอะไรอยู่คะ? บาดเจ็บขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักพักผ่อนอีกเหรอคะ?”
“ฉันกำลังเช็ดก้นให้ใครบางคนอยู่น่ะ”
แค่กานต์คิดถึงพ่อแม่คู่นั้นขึ้นมา มันก็ เฮ้ย มีแต่น้ำตาทั้งนั้น
“ฮือ?”
กมลรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ
กานต์รีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรแล้ว มันจบไปแล้ว”
“งั้นก็พักผ่อนให้ดี ๆ ไม่งั้นละก็พวกเราก็ต้องอยู่ที่นี่กันไปอีกนานแน่ แล้วแบบนี้จะได้ไปหมู่บ้านดารายนเมื่อไหร่กัน”
พอได้ยินกมลพูดแบบนี้ กานต์ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเลย
“กมล หรือเรื่องที่เธอเป็นห่วงมันไม่ใช่ร่างกายของพี่ แต่คือจะได้ออกเดินทางไปหมู่บ้านดารายนเมื่อไหร่ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะ หนูก็เป็นห่วงทั้งสองอย่างแหละ แฮะ ๆ”
กมลยิ้มแฮะ ๆ ขึ้นมา ทำให้กานต์รู้สึกตำหนิต่อไปไม่ไหวแล้ว
“เธอจะไปทำอะไรที่หมู่บ้านราดายน?”
ที่แห่งนั้นกานต์รู้สึกรังเกียจอยู่เล็กน้อย ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ เขาไม่อยากจะไปสักเท่าไหร่เลย ในเมื่อมีเรื่องตั้งมากมายต่างก็เกี่ยวพันกับที่นั่น
แต่ว่ากมลกลับตั้งหน้าตั้งตารอเป็นอย่างยิ่ง นี่มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจอยู่บ้างจริง ๆ
กิจจาเองก็จ้องมองกมลด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน
กลมกัดริมฝีปากล่างเอาไว้ แล้วพูดเหมือนกับว่าจะได้ตัดสินใจไปอย่างเด็ดขาดมากว่า “ฉันมีเรื่องบางอย่างจะต้องไปจัดการสักหน่อย”
“เธอจะไปมีเรื่องอะไรได้?”
“พี่ดนัยเป็นคนขอให้ฉันไปช่วยจัดการ แต่เขาบอกว่าไม่ต้องรีบร้อน ฉันก็เลยคิดว่า ก็คุณลุงคริชณะยังไม่กลับมาใช่ไหมล่ะ? พี่ดนัยกับพี่เวธนีและคุณป้างามสุดาก็เฝ้ารอให้คุณลุงคริชณะกลับมาอยู่ทุกวัน ถ้าหากฉันสามารถช่วยเรื่องนี้ได้ ไม่แน่คุณลุงคริชณะอาจจะได้กลับมาเร็ว ๆ ก็ได้”
ฟังกมลพูดไปแบบนี้แล้ว ท่าทีของกานต์ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“นี่เธอจะพูดว่าคุณลุงคริชณะเกี่ยวข้องกับเรื่องของหมู่บ้านราดายนเหรอ? ที่เขาโดนตรวจสอบไม่ใช่เพราะว่าคดีวางระเบิดเหรอ?”
“หนูก็ไม่ค่อยชัดเจน เพียงแต่แค่ได้ยินพี่ดนัยพูดมาว่าถ้าแด๊ดดี้กับหม่ามี้เราไปหมู่บ้านราดายน ก็ขอให้หนูช่วยเขา”
“ช่วยอะไร?”
กมลส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “นี่เป็นความลับของหนูกับพี่ดนัยค่ะ หนูพูดไม่ได้”
“ฉันเป็นพี่เธอนะ”
“ถึงเป็นแด๊ดดี้ หนูก็พูดไม่ได้ค่ะ”
กมลค่อนข้างที่จะดื้อดึงและยืนกรานกับเรื่องนี้ แล้วก็ทำให้กานต์และกิจจารู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
“กมล ที่แห่งนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอกนะ”
“หนูรู้ค่ะ แต่ว่าก็ไม่เป็นไร นี่ก็มีพี่ ๆ อยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ในเวลาแบบนี้นึกถึงฉันขึ้นมาแล้วเหรอ?”
กานต์พูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดี แต่ก็รู้จักความดื้อดึงของกมลดี
น้องสาวคนนี้ปกติเห็นว่าบ้า ๆ บอ ๆ แต่ถ้าตั้งใจจะทำเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ ละก็ วัวสิบตัวก็ยังฉุดไม่อยู่
แต่ก็ช่างเถอะ
ถ้ามีวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ เขาก็จะพยายามปกป้องเธอให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน
กานต์พูดแบบนี้ไปในใจ แล้วก็ไม่บีบบังคับกมลอีก
นรมนกับบุริศร์ไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองติดเทรนฮิตขึ้นมาอีกพักหนึ่ง แต่ว่าก็โดนคนลบทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
ธเนศพลจ้องมองโทรศัพท์ที่วินาทีแรกยังติดเทรนฮิตอยู่ วินาทีต่อมาก็หาร่องรอยอะไรไม่เจอแล้ว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้างขึ้นมา
เห็นได้ชัดเลยว่ารอบข้างบุริศร์มีแต่ยอดฝีมืออยู่เยอะแยะราวกับก้อนเมฆ
ความรวดเร็วแบบนี้ แม้แต่เขาก็ยังไม่นับถือไม่ได้
เขายิ้มขึ้นมา แล้วก็โทรศัพท์หาบุริศร์ทันที
ในเวลานี้บุริศร์กำลังเล่นจบเพลงกับนรมนพอดี รอบข้างก็เกิดเสียงปรบมือดังขึ้นราวกับฟ้าร้อง
พวกเสียงปรบมือหรือดอกไม้อะไรพวกนั้น พวกเขาสองคนต่างก็เป็นพวกที่ได้รับมาตั้งแต่เล็กจนโต ก็เลยไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจอะไรมาก เพียงแต่ว่าการร่วมมือกันได้เป็นอย่างดีเมื่อกี้ของทั้งสองคนต่างก็ซึมซับเข้าไปในใจอยู่นานไม่จางหายไป
“คุณเล่นได้ดีจริง ๆ”
ทั้งสองคนต่างคนต่างพูดขึ้นพร้อมกัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา ความอ่อนโยนที่ไร้ขอบเขตแผ่ขยายใหญ่ขึ้นมาทันที
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน”
นรมนโดนบุริศร์จูงมือไว้ แล้วเดินออกจากร้านกาแฟไปภายใต้สายตาที่อิจฉาของผู้คนรอบข้าง
แล้วโทรศัพท์ที่อยู่ข้างกายดังขึ้นมา บุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบออกมา
ในตอนที่เขาเห็นว่าเป็นสายเข้าของธเนศพล ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง
เมื่อกี้ตัวเองเพิ่งจะจับเสนาธิการเขมทัตไป แล้วสายโทรศัพท์ของทางด้านธเนศพลก็โทรเข้ามาเลย หรือว่าจะโทรมาให้เขาปล่อยคนเหรอ?
พอคิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของบุริศร์ก็ดูไม่ค่อยดีขึ้นมาเท่าไหร่
“มีอะไรเหรอคะ? สายโทรศัพท์ของใครเหรอคะ?”
เมื่อกี้ยังรักกันหวานแหววอยู่ แล้วจู่ ๆ สีหน้าของบุริศร์ก็เปลี่ยนไป นรมนสัมผัสละเอียดอ่อนขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไร”
บุริศร์ลูบหัวนรมนอย่างปลอบขวัญเล็กน้อย แล้วก็รับสายต่อหน้าเธอเลย
“คุณชายธเนศพลโทรศัพท์มาหาผมในตอนนี้ หรือว่าจะให้ผมปล่อยคนเหรอ?”
“ปล่อยใครกัน? คุณจับใครไปเหรอ?”
ธเนศพลรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
บุริศร์เองก็อึ้งไปครู่หนึ่งเหมือนกัน
หรือว่าจะไม่ได้เพื่อเสนาธิการเขมทัตเหรอ?
“คุณโทรหาผมมีเรื่องอะไรครับ?”
บุริศร์รีบเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาทันที
ล้อเล่นซิ เขาจะไม่มีทางเปิดเผยเรื่องของตัวเองให้ธเนศพลแน่
คนคนนั้นแล้วสุขภาพเรียบร้อย แต่ว่าไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้วว่า ธเนศพลนั้นเป็นปีศาจตัวหนึ่ง เพียงแต่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามนั่นทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปเท่านั้น
นรมนเองก็นึกออกแล้วว่าธเนศพลคือใคร
คนคนนั้นที่เมืองหลวงเหรอ?
เขาเคยช่วยเหลือบุริศร์มาก่อน เพียงแต่ว่าตัวตนของเขานรมนไม่ค่อยรู้จักเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็ไม่มีความอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่ยืนฟังอยู่อีกข้างหนึ่งเงียบ ๆ เท่านั้น
ธเนศพลเองก็ไม่ได้ถามบุริศร์ว่าเมื่อกี้หมายความว่ายังไง เพียงแต่แค่ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณคงจะไม่รู้ เมื่อกี้ที่คุณและภรรยาเล่นเปียโนสี่มือประสานกันนั้นได้ขึ้นเทรนฮิตไปแล้ว”
“อะไรนะ?”
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดกันขึ้นเล็กน้อย
ในจุดนี้เขาได้ลืมนึกถึงเลยไป
“ไม่ต้องร้อนใจไป มีคนช่วยพวกคุณลบทิ้งไปแล้ว ผมเลยจะบอกว่ายอดฝีมือที่อยู่ข้างกายคุณคนนี้สามารถยืมให้ผมใช้หน่อยได้ไหม?”
“ไม่ได้!”
บุริศร์พูดจบแล้วก็กดวางสายโทรศัพท์ไปเลย
เขากดเข้าไปในโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว อยากจะเช็กดูร่องรอยของเมื่อกี้นิดหน่อย แต่พอดูทีหนึ่งก็รู้แล้วว่าต้องเป็นฝีมือของจิ้งจอกเงินและกานต์
อยากจะยืมลูกชายกับเขาเหรอ?
ล้อเล่นระดับโลกอะไรกัน!
แต่ว่าธเนศพลก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ พอโดนบุริศร์กดวางสายไปแล้ว ก็โทรWechatเข้ามาสายหนึ่งเลย
“เอาคนมาให้ผมยืม แล้วผมจะให้ข่าวที่เกี่ยวกับหมู่บ้านราดายนกับคุณข้อหนึ่ง ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าอยากฟังหรือไม่ฟัง และยังมีเรื่องหนอนพิษทองคำด้วย มันมีความเกี่ยวข้องกับคุณอยู่นะ”