ตอนที่พรวลัยเกิดเรื่องขึ้นนั้นไม่มีใครอยู่ข้างกายเลย ถึงจะเป็นบุณพจน์ ตอนนี้ก็ยังอยู่ในสภาพหมดสติอยู่ แต่ว่าได้มีน้ำตาขาวใสไหลออกมาจากหางตาของเขาสายหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะว่าสามารถได้ยินคำพูดที่พรวลัยพูดออกมาได้
นรมนมักจะรู้สึกไม่สบายใจ ความไม่สบายใจแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี เธอเดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ตกลงมันเกิดปัญหาขึ้นที่ตรงไหนนะ?
มองเห็นท่าทางของพรวลัยดูสงบเยือกเย็นซะขนาดนั้น เหมือนกับว่ารู้อยู่แต่แรกแล้วว่าพวกเขาจะมาจับเธอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมพรวลัยไม่หนีไปพร้อมกับพิรุณล่ะ?
และอีกอย่างตอนที่เอ่ยถึงพิรุณนั้น นรมนเคยสังเกตท่าทีของเธอ ในดวงตาของเธอแฝงไว้ด้วยความแค้น ถ้าเกลียดคนคนหนึ่งมากขนาดนี้ แล้วทำไมถึงยังให้เธอไปช่วยอีกล่ะ?
มักจะรู้สึกว่าในนี้เหมือนจะมีอะไรที่ยังพูดไม่ชัดอยู่
นรมนคิดวิเคราะห์ขั้นตอนการจับกุมพรวลัยเมื่อกี้อย่างละเอียดครู่หนึ่ง อยู่ ๆ ในหัวสมองก็ปรากฏภาพท่าทีที่สงบเยือกเย็นของพรวลัยขึ้นมา
ไม่
นั่นไม่ใช่ความสงบเยือกเย็น!
แต่เหมือนกับเป็นความสงบเยือกเย็นที่หมดอาลัยตายอยากแบบหนึ่ง
หมดอาลัยตายอยากเหรอ?
ใจของนรมนหล่นตุ๊บลงทีหนึ่งทันที
เธอคิดอย่างละเอียดขึ้นมา สำหรับเด็กคนนั้นเหมือนกับว่าพรวลัยจะไม่ได้ใส่ใจมาตลอด หนำซ้ำยังเหมือนกับว่าไม่อยากจะเอาด้วย แล้ววันนี้ก็มามีท่าทีแบบนี้อีก
“แย่แล้ว!”
นรมนหมุนตัวไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็วิ่งไปทางห้องของพรวลัยอย่างกับลม
ห้องได้ถูกคนล็อกจากข้างในอย่างแน่นหนาแล้ว
ความไม่สบายใจของนรมนขยายใหญ่ขึ้น
“พรวลัย เปิดประตู!”
เธอทุบตีบานประตูไป แต่ว่าข้างในนั้นไม่มีการตอบสนองอะไรสักนิดเลย
“พรวลัย!”
นรมนรีบไปตามคนมาอย่างรวดเร็ว แล้วเตะทีหนึ่งประตูก็เปิดอ้าออก แต่ว่าตอนนี้พรวลัยได้ล้มลงไปกับพื้นแล้ว ที่มุมปากนั้นเต็มไปด้วยเลือดสีดำ
“รีบตามรถพยาบาลมาเร็ว! เร็วซิ!”
ใจของนรมนสั่นสะเทือนไป เธอรู้ว่า ครั้งนี้ ไม่ว่าจะสามารถช่วยชีวิตพรวลัยไว้ได้หรือไม่ แต่เด็กที่อยู่ในท้องนั้นน่าจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว
เด็กคนนั้นเพิ่งจะปฏิสนธิขึ้นมา ยังเล็กซะขนาดนั้น แต่พรวลัยกลับกินยาพิษลงไปอย่างเฉียบขาดเช่นนี้ แล้วจะยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ยังไง?
พูดไม่ออกว่าในใจมันเป็นความรู้สึกยังไง นรมนรู้สึกว่าที่ทรวงอกมันอัดอั้นเต็มไปหมด
พอกิจจาและมิลินได้ยินเสียงก็รีบตามมาดู
พอมิลินเห็นสภาพของพรวลัยในตอนนี้ แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “ฉันจะฝังเข็มให้เธอก่อน เพื่อขับพิษออกออกมา และจะพยายามไม่ให้ฤทธิ์ยาพิษพิษสู่หัวใจได้”
“ได้”
นรมนรีบหลบทางออกมาให้ แต่ฝีเท้ากลับรู้สึกเบาหวิวเล็กน้อย
เป็นเพราะเธอชะล่าใจเอง
ทำไมเธอถึงนึกไม่ออกว่าพรวลัยจะเลือกเดินทางนี้นะ
ตกลงมันเป็นเพราะอะไรนะ?
นรมนจ้องมองบุณพจน์ที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงทีหนึ่ง แล้วชั่วขณะหนึ่งก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีเลย
มิลินและกิจจาฝังเข็มให้พรวลัยอย่างรวดเร็ว เข็มที่ดึงออกมาล้วนเป็นสีดำทั้งนั้น เหมือนอย่างกับน้ำหมึกยังไงอย่างงั้น
นรมนถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเล็กน้อยว่า “ยังสามารถช่วยชีวิตได้ไหม?”
“น่าจะได้ ฤทธิ์ยาของเธอค่อนข้างรุนแรง แต่ก็โชคดีที่พบเจอเร็ว วางใจเถอะ ฝีมือการฝังเข็มของหมู่บ้านดารายนของเรายังไม่ถึงขั้นต้องทำให้บรรพบุรุษขายหน้าหรอก”
จ้องมองมิลินที่ตั้งใจฝังเข็มอยู่ตลอดเวลา นรมนเองก็ไม่อยากจะรบกวน
เธอเอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาบุริศร์อีกครั้ง แต่น่าเสียดายทางด้านโน้นยังคงอยู่ในสถานะไม่สามารถติดต่อได้
สภาพของพวกกมลและบุริศร์ยังไม่ชัดเจนดี แต่ทางนี้กลับเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นมา
พิรุณหนีไปแล้ว พรวลัยเองก็กินยาพิษไป เรื่องราวทั้งหมดเหมือนกับว่าจะเกินความคาดหมายไปแล้ว จนทำให้คนไม่สามารถควบคุมได้ขึ้นมาเล็กน้อย
นรมนนวดขมับไปเล็กน้อย อยากจะให้บุริศร์มาอยู่ข้างกายตัวเองตอนนี้มากจริง ๆ จะได้มีคนคอยปรึกษาสักคนหนึ่ง
ไม่รู้ว่ากิจจายืนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และเดินมาถึงข้างกายนรมน
เขายื่นมือเล็ก ๆ มาจับมือของนรมนไว้เบา ๆ การสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงมา แล้วก็เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ที่ดูกังวลปรากฏอยู่ตรงหน้าตัวเอง
“หม่ามี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ครับ”
น้ำเสียงของกิจจายังคงอ่อนหวาน แต่ว่าแววตากลับแน่วแน่ ในช่วงที่ไม่รู้ตัวกลับทำให้นรมนมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
“อืม ต้องไม่เป็นอะไรแน่ หม่ามี้จะต้องปกป้องพวกหนูให้ดีแน่นอน”
นรมนไม่เคยรู้สึกว่ามีภาระหนักอึ้งขนาดนี้มาก่อน วินาทีนี้เธอถึงเข้าใจว่าทำไมบุริศร์ที่ต้องเจอกับอะไรมากมายขนาดนั้นแล้วแต่ยังคงยืนหยัดได้อย่างมั่นคงอยู่
เพียงแค่เพราะว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างก็เป็นญาติมิตรในสายเลือดของตัวเอง เป็นคนที่เขาต้องใช้ทั้งชีวิตมาแลกก็ยังต้องปกป้องอยู่ เพราะฉะนั้นเขาจะล้มลงไม่ได้ เพราะถ้าแค่เขาล้มลง ความทุกข์ยากพวกนั้น ความลำบากพวกนั้นก็จะเป็นเหมือนกับเป็นคลื่นทะเลซัดเข้าใส่พวกลูกหลานและคนในครอบครัว
นรมนรู้สึกสงสารบุริศร์ แต่ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่สามารถร่วมทุกข์ร่วมสุขมากับเขาได้
ผ่านลมฝนมาด้วยกัน ความรู้สึกที่ได้เดินจับมือไปด้วยกันถึงจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ
นรมนก้มตัวลงไปอุ้มกิจจาขึ้นมา แล้วยิ้มและพูดขึ้นว่า “มีพวกหนูอยู่ หม่ามี้ก็มีเรี่ยวแรงแล้ว วางใจเถอะ หม่ามี้ไม่เป็นหรอก”
กิจจาพยักหน้า แล้วฟุบหน้าอยู่ในอกนรมน ซึมซับจังหวะหัวใจเต้นของเธอไป ดมกลิ่นอายของเธอไป จิตใจก็รู้สึกสงบนิ่งเป็นพิเศษ เหมือนกับว่าไม่ว่าข้างนอกจะมีลมฝนกระหน่ำอยู่เท่าไหร่ เขาก็ไม่กลัวแล้ว
มือเล็ก ๆ จับชายเสื้อของนรมนไว้แน่น ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงออกมาว่าสงบนิ่งมาก แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จากการกระทำของเขานรมนสามารถรู้สึกถึงความกังวลและความกลัวอยู่เสี้ยวหนึ่ง
นรมนกอดเขาไว้แน่น กอดไว้อย่างแน่น ในเวลานี้ไม่ต้องการคำพูดอะไร ขอแค่มีการกอดจากซึ่งกันและกันก็พอแล้ว
ในที่สุดทางด้านมิลินก็ถือได้ว่าฝังเข็มได้เสร็จสิ้นแล้ว และหมอก็มาถึงอย่างทันท่วงที
นรมนให้มิลินอยู่ที่นี่ แล้วตัวเองก็ตามรถพยาบาลไปโรงพยาบาล
การช่วยชีวิตพรวลัยยังถือได้ว่าทำได้ทันท่วงที หลังจากที่ช่วยชีวิตฉุกเฉินไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ในที่สุดก็รักษาชีวิตไว้ได้ แต่ว่าเด็กกลับเป็นเหมือนอย่างที่นรมนคิดไว้ รักษาไว้ไม่ได้แล้ว
ในตอนที่พรวลัยถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด ในตอนที่ใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษปรากฏขึ้นต่อหน้านรมนนั้น เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร สำหรับพรวลัยแล้วไม่มีความเกลียดชังเพิ่มขึ้น ไม่มีความโกรธแค้น แต่กลับมีความสงสารเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
ที่จริงพรวลัยนั้นผอมมาก ผอมจนเหลือเนื้อไม่เท่าไหร่แล้ว บางทีอาจจะมีคนชอบความงดงามแบบนี้ แต่ว่านรมนดูแล้วกลับมีแต่ความปวดใจ
ผู้หญิงคนหนึ่งถ้าจิตใจมีป่วยละก็ แม้แต่จะเป็นของกินล้ำค่าก็ไม่สามารถทำให้อ้วนขึ้นมาได้หรอก
พรวลัยโดนเข็นเข้าไปในพักผู้ป่วย
เธอในตอนนี้ดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก นรมนถึงได้สังเกตใบหน้าของเธออย่างละเอียดขึ้นมา
ที่จริงพรวลัยนั้นหน้าตาก็สะสวยอยู่ ใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือ อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้ารวมกันแล้วก็สวยงามมาก ไม่มีอะไรมากเกินไป และไม่มีอะไรน้อยเกินไป และอีกอย่างเป็นแบบที่น่ามอง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกสบาย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกน่ามอง
โดยปกติแล้วคนที่มีรูปลักษณ์แบบนี้ล้วนไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายอะไร ล้วนเป็นคนที่มีจิตใจเมตตาอยู่
ตั้งแต่เริ่มต้น นรมนก็รู้สึกว่าพรวลัยไม่ใช่คนชั่วร้าย เพียงแต่ว่าเรื่องที่ปล่อยพิรุณไปนี้ทำให้เธอคิดไม่ตกเท่านั้น แต่ว่านรมนกลับรู้สึกว่าพรวลัยน่าจะมีความลำบากของตัวเองอยู่
ในขณะที่พรวลัยยังไม่ฟื้นขึ้นมานั้น นรมนก็จะไปจากที่นี่ไม่ได้
เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่า พรวลัยยังคงนอนหลับอย่างดูเป็นมิตรและสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น เหมือนกับว่าเธอจะเป็นคนที่ง่วงนอนมานานมากแล้ว ตอนนี้เพียงแต่แค่พักผ่อนอยู่เท่านั้น
ที่ข้างนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา แล้วนรมนก็ลุกขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ พอเปิดประตูออกก็เห็นบุณพจน์ยืนอยู่นอกประตู จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง
“พี่ใหญ่? พี่ตื่นแล้วเหรอคะ?”
นรมนรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
บุณพจน์เพียงแต่แค่พยักหน้าเล็กน้อย ในดวงตามีแววโศกเศร้าเล็กน้อย
“เธอยังโอเคอยู่ไหม?”
“หมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ยังไม่ตื่นเท่านั้น แต่ว่ารักษาเด็กเอาไว้ไม่ได้ ขอโทษด้วยนะคะ พี่ใหญ่ ฉันไม่ได้ดูแลเธอให้ดี”
นรมนรู้สึกผิดอยู่บ้าง เธอรู้ว่าการยอมแพ้ของบุณพจน์มีส่วนช่วยเหลือบุริศร์เป็นอย่างมาก เธอกลัวจริง ๆ ว่าบุณพจน์จะทะเลาะกับบุริศร์จนแตกหักเพราะเรื่องของพรวลัยจริง ๆ
ไม่ใช่ว่าเธอใจแคบ แต่ต้องคาดเดาจิตใจคนอย่างนี้ ที่จริงพวกเขาเจอมาเยอะมากแล้ว ของอย่างใจคนนี้เธอไม่กล้าเชื่อถือง่าย ๆ แล้ว เธอยินยอมที่จะเชื่อว่าทุกคนต่างก็หวังผลจากซึ่งกันและกัน แต่ก็ยังดีกว่าการพูดว่าเพื่อญาติมิตรพี่น้องอย่างมองไม่เห็น
บุณพจน์กลับส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “โทษพวกคุณไม่ได้หรอก คุณไม่มีทางปลุกคนที่แกล้งนอนหลับคนหนึ่งตื่นขึ้นมาได้หรอก”
“อะไรนะคะ?”
นรมนไม่ค่อยเข้าใจ แต่บุณพจน์กลับไม่ได้คิดจะพูดอะไรอีก แล้วก็เดินเข้าไปจากข้างกายเธอเลย
พอเห็นพรวลัยนอนหลับอย่างสงบอยู่ตรงนั้น ในดวงตาของบุณพจน์ก็มีแววสงสารเสี้ยวหนึ่งพาดผ่านไป
“คุณกลับไปเถอะ มีเรื่องตั้งมากมายในหมู่บ้านยังต้องการให้คุณไปจัดการอีก เรื่องที่พิรุณหนีไป ผมรู้หมดแล้ว ตอนนี้คุณคงจะมีเรื่องต้องทำเยอะมาก ทางด้านพรวลัยนี้มีผมเฝ้าอยู่ก็พอแล้ว”
บุณพจน์เดินมาถึงข้างเตียง แล้วก็นั่งลงตรงข้างเตียงของพรวลัย
นรมนเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขาก็รู้แล้วว่าถ้าตัวเองอยู่ต่อก็เป็นส่วนเกิน เพียงแต่ว่ายังไงพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “พี่ใหญ่ คุณเองก็รู้ว่าพิรุณได้หนีไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งคนมาหน่อย ฉันกลัวว่าพิรุณจะคิดไม่ซื่อกับพวกคุณ”
“ไม่ต้องหรอก ฉันได้ติดต่อคนของฉันแล้ว เดี๋ยวก็มาถึงแล้ว ความปลอดภัยทางหมู่บ้านก็ยังต้องการคน ทางด้านผมคุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
บุณพจน์พูดขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย
นรมนยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่กลับโดนบุณพจน์ไล่ออกไปเลย
ในตอนที่ในห้องเหลือแต่บุณพจน์และพรวลัยนั้น ดวงตาของบุณพจน์ก็แดงขึ้นและร้อนขึ้นมาเล็กน้อย
“เหมือนกับว่าผมจะไม่ได้เห็นคุณนอนหลับได้สบายแบบนี้มานานมากแล้วนะ”
เขาลุกขึ้นไปตักน้ำอุ่นในห้องน้ำมากะละมังหนึ่ง แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำจนเปียกชุ่ม จากนั้นก็เช็ดหน้าและมือให้พรวลัยอย่างบางเบา
การกระทำของเขาอ่อนโยนขนาดนั้น เหมือนอย่างกับที่พรวลัยดูแลเขาเมื่อก่อนหน้านั้นยังไงอย่างงั้น
“ผมมักจะไม่เข้าใจว่าทำไมตอนกลางคืนคุณถึงชอบฝันร้าย? ทำไมกลางคืนถึงไม่สามารถนอนหลับได้ นอนหลับแล้วยังสงบนิ่งอีก? ถึงแม้ผมจะแอบใส่ยานอนหลับให้คุณ คุณก็ยังคงหยุดตัวสั่นเทาไม่ได้ ยังคงนอนร้องไห้ ผมรู้ว่าในใจคุณมีความลับอยู่ ผมคิดว่าต้องมีสักวันที่คุณจะบอกผม และผมก็รู้สึกว่าตัวเองจะต้องเป็นคนที่สนิทสนมที่สุดในชีวิตนี้ของคุณ ผมมีความมั่นใจว่าจะสามารถหลอมละลายความทุกข์ทุกอย่างในใจของคุณได้ เพียงแต่ว่าพอมาถึงวินาทีนี้แล้วผมถึงเข้าใจว่า ที่แท้มีเรื่องบางอย่างมันได้ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่ก่อนที่ผมจะเกิด ไม่ว่าผมจะพยายามมากเท่าไหร่ คุณก็คงจะไม่ปล่อยวางความตั้งใจลงใช่ไหม?”
บุณพจน์เอาผมของพรวลัยไปทัดไว้ที่ข้างหูเบา ๆ
ผิวของเธอขาวนวลมาตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้กลับยิ่งขาวจนทำให้คนรู้สึกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อย
“ผมได้ยินหมดแล้ว ถึงแม้ผมจะหมดสติอยู่ แต่ว่าผมรู้สถานการณ์ข้างนอกเป็นอย่างดี คำพูดทุกประโยคที่คุณพูด คำทุกคำผมล้วนสามารถได้ยินทั้งนั้น พรวลัย ในเมื่อคุณเกลียดพิรุณซะขนาดนั้น ทำไมถึงไม่ฆ่าผม? รู้ไหม? ในตอนที่คุณพูดนั้น ผมรู้สึกหมดเรี่ยวแรงมากแค่ไหน ผมอยากจะกอดคุณ อยากจะบอกกับคุณว่าไม่ว่าคุณจะทำยังไง ผมก็ไม่โกรธคุณ แต่ว่าผมทำได้แค่นอนอยู่เฉย ๆ ทำได้แค่ดูคุณกินยาพิษไปอย่างนั้น ยัยโง่ ผมยังไม่ตายเลย พิรุณเองก็ยังไม่ตาย ทำไมคุณถึงกินยาพิษไปเองคนเดียวล่ะ? เป็นเพราะรู้สึกว่าความยากลำบากในหลายปีมานี้เพียงพอแล้วเหรอ? หรือว่าคุณทำใจให้ผมตายไม่ได้เหรอ? จะให้ผมหาผู้หญิงคนอื่นมาแต่งงานมีลูก คุณนี่คิดยังไงกัน? คุณคงจะลืมไปแล้วใช่ไหม ที่ผมเคยพูดว่า คุณเป็นผู้หญิงของผมบุณพจน์ มีชีวิตอยู่เป็นคนของผม ตายไปก็เป็นผีของผม ถึงแม้ว่าคุณจะอยากตาย ก็ยังต้องดูก่อนว่าผมยอมหรือไม่ยอม พรวลัย บางทีผมอาจจะสืบทอดเลือดของพิรุณมาจริง ๆ ถึงแม้จะรู้ว่าคุณอยู่ข้างกายผมจะต้องเจ็บปวด แต่ผมก็ไม่อนุญาตให้คุณจากไป! ถึงแม้จะเป็นการตายก็ไม่ได้!”
ดวงตาที่แดงก่ำของบุณพจน์แผ่ความแข็งกร้าวแบบหนึ่งออกมา
เขาจับมือพรวลัยไว้แน่น จับไว้แน่นมาก ดวงตาหรี่ลงต่ำ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่