แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1372 ขอโทษจะไปมีประโยชน์กับผีอะไร

บทที่ 1372 ขอโทษจะไปมีประโยชน์กับผีอะไร

ยัยผู้หญิงโง่คนนี้!

บุริศร์แอบก่นด่าอยู่ในใจขึ้นมาประโยคหนึ่ง แต่ดวงตากลับแดงขึ้นมาแล้ว

เขารวบตัวนรมนมากอดไว้ในอก แล้วพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “เสร็จแล้วนรมน มันจบแล้ว”

ก็ไม่รู้ว่านรมนได้ยินแล้วหรือว่ายังไง ในที่สุดร่างกายของเธอก็อ่อนยวบลงมา แล้วก็นอนตัวอ่อนพิงอยู่ในอ้อมอกของบุริศร์

บุริศร์กอดตัวเธอไว้แน่น ๆ และสูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมเธอไป แต่ในดวงตากลับมีแววโหดเหี้ยมฉายออกมาเสี้ยวหนึ่ง

กล้าทำร้ายนรมนของเขา เขาจะต้องทำให้ห้องของพรินทร์นี้พังพินาศไปหมดถึงจะได้ และตัวพรินทร์คนนี้ก็อภัยให้ไม่ได้เด็ดขาด

บุริศร์ฟังคนข้างนอกค้นหากันไปรอบหนึ่งพอไม่พบเห็นอะไรก็ออกจากห้องกันไป แล้วบุริศร์ก็วางนรมนลงเบา ๆ ไว้ที่ด้านข้าง และตัวเองก็ออกจากประตูห้องลับไป ออกมาก็ดึงผ้าม่านมาอย่างรวดเร็ว และมาบังรังสีอินฟราเรดที่ข้างนอกเอาไว้

เขาไม่สนหรอกว่ารังสีอินฟราเรดนี้จะส่องมาเมื่อไหร่ ขอแค่มีผ้าม่านนี้อยู่ ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ข้างในนี้แล้ว

บุริศร์ค้นหาไปอย่างละเอียดรอบหนึ่ง แล้วก็ไปเปิดคอมพิวเตอร์ของพรินทร์ขึ้นมา และย้ายเอกสารและข้อมูลที่สำคัญบางอย่างออกมาโดยตรงเลย พอทำเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จแล้วเขาถึงได้กลับเข้าไปในห้องลับอีกครั้ง

นรมนได้ตื่นขึ้นมาแล้ว พอเห็นบุริศร์เดินเข้ามาจากข้างนอก ก็ถามขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “คุณไปทำอะไรมาคะ?”

“เก็บดอกเบี้ยนิดหน่อย พวกเราเข้าไปดูกันหน่อยดีกว่าว่าตกลงห้องลับนี้มันเอาไว้ทำอะไร คุณยังโอเคไหม? หรือจะพักต่ออีกหน่อยไหม?”

ถึงแม้พวกเขาจะเปิดเผยตัวตนไปแล้ว แต่ตอนนี้ห้องลับของพรินทร์นี้กลับกลายเป็นที่ซ่อนตัวของพวกเขาไป และไม่มีทางที่จะโดนคนพบเห็นได้ง่าย ๆ

ถึงแม้นรมนจะยังอ่อนเพลียอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่ายิ่งพวกเขาเสียเวลาอยู่ที่นี่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อพวกเขามากเท่านั้น

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แค่บาดแผลยังปวดอยู่เล็กน้อย แต่ยังไหวอยู่ค่ะ”

ดวงตาของบุริศร์มีแววเจ็บปวดพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง

“ขึ้นหลังมา เดี๋ยวผมแบกคุณไป”

ในห้องลับนี้เป็นทางเส้นหนึ่ง แต่กลับกว้างขวางเป็นอย่างมาก และก็ไม่รู้ว่าทะลุไปถึงที่ไหน

ตอนแรกนรมนยังอยากจะยืนกรานต่อไปอีก แต่ว่าพอเห็นท่าทางของบุริศร์ที่ไม่มีทางต่อรองได้ ก็เลยไม่ได้ดื้อดึงต่ออีก แล้วก็ปีนขึ้นไปบนหลังของบุริศร์

พอโดนเขาแบกเดินไปอีครั้ง ก้นบึ้งหัวใจของนรมนก็เต็มไปด้วยความหอมหวาน

“แผ่นหลังของคุณนี่เกรงว่าคงจะโดนฉันยึดไว้คนเดียวแล้วนะ”

นรมนพูดล้อเล่นไป

“ได้”

บุริศร์กลับตอบได้อย่างเฉียบขาด

มุมปากของนรมนคลี่ยิ้มขึ้นเล็กน้อย และก็รู้สึกว่าบาดแผลที่แขนก็ไม่ได้เจ็บปวดมากขนาดนั้นแล้ว

“คุณว่าพรินทร์สร้างห้องลับแบบนี้ขึ้นมาห้องหนึ่ง แถมยังมีเส้นทางที่ยาวขนาดนี้ ตกลงจะเอาไว้ทำอะไรกันแน่?”

“ไม่รู้ซิ”

บุริศร์ส่ายหัวเล็กน้อย

ที่นี่ไม่มีทหารองครักษ์ และไม่มีระบบป้องกันอะไร เหมือนกับจะเชื่อมั่นระบบรังสีอินฟราเรดที่เปิดเอาไว้ข้างนอกเป็นอย่างมาก ที่นี่สงบเงียบจนทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ

นรมนเองก็รู้สึกถึงความอันตรายเสี้ยวนี้ด้วย

เธอพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หรือไม่คุณปล่อยฉันลงดีกว่า ถ้าเกิดเจอเรื่องอะไรเข้า ก็จะสามารถทำการตอบสนองได้รวดเร็วได้”

“ไม่เป็นไรหรอก”

บุริศร์รู้ว่านรมนเป็นห่วงเขา แต่ว่าสภาพของนรมนที่สีหน้าขาวซีดในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกทนทำใจไม่ค่อยได้

ทั้งสองคนเดินไปข้างหน้าประมาณหนึ่งร้อยเมตร ก็คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับจะได้ยินเสียงพูดคุยกันขึ้นมา

แล้วนรมนก็บอกให้บุริศร์วางเธอลงทันที ทั้งสองคนค่อย ๆ เดินชิดเข้าไปใกล้

“ห้ามร้องนะ! ถ้าร้องไห้อีกจะฆ่าพวกแกให้หมดเลย!”

น้ำเสียงที่เคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังลอยมา จึงทำให้ฝีเท้าของบุริศร์และนรมนหยุดลงทันที

นรมนย่อตัวไว้แล้วย่องไปดูข้างในทีหนึ่ง แล้วพบว่าข้างในนั้นมีผู้หญิงที่ต่างเชื้อชาติอยู่สิบกว่าคน และตอนนี้ก็โดนถอดเสื้อผ้าออกหมดจนเหลือแต่ชุดชั้นในแล้ว แล้วโดนไล่เข้าไปขดตัวอยู่ในกรงเหล็กใหญ่อย่างกับหมูอย่างกับหมา

ดวงตาของเธอเคร่งขรึมลงมาหลายส่วนทันที

ตอนแรกยังนึกว่าที่นี่มีความลับอะไรที่ไม่สามารถบอกใครได้อยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะเป็นวังหลังของเจ้าคนโรคจิตพรินทร์นั่นไปได้?

แล้วก็มองดูรอบข้างอีกทีก็มีเพียงทหารองครักษ์เฝ้าอยู่แค่สี่ห้าคน แต่ละคนล้วนทำตัวอิสรเสรี แถมยังดื่มเหล้าและเล่นไพ่อีกด้วย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดว่าที่นี่ปลอดภัยแน่นอน เพราะฉะนั้นถึงได้ผ่อนคลายขนาดนี้

บุริศร์เองก็ย่นหัวคิ้วขึ้นเล็กน้อย

เขาพบเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่งกำลังทำความสะอาดอยู่ท่ามกลางทหารองครักษ์พวกนั้น

เงาร่างนั้นช่างดูตกต่ำมากขนาดนั้น และทิ่มตามากขนาดนั้นด้วย

ไม้กวาดของผู้หญิงไม่ทันระวังไปแตะโดนขากางเกงของทหารองครักษ์คนหนึ่งเข้า แล้วก็ทำให้ทหารองครักษ์คนนั้นเกิดความโกรธเคืองขึ้นมาทันที

“โถ่เอ๊ย นี่แกตาบอดไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้ามาทำกางเกงฉันสกปรกได้? แกรู้หรือเปล่าว่ากางเกงตัวนี้องค์ชายสามหาคนมาตัดเย็บให้เองกับมือเลยนะ?”

ทหารองครักษ์เตะผู้หญิงทีหนึ่งจนล้มลงไปกับพื้น

ผู้หญิงร้องครางขึ้นมาทีหนึ่ง แล้วก็รีบลุกขึ้นมา และมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าทหารองครักษ์เหมือนอย่างกับหมาตัวหนึ่ง แล้วก็ใช้แขนเสื้อช่วยเขาเช็ดไปอย่างรวดเร็ว ปากก็พูดขอโทษไปด้วยอย่างต้อยต่ำ

“ขอโทษค่ะ องครักษ์ชัย ขอโทษค่ะ”

“ขอโทษจะไปมีประโยชน์อะไร? มาเช็ดอะไรเช็ด? ใช้ปากของแกเลียให้ฉันสะอาดเลยนะ!”

องครักษ์ชัยคนนั้นไม่ได้กะว่าจะปล่อยผู้หญิงไปเลย แล้วก็ถีบที่หน้าอกเธออีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถุยน้ำลายลงบนหน้าเธอคำหนึ่ง

ผู้หญิงแม้แต่จะเช็ดออกก็ยังไม่กล้าเช็ดออกเลย และก็ละทิ้งการเช็ดไป แต่กลับจับขากางเกงขององครักษ์ชัยขึ้นมาเลียจริง ๆ

พวกทหารองครักษ์ที่อยู่รอบข้างหัวเราะร่าขึ้นมาทันที

แล้วหนึ่งในนั้นก็ส่ายหน้าไปและพูดขึ้นว่า “นี่มันช่างน่าหัวเราะจริง ๆ ได้ยินมาว่าเธอเคยเป็นนายหญิงของตระกูลโตเล็กในประเทศZมาก่อน ที่ยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัด และมีอำนาจมากมาย แต่มาดูตอนนี้ซิ กลับมีชีวิตอยู่อย่างกับหมาตัวหนึ่ง นี่ถ้าพูดออกไปใครเขาจะเชื่อกัน? ถ้าไม่ใช่เพราะองค์ชายสามเคยสั่งไว้ว่าห้ามเปิดเผยความเคลื่อนไหวของเธอออกไป ฉันก็อยากจะอยากจะแชร์เรื่องพวกนี้ออกไปให้คนเขาได้เห็นกันจริง ๆ”

ร่างกายของผู้หญิงหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ทำให้เกิดการสั่งสอนจากองครักษ์ชัยขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง

“คิดอะไรอยู่? ยังกล้าฟุ้งซ่านอีกเหรอ? ฉันว่าแกนี่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม? ถึงแม้ผู้หญิงอย่างแกจะทั้งแก่ทั้งน่าเกลียด แต่พวกพี่น้องเราอยู่ที่นี่ก็เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย และก็กลับไปจู๋จี๋กับผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ ถ้าจะเอาแกมาใช้งานแทนตุ๊กตายางตัวหนึ่งก็ยังพอขัดถูได้บ้าง ผู้หญิงพวกนั้นพวกเราพี่น้องแตะต้องไม่ได้ แต่แกมันไม่เหมือนกัน ไสหัวไปทางนั้นแล้วถอดเสื้อผ้าออกซะ ไปนอนคว่ำไว้ให้ดี ๆ ให้พวกเราพี่น้องได้สุขสบายกันสักหน่อย”

องครักษ์ชัยกระชากผมของผู้หญิงขึ้นมาโดยตรง แล้วก็บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองตัวเอง แล้วในขณะเดียวกัน จากมุมที่นรมนอยู่ก็สามารถมองเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นได้ชัดสักที

เธอนิ่งอึ้งไปเลยทันที

นี่มันเป็นเรณุกา!

แม่เลี้ยงของบุริศร์!

นรมนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก แล้วก็มองไปที่บุริศร์อย่างอัตโนมัติ แล้วก็พบว่าดวงตาของบุริศร์จ้องเขม็งไปที่พวกเขา ปฏิกิริยาในดวงตานั้นสงบเยือกเย็นเป็นอย่างมาก

เธอรีบจับมือของบุริศร์เอาไว้

มือของเขานั้นเย็นมาก เย็นเฉียบ เหมือนกับตัวเขาในตอนนี้เลย

ตอนนั้นเรณุกาโดนปล่อยตัวออกมาเพื่อเป็นเหยื่อล่อ เพื่อที่จะล่อคนที่อยู่เบื้องหลังเธอออกมา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะหลบหนีไปได้

ช่วงที่ผ่านมานี้ถึงจะออกประกาศจับแล้ว แต่ก็ไม่มีข่าวคราวอะไรของเรณุกาเลย ไม่ว่ายังไงนรมนก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาอยู่ที่ตำหนักของพรินทร์นี้ได้ และที่สำคัญยังมีสภาพที่ตกต่ำและเวทนาได้ขนาดนี้!

นรมนรู้ว่า บุริศร์นั้นเกลียดเรณุกา แถมทุกสิ่งที่เรณุกาทำกับตระกูลโตเล็ก และทำกับประเทศชาตินั้นล้วนทำให้คนไม่มีทางที่จะอภัยให้ได้ แต่ว่ายังไงเธอก็ยังเป็นแม่เลี้ยงของบุริศร์

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในตอนที่แผนการพวกนั้นยังไม่ได้ถูกเปิดเผยขึ้นมาอย่างแท้จริงนั้น เรณุกาจะเคยมีความรู้สึกที่จริงใจต่อบุริศร์บ้างไหมนั้นนรมนเองก็ไม่รู้ แต่ว่าบุริศร์นั้นกลับไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีความรู้สึกดีต่อเธอเลย

เรณุกาสามารถโดนประเทศชาติลงโทษได้ สามารถตายด้วยลูกปืนได้ แต่ว่าในฐานะที่เคยเป็นนายหญิงของตระกูลโตเล็ก และเป็นแม่เลี้ยงของบุริศร์นั้น เธอไม่สมควรและไม่สามารถที่จะมาโดนเหยียดหยามแบบนี้ได้

แล้วก็ในตอนที่นรมนยังไม่ได้คิดดี ๆ ว่าจะทำยังไงนั้น อยู่ ๆ เรณุกาก็ขัดขืนอย่างแรงขึ้นมา

“ปรัญชัย แกกล้าเหรอ!”

องครักษ์ชัยก็คือปรัญชัย แล้วตอนนี้เรณุกาก็กล้าที่จะร้องตะโกนชื่อเขาออกมาตรง ๆ และยังอดไม่ได้ที่จะสะบัดมือไปที่หน้าเขาตรง ๆ ทีหนึ่งด้วย

“นี่แกยังกล้าเรียกชื่อฉันเลยเหรอ นี่แกนึกว่ายังเป็นนายหญิงของตระกูลโตเล็กอย่างเมื่อก่อนอยู่อีกจริง ๆ เหรอ? ฉันว่าชีวิตที่สุขสบายในหลายปีมานี้ทำให้แกลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไปแล้วใช่ไหม? อย่างแกมันก็แค่หมาตัวหนึ่งของตระกูลเราเท่านั้น ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะว่าปู่ของฉันไปนอนกับแม่ที่เป็นโสเภณีคนนั้นของแกเข้าละก็ จะไปมีแกเกิดออกมาได้ยังไง? แกมันลูกยัยคนชั้นต่ำ เป็นอะไรที่ไม่สามารถเอามาเข้าบัญชีรายชื่อวงศ์ตระกูลหรือเชิดหน้าชูตาได้ พระราชาและองค์ชายสามให้โอกาสแกไปสร้างเครือข่ายหน่วยข่าวกรองที่ประเทศZ แถมยังให้แกได้ใช้ชีวิตที่สุขสบายอย่างชนชั้นสูง แต่แกกลับตอบแทนอะไรมาให้องค์ชายสามของเราและพระราชา? แค่ตระกูลโตเล็กตระกูลเดียวแกก็ยังเอามาไม่ได้ หนำซ้ำเครือข่ายหน่วยข่าวกรอกที่มีมาตั้งหลายปีนี้ยังมาโดนคนของประเทศZทำพังไปหมดเลย แกรู้หรือเปล่าว่าทำลายงานใหญ่ของพระราชาไปมากแค่ไหน?”

“เกิดความผิดพลาดขึ้นมามากขนาดนี้ แกไม่ตายเพื่อชดเชยความผิด แต่ยังกล้ากลับมาร้องขอความช่วยเหลือจากพระราชาอีก จนเกือบจะเปิดโปงองค์ชายและพระราชาสามออกไปแล้ว แกมันตายเป็นหมื่นครั้งก็ยังไม่สาสม! ตระกูลจันทรวงศ์ของเราเกือบจะโดนแกทำให้ซวยกันไปหมดแล้วแกรู้ไหม?”

ปรัญชัยพูดไปพูดมาก็ยิ่งโกรธเคืองมากยิ่งขึ้น

“นามสกุลของพวกเรา พระราชาเป็นผู้พระราชทานให้ เรื่องนี่อยู่ในประเทศFเป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นคุณปู่มีผลงานในการคุ้มครองเจ้านายไว้ เกียรติภูมินี้ก็ไม่มีทางที่จะตกมาอยู่ในวงศ์ตระกูลของเราได้ การที่สามารถมีนามสกุลเดียวกันกับพระราชา นี่มันเป็นเกียรติมากขนาดไหน ยัยลูกคนชั้นต่ำคนหนึ่งอย่างแกสามารถมาใช้นามสกุลจันทรวงศ์ได้ก็ควรจะต้องรู้สึกสำนึกบุญคุณ ถึงจะต้องตายก็ต้องพยายามไปทำภารกิจให้สำเร็จ แต่ว่าแกไม่เพียงไม่ช่วยให้วงศ์ตระกูลได้เชิดหน้าชูตา แต่ยังมาทำให้วงศ์ตระกูลเกือบจะต้องโดนทำลายล้างไป คุณปู่ได้พูดไว้ตั้งนานแล้วว่า ให้แกมีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น จะต้องทำให้แกรู้ซึ้งว่าตกลงตัวเองเป็นตัวอะไร! ตระกูลจันทรวงศ์สามารถให้ชีวิตที่อยู่สุขสบายเหนือคนอื่น ๆ ได้ แน่นอนก็จะต้องสามารถทำให้แกมีชีวิตที่ตกต่ำกว่าใคร ๆ ได้เหมือนกัน! วันนี้ที่แกสามารถรับใช้พวกเราพี่น้องได้ก็ถือว่าเป็นบุญของแกแล้ว ยังไม่รีบไสหัวไปนอนคว่ำไว้ให้ฉันดี ๆ อีก!”

ปรัญชัยเตะเรณุกาล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง

ทั้งตัวเรณุกาสั่นระริกขึ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าโกรธหรืออับอายกันแน่ แต่ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว พวกทหารองครักษ์พวกนั้นรีบรายล้อมเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วก็มาฉีกกระชากเสื้อและกางเกงของเธอ แถมยังส่งเสียงหัวเราะที่ต่ำทรามออกมาอีกด้วย

นรมนรู้สึกทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว

ถึงแม้ว่าเรณุกาจะถือได้ว่าเป็นผู้กระทำความผิดของประเทศZ ถึงแม้จะกระทำความผิดใหญ่หลวงไว้ แต่ว่าประเทศFนี้เป็นบ้านเกิดของเธอ และคำพูดของปรัญชัยเมื่อกี้ก็พูดได้ชัดเจนแล้วว่าเรณุกามีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกับเขา แต่ทำไมเขาถึงได้ชั่วช้าได้แบบนี้ล่ะ?

และอีกอย่างนรมนเองก็รู้ว่า บุริศร์จะต้องไม่มีทางยอมให้ใครมาเหยียดหยามคนของตระกูลโตเล็กแน่

ถึงแม้เรณุกาจะเป็นคนที่ทำความผิดต่อประเทศแล้วมีโทษสมควรตาย แต่ก็ไม่ควรต้องมาโดนเจ้าชั่วช้าพวกนี้ทำแบบนี้ด้วย!

ไม่ว่าเมื่อก่อนเรณุกาจะมีสถานะอะไร แต่จนถึงวันตายเธอก็ยังเป็นภรรยาที่พ่อของบุริศร์แต่งงานด้วยอย่างเปิดเผย และยังเคยเป็นนายหญิงของตระกูลโตเล็กมาก่อน!

บุริศร์ฆ่าเรณุกาได้ กฎหมายบ้านเมืองก็สามารถลงโทษเรณุกาได้ แต่ว่าคนต้อยต่ำแบบปรัญชัยนี้มีสิทธิ์อะไรมาเหยียดหยามคนของตระกูลโตเล็กแบบนี้?

“หยุดนะ!”

นรมนกระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว

น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้เรณุกาอึ้งไปเล็กน้อย ดวงตาที่สิ้นหวังนั้นมีแววความหวังปรากฏขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งทันที ในตอนที่เธอเห็นนรมนมายืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้น ดวงตาที่มืดหม่นไร้แสงสว่างคู่นั้นเหมือนกับว่าได้มองเห็นทางรอดแล้ว

“นรมน?”

เรณุกานิ่งอึ้งไปเลย และในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจมากด้วย

ตอนแรกเธอคิดว่าถึงแผนการของตัวเองจะล้มเหลวไป แต่ว่าที่นี่ก็ยังเป็นบ้านเกิดของเธอ ที่นี่มีคนในครอบครัวของเธอ หลายปีมานี้เพื่อวงศ์ตระกูล เพื่อประเทศชาติเธอต้องทุ่มเทไปตั้งเท่าไหร่ คนในครอบครัวจะต้องเข้าใจเธอแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่รอคอยอยู่นั้นจะเป็นชีวิตที่ตายทั้งเป็นแบบนี้!

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท