แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1353 ฉันไม่มีทางให้ย้อนกลับไปแล้ว

บทที่ 1353 ฉันไม่มีทางให้ย้อนกลับไปแล้ว

จะทำยังไงดี?

ใจของนรมนและชัญญาเต้นตึ้กตั้กขึ้นมาทันที

“พวกเธอไปก่อนเลย”

ราเชนผลักนรมนทีหนึ่ง

นรมนกลับรู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อยแล้ว

“ฉันจะต้องไปทางไหนล่ะ?”

ที่นี่เธอไม่คุ้นเคยกับพื้นที่และผู้คน แล้วตอนนี้ราเชนจะให้เธอไปก่อน งั้นก็ชี้ทิศทางให้หน่อยซิ

ระหว่างที่พูดกันนั้นอีกฝ่ายก็มาถึงตรงหน้าราเชนแล้ว

“พี่รอง? นี่คุณกำลังจะไปทำอะไรเหรอคะ? ว้าย! คนสองคนข้างหลังคุณนี่ออกมาจากกองขยะเหรอคะ? เหม็นจะตายอยู่แล้ว”

คนที่มาคือองค์หญิงหกของประเทศFดารัณ แม่ของเธอเป็นลูกสาวของตระกูลเล็ก ๆ ในตอนที่ตระกูลกำลังตกอยู่ในอันตรายนั้น ก็โดนคนของตระกูลส่งตัวเข้ามาเป็นพระมเหสีเก้าให้กับสมชัย พอคลอดดารัณออกมาแล้วก็ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอีก หลายปีมานี้จึงปลีกตัวไปอยู่อย่างสงบ ไม่ข้องเกี่ยวกับฝ่ายใด ดารัณเองก็ออกมาข้างนอกไม่บ่อยนัก โดยปกติแล้วแทบจะอยู่อย่างคนไม่มีตัวตนเลย

ราเชนไม่ได้มีภาพประทับใจอะไรเกี่ยวกับน้องสาวคนนี้ เพียงแต่แค่บังเอิญได้เจอกันขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู มักจะรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย

“นี่น้องหกจะไปไหนเหรอ?”

“ออกมาเดินดูสักหน่อยค่ะ พายุหิมะตกติดต่อกันมาสามวัน คุณแม่บอกว่าบางทีข้างนอกอาจจะมีเรื่องต้องการให้ช่วยเหลือ ฉันก็เลยกะว่าจะออกมาดูสักหน่อย”

น้ำเสียงของดารัณกลับไพเราะราวกับเสียงนกขมิ้นเหลือง เวลายิ้มขึ้นมาบนใบหน้ายังมีลักยิ้มหวาน ๆ ขึ้นมาสองอัน ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก

แต่ว่าราเชนนั้นรู้ดี เด็กที่เติบโตขึ้นมาในวังนั้นจะไปมีคนใสซื่อบริสุทธิ์ได้ยังไง

“งั้นน้องหกก็รีบไปเถอะ”

ราเชนกลับไม่อยากจะพูดมาก จูงมือนรมนไว้แล้วก็เดินไปข้างหน้าเลย แต่กลับโดนดารัณขัดขวางเอาไว้

“นี่พี่รองจะไปที่ตำหนักคุณผู้หญิงเจ็ดเหรอคะ?”

ทิศทางนี้เป็นทิศทางที่จะไปตำหนักของนงลักษณ์จริง ๆ ดารัณสามารถเดาออกมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร

“น้องหกมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”

ราเชนรู้ ตอนนี้พูดอะไรก็ช้าไปแล้ว ถ้าหากว่าไม่ได้จริง ๆ ละก็เขาก็คงต้อง……

พอคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของราเชนก็มีแววเยือกเย็นและแววสังหารขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

แน่นอนว่าดารัณจะต้องมองเห็นอยู่แล้ว และตัวสั่นอย่างตื่นกลัวขึ้นมาทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พี่รอง ท่านพ่อกำลังอยู่ในตำหนักของคุณผู้หญิงเจ็ด เมื่อกี้ฉันเห็นตอนที่เดินผ่านมา ถ้าหากคุณจะไปละก็ ฉันขอแนะนำว่ายังไงคุณก็จัดการคนข้างหลังคุณให้สะอาดก่อนซะหน่อยค่อยไปดีกว่า จะได้ไม่ทำให้ท่านพ่อโกรธเคือง วันนี้เหมือนว่าอารมณ์ของท่านจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

คำพูดพวกนี้กลับเหมือนกับว่าเป็นการเตือนเล็กน้อยเลย

ใจของราเชนกระตุกขึ้นทีหนึ่ง ถ้าหากว่าที่ดารัณพูดมาเป็นความจริง งั้นตอนนี้ถ้าพานรมนไปก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเท่ากับรนหาที่ตายเอง แต่ว่าตอนนี้จะสามารถส่งตัวนรมนไปไว้ที่ไหนก่อนดีล่ะ?

ชั่วขณะหนึ่งราเชนรู้สึกลำบากขึ้นมาเล็กน้อย

ดารัณจ้องมองราเชน แล้วก็พูดขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “พี่รอง ถ้าไม่รังเกียจละก็ ตำหนักของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก หรือไม่พี่รองพาคนไปทำความสะอาดตัวที่ตำหนักฉันสักหน่อยเป็นไง?”

นรมนอดไม่ได้ที่จะมองดารัณทีหนึ่ง

เด็กผู้หญิงคนนี้ดูสะอาดหมดจด ภาพประทับแรกนั้นที่ให้คนก็รู้สึกดีมาก และที่สำคัญน้ำเสียงที่พูดจาก็น่าฟังไพเราะเสนาะหู ทำให้คนรู้สึกสบายใจมากจริง ๆ แต่ว่าเธอก็สามารถดูออกได้ว่า ราเชนไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่อน้องหกที่อยู่ตรงหน้านี้เลย แถมยังเทียบกับคนแปลกหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้อยู่ ๆ ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จะเป็นโชคดีหรือว่าเคราะห์ร้ายก็บอกชัดเจนไม่ได้เลย

แต่ว่าตอนนี้มากันถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาก็ทำได้แค่เดินไปก้าวหนึ่งดูก้าวหนึ่งแล้ว

พอคิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็ดึงแขนเสื้อของราเชนเล็กน้อย แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หรือไม่พวกเราไปกันก่อนดีกว่า ยืนบื้ออยู่ตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่อง ถ้าเกิดพบเจอคนของกล้าณรงค์เข้า พวกเราก็จะซวยเลยนะ”

คำพูดนี้ก็เป็นความจริงอยู่

ราเชนนึกถึงพวกหางที่ตามมาของกล้าณรงค์ แล้วก็ไม่รู้ว่าไรยาจะสามารถจัดการให้เรียบร้อยได้หรือเปล่า จึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองดารัณที่เหมือนว่าจะใสซื่อบริสุทธิ์ทีหนึ่ง และในใจก็คิดวิเคราะห์ไป

ดารัณเองก็ไม่รีบร้อน และรอให้ราเชนตัดสินใจอยู่แบบนั้น

นรมนจ้องมองดูรอบข้าง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พวกเราไปกันก่อนดีกว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนายังไง ก็ต้องลองไปถึงจะรู้”

“ก็ได้”

ตอนนี้ราเชนไม่มีแผนการที่ดีอะไร จึงมองไปทางดารัณแล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นก็ไปที่ตำหนักเธอก่อนก็แล้วกัน”

“พี่รองตามฉันมาเถอะ ส่วนพี่สาวคนนี้ต้องขอโทษด้วยนะ กลิ่นบนตัวของคุณแรงเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันนะคะ”

ดารัณ ปฏิบัติกับนรมนนั้นยังอ่อนโยนดูเป็นมิตร แต่ว่านรมนนั้นกลับไม่มีทางหลงเชื่อคนง่าย ๆ หรอก

ราเชนพาพวกนรมนไปที่ตำหนักของดารัณ

ข้าวของเครื่องใช้และการตกแต่งในตำหนักนี้แน่นอนว่าเทียบกับทางญาณินไม่ได้แน่ และก็แตกต่างกับของในตำหนักของพวกราเชนเยอะมาก สามารถดูออกได้ถึงความแตกต่างระหว่างเป็นที่โปรดปรานกับไม่เป็นที่โปรดปรานเลย

นรมนมองสำรวจทุกอย่างมาตลอดทาง ทหารยามและสาวรับใช้ของที่นี่ก็มีอยู่ไม่กี่คน ทั้งตำหนักดูว่างเปล่า ดูแล้วค่อนข้างเงียบเหงามาก

ดารัณพาพวกเขาเข้าไปในตำหนัก จากนั้นก็สั่งให้คนพานรมนและชัญญาไปอาบน้ำทำความสะอาด แล้วถึงจะมาเทน้ำชาร้อน ๆ ให้ราเชนแก้วหนึ่ง ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พี่รอง ดื่มชาค่ะ”

“ขอบใจ”

แน่นอนว่าราเชนไม่รู้สึกว่าน้องหญิงหกคนนี้เป็นคนดีอะไร แต่พอดมแก้วชาดูทีหนึ่ง ก็พบเป็นแค่ใบชาธรรมดาเท่านั้น

ดารัณพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ทางพวกเราไม่ได้รับความโปรดปราน แน่นอนว่าใบชาก็คงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่รองอย่ารังเกียจเลยนะคะ”

“ไม่หรอก แต่ว่าฉันอยากจะรู้ว่าที่น้องหญิงหกช่วยฉันในวันนี้มีเป้าหมายอะไรกัน?”

ราเชนเห็นว่านรมนไม่ได้อยู่ตรงหน้า ก็เลยไม่ได้ปิดบังหล่นซ่อนเอาไว้ ในฐานะที่เป็นพี่ชาย เขาไม่สามารถที่จะนำพาอันตรายและความไม่สบายใจมาให้นรมนได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ดารัณดูไปแล้วจะไม่มีอันตราย แต่ว่ายังไงก็จะต้องมีเป้าหมายแน่ ถ้าหากว่าเป้าหมายนี้มันเกินความสามารถของตัวเองไป ถ้างั้นเขาก็จำเป็นที่จะต้องคิดหาแผนการอื่นแล้ว

ดารัณเองก็ไม่ได้แตกตื่น ยังคงยิ้มอ่อนหวานแล้วพูดขึ้นว่า “พี่รองนี่ก็ใจร้อนจริง ๆ เลยนะคะ แต่ว่าก็ช่างเถอะ พวกเราเป็นคนเปิดเผยไม่พูดจาอ้อมค้อมอยู่แล้ว ฉันดูออกว่าช่วงนี้บรรยากาศในวังดูมีลับลมคมใน ทุกคนต่างก็กำลังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอด แต่ว่าพี่รองคะ ฉันมีคำพูดอยู่ประโยคหนึ่งไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือเปล่า”

“เธอพูดขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าจะต้องอยากพูด งั้นก็พูดมาเถอะ ในเมื่อก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว งั้นก็ไม่ต้องปิดบังไว้หรอก”

ราเชนนั้นกลับซื่อตรง

ดารัณอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อยังอยู่ในช่วงวัยกลางคน พวกคุณก็เริ่มวางแผนแย่งชิงอำนาจกันแล้ว มันคงจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหมคะ? คุณจะต้องรู้ไว้นะ ถึงแม้ตอนนี้พวกเราจะไม่ได้อยู่ในยุคโบราณ แต่ว่าคนที่อยู่ในตำแหน่งพระราชานั้นยังไงก็คงจะไม่อยากสละอำนาจอยู่แล้ว ฉันรู้ว่าระหว่างพี่รองกับพี่สามอยากจะแย่งชิงที่หนึ่งกัน แต่ว่าท่านพ่อก็ไม่ได้มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร คาดว่าก็คงจะอยู่ในตำแหน่งได้อีกหลายปี แล้วถ้าพวกคุณทะเลาะกันใหญ่โตเกินไป แล้วไปแตะต้องโดนจุดต้องห้ามของท่านพ่อเข้า กลัวว่าคงจะสามารถนำภัยใส่ตัวได้”

คำพูดพวกนี้กลับพูดได้อย่างซื่อตรง

ราเชนยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันไม่เคยมีความสนใจต่อตำแหน่งนั้นมาก่อน และเมื่อก่อนเพื่อที่จะหลีกหนีจากที่นี้ก็ยังเคยหลบหนีออกไปจากที่นี่ด้วย”

“งั้นที่พี่รองกลับมาครั้งนี้นั้นเพื่ออะไรกันละคะ?”

“เพื่อที่จะแก้แค้น!”

ดวงตาของราเชนมีความเยือกเย็นพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

“พี่รองคะ ซินดี้คนนั้นเป็นคนที่คุณรักที่สุดในดวงใจจริง ๆ เหรอคะ? พวกคุณร่วมเป็นร่วมตายกันมา บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่ความรักอย่างที่คุณคิด หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงมาก่อน ฉะนั้นก็เลย……”

แน่นอนว่าดารัณเองก็เคยได้ยินเรื่องของราเชนมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยลังเลอยู่บ้าง

ราเชนพูดอย่างจริงใจขึ้นว่า “ระหว่างฉันกับซินดี้มันเกินความรักไปตั้งนานแล้ว ฉันกับเขาเป็นคนที่ผูกพันกัน เป็นคนรักกัน เป็นญาติพี่น้องกัน พวกเราร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน ฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน แต่ว่าเขากลับโดนกล้าณรงค์ทำให้ตายไป ถ้าความแค้นนี้ฉันไม่ชำระ แล้วฉันจะไม่ทำผิดต่อวิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ของซินดี้เหรอ”

“แต่ว่าถ้าหากว่าคนที่ทำให้ซินดี้ตายไม่ใช้กล้าณรงค์ แต่เป็นผู้อื่นล่ะ?”

คำพูดของดารัณทำให้หัวคิ้วของราเชนขมวดขึ้นมาทันที

“เธอรู้เรื่องอะไรมาใช่หรือเปล่า?”

“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ก็แค่คาดเดา พี่รอง ฉันยังคงพูดคำเดิม ท่านพ่อไม่มีทางที่จะวางอำนาจจากตำแหน่งพระราชาแน่ คุณปล่อยวางความตั้งใจนี้ทิ้งไปตั้งแต่เนิ่น ๆ เถอะ”

คำพูดของดารัณพูดได้อย่างจริงใจ ราเชนยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้น “ฉันจะรามือไปตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว ในเมื่อท่านพ่อยอมให้พวกเราคาดหวังกับตำแหน่งนั้นไม่ได้ ก็แน่นอนว่าจะต้องมีแผนป้องกันพวกเราไว้แล้ว ตอนนี้ถ้าฉันไม่เดินไปให้ถึงตำแหน่งนั้น ความแค้นของฉันก็จะไม่มีทางได้ชำระ น้องหก ฉันไม่มีทางให้เดินย้อนกลับได้อีกแล้ว”

ราเชนรู้ว่าที่ตัวเองเดินบนเส้นทางนี้มานั้นจะต้องเผชิญหน้ากับเรื่องอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ชิงดีชิงเด่นกับไอ้สามเท่านั้น แต่ศัตรูที่สำคัญที่สุดจริง ๆ แล้วก็คือพ่อแท้ ๆ ของตัวเองสมชัยนั่นเอง

และความจริงก็เป็นอย่างที่ดารัณพูดมา ท่านยังอยู่ในวัยที่แข็งแกร่ง ไม่มีทางที่จะยอมสละอำนาจในมือลงง่าย ๆ แน่ แต่ว่าราเชนจะทนรอให้เขาแก่ตายแล้วค่อยแก้แค้นไม่ได้แล้ว จากระดับความลำเอียงและการปกป้องที่สมชัยมีต่อกล้าณรงค์นั้น เขากลัวว่าตัวเองยังไม่ทันได้แก้แค้นสำเร็จ ตัวเองก็ต้องมาตายไปซะก่อนแล้ว

พอดารัณได้ยินราเชนพูดอย่างนี้ ก็ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “นี่พี่รองมีความตั้งใจว่าจะเดินไปให้สุดทางแล้วใช่ไหมคะ”

“เธอเป็นคนที่ท่านพ่อส่งตัวมาเจรจาเหรอ?”

ราเชนไม่คาดเดาแบบนี้ไม่ได้

ดารัณส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “พี่รอง ถ้าหากว่าคุณตกลงปลงใจจะแย่งชิงตำแหน่งพระราชานั่นแล้ว ฉันและตระกูลของแม่ฉันจะสามารถช่วยเหลือคุณได้แรงหนึ่ง”

คำพูดนี้ทำให้ราเชนอึ้งไปเล็กน้อย

ตระกูลฝั่งแม่ของดารัณคือสกุลแหลมวิไล ตระกูลแหลมวิไลนั้นอยู่ในประเทศFไม่ได้ถือว่าเป็นตระกูลใหญ่ แม้แต่สี่อันดับแรกก็ยังไม่ติดโผด้วยซ้ำ แต่กลับมีความมั่นใจนี้ว่าจะมาสนับสนุนราเชน และเป็นราเชนเองที่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ตระกูลแหลมวิไลของพวกเธอเหมือนว่าจะไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้นนี่”

“พี่รองรังเกียจตระกูลแหลมวิไลของพวกเราเหรอคะ?”

ดารัณยิ้มได้อ่อนหวานมาก แต่ว่ากลับทำให้คนมีความกดดันเล็กน้อย

“รังเกียจนั้นคงไม่ใช่หรอก ฉันเองเป็นแม่ทัพที่ไร้ทหารคนหนึ่ง จะมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจคนอื่น เพียงแต่ฉันแค่อยากจะรู้ นี่เป็นเจตนาของเธอหรือว่าเป็นเจตนาของแม่เธอ? หรือจะบอกว่าเป็นเจตนาของตระกูลแหลมวิไลงั้นเหรอ?”

ดารัณจ้องมองราเชน เงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “ถ้าจะพูดให้ถูกต้องคือเป็นเจตนาของลูกพี่ลูกน้องฉันจณัตว์”

จณัตว์คนนี้ราเชนเองก็พอได้ยินชื่อมาแล้ว ได้ยินมาว่าเป็นผู้นำทัพรุ่นใหม่ของตระกูลแหลมวิไล มีพรสวรรค์ทางด้านธุรกิจเป็นอย่างมาก แค่เวลาสั้น ๆ ไม่กี่ปีก็มาเติมเต็มธุรกิจที่ขาดทุนก่อนหน้านั้นของตระกูลแหลมวิไลได้หมดแล้ว และที่สำคัญยังได้ยินมาว่าตอนนี้เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นความหวังรุ่นใหม่ของตระกูลแหลมวิไลอีกด้วย

คนคนนี้ค่อนข้างที่จะทำตัวลึกลับ ไม่เคยออกงานสังคมอะไรเลย และส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ช่วยไปออกงานสังคมต่าง ๆ แทนเขา เพราะฉะนั้นมาจนถึงวันนี้ก็มีคนอยู่ไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง

มีคนบอกว่าเขาหน้าตาน่าเกลียดมาก และก็มีคนบอกว่าเขาเป็นคนพิการคนหนึ่ง พูดกันไปต่าง ๆ นานา แต่ว่าจณัตว์กลับไม่เคยออกมาพูดอะไรเลย

ที่จริงราเชนไม่เข้าใจว่าทำไมจณัตว์คนนี้จะต้องมาสนับสนุนให้ตัวเองแย่งตำแหน่งพระราชาด้วย

“เขาต้องการอะไร?”

“พี่ชายบอกว่าอยากจะให้ตระกูลแหลมวิไลกลายเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในประเทศF”

ดารัณยังคงยิ้มแย้ม แต่ว่าคำพูดที่พูดออกมากลับทำให้ราเชนตกตะลึงไปเล็กน้อย

ความทะเยอทะยานของจณัตว์คนนี้นี่ไม่น้อยเลยจริง ๆ

“ถ้าหากฉันพ่ายแพ้ขึ้นมาล่ะ?”

“มีพี่ชายของฉันอยู่ พี่รองไม่มีทางพ่ายแพ้หรอกค่ะ”

ความเชื่อมั่นนี้กลับทำให้ราเชนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

“ทำไมพวกเธอถึงไม่เลือกไอ้สามล่ะ? ในด้านพลังอำนาจนั้นเขามีมากกว่าฉัน หนำซ้ำยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับนักวิชาการหลายคน ถ้าหากว่าพวกเธอเลือกเขา โอกาสชนะก็น่าจะเยอะกว่ามาก ทำไมต้องมาเลือกฉัน?”

ราเชนไม่ได้โง่ เส้นทางของตัวเองที่ฝ่าฟันอุปสรรคมาจนถึงวันนี้ ล้วนพึ่งแต่ตัวเขาต่อสู้มาเองเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าพลังอำนาจที่นงลักษณ์เหลือทิ้งไว้จะพอช่วยเขาได้บ้าง แต่ว่าในที่สุดแล้วก็ไม่ใช่พละกำลังที่จะสามารถหนุนนำเขาได้ มาวันนี้ตระกูลแหลมวิไลกลับแสดงเจตจำนงแบบนี้ออกมา จึงทำให้ราเชนต้องครุ่นคิดอย่างหนัก

แต่ดารัณกลับยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “เหตุผลนี้ต่อไปพี่ชายฉันจะมาบอกกันคุณเอง พี่รอง ที่จริงพรหมลิขิตของคุณกับพี่ชายฉันนั้นลึกซึ้งต่อกันมากเลยนะ”

คำพูดประโยคนี้ทำให้ราเชนตกไปสู่ความงวยงงขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะต้องคาดเดาขึ้นมา

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท