“พรหมลิขิตอะไร?”
ราเชนยิ่งรู้สึกว่าดารัณที่อยู่ตรงหน้านี้เหมือนจะไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่คิดนัก
ดารัณกลับไม่พูดอะไรอีก เพราะว่าพวกนรมนกลับมาแล้ว
“ที่แท้พี่สาวคนนี้สวยงามมากขนาดนี้เลยเหรอ นี่เป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องอะไรของพี่รองเหรอคะ?”
ดารัณมีท่าทางอย่างกับจะสอบถาม กลับทำให้ราเชนไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก
นรมนรีบยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราเป็นสาวใช้ขององค์ชายรองค่ะ”
“สาวใช้เหรอ? เลือกมาจากไหนกัน? ทำไมฉันถึงไม่มีความโชคดีแบบนี้บ้าง? หรือไม่พี่รองมอบให้ฉันดีกว่านะ พอดีเลยที่ตำหนักฉันก็กำลังขาดสาวรับใช้สองคนอยู่พอดี”
ดารัณยังคงยิ้มหน้าระรื่น แต่ว่าสีหน้าของราเชนกลับดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักแล้ว
“ถ้าน้องหญิงหกชื่นชอบ อีกเดี๋ยวฉันค่อยให้คนส่งคนมาให้น้องหญิงหกสักหน่อย”
“นี่พี่รองเสียดายเหรอคะ?”
ดารัณกลับเหมือนกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของราเชน ยังคงยิ้มอ่อนหวานแล้วถามไป
นรมนสามารถดูออกได้ว่า ดารัณคนนี้น่าจะเล็งพวกเขาสองคนไว้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าในใจยังมีเรื่องอื่นปิดบังซ่อนเร้นไว้อีกหรือเปล่าเท่านั้น
แต่ว่าถ้าพวกเธอตามราเชนไปที่ตำหนักของนงลักษณ์หรือว่าไปที่ตำหนักของราเชน ก็อาจจะสามารถนำความวุ่นวายมาให้ราเชนได้ทั้งนั้น เมื่อเป็นแบบนี้สู้อยู่ที่ตำหนักขององค์หญิงหกไปไม่ดีกว่าเหรอ
“องค์ชายรอง ฉันดูแล้วองค์หญิงหกดูเป็นคนค่อนข้างใจดี หรือไม่พวกเราอยู่ที่นี่กันต่อดีกว่า”
คำพูดของนรมนทำให้ราเชนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
น้ำในวังนี้นั้นลึกมากเกินไป เขาไม่รู้ว่านรมนรู้เรื่องเท่าไหร่ เข้าใจมากเท่าไหร่ แต่ว่าเอาพวกนรมนมาทิ้งไว้ในตำหนักของดารัณที่แม้แต่ตัวเองก็คาดเดาไม่ชัดเจนแบบนี้ ราเชนรู้สึกว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ฉันคิดว่ายังไงก็ไปกับฉันดีกว่านะ”
“นี่พี่รองเป็นกังวลอะไรเหรอคะ? คุณวางใจได้เลยค่ะ คนของคุณมายังไง ฉันก็จะให้พวกเขาเดินออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัยแบบนั้น”
ดารัณไม่ได้รอให้นรมนตอบกลับก็พูดขึ้นมาเลย
นี่เท่ากับว่าเป็นคำมั่นสัญญาอย่างหนึ่ง
นรมนไม่รู้ว่าดารัณเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู แต่ว่าตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว แน่นอนว่าการจัดแจงแบบนี้เป็นการดีแล้ว
“องค์ชายรองกลับไปก่อนเถอะ”
นรมนส่งสายตาให้ราเชน
ถึงแม้ว่าราเชนจะเป็นกังวล แต่ว่าพอนึกถึงความฉลาดของนรมน รวมทั้งการสืบค้นของสมชัยในตอนนี้ เธอจึงทำได้แต่ต้องพยักหน้าเท่านั้น
“ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรศัพท์หาฉันได้ตลอดเวลานะ”
“ได้ค่ะ”
นรมนยิ้มแย้ม แล้วราเชนถึงได้ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
“พี่รอง คำพูดของฉันพี่รองกลับไปลองคิดวิเคราะห์ให้ดีนะคะ แล้วก็ให้คำตอบพี่ชายฉันด้วยนะคะ พี่ชายของฉันยังรออยู่ค่ะ”
ดารัณจ้องมองราเชน อย่างยิ้มแย้มสวยงาม แต่ว่ากลับทำให้ราเชนมีความรู้สึกแบบหนึ่งที่เหมือนกับโดนปีศาจงูจดจ้องเข้าแล้ว
ตกลงจณัตว์คนนั้นทำไมถึงจะต้องสนับสนุนเขาให้ได้เลยนะ?
ราเชนคิดไม่ตก และตอนนี้ก็ไม่มีทางที่จะพูดคุยอะไรกับนรมนได้ จึงทำได้แต่พยักหน้าแล้วก็จากไปเลย
หลังจากที่ดารัณส่งราเชนออกไปแล้ว ถึงได้หันกลับมามองนรมนเล็กน้อย ยิ้มและพูดขึ้นว่า “พี่สาวชื่ออะไรคะ?”
“ฉันชื่อชลลี่ นี่คืออาของฉันพนิดา”
แล้วนรมนก็ใช้นามแฝงที่ตัวเองเคยใช้เมื่อตอนอยู่เมืองใต้ดิน
ดารัณเองกลับไม่ได้อยากจะถามชื่อนรมนจริง ๆ แต่ว่าพอนรมนบอกแล้ว เธอเองก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย ยังคงยิ้มและพูดขึ้นว่า “พี่ชลลี่ ต่อไปคุณก็อยู่กับฉันก็แล้วกัน ฉันเป็นคนที่ไม่ค่อยออกไปข้างนอกซะเท่าไหร่ กลัวแต่พี่ชลลี่จะรู้สึกว่าที่ฉันนี่มันอุดอู้เกินไป”
“ไม่หรอก ขอบคุณองค์หญิงหกมากค่ะ”
นรมนรีบก้มหน้าลงไป
กฎของที่นี่เธอไม่รู้อะไรเลยสักนิด แต่ว่าในเมื่อดารัณสามารถคุ้มครองเธอไว้ได้ แน่นอนว่าเธอก็จะต้องดีใจอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตกลงเธออยากจะทำอะไร แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังดีกว่าถูกคนจับตัวไปเยอะ
ดารัณให้คนพานรมนและชัญญาไปพักผ่อนที่ห้องรับรองแขก แต่ตัวเองกลับจ้องมองท้องฟ้าอยู่ที่ข้างนอก แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ท้องฟ้าในวังนี้กำลังจะเปลี่ยนแล้ว”
“องค์หญิงหก คุณว่าองค์ชายรองจะตอบตกลงข้อเสนอของคุณชายไหมคะ?”
สาวใช้มัทยาที่อยู่ข้างกายดารัณ ถามขึ้นมา
“ไม่รู้ซิ แต่หวังว่าจะสามารถทำสำเร็จได้นะ”
ดารัณพร่ำบ่นไป แล้วจ้องมองไปทางห้องที่นรมนเข้าไปพักผ่อน แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไปบอกพี่ชายนะว่า นรมนเข้ามาในวังแล้ว และอยู่ที่ตำหนักฉัน”
“ค่ะ”
มัทยาถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
นรมนไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวตนของตัวเองได้ถูกเปิดโปงไปแล้ว แต่ว่าพอเข้ามาในห้องแล้วก็มองสำรวจรอบด้านอยู่ครู่หนึ่ง พอพบว่าไม่มีระบบกล้องวงจรปิดอะไร แล้วถึงได้ไปที่ห้องชัญญา
“คุณอา คุณมองว่าองค์หญิงหกคนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”
“เป็นมิตรหรือเป็นศัตรูยังไม่แน่นอน แต่ว่าไม่น่าจะคนดีอะไรแน่”
ชัญญาพูดเสียงต่ำขึ้น “องค์หญิงหกคนนี้น่าจะดูสถานะของเธอออกแล้วนะ”
“จะเป็นไปได้ยังไงคะ?”
นรมนรู้สึกสงสัยขึ้นเล็กน้อย ยังไม่พูดเรื่องที่ใบหน้าของเธอได้ทำการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แค่พูดเรื่องที่เธอมาประเทศFก็มีแค่คนไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ แล้วดารัณคนนี้ดูแล้วเป็นคนเรียบร้อย แล้วจะมาดูสถานะของเธอออกได้ยังไงกัน?
ชัญญาพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตามสัญชาตญาณ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนง่าย ๆ หรือจะพูดได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังหล่อนไม่ใช่คนธรรมดาง่าย ๆ นรมน พวกเราจำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นหน่อยแล้ว”
“ค่ะ สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ ไม่รู้ว่าจะติดต่อกับบุริศร์ได้ยังไงดี”
นรมนอยากจะเปิดปุ่มเปิดปิดของกำไลข้อมือ แต่พอลองคิดไปครู่หนึ่งก็ทิ้งความคิดไป
ถ้าหากให้บุริศร์รู้ว่าตอนนี้พวกเธออยู่ที่นี่ งั้นหงส์ก็จะรู้เรื่องด้วยใช่ไหม? พอถึงตอนนั้นถ้าหงส์อยากจะทำอะไรกับเธอจริง ๆ และที่นี่ก็เป็นพื้นที่ของหงส์ เธอเสี่ยงอันตรายนี้ไม่ได้จริง ๆ
พอคิดไปแบบนี้แล้ว มือที่นรมนวางอยู่บนกำไลข้อมือก็ลดมือลง
“เฝ้าสังเกตดูความเปลี่ยนแปลงก่อนเถอะ”
ชัญญาเองก็ไม่มีความคิดที่ดีอะไร จึงได้พูดไปเช่นนี้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง บุริศร์เองก็ตามเฉียงมาถึงที่ตำหนักของหงส์ ในตอนที่มองเห็นหงส์นั้นก็อึ้งไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง แล้วหงส์ก็วิ่งมาหาทันที
“เฮียบุริศร์!”
เธอเป็นเหมือนกับเวลาปกติ พุ่งตัวเข้ามาในอกบุริศร์ แต่กลับโดนบุริศร์กีดกันไว้
“เฮียบุริศร์?”
หงส์จ้องมองบุริศร์ด้วยท่าทางน้อยใจ ในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา
“เฮียบุริศร์ คุณไม่ชอบหงส์แล้วเหรอคะ?”
เธอทำตัวเหมือนตอนเป็นเด็ก จ้องมองบุริศร์ตาใสแป๋ว จนทำให้คนรู้สึกปวดใจจี๊ด ๆ
บุริศร์ทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “หงส์ เธอโตแล้วนะ”
“ฉันโตแล้วก็ไม่ใช่น้องสาวที่เฮียบุริศร์รักที่สุดแล้วเหรอคะ?”
หงส์รู้ความรู้สึกที่บุริศร์มีต่อตัวเองดี จึงอดไม่ได้ที่จะยิ่งรู้สึกน้อยใจขึ้นมา
“พูดไปเรื่อย รีบเช็ดน้ำตาให้แห้งเดี๋ยวนี้ อีกเดี๋ยวพี่สะใภ้เธอมาถึง แล้วเห็นเธอร้องไห้จะมานึกว่าฉันรังแกเธอได้นะ”
บุริศร์ยิ้มจาง ๆ และแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเสี้ยวหนึ่ง
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว แต่หงส์ยังเป็นเหมือนกับเมื่อก่อน นี่กลับทำให้บุริศร์นึกไม่ถึงอยู่บ้าง
ดวงตาของหงส์มีอารมณ์พาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง
กลัวนรมนเข้าใจผิดเหรอ?
เหอะ เหอะ
คงจะไม่มีโอกาสแล้วล่ะ
“เฮียบุริศร์ว่ายังไงก็ว่าอย่างงั้นค่ะ”
หงส์เช็ดน้ำตาออก แล้วก็คว้ามือของบุริศร์ไว้แล้วจูงมาที่ข้าง ๆ โต๊ะ ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “คุณดูซิ ฉันชงชาต้าห่งเผ่าที่คุณชอบที่สุดไว้ด้วยนะ รีบมาชิมดูว่ารสชาติเป็นเหมือนกับของเมื่อก่อนหรือเปล่า?”
บุริศร์นิ่งไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง
เขาเองยังจำไม่ได้เลยว่าตัวเองชอบกินชาต้าหงเผ่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าในเมื่อหงส์กระตือรือร้นเช่นนี้ และพอนึกขึ้นได้ว่านรมนยังต้องการให้เธอดูแลอยู่ บุริศร์เองก็ไม่ได้ปฏิเสธอีก และนั่งลงไปแล้วเริ่มจิบขึ้นมาคำหนึ่ง
ชาหอมลอยไปสี่ทิศ กลิ่นหอมทำให้คนสดชื่น
“ก็ดีนะ”
บุริศร์พูดชื่นชมไป จนทำให้หงส์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ บุริศร์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหล่อมากขึ้น กาลเวลาไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้เขา แต่กลับทำให้เขายิ่งหนักแน่นและรู้จักยับยั้งชั่งใจมากยิ่งขึ้น
ใจดวงนั้นของหงส์ตื่นเต้นจนแทบจะเต้นออกมาจากอกอยู่แล้ว
คนที่เคยปรากฏตัวอยู่ในฝันไม่รู้ตั้งกี่ครั้งตอนนี้กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ เธออดไม่ได้ที่อยากจะแตะต้องดูสักหน่อยว่าใช่ตัวจริงหรือเปล่า
“เฮียบุริศร์ คุณมาจริง ๆ แล้วเหรอ? ฉันไม่ได้กำลังฝันอยู่ใช่ไหม?”
หงส์จับมือของบุริศร์เอาไว้ พูดยังไงก็ไม่ยอมปล่อยออก
บุริศร์จ้องมองมือของตัวเองแล้วก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้น
“หงส์ ปล่อยมือ”
“ไม่เอา ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เธอคงจะไม่ขี้เหนียวขนาดนั้นหรอกมั้ง? ฉันแค่จับมือหน่อยเท่านั้นก็ไม่ได้เหรอ?”
ปฏิกิริยาของหงส์ในตอนนี้เหมือนกับเด็กสาวที่กำลังแง่งอนอยู่ กาลเวลาไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่เลย
บุริศร์ทอดถอนใจแล้วก็พูดขึ้นว่า “พวกเราต่างก็ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว เลิกเล่นได้แล้วนะ?”
เล่น?
อยู่ในใจเขา ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขานั้นเป็นเพียงแค่การเล่นเหรอ?
ใจของหงส์เจ็บจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย
“เฮียบุริศร์ ฉัน……”
“นรมนจะสามารถมาถึงได้เมื่อไหร่?”
บุริศร์ตั้งใจพูดเปลี่ยนเรื่องไปเลย
หงส์อึ้งไปเล็กน้อย ในดวงตามีแววโกรธเคืองพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง แต่ว่าก็หายไปในชั่วพริบตา
“น่าจะใกล้แล้วมั้งคะ หลังจากที่พวกเราจากมาแล้วคนของฉันไปรับเลย ตอนนี้น่าจะใกล้กลับมาแล้วล่ะ”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่ จู่ ๆ ธีรตาก็วิ่งเข้ามา
“องค์หญิง แย่แล้วค่ะ หาตัวคุณนายบุริศร์ไม่เจอแล้วค่ะ”
พอคำพูดนี้พูดออกมา บุริศร์ก็ลุกพรวดทีหนึ่งยืนขึ้นมาเลย
“ไม่เจอตัวแล้วหมายความว่ายังไง?”
ความร้อนใจของเขาหงส์เห็นอยู่กับตา แล้วฝ่ามือก็กำเข้าหากันอย่างอัตโนมัติ
นี่เขาถึงกับร้อนใจเพื่อนรมนคนนั้นเช่นนี้!
ธีรตาโดนพละกำลังที่ทรงพลังของบุริศร์ทำให้ตกใจจนตัวสั่นไปเล็กน้อย แล้วก็รีบพูดขึ้นว่า “ตอนที่ฉันไปถึงก็ไม่เห็นคุณนายบุริศร์แล้ว เห็นแต่เพียงกลุ่มทหารยามที่เดินตรวจการณ์เดินผ่านไป เหมือนกับว่าจะจับตัวใครไปด้วย ฉันก็เลยเดินตามไปดูทีหนึ่ง แต่ว่าฉันเดินไปที่เส้นทางเดินของกลุ่มทหารยามไม่ได้ ฉะนั้นฉันเองก็เลยไม่รู้ว่าคุณนายบุริศร์โดนทหารยามจับตัวไปหรือเปล่า”
นี่คือคำพูดที่ธีรตากับหงส์เตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ว่านรมนจะตายหรือไม่ตาย พวกเขาก็จะเอาเรื่องนี้ผลักไปที่กลุ่มทหารยาม ยังไงก็ให้พวกเขาแปดเปื้อนไปด้วยไม่ได้ก็พอ
พอบุริศร์ได้ฟัง สีหน้าก็เยือกเย็นลงทันที
“กลุ่มทหารยามอยู่ที่ไหน? พาฉันไป”
“เฮียบุริศร์ ไม่ได้นะ”
หงส์รีบมาขวางไว้ตรงหน้าบุริศร์
“เฮียบุริศร์ กลุ่มทหารยามเป็นทหารเฉพาะของท่านพ่อฉัน พวกเขาฟังแต่คำสั่งของท่านพ่อฉันคนเดียว แล้วตอนนี้กล้าณรงค์มีอำนาจที่จะสั่งการกลุ่มทหารยามอยู่ ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อของฉันหรือว่ากล้าณรงค์ ต่างก็ไม่คุ้นเคยกับคุณ ถ้าคุณไปอย่างนี้ละก็จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ เฮียบุริศร์ ฉันไม่สามารถอยู่เฉย ๆ แล้วทนมองดูคุณเกิดเรื่องขึ้นมาหรอกค่ะ”
“แต่ว่าภรรยาฉันอยู่ทางนั้น ฉันจะทนดูภรรยาฉันเกิดเรื่องขึ้นไม่ได้ หงส์ ถอยไป!”
บุริศร์พูดแล้วก็จะผลักหงส์ออกไป
หงส์ร้องโอ๊ยขึ้นทีหนึ่ง แล้วทั้งตัวก็ล้มลงไปบนพื้น เหมือนกับว่าข้อเท้าจะพลิกไปแล้ว
“องค์หญิง องค์หญิงเป็นอะไรไปคะ?”
ธีรตารีบเดินมาข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะรู้สึกกลัวบุริศร์อยู่บ้าง แต่ว่าในแววตายังคงแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจและกล่าวโทษอยู่เสี้ยวหนึ่ง
เฉียงรู้สึกทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เฮียบุริศร์ ช่วงหลายวันมานี้เพราะเรื่องของคุณหัวหน้าหน่วยก็ไม่ได้พักผ่อนดี ๆ ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงคุณนายบุริศร์ แต่ว่าจะมาปฏิบัติกับหัวหน้าหน่วยแบบนี้ไม่ได้นะครับ”
หัวคิ้วของบุริศร์ขมวดเข้าหากันแน่น
ตัวเองใช้แรงไปแค่ไหน ตัวเองนั้นชัดเจนดี ยังไงก็ไม่ถึงขนาดทำให้หงส์ที่มีวิชาป้องกันตัวอยู่ต้องล้มลงไปหรอก
ไม่เจอกันหลายปี แต่วิธีของหงส์แบบนี้กลับทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาบ้างแล้ว
บุริศร์ไม่พูดอะไรเลย ได้แต่จ้องมองหงส์อยู่อย่างนั้น ปฏิกิริยาในดวงตานั้นเยือกเย็นและโหดเหี้ยม หนำซ้ำยังแฝงไว้ด้วยความผิดหวังเสี้ยวหนึ่ง จนทำให้ใจของหงส์อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจขึ้นมาทีหนึ่ง และที่หน้าผากก็มีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมา