“เกวลินเหรอ? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เกิดเรื่องขึ้นกับวินเซนต์แล้วเหรอ?”
นี่เป็นความคิดแรกของนรมน
เกวลินส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “วินเซนต์ให้ฉันกลับมาช่วยเขาเอาของ”
“ของอะไร?”
ครั้งนี้บุริศร์เป็นคนเปิดปากพูดขึ้น
ถึงแม้จะไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เกวลินทำให้วินเซนต์บาดเจ็บ แต่ว่าพอรู้สถานะที่แท้จริงของเกวลินแล้ว และรู้ความคิดของวินเซนต์มานั้น บุริศร์ก็ไม่อยากจะทำให้เธอลำบากใจมากเท่าไหร่
ในเมื่อเธอจะได้กลายเป็นภรรยาของวินเซนต์แล้ว
ที่จริงเกวลินนั้นรู้สึกกลัวบุริศร์อยู่
ผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนกับวินเซนต์ ความเย็นชาของเขานั้นมาจากข้างในกระดูก แล้วแฝงความเยือกเย็นที่ผลักไสคนให้ไปไกล ๆ เอาไว้ แต่กลับทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
ส่วนความเย็นของวินเซนต์นั้นเป็นการออกมาโดยตรง ราวกับถ้ำน้ำแข็ง แฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยมและแรงสังหาร ทำให้คนแค่มองก็รู้สึกกลัว ความรู้สึกแบบนี้กลับทำให้เกวลินยอมรับได้
แล้วตอนนี้อยู่ ๆ บุริศร์ก็มาถามคำถามตัวเอง เกวลินจึงอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ฉันไม่รู้ เขาให้ฉันกลับไปหาป้ายหยกที่มีรูปนกอินทรีที่ห้องนอนของเขา”
สีหน้าของบุริศร์ดูไม่ได้ขึ้นมาทันทีเลย น้ำเสียงก็ไม่ดีมากเช่นกัน
“เขาให้คุณกลับมาเอาเหรอ?”
“อืม ใช่ค่ะ”
เกวลินไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด รู้สึกแต่เพียงว่าสีหน้าของบุริศร์ดูไม่ดีมากเลย หนำซ้ำแม้แต่กลิ่นอายก็ยังมีแรงสังหารจนทำให้คนรู้สึกกลัว
เธอกลืนน้ำลายลงคอคำหนึ่งอย่างอัตโนมัติ แล้วก็หลบไปข้างหลังนรมนอย่างรวดเร็ว
นรมนเองก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของบุริศร์ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ทำไมเหรอคะ? ก็แค่ป้ายหยกอันหนึ่งไม่ใช่เหรอ?”
สายตาที่บุริศร์จ้องมองเกวลินมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วก็พานรมนจากไปเลย
พอเขาเดินไปปุ๊บ เกวลินก็เกือบจะยืนไม่อยู่เลย
บุริศร์คนนี้ช่างน่ากลัวมากจริง ๆ
น่ากลัวมากกว่าวินเซนต์ซะอีก
หวังว่าต่อไปคงจะไม่มีต้องมีโอกาสยืนอยู่ด้วยกันกับเขาแล้ว
เกวลินคิดไปแบบนี้ แล้วก็วิ่งเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว
ตลอดระยะทางบุริศร์เอาแต่เงียบขรึม
นรมนดูออกว่าเขามีเรื่องในใจ แต่ว่าก็ไม่ได้เปิดปากถาม บุริศร์ก็เป็นอย่างนี้ ในตอนที่เขาอยากจะพูดก็จะพูดเอง ถ้าไม่อยากจะพูด คุณถามเขาไปก็ถามเสียเปล่า
ทั้งสองคนมาถึงห้องผู้ป่วยที่โรงพยาบาลของวินเซนต์อย่างรวดเร็ว
บุริศร์เปิดประตูเข้าไปโดยตรงเลย
พยาบาลกับหมอกำลังล้างแผลให้วินเซนต์อยู่
นรมนยืนอยู่ที่หน้าประตูไม่ได้เดินเข้าไป แต่บุริศร์กลับพูดขึ้นเสียงเย็นว่า “ไม่ต้องล้างแล้ว ล้างไปแล้วก็ยังบาดเจ็บอยู่ดี จะทำให้มากเรื่องแบบนี้ทำไม?”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนปะทุอยู่เต็มที่ทำให้วินเซนต์อึ้งไปครู่หนึ่ง พอเงยหน้าขึ้นมาก็สบเข้ากับดวงตาที่ไร้ความอบอุ่นของบุริศร์ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นขึ้นมาคำหนึ่ง “คุณนี่ยังไงกัน? ทำอย่างกับว่าผมติดเงินคุณไว้ยังไงอย่างงั้นแหละ”
“สิ่งที่นายติดค้างฉันมันไม่ใช่เงิน”
คำพูดของบุริศร์พูดได้อย่างหนักหน่วง
รอยยิ้มของวินเซนต์แข็งค้างไว้บนใบหน้า จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คุณเจอกับเกวลินเข้าแล้วเหรอ?”
“นายกะว่ะปิดบังฉันไว้เหรอ? แล้วให้เธอไปเอาป้ายหยกรูปนกอินทรีทำไม? ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเคยพูดไว้ว่า ป้ายหยกนี่จะสามารถให้นายสมหวังได้อย่างหนึ่ง นายกะว่าจะใช้กับตัวเธอเหรอ? นายรู้หรือเปล่า ทุกวันทุกเดือนทุกปีที่นายผ่านไป มีอันตรายอยู่เยอะแยะมากมาย ป้ายหยกอันนี้สามารถช่วยชีวิตนายตอนที่ช่วงเวลาสำคัญได้นะ แต่ตอนนี้นายกลับจะเอาออกมาใช้บนตัวเกวลิน! นายรู้สึกว่าฉันจะต้องเอาชีวิตเธอให้ได้เลยใช่ไหม? เพื่อที่จะปกป้องเธอแล้ว นายถึงกับมองฉันแบบนี้เลยเหรอ? เป็นพี่น้องกันมาหลายปีขนาดนี้ ฉันอยู่ในสายตานายแล้วเป็นคนที่ไม่มีน้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอ?”
บุริศร์รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
วินเซนต์รีบพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่นะ พี่ใหญ่ ที่ผมให้เธอไปเอาป้ายหยกนั้น ไม่ใช่เพื่อที่จะเอามาให้คุณปล่อยเธอไป ผมรู้ว่าคุณรู้จักผมดี และก็สามารถรู้ได้ด้วยว่าผมจะทำยังไง แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง เกวลินก็ได้กลายเป็นผู้หญิงของผมแล้ว ในส่วนนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และผมเองก็ไม่อยากเปลี่ยนแปลงด้วย คุณดีกับผมมากจริง ๆ แน่นอนว่าจะต้องยอมปล่อยเธอเพราะการตัดสินใจของผม แต่ว่าเธอได้ทำให้ผมบาดเจ็บ แล้วทำร้ายพี่น้องของเรา สำหรับจุดนี้ผมจำเป็นจะต้องให้คำตอบกับพี่น้องของเราอย่างหนึ่ง”
อาจจะเพราะว่าพูดทีเดียวเยอะขนาดนี้ วินเซนต์ก็เลยไอขึ้นมาเล็กน้อย
บุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ยังเอาน้ำจากข้าง ๆ มาแก้วหนึ่งแล้วยื่นให้เขาไป
“ให้คำตอบกับพี่น้องคำตอบหนึ่งนายจะเอาป้ายหยกมาทำไม?”
“ทุกคนต่างก็รู้ถึงความหมายที่ป้ายหยกมีต่อผม เกวลินทำผิดไปแล้ว ก็จะต้องได้รับการลงโทษ แต่ว่าเธอเป็นผู้หญิงของผม แน่นอนว่าผมต้องรับโทษแทนเธอแน่ แต่ว่าถ้าผมทำแบบนี้แล้ว คาดว่าต่อหน้าพี่น้องในสหภาพQTคงจะปล่อยเธอไป แต่ว่าในลับหลังคงอยากจะสร้างความลำบากให้เธอ ป้ายหยกเลยเป็นของที่ผมกะว่าจะมอบไว้ให้เธอเป็นของป้องกันตัว”
คำพูดของวินเซนต์ทำให้สีหน้าของบุริศร์ดูดีขึ้นมาหน่อย
“ไม่ได้เอามาใช้บนตัวฉันก็ดีแล้ว”
“ไม่หรอก ชีวิตผมยังมีค่ามากอยู่ ต่อไปยังจะต้องมาบังแดดบังฝนให้ภรรยา โอกาสเพียงหนึ่งเดียวนี้ผมจะต้องรักษาไว้ให้ดีแน่”
วินเซนต์ยิ้มอ่อน ๆ ไป ในดวงตามีแววมีชีวิตชีวาขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
อยู่ ๆ บุริศร์ก็รู้สึกว่าบางทีวินเซนต์คนเดิมอาจจะค่อย ๆ กลับมาแล้วก็ได้
เกวลินไม่ใช่ทรรศยา แต่ว่ากลับเป็นน้องสาวของทรรศยา ในวินาทีที่วินเซนต์ได้ครอบครองเกวลิน บางทีเขาอาจจะได้ทำการตัดสินใจแล้ว
ว่าผู้หญิงคนนี้เขาจะต้องเอาให้ได้
นี่ถึงจะคือวินเซนต์ คือวินเซนต์ที่บุริศร์คุ้นเคย เขาจะรู้อยู่ตลอดว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการคืออะไร และที่สำคัญจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนและจะไปทำให้ดีที่สุด
บุริศร์ตบบ่าของวินเซนต์เล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตัวนายเองมีขอบเขตหน่อย อย่าให้มันเกินไปก็พอ อ๋อ ใช่แล้ว ฉันกับนรมนจะไปแล้วนะ กานต์จะอยู่ที่นี่ต่อ นายรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วช่วยฉันดูแลลูกชายด้วย”
“พวกคุณจะไปแล้วเหรอ? จะไปไหนครับ? ตอนแรกไม่ได้กะว่าจะไปเร็วขนาดนี้ไม่ใช่เหรอครับ?”
วินเซนต์นึกว่าบุริศร์มาแล้ว ตัวเองจะได้ลอยชายหลายวันหน่อย อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังเป็นผู้ป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ?
แต่ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ถึง ว่าบุริศร์จะไปเร็วขนาดนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะหดหู่เล็กน้อย
บุริศร์เองก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย แต่ว่าพอคิดถึงเรื่องของทางนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ต้องลำบากนายแล้ว ถ้าหากว่ายุ่งไม่ไหวจริง ๆ ก็หาคนมาช่วยได้นะ”
“จะหาใครได้ละครับ?”
“คนของคุณชายธเนศพล”
คำพูดของบุริศร์ทำให้วินเซนต์อึ้งไปทั้งตัวเลย
“ใครนะครับ?”
“ธเนศพล ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์หาฉัน ได้บอกเอาไว้แล้ว พวกเราสามารถช่วยเขาจัดการธุระอย่างลับ ๆ เรื่องบางเรื่องเขาสามารถจัดการได้”
คำพูดของบุริศร์พูดได้อย่างปกปิดเล็กน้อย แต่ว่าวินเซนต์เองก็ฟังเข้าใจแล้ว
จิตใจหวั่นไหวไหม?
เขาไม่รู้ เพียงแต่แค่รู้สึกว่าตรงตำแหน่งหัวใจเจ็บจี๊ด ๆ เล็กน้อย
โดนปล่อยปละละเลยมานานหลายปีขนาดนี้ อยู่ ๆ ก็หาองค์กรเจอ และที่สำคัญอาจจะมีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับการยอมรับด้วย แถมข้อมูลไฟล์ของตัวเองอาจจะกลายเป็นยิ่งลึกลับมากขึ้น ความรู้สึกแบบนี้มันช่างคุ้นเคย ร้อนแรงมากขนาดนั้น เขาเหมือนกับว่าจะเห็นท่าทางอมยิ้มของทรรศยาอีกแล้ว
เธอจ้องมองเขาอย่างอ่อนโยนและพูดขึ้นว่า “วินเซนต์ ยินดีต้องรับกลับบ้านค่ะ”
อยู่ ๆ ดวงตาของวินเซนต์ก็มีความเปียกชื้นขึ้นมา
เขารีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเองไว้ แล้วก็พูดขึ้นอย่างอัดอั้นว่า “ผมจะลองไปคิดดู ขอให้คุณเดินทางปลอดภัยนะ ผมคงจะไม่ส่งคุณแล้ว”
“รักษาร่างกายให้ดี ๆ ตอนที่แต่งงานอย่าลืมส่งข่าวมานะ ไม่ว่าจะไกลแค่ไหนฉันก็จะรีบมา”
บุริศร์รู้ว่าในใจของวินเซนต์นั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และก็ไม่ได้บีบบังคับเขา แค่ตบไหล่เขาเบา ๆ จากนั้นก็ก้าวเท้าแล้วเดินจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบนรมนไม่ได้พูดอะไรเลย แต่พอบุริศร์เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยแล้ว ก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เหมือนกับว่าวินเซนต์จะตื่นเต้นมากเลยนะคะ”
“อืม ไม่ว่าจะยังไง ช่วงหลายปีมานี้เขาก็อยากจะไปเยี่ยมทรรศยาอยู่ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีสิทธิ์ มาวันนี้ขอแค่เขาตอบตกลง ต่อไปชีวิตความเป็นอยู่จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ว่าเขาจะมีสิทธิ์ แล้วก็มีสถานะนั้นที่จะได้เข้าไปในสุสานวีรชนผู้กล้าแล้วไปเยี่ยมทรรศยาได้ สำหรับเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยาก”
บุริศร์กุมมือของนรมนเอาไว้แน่น
ตอนนี้เขาสามารถจับมือของนรมนเอาไว้ได้ นั่นก็คือความสุขแล้ว ถ้าเทียบกับวินเซนต์แล้ว บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองจำเป็นต้องคว้าความสุขนี้ไว้แน่น จะให้มันโบยบินไปไม่ได้เด็ดขาด
นรมนสามารถรู้สึกได้ถึงเรี่ยวแรงของบุริศร์ แต่ว่าเธอไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาบีบไอย่างนั้น
ทั้งสองคนจูงมือกันไปบนถนน อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกว่าอยากจะกลับไปดูที่คฤหาสน์สไตล์โบราณสักครั้ง
“พวกเรากลับไปดูคฤหาสน์สไตล์โบราณกันหน่อยเถอะ ฉันรู้สึกชอบที่นั่นมากเลย”
“ได้”
สำหรับการร้องขอของภรรยา แน่นอนว่าบุริศร์ไม่มีทางปฏิเสธอยู่แล้ว
ในตอนที่ทั้งสองคนเดินจูงมือมาถึงคฤหาสน์สไตล์โบราณนั้น เสียงไพเราะของไวโอลินก็ดังขึ้นที่ข้างหู นรมนอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่ง
“เอ๊ะ? ทำไมที่นี่ถึงมีคนที่เล่นไวโอลินได้ดีขนาดนี้อยู่ด้วยนะ”
ที่นรมนชอบไวโอลินนั้น บุริศร์เองก็รู้อยู่
เขายืนอยู่ข้างนรมน และฟังเสียงที่ไพเราะของไวโอลินไป จะไม่พูดก็ไม่ได้ ว่าคนที่เล่นไวโอลินนี้เล่นได้ดีมากเลย
เหมือนกับว่าจะนรมนจะลุ่มหลงเข้าแล้ว หัวคิ้วยังมีท่าทางขยับตามจังหวะขึ้นมา
บุริศร์ชอบนรมนที่เป็นอย่างนี้เป็นอย่างมาก เหมือนอย่างกับที่เจอกันครั้งแรกตอนปีนั้นที่เรียนมหาลัย ใสสะอาด บริสุทธิ์
หลังจากที่ไวโอลินเล่นจบไปเพลงหนึ่งแล้วนั้น อีกฝ่ายก็หยุดลง
อยู่ ๆ นรมนก็เกิดมีความรู้สึกอยากจะไปดูคนเล่นไวโอลินนี้สักหน่อย
“บุริศร์ คุณลองเดาดูซิว่าคนที่เล่นไวโอลินนี้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“ผู้ชาย ที่สำคัญอายุยังมาเยอะด้วย”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย
“ยังไงคะ?”
“เสียงนี้เล่นได้ไม่มีปัญหา แต่แรงที่ใช้ไม่ได้เยอะขนาดนั้น สามารถบอกได้ว่าคนที่เล่นไวโอลินมีปัญหาเรื่องเรี่ยวแรง”
นรมนค่อย ๆ คลี่มุมปากขึ้น แล้วถามขึ้นอีกครั้งว่า “งั้นได้ฟังออกได้ยังไงคะว่าอายุไม่เยอะ?”
“ผมเดาเอา”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะร่าขึ้นมา
“ประธานบุริศร์ นี่คุณก็ใช้การเดาเป็นเหรอคะ?”
“ก็ใช่นะซิ ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมเหรอ? อยากจะไปดูเหรอ?”
บุรศร์แทบจะไม่ต่างอะไรกับการเป็นพยาธิในท้องนรมนเลย
หลายปีมานี้ถึงแม้ว่านรมนจะไม่ได้สัมผัสหรือติดตามเรื่องดนตรีมากเท่าไหร่ แต่ว่าบุริศร์รู้ เรื่องสวยงามนั้นนรมนมักจะชอบอยู่ตลอด
พอได้ยินบุริศร์ถาม นรมนก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าขึ้น
“งั้นก็ไปกันเถอะ”
แล้วบุริศร์ก็จูงมือนรมนแล้วเดินไปตามเส้นทางตรงกันข้าม
ที่นี่มีเพียงพ่อบ้านแก่ ๆ คนหนึ่ง ในตอนที่เห็นบุริศร์และนรมนเดินมานั้นก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ตอนที่เขารู้ว่าพวกเขาจะมาเจอคนที่เล่นไวโอลินนั้น พ่อบ้านก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “คนที่เล่นไวโอลินคือคุณชายน้อยของพวกเรา ตอนนี้เจ้านายของเราไม่อยู่ ส่วนคุณชายน้อยก็มาฝึกเล่นไวโอลินที่นี่ เพื่ออีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะเข้าร่วมการแข่งขันไวโอลินเยาวชน เพราะฉะนั้นน่าจะไม่มีเวลามาพบพวกคุณหรอก ต้องขอโทษด้วย”
พ่อบ้านไม่ใช่คนเมืองชลธี แล้วก็ไม่ค่อยจะสนใจคนมีชื่อเสียงในวงการธุรกิจเท่าไหร่ แน่นอนว่าจะต้องไม่ค่อยคุ้นเคยกับบุริศร์อยู่แล้ว และเพื่อความปลอดภัยของคุณชายน้อยบ้านตัวเอง เขาจึงปฏิเสธการของพบของบุริศร์และนรมนไปอย่างมีมารยาท
นรมนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ว่าก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับคนอื่น
ในตอนที่บุริศร์ยังอยากจะพูดอะไรขึ้นมานั้น ก็โดนนรมนดึงชายเสื้อเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้าให้เขา
พอเห็นว่านรมนไม่อยากจะก่อเรื่อง ถึงแม้ว่าในท้องของบุริศร์จะมีลมโกรธอยู่บ้าง แต่ก็ได้แต่จากไปพร้อมกับนรมน
“รอก่อน!”
แล้วในเวลานั้นพอดี ที่ข้างในก็มีเสียงอ่อนหวานของเด็กดังลอยมา แล้วก็ทำให้ฝีเท้าของนรมนและบุริศร์หยุดลงทันที