แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1373 ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว

บทที่ 1373 ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว

“แกเป็นใคร? เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?”

ปรัญชัยได้ยินไม่ชัดว่าเรณุกาพูดอะไร แต่กลับรู้สึกประหลาดใจที่เห็นนรมนปรากฏตัวออกมากะทันหัน

ที่นี่เป็นห้องลับของพรินทร์ นอกจากองค์ชายสามแล้วไม่มีใครสามารถเข้ามาได้ แล้วตกลงผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่? และเข้ามาได้ยังไง?

“คนที่จะมาเอาชีวิตนายยังไงล่ะ!”

นรมนพูดจบก็ขยับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็จู่โจมปรัญชัยโดยตรงเลย

พอทหารองครักษ์คนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ ก็ปล่อยตัวเรณุกาออกทันที แล้วก็เข้าไปรายล้อมนรมนเอาไว้อย่างพร้อมเพรียง

“จับตัวเธอไว้!”

เห็นได้ชัดว่าปรัญชัยเป็นหัวหน้าของที่นี่ แล้วในขณะที่นรมนจู่โจมเข้าไปนั้นเขาเองก็ป้องกันตัวอย่างรวดเร็วขึ้นเช่นกัน

เมื่อบุริศร์เห็นว่านรมนเองก็ออกไปแล้ว ตัวเองก็ลังเลไปครู่หนึ่ง แต่ที่สุดแล้วก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นนรมนตัวคนเดียวโดนคนมากมายขนานนี้โจมตีอยู่ เขาเตะไปทีหนึ่งที่หน้าอกของทหารองครักษ์คนหนึ่งอย่างแรง เตะจนคนคนนั้นลอยกระเด็นไปที่กำแพงเลย

“คนตระกูลโตเล็กของฉันก็เป็นคนที่พวกหนูตัวเล็ก ๆ อย่างพวกแกสามารถมาเหยียดหยามได้ตามใจชอบเหรอ?”

น้ำเสียงที่เย็นชาของบุริศร์ราวกับว่าเล็ดลอดออกมาจากนรกยังไงอย่างงั้น ทำให้พวกปรัญชัยรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

ในชั่ววินาทีที่เรณุกาเห็นบุริศร์นั้นก็มีความรู้สึกหลากหลายขึ้นมา แถมยังรีบปล่อยผมยาวของตัวเองลงมาบดบังใบหน้าของเธอเอาไว้อย่างอัตโนมัติ

สภาพน่าเวทนาเมื่อกี้เหมือนจะโดนบุริศร์เห็นเข้าแล้วใช่ไหม?

ท่าทางที่ตกต่ำและน่าเวทนาแบบนั้นของเธอ จะมาให้บุริศร์เห็นเข้าได้ยังไง?

ในใจของเรณุกาสับสนวุ่นวายไม่หยุด ในหัวสมองอดไม่ได้ที่เกิดภาพบุริศร์ตอนเด็ก ๆ ขึ้นมา

เขารายล้อมอยู่รอบตัวเธอ เรียกเธอว่าแม่ ถึงแม้จะเทียบความรักแม่ลูกอย่างกับบ้านอื่นไม่ได้ แต่ว่านั่นก็เป็นลูกที่เธอเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ขึ้นมาเองนะ

เธอไม่สามารถที่จะมีลูกได้ เมื่อก่อนก็เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่เอาบุริศร์มาเลี้ยงดูเป็นลูกแท้ ๆ จริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของพระราชา เธอจะมาทนทำใจทำลายลูกชายที่เธอพยายามอบรมสั่งสอนมาอย่างสุดหัวใจได้ยังไง? แล้วจะมาทอดทิ้งความเป็นแม่ลูกนี้ไปได้ยังไงกัน?

แต่ว่าสุดท้ายแล้วยังไงเธอก็เป็นคนทำผิดไปแล้ว

เธอนึกว่าเธอเป็นคนของประเทศF ไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อประเทศก็เป็นเรื่องที่มีเกียรติทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเรื่องบางอย่างนั้นชั่วช้าถึงขีดสุด และไม่มีทางให้อภัยได้ แต่ว่าผลประโยชน์ของประเทศรออยู่ตรงหน้า เธอยินดีที่จะละทิ้งความรักและจิตสำนึกของตัวเองไป แต่ว่าแล้วเธอได้รับอะไรกลับมาบ้างล่ะ?

ประเทศชาติไม่ได้ให้เกียรติยศที่เธอสมควรได้รับ ไม่ได้ให้ผลตอบแทนเธออย่างที่ควรจะได้ แถมแม้แต่ความภาคภูมิใจและอิสระก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ

อยู่ที่นี่ เธอมีชีวิตอยู่อย่างกับหมาตัวหนึ่ง อาจจะยังเทียบกับหมาไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ว่าช่วงเวลาเศษสองส่วนสามในชีวิตของเธอล้วนอยู่กับตระกูลโตเล็กมาทั้งนั้น

เธอเคยเป็นนายหญิงที่น่าเคารพนับถือที่สุดของตระกูลโตเล็กมาก่อน เคยเป็นแม่ที่บุริศร์เคารพนับถือ เป็นคนที่ผู้หญิงทั้งหมดต่างก็อิจฉา และคือตัวเธอเองที่ทำลายทุกอย่างนี้ไปเองกับมือ

พอมาวันนี้คนที่มาช่วยเธอกลับเป็นลูกชายและลูกสะใภ้ที่เธอทอดทิ้งไป

วินาทีนี้เรณุกาไม่มีหน้าที่จะมาเผชิญกับพวกเขาด้วยซ้ำ

ที่จริงเธอน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ตัวเองอายุยี่สิบแล้วถูกโดนส่งตัวไปสร้างหน่วยข่าวกรองที่ประเทศZ เพื่อที่จะควบคุมเธอแล้วพระราชาได้วางยาพิษเธอ ตอนนั้นเธออายุยังน้อย พระราชาบอกว่าที่ทำแบบนี้ก็เพื่อรับประกันว่าเธอซื่อสัตย์ และเพื่อความราบรื่นของการก่อตั้งเครือข่ายหน่วยข่าวกรอง และบอกว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ จะต้องรอบคอบ เพราะฉะนั้นถึงได้ต้องลำบากเธอให้มารายงานสถานการณ์กับพระราชาทุกเดือนเพื่อแลกกับยาถอนพิษ ตอนนั้นเธอฟังแล้วก็เชื่อ

เธอไม่รู้ว่ายาพิษนั้นมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง เพียงแต่แค่กินระยะเวลานานไปเธอก็จะไม่สามารถมีลูกได้ ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เป็นแม่คนแล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่สมชัยและฉัตรพลบอกกับเธอว่า จะหลอกล่อให้โอเข้ามาในตระกูลโตเล็กและคลอดลูกชายให้กับตระกูลโตเล็กสักคนนั้น เธอจึงได้ตอบตกลงอย่างเหนื่อยหน่ายไปเลย

ที่จริงตอนนั้นเธอชอบทศกรเข้าแล้วจริง ๆ

ผู้ชายคนนั้นมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเธอ แถมยังมอบทั้งตระกูลโตเล็กให้เธอดูแลด้วย เธออยากจะอยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่ากับเขามากจริง ๆ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเธอก็ได้ทำร้ายเขาไป

ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องที่เธอไม่อยากจะทำมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือการทำร้ายทศกร ทำร้ายผู้ชายคนนั้นที่เธอรักมาเพียงคนเดียวในชีวิต

เธอไม่รู้ ไม่รู้จริง ๆ ไม่รู้ว่าในร่างกายตัวเองที่โดนยาพิษของสมชัยเลี้ยงดูมานานหลายปีนั้น จะกลายเป็นมนุษย์พิษคนหนึ่งไปแล้ว

เธอไม่รู้ว่าการร่วมเตียงกับผู้ชายที่ตัวเองรัก การทำเรื่องที่มีความสุขที่สุดระหว่างชายหญิงจะกลายเป็นการวางยาพิษให้เขาไปอย่างไม่รู้ตัวได้ ยิ่งไม่รู้ว่าการร่วมรักกันทุกครั้งของชายหญิงจะยิ่งทำให้ทศกรเข้าใกล้กับความตายมากยิ่งขึ้น

รอจนถึงตอนที่เธอรู้เรื่องนั้น ตัวทศกรก็ไม่ไหวแล้ว

คืนที่ไร้ผู้คนตั้งกี่ค่ำคืน เธอต้องน้ำตาเปียกหมอน จ้องมองห้องที่ว่างเปล่า พอคิดถึงวันเวลาที่หอมหวานที่ตัวเองอยู่กับทศกรแล้ว จิตใจก็เหมือนกับโดนมีดบาด เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ

ตอนหลังพอโอคลอดบุริศร์และตรินท์ออกมาแล้ว เธอก็เอาพวกเขามาเลี้ยงดูราวกับเป็นลูกแท้ ๆ จริง ๆ

ในเมื่อพวกเขาเป็นลูกของผู้ชายที่ตัวเองรักมากที่สุด ถึงแม้ว่าแม่ของเด็กคนนั้นจะไม่ใช่เธอ แต่ยังไงก็เป็นลูกหลานของตระกูลโตเล็ก

ตอนที่ฉัตรพลให้เธอสร้างข่าวลือออกมาทำลายตรินท์นั้น เธอก็ได้ทำการตุกติก ทำให้ตรินท์แค่โดนขับไล่ออกไปจากเมืองชลธี แต่กลับรักษาชีวิตของเขาไว้ได้ ตอนแรกนึกว่าตัวเองจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่ายังโดนฉัตรพลและสมชัยรู้เรื่องเข้าอีก

เพราะฉะนั้นห้าปีที่เธออยู่ต่างประเทศนั้น ทุกคนต่างก็นึกว่าเธอจากไปที่อื่นเพราะว่าการตายของตรินท์ แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอโดนคนของสมชัยจับตัวไปต่างหาก

ห้าปีนั้นโทษทั้งหมดที่เธอได้รับทำให้เธออกสั่นขวัญแขวนทุกครั้งที่นึกถึง แต่ว่าเธอก็พูดออกไปไม่ได้ เธอไม่มีแม้แต่คนที่จะปรับทุกข์หรือพูดคุยด้วยสักคนเลย

พอบุริศร์และนรมนกลับมาเจอกันอีกครั้ง สมชัยก็เล็งเป้าหมายไปที่ตัวบุริศร์อีก

เรณุกาจึงจำเป็นต้องโดนปล่อยตัวออกมาอีกครั้ง และเป็นหมากในมือของสมชัยต่อไป จนในที่สุดเธอก็โดนบุริศร์และนรมนฉีกกระชากหน้ากากของเธอออก และก็เปิดเผยทุกอย่างของเธอต่อหน้าผู้คน

สำหรับตระกูลโตเล็กบุริศร์และนรมนมาพูดแล้ว เธอเป็นคนบาป เป็นคนขายชาติ แต่ว่าใครจะไปรู้ถึงความลำบากในใจของเธอล่ะ?

พอกลับมาถึงประเทศ กลับมาถึงบ้านเกิด แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่โหดร้ายแบบนี้ ตอนแรกก็อยากตาย แต่ว่าเรณุกากลับพบว่าตัวเองกลัวตาย

ใช่ซิ ถ้าไม่กลัวตาย แล้วตั้งแต่แรกจะทำการตัดสินใจแบบนั้นออกมาได้ยังไง? แล้วจะยอมเป็นหมากของสมชัยและฉัตรพลด้วยความเต็มใจได้ยังไง?

ทางเดินนี้เธอเป็นคนเลือกเอง จะโทษใครไม่ได้ ตอนแรกเธอนึกว่าชีวิตนี้ ตัวเองจะต้องแก่ตายไปอย่างกับหมาตัวหนึ่งในห้องลับที่ไร้แสงตะวันนี้ซะแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าบุริศร์และนรมนจะเข้ามาได้ คิดไม่ถึงว่าสภาพน่าอนาถของตัวเองจะโดนพวกเขามาพบเห็นเข้า

เรณุกาไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับพวกเขายังไง คิดอยู่ว่าจะหนีออกไป แต่ก็ไม่มีความสามารถนี้ จึงได้แต่จ้องมองบุริศร์และนรมนที่มีฝีมือดีจัดการกับพวกปรัญชัยจนอยู่หมัด จากนั้นก็มัดตัวพวกเขาเอาไว้

ปรัญชัยเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาบ้างแล้ว แต่กลับยังพูดอย่างโอหังอยู่ว่า “ทางที่ดีพวกแกรีบปล่อยตัวฉันดีกว่า ฉันได้รายงานกับองค์ชายสามไปแล้ว เดี๋ยวองค์ชายสามก็จะกลับมาแล้ว ฉันจะบอกพวกแกให้นะ ปู่ของฉันเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องประเทศไว้ แล้วฉันก็เป็นพี่น้องร่วมสาบานขององค์ชายสาม ถ้าเกิดว่าฉันเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว องค์ชายสามจะต้องไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่”

“เขาพูดไปเรื่อย! ในนี้ไม่มีทางติดต่อกับโลกภายนอกได้หรอก”

ถึงแม้ว่าเรณุกาจะไม่อยากจะเปิดปากพูด แต่ว่าวินาทีนี้ก็ยังเปิดปากพูดขึ้นมาอยู่ดี

แววตาของบุรศร์มีความเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย

เขาล้วงมีดสั้นออกมาจากรองเท้าทหาร ดวงตาที่เยือกเย็นนั่นทำให้ปรัญชัยตกใจจนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นไปทีหนึ่ง

“แกอยากจะทำอะไร? ฉันขอเตือนแกนะ ฉัน……อ๊าก!”

คำพูดของเขายังพูดไม่ทันจบ บุริศร์ก็เอามีดสั้นตัดมือของเขาไปข้างหนึ่งเลย และมือข้างนั้นก็เป็นมือข้างเดียวกับที่ใช้ตบตีเรณุกาพอดี

เลือดสด ๆ ที่ยังมีความอุ่นอยู่สาดกระเซ็นไปบนใบหน้าของคนอื่น ๆ แล้วก็ทำให้สีหน้าของคนอื่น ๆ ขาวซีดขึ้นมาทันทีด้วยเลย

การเก็บเสียงของที่นี่นั้นดีมาก ๆ ข้างนอกไม่มีทางได้ยินอะไรทั้งนั้น ตอนแรกที่พรินทร์ออกแบบที่นี่ขึ้นมาเพื่อต้องการปิดกั้นที่นี่ไว้ไม่ให้โลกภายนอกรู้หรือพบเห็น แต่ตอนนี้กลับกลายมาเป็นที่ชำระบาปของพวกเขาไป

“นายน้อยท่านนี้ ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย คุณอยากรู้เรื่องอะไรพวกเราก็บอกคุณได้ทั้งนั้น อย่าฆ่าพวกเราเลยนะครับ! อย่าเลยนะครับ!”

วันนี้ที่ข้างนอกเป็นวันเลี้ยงฉลองของประเทศ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารองครักษ์อยู่ในห้องลับ แต่ก็รู้เรื่องเหมือนกัน และแน่นอนว่าต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าในเวลานี้พรินทร์จะต้องไม่อยู่ในตำหนักแน่ และถึงแม้ว่าบุริศร์จะฆ่าและหั่นศพพวกเขาไปแล้ว ก็คงไม่มีใครรู้เรื่องหรอก

เพราะฉะนั้นพวกทหารองครักษ์จึงเกิดความกลัวขึ้นมาทันที

ปรัญชัยเจ็บปวดจนแทบจะหมดสติไปแล้ว แต่พอเห็นทหารองครักษ์คนอื่นร้องขอความเมตตา ก็โกรธจนตะคอกเสียงดังขึ้นมา

“เจ้าพวกไม่เอาไหน! นี่พวกแกเป็นกบฏอยู่รู้หรือเปล่า? ถ้าองค์ชายสามรู้เรื่องเข้าจะต้องฆ่าพวกแกแน่!”

“เอะอะจังเลย!”

นรมนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ถีบไปที่หน้าอกปรัญชัยทีหนึ่ง และตำแหน่งนั้นก็เป็นตำแหน่งเดียวกับที่เขาถีบเรณุกาพอดี

เรณุกามองเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ ในใจก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คนคนนี้ชื่อว่าปรัญชัย เป็นหลานชายของหัวหน้าทหารองครักษ์ที่พระราชาสมชัยเชื่อถือที่สุด เพราะเคยช่วยชีวิตสมชัยมาก่อน เพราะฉะนั้นทั้งตระกูลจึงได้รับพระราชทานนามสกุลจันทรวงศ์มา ผู้ชายในตระกูลเขาส่วนใหญ่แล้วได้รับผิดชอบดูแลระบบความปลอดภัยทั้งในวังและของประเทศF และมีนายทหารที่มีความสามารถหลายคนดำรงตำแหน่งที่สำคัญอยู่ในกรมทหาร ส่วนผู้หญิงก็จะถูกส่งตัวไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ก็นานาประเทศ และกลายเป็นคนประสานงานหน่วยข่าวกรองของแต่ละประเทศ เหมือนอย่างที่ฉันเป็น พวกเขามักจะรู้สึกว่าตัวเองสูงส่งกว่าผู้อื่นเสมอ สูงส่งอย่างไม่มีใครเทียบได้ แต่ว่าพูดจนสุดแล้วก็เป็นแค่ทาสรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น สมชัยไม่เคยคิดว่าพวกเขาเป็นคนของตระกูลจันทรวงศ์จริง ๆ เลยสักครั้ง และเป็นเพียงแค่หมากที่เอาไว้ใช้งานเท่านั้น ถ้าหากว่านายอยากจะได้รายชื่อนายทหารสำคัญของตระกูลพวกเขา หรือรายชื่อของผู้หญิงที่ไปแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศอื่น ฉันก็สามารถบอกนายได้นั้น”

วินาทีนี้ เรณุกาจ้องมองบุริศร์ ปฏิกิริยาในดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย

แต่ปรัญชัยกลับโกรธจนร้องตะโกนออกมา

“เรณุกา แกมันคนชั้นต่ำ! นี่แกถึงกับกล้าขายชาติเลยเหรอ? แกสมควรโดนม้าห้าตัวแยกร่าง และโดนผู้ชายรุมโทรมจนตาย แก……อ๊าก!”

คำพูดของเขายังพูดไม่ทันจบ ก็โดนเรณุกาสะบัดตบไปฉาดหนึ่ง แรงเยอะมากจนแขนทั้งแขนของเธอชาไปเลย

“หุบปาก!”

ตอนนี้ในดวงตาของเรณุกาเต็มได้ด้วยความโกรธแค้น

ครอบครัวที่เธอเชื่อมั่นที่สุด ประเทศชาติที่ทุ่มเทให้ทุกอย่างกลับปฏิบัติต่อเธออย่างโหดร้ายเช่นนี้ แล้วเธอยังจะมีอะไรที่ทอดทิ้งไม่ได้อีกเหรอ?

มีเพียงแต่วินาทีนี้เธอถึงเข้าใจอย่างสุดซึ้งแล้วว่า ในชีวิตของเธอสุดท้ายแล้วใครกันแน่ที่สำคัญที่สุด

หรือบางทีอาจจะใกล้ตายแล้วจริง ๆ คนที่เรณุกาคิดถึงบ่อยที่สุดนั้นคือทศกร และช่วงเวลาที่คิดถึงบ่อยที่สุดก็คือช่วงเวลาที่อยู่ที่ตระกูลโตเล็ก

บิดาที่ว่านั่นได้ให้ชีวิตกับเธอมา แต่ก็ให้ชีวิตที่บัดซบแก่เธอด้วย เดินทางผิดมาทั้งชีวิต จนสุดท้ายแล้วเธอถึงรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการที่สุดคืออะไร

เธออยากมีลูกหลานเต็มบ้าน อยากได้ครอบครัวรักใคร่ปรองดอง อยากได้คำพูดเป็นห่วงบ้างบางครั้งของบุริศร์ที่เย็นชาคนนั้น มันล้วนอบอุ่นและจริงใจมากกว่าบ้านเกิดที่หนาวเหน็บและไร้เยื่อใยแบบนี้

แต่น่าเสียดายเรื่องทั้งหมดนี้มันสายไปซะแล้ว หรืออาจจะยังไม่สายเกินไปนัก

ขอแค่เป็นสิ่งที่บุริศร์ต้องการ ขอแค่ตอนนี้เธอยังสามารถทำได้ ยังสามารถให้ได้ เธอก็จะให้เขาได้ทั้งนั้น

และวินาทีนี้เรณุกาก็มีพลังของนายหญิงแห่งตระกูลโตเล็กขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

ในตอนที่ปรัญชัยเจอเรณุกานั้น เรณุกาก็ได้โดนพ่อของตัวเองตีจนหายใจรวยรินแล้ว และโดนโยนไว้ที่นี่อย่างกับหมาตายตัวหนึ่งเพราะฉะนั้นปรัญชัยก็เลยคิดมาตลอดว่าเรณุกาเป็นคนอ่อนแอ เป็นคนที่สามารถรังแกได้ตามใจชอบ พอมาตอนนี้ตอนที่พลังแห่งนายหญิงประจำตระกูลของเรณุกาแผ่ซ่านออกมานั้น ตัวเขาทั้งตัวก็นิ่งอึ้งไปเลย แถมยังตั้งตัวได้ทันด้วย

“แกกล้าตบฉัน? แกมันลูกคนชั้นต่ำ นี่แกกล้า……อ๊าก!”

คำพูดของปรัญชัยยังพูดไปทันจบ เรณุกาก็แย่งมีดสั้นที่อยู่ในมือบุริศร์มา แล้วก็ตัดลิ้นของปรัญชัยไปเลย

เธอเรณุกาไม่เคยเป็นคนดีมีเมตตาอะไรมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอยินยอมเอง ไม่ใช่เพราะว่าจิตใจของเธอสิ้นหวัง แล้วปรัญชัยคนนี้จะมารังแกเธอได้ยังไง?

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท