“บุริศร์!”
“กมล!”
ในใจของนรมนกับกิจจากำลังคิดถึงคนๆหนึ่งขึ้นมาพร้อมกัน แต่เสียงปืนด้านนอกดังรัวมากเกินไป ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวไม่ได้
“กิจจา ฟังหม่ามี้นะ ตอนนี้ออกไปไม่ได้”
ในดวงตาของนรมนมีน้ำตา แต่แววตากลับเด็ดเดี่ยวมาก
“หม่ามี้ แต่กมลทำอะไรไม่เป็นเลย แม้แต่ทักษะป้องกันตัวขั้นพื้นฐานเธอก็ไม่มี ต่อให้พวกเราเคยฝึกฝนกันมาก่อน แต่สุขภาพของกมลต่างจากคนอื่น กานต์จึงใช้เส้นสายให้ผ่านไปได้โดยที่ไม่ได้ฝึกฝนจริงๆ หม่ามี้ เธอกับแด๊ดดี้อยู่ด้วยกันต้องโดนจับจ้องแน่ๆ ผมจะไปช่วยเธอ !”
กิจจาพูดแล้วก็ดิ้นรนจะออกจากอ้อมกอดของนรมน แต่กลับโดนนรมนดึงเอาไว้แน่น
“ฟังนะ ข้อแรก กมลเป็นลูกสาวของบุริศร์ เขาต้องปกป้องเธอสุดชีวิตอยู่แล้ว ข้อสอง ลูกเป็นลูกเพียงคนเดียวของตรินท์ ต่อให้กมลกับกานต์เกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ไม่ใช่หน้าที่ของลูกที่จะไปช่วยพวกเขา กิจจา ชีวิตของลูกมีค่ากว่าชีวิตของพวกเขาเข้าใจไหม?”
คำพูดของนรมนทำให้กิจจาตะลึงงัน
“หม่ามี้ พูดอะไรน่ะ?”
“หม่ามี้พูดอะไร? หม่ามี้บอกว่าลูกเป็นคนของตระกูลโตเล็ก เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตรินท์ ความเสียใจที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตของบุริศร์ก็คือช่วยพ่อของลูกเอาไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในใจของเขา ความหมกมุ่นในใจที่ปล่อยวางไม่ได้ ดังนั้นจะเกิดเรื่องกับใครก็ได้ ยกเว้นลูกเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นกมล หรือกานต์ก็ตาม ในเวลาที่ประสบอันตรายพร้อมๆกับลูก พวกเขาจึงต้องปกป้องลูก ที่ลูกรู้สึกว่าตนเองเอาแต่พึ่งพาอาศัยคนอื่น เป็นเพราะพวกเราทำได้ไม่ดีพอ ตระกูลโตเล็กเป็นบ้านของลูก พวกเราเป็นครอบครัวของลูก ถึงหม่ามี้จะเป็นห่วงกมลแต่ก็ให้ลูกไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้ ดังนั้น ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปต้องฟังหม่ามี้!”
น้ำตาของนรมนกำลังไหลรินออกมาเงียบๆ
เธอก็เป็นห่วง เสียใจ ถึงกับค่อนข้างร้อนรน เสียงปืนด้านนอกดังรัวขนาดนั้น บุริศร์กับกมลไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นยังไงบ้างแล้ว พวกเขาอยู่ไม่ไกล แต่กลับไม่ได้ยินเสียงของกมลกับบุริศร์เลย นี่หมายความว่าอะไร?
ไม่ว่าจะเพราะพวกเขาส่งเสียงไม่ทัน ไม่ว่าจะเพราะพวกเขาเกิดเรื่องแล้ว ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนสำหรับนรมนแล้วก็ทนไม่ได้ทั้งนั้น
แต่กิจจายังอยู่ เธอจะไม่ยอมให้กิจจาเป็นอันตรายเด็ดขาด
ในใจของกิจจาสั่นไหว จู่ๆก็เหมือนอะไรในใจระเบิดออกมาเป็นบาดแผลใหญ่ เลือดหยดย้อยออกมาอย่างเจ็บปวด
“ไม่ ไม่ใช่อย่างนี้ หม่ามี้ ไม่ใช่ ผมไม่ควรพูดคำพูดพวกนั้น ผมไม่ควรคิดอย่างนั้น เป็นผมเองที่เลว เป็นผมเองที่ไม่ดี ผมไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ไม่มีจริงๆ ในใจของผม กมลกับกานต์เป็นน้องของผม ผมไม่สามารถให้พวกเขาสละชีวิตเพื่อผมได้ หม่ามี้ เคยบอกว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวเดียวกันก็ไม่มีอะไรสำคัญไม่สำคัญใช่ไหมครับ? หม่ามี้ให้ผมออกไปได้ไหม? กมลสุขภาพไม่ดี เสียงปืนดังขนาดนั้น เธอต้องกลัวแน่ๆ!”
กิจจาร้องไห้แล้ว ร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
เขาไม่ต้องการ!
เขายอมให้ตนเองเกิดเรื่องดีกว่า จะให้กมลกับกานต์เกิดเรื่องเพราะเขา
วินาทีนี้ เขาสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว
ตรินท์กับเขมิกาเป็นพ่อแม่ของเขา แต่พวกเขาเพียงแค่ให้ชีวิตเขาเท่านั้น เป็นบุริศร์กับนรมนต่างหากที่สอนให้เขาใช้ชีวิต เป็นกานต์ที่ทำให้เขารู้ว่าความรักจากครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ เป็นกมลที่ทำให้เขากลายเป็นที่พึ่งพิง
พวกเขาคือครอบครัวของเขานะ!
คนที่เสียชีวิตก็เสียชีวิตไปแล้ว เขาคิดเล็กคิดน้อยมากมายขนาดนั้นจะมีประโยชน์อะไร?
พ่อกับแม่ฟื้นคืนมาไม่ได้แล้ว แต่แด๊ดดี้หม่ามี้ของเขายังอยู่ พี่น้องของเขายังอยู่ เขากำลังพัวพันอยู่กับอะไรกันแน่?
เขาทำอะไรอยู่กันแน่?
กิจจาร้องไห้คร่ำครวญ พยายามจะวิ่งออกไปข้างนอก แต่กลับโดนนรมนใช้สันมือสับทำให้หมดสติไป
“ขอโทษนะ กิจจา หม่ามี้ให้ลูกออกไปไม่ได้”
นรมนซ่อนกิจจาไว้ในตู้ทั้งน้ำตา
เมื่อครู่เธอเห็นแล้ว ตู้ของที่นี่ใช้วัสดุกันกระสุนทำขึ้น ไม่แน่ตอนที่ทำ บุริศร์คงจะนึกถึงเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงพวกนี้ จึงทำขึ้นมา
หลังจากซ่อนกิจจาแล้ว นรมนหยิบปืนพกขนาดเล็กออกมาจากในกระเป๋า
ตอนมาที่นี่เธอก็เตรียมป้องกันตัวจากอันตราย ของสิ่งนี้จึงพกติดตัวอยู่ตลอด ตอนนี้ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์ขึ้นมาจริงๆ
เสียงปืนดังรัวราวกับหยดน้ำฝน นรมนจึงกลิ้งออกไปจากห้องครัว ตอนที่เห็นฉากด้านนอกก็ตกตะลึงเล็กน้อย
บุริศร์กำลังกราดยิงอยู่ที่ด้านหน้าหน้าต่าง ทำให้เกิดห่ากระสุนขนาดใหญ่ ไม่แน่ว่าคนพวกนั้นคงจะพุ่งเป้ามาที่บุริศร์ นี่เป็นสิ่งที่สายตาของนรมนสามารถคาดเดาได้ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้เธอคาดเดาไม่ได้ก็คือกมล!
แค่เห็นเธอหมอบอยู่บนหลังตู้ของห้องรับแขก หาจุดซุ่มยิงที่ดีมากๆ ในมือกำลังถือปืนซุ่มยิงที่ดัดแปลงใหม่ เหนี่ยวไกปืนเล็งไปที่ด้านหน้า
นรมนตกตะลึงไปเลย
นี่คือกมลที่รู้จักแต่เรื่องของกินจนเป็นภาพจำของเธอไปแล้วงั้นเหรอ?
การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วได้มาตรฐานของเธอ ท่าทางที่เคร่งขรึมของเธอ แววตาของเธอเย็นชาอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
นรมนคิดว่าตนเองกำลังตาลาย หลังจากที่พยายามขยี้ตากลับยังเห็นกมลลั่นไกอย่างใจเย็น เหมือนเหยี่ยวที่นอนจำศีลอยู่ในความมืด ทำให้คนที่ได้เห็นรู้สึกหวาดผวา
วินาทีนี้ ในหัวของนรมนมีเรื่องราวในอดีตของกมลเด้งขึ้นมาทันที
อาจจะตั้งแต่เริ่มต้น ที่เธอไม่เคยเข้าใจลูกสาวของตนเองอย่างแท้จริงเลย
เอาแต่คิดมาโดยตลอดว่าเป็นคนที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองที่สุด แต่กลับทำให้เธอตกใจและประหลาดใจมากขนาดนี้
นรมนรีบสงบจิตใจ หลังจากแน่ใจว่ากมลกับบุริศร์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการให้ตนเองเข้าไปช่วยเหลือ เธอจึงรีบกลับเข้าไปในครัว เปิดหน้าต่างที่ด้านหลังแล้วกระโดดออกไป
เพราะกำลังหาที่ซ่อนตัว นรมนจึงเห็นทหารรับจ้างมากมายเดินมาทางนี้ ในมือของพวกเขามีแต่อาวุธหนักๆทั้งนั้น
ทหารรับจ้าง?
ใครกันที่อยากให้บุริศร์ตายอยู่ที่นี่?
นรมนก็ไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย ยกมือขึ้นยิงไปทางพวกเขาจากมุมลับทันที
เธอยิงออกไปหนึ่งนัดแล้วก็ย้ายตำแหน่ง เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่พบตำแหน่งของเธอในทันที
กมลเห็นร่างของนรมนจากกล้องส่องทางไกล จึงพูดขึ้นเบาๆ “แด๊ดดี้ หม่ามี้ออกไปแล้ว”
บุริศร์หรี่ตาลงเล็กน้อย
“ลูกจัดการเองได้ไหม?”
กมลมือสั่นขึ้นมาทันที
“แด๊ดดี้ ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย? หนูเป็นแค่เด็กนะ! แด๊ดดี้จะให้หนูเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างตั้งเยอะแยะคนเดียวได้ยังไง? แด๊ดดี้แน่ใจใช่ไหมว่าเป็นพ่อแท้ๆของหนู?”
“อย่าโวยวายหน่า หม่ามี้สุขภาพไม่ดี แด๊ดดี้ต้องไปช่วยเธอสิ อย่าคิดว่าแด๊ดดี้ไม่รู้นะว่าลูกมาทำอะไรที่หมู่บ้านดารายน เจ้าดนัยน่ะในเมื่อให้ลูกออกมาส่งข่าวให้เขา ก็ต้องมีคนคอยรักษาการณ์อยู่ที่นี่แน่ๆ อย่างเช่นปีวราคนนั้น ว่าไง?”
บุริศร์ยิงไปพูดไป ทำให้กมลอ้าปากกว้างด้วยความตกใจทันที
“ต่อหน้าแด๊ดดี้ พวกลูกยังขาดประสบการณ์อยู่อีกหน่อย ที่พวกลูกเล่นกันอยู่ตอนนี้ เป็นสิ่งที่แด๊ดดี้กับคุณลุงคริชณะเล่นค้างเอาไว้จากตอนนั้น ติดต่อปีวรา ให้เธอพาคนมาช่วยเหลือ แด๊ดดี้ให้เวลาลูกหนึ่งนาทีจัดการเรื่องนี้ เสร็จแล้วแด๊ดดี้จะไปช่วยหม่ามี้”
ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ กมลก็พ่ายแพ้ย่อยยับ
เธอคิดว่าตนเองเล่นละครเนียนพอตัวแล้วนะ ไม่คิดว่าจะโดนบุริศร์มองออก ไม่เพียงมองออกเท่านั้น แต่ยังเขย่ารายละเอียดทั้งหมดของเธอออกมาอีก
น่าเบื่อจริงๆเลย!
กมลบ่นพึมพำ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หยิบมือถือออกมาโทรหาปีวรา
“นี่เธอถ้ายังคิดจะบิดพลิ้วต้องเลี้ยงของพวกนั้นฉันนะ ฉันกล้ารับรองเลยต่อให้เป็นผีก็จะไปทารุณเธอในความฝันทุกวันแน่ๆ”
น้ำเสียงราวกับนางฟ้าของกมลกำลังพูดข่มขู่เหมือนกับปีศาจร้าย ทำให้ปีวราเกือบจะสำลักน้ำลายตนเองตายแล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ บอกตนเองอยู่ตลอดว่ากมลเป็นคนของนายน้อย ห้ามล่วงเกิน แล้วจึงพูดขึ้นเบาๆ “ฉันพาคนมาถึงแล้ว อีกหนึ่งนาทีจะถึงสนามรบ”
“ละเลยหน้าที่จริงๆ ถ้าฉันเป็นคุณหนูที่อ่อนแอ ตอนนี้เธอคงเข้ามาเก็บศพฉันแล้วแหละ พี่ดนัยคนที่เชื่อใจได้ขนาดนั้น ทำไมคราวนี้ถึงแนะนำลูกน้องที่ไม่น่าไว้ใจขนาดนี้ให้ฉันนะ?”
กมลพูดจบก็ตัดสาย น้ำเสียงที่เหยียดหยามแทบจะทำให้ปีวราโมโหแย่แล้ว
เธอยังบาดเจ็บอยู่เข้าใจไหม?
ถ้าไม่ใช่คนของบุริศร์ทำร้ายเธอจนเป็นแบบนี้ เธอจะมาช้าได้ยังไงล่ะ?
เธอได้รับบาดเจ็บอยู่ต่างหาก!
พ่อลูกคู่นี้ใจร้ายใจดำเหมือนกันจริงๆ
ปีวราบอกตนเอง ต่อไปถ้าเจอพวกเขาอีกต้องเดินอ้อมไปเลย น่ากลัวเหลือเกิน
บุริศร์นั่น เห็นๆอยู่ว่าต้องปล่อยเธอไปจะได้เรียกกำลังคนมาช่วย แต่กลับข่มขู่เธอให้หาหลักฐานว่าตนเองบริสุทธิ์ จัดการเธอจนเกือบตาย ตอนนี้ยังจะให้มาช่วยชีวิตพวกเขาสองคนพ่อลูกอีก
ปีวราคนอย่างเธอทำไมโชคชะตาโหดร้ายขนาดนั้นถึงได้มาเจอกับพ่อลูกจิ้งจอกคู่นี้?
ที่ร้ายที่สุดก็คือ ไม่ต้องพูดถึงที่ตนเองเจ็บตัว แต่ยังต้องเสียเงินอีก!
นี่มันเวลาอะไรแล้ว?
ยัยกมลนั่นไม่นึกว่าจะยังห่วงกินอยู่อีก!
พระเจ้าคะ เธอจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ
ดวงตาของปีวราแดงขึ้นเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างดุดัน “ถ้าวันนี้ไม่จัดการทหารรับจ้างพวกนั้นให้ราบคาบ พวกนายก็ไม่ต้องทำแล้ว!”
“ครับ!”
ลูกน้องยี่สิบกว่าคนที่สวมชุดเหมือนกัน ตอบอย่างพร้อมเพรียง
“เข้าสนามรบ”
ภายใต้คำสั่งของปีวรา ยี่สิบกว่าคนนั้นก็เข้าไปร่วมมืออย่างรวดเร็ว
เพราะมีการร่วมมือจากพวกเขา สถานการณ์จึงเปลี่ยนแปลงไปมาก
บุริศร์ไม่รีรอ กระโดดออกจากหน้าต่างวิ่งอ้อมไปหานรมนทันที
กมลเห็นตนเองโดนแด๊ดดี้ทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย จึงอดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ “ถ้ารู้แต่แรกฉันคงเป็นเด็กผู้หญิงที่แสนว่าง่ายจะไม่ดีกว่าเหรอ? วันๆเอาแต่กินๆดื่มๆไม่สุขสบายเหรอ? จะเปิดเผยพละกำลังของตนเองทำไม? ต่อไปแด๊ดดี้ก็จะไม่ตามใจเธออีกแล้ว ฮือๆ ฉันน่าสงสารจัง”
พูดๆอยู่ก็รู้สึกว่าตนเองน่าสงสารจริงๆ ถือปืนซุ่มยิงพุ่งไปทางทหารรับจ้างพวกนั้นที่อยู่ด้านหน้า
“ใครให้พวกนายทำลายภาพลักษณ์นางฟ้าของฉัน! ฉันจะยิงขาพวกนายให้ใช้การไม่ได้อีกเลย!”
เพิ่งพูดจบ กระสุนก็ทะลุเข้าไปที่ขาซ้ายของทหารรับจ้าง นายคนนั้นจึงร้องโหยหวนล้มลงไปบนพื้นทันที
กมลเล็งไปที่อีกคนหนึ่ง พูดขึ้นเบาๆ “ใครให้พวกนายทำลายภาพลักษณ์นักกินของฉัน ต่อไปฉันจะไม่ให้นายได้จับตะเกียบอีก ดูสินายจะกินยังไง”
พูดๆอยู่ กระสุนก็ทะลุผ่านฝ่ามือของอีกฝ่ายไปแล้ว
ยังไงซะกมลก็เป็นแค่เด็ก กระสุนที่ยิงออกไปจึงไม่ทำร้ายจนถึงชีวิต ถึงได้สร้างความลำบากมากๆให้กับพวกปีวรา เมื่อทหารรับจ้างไม่ตาย ก็ต้องยิงซ้ำอยู่ตลอด
“หัวหน้าปีวรา มือปืนซุ่มยิงนี่ฝ่ายศัตรูส่งมาหรือเปล่า?”
มีสมาชิกในกลุ่มค่อนข้างหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆแล้ว เอ่ยปากบ่น
ปีวราก็โมโหอยู่บ้าง
“ฉันจะรู้ได้ไง? รีบๆจบงาน เคลียสนามรบ! โธ่โว้ย! มือปืนซุ่มยิงเป็นใครเนี่ย? อีกเดี๋ยวฉันจะถลกหนังเขาให้ได้!”
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็โดนคำพูดนี้ตบหน้าอย่างจัง
เนื่องจากกมลกำลังเช็ดปืนซุ่มยิงอยู่ พูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกผิด “ฉันก็เป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง เด็กผู้หญิงอายุห้าขวบ ฆ่าคนเรื่องที่โหดร้ายอย่างนี้จะเหมาะสมให้ฉันทำได้ยังไงล่ะ? ฉันช่วยพวกเธอยิงพวกเขาให้บาดเจ็บได้ก็ไม่เลวแล้วนะ คนๆนั้นน่ะ เธอจะเลี้ยงของอร่อยฉันเพื่อเป็นรางวัลหน่อยไหม?”
ปีวรายกมุมปากขึ้นมาทันที
เธออยากกลับบ้าน!
เธอคิดถึงแม่!