ทำไมนรมนจะไม่เข้าใจล่ะ?
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอวางความเขินอายลงต่อหน้าผู้คน แล้วกอดบุริศร์ไว้แน่น และพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เชื่อใจฉันนะ ฉันนรมนจะต้องคู่ควรกับคุณบุริศร์ให้ได้แน่ ๆ ฉันจะต้องทำให้คนทุกคนรู้ ว่าที่ฉันแต่งงานกับคุณไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องประดับ และฉันก็ไม่ใช่แจกันดอกไม้ ฉันเป็นเพื่อนร่วมรบที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้ไปพร้อมกับคุณได้ การสามารถให้คุณภาคภูมิใจและเป็นเกียรติได้มันเป็นเป้าหมายที่ฉันพยายามมาตลอด”
ดวงตาของบุริศร์มีความเปียกชื้นเล็กน้อยขึ้นมาทันที
“ลำบากคุณแล้ว”
“ไม่หรอกค่ะ ทุกคนต่างก็ลำบากกันทั้งนั้น เอาล่ะ ไม่พูดแล้ว ฉันไปก่อนนะคะ ฉันจะจัดแจงทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อยรอพวกคุณมานะคะ”
นรมนเอาเครื่องติดตามออกมาจากมือบุริศร์ จากนั้นก็จุ๊บบนใบหน้าบุริศร์ทีหนึ่ง แต่กลับโดนบุริศร์ล็อกหัวไว้ แล้วก็จูบอย่างบ้าคลั่งและเร่าร้อนขึ้น
ลมหายใจของทั้งสองคนประสานเข้าด้วยกัน ภาพที่เกี่ยวพันกันเช่นนี้แต่กลับทำให้คนทั้งหมดรู้สึกเลือดร้อนพุ่งขึ้นมา และกำลังเผาไหม้ไป
นรมนผลักบุริศร์ออกอย่างหายใจหอบเหนื่อย จากนั้นก็หมุนตัวแล้ววิ่งออกไปข้างนอกเลย
บุริศร์จ้องมองดูแผ่นหลังของเธอหายไปจากตรงหน้าตัวเอง ดวงตาคู่นั้นแฝงได้ด้วยความแข็งแกร่ง
“พี่น้องทั้งหลาย ตอนนี้พวกเราอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ไม่มีกำลังเสริม ไม่มีผู้สนับสนุน มีเพียงแต่คนของพวกเราเท่านี้ที่จะต้องไปทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ชีวิตของทุกคนต่างก็ผูกไว้รวมกัน ผมจะให้เวลาพวกคุณสามนาทีในการเขียนคำสั่งเสีย แล้วก็ยังเป็นกฎเดิม ไม่ว่าสุดท้ายแล้วคนที่รอดชีวิตจะเป็นใคร จะต้องเอาจดหมายสั่งเสียของเพื่อนกลับไปด้วย ช่วยพวกเขาทำคำสั่งเสียให้สำเร็จ สามารถทำได้หรือเปล่า?”
“ทำได้ครับ!”
คำพูดของบุริศร์เพิ่งจบลง เหล่าทหารทั้งหมดก็ร้องตะโกนพร้อมกันออกมาทันที
นี่คือการรบที่ไม่มีทางถอยครั้งหนึ่ง และก็เป็นสงครามการปกป้องที่เหนือความเป็นความตาย
เหล่าทหารต่างก็กำลังเลือดร้อนอยู่ และก็ได้โยนความเป็นความตายไปตั้งนานแล้ว บุริศร์เองก็ไม่ได้นำทหารออกศึกมานานแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นอย่างเมื่อก่อนอีกครั้ง กลับไปเป็นช่วงอายุที่เลือดร้อนพุ่งทะยาน
เรณุกาจ้องมองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ในใจก็เข้าใจแล้วว่าทำไมสมชัยกับฉัตรพลถึงได้โดนกำหนดมาให้แพ้อยู่แล้ว
ทหารของบุริศร์ต่างก็มีความศรัทธาเป็นของตัวเอง เพื่อความศรัทธานั้น เพื่อประเทศชาติและประชาชนสามารถไม่สนใจทุกสิ่ง กล้าที่จะสละชีวิต ถึงจะต้องตายแต่ก็ยังพุ่งไปข้างหน้า แต่ทางด้านสมชัยนั้นถึงแม้จะใช้เทคโนโลยีชั้นสูงมาปรับเปลี่ยนกรมทหารอยู่ แต่เป็นเพราะว่าคนของพวกเขาไม่มีความศรัทธา เหมือนกับเป็นทรายกะละมังหนึ่ง ที่อยู่รวมกันได้ก็เพราะว่าการข่มขู่ของสมชัย แต่ไม่ใช่เพราะว่ายอมรับในตัวพระราชาคนนี้และประเทศนี้จากใจจริง
เพราะฉะนั้นสมชัยจึงถูกกำหนดมาแล้วว่าต้องพ่ายแพ้
นี่เป็นครั้งแรกที่เรณุการู้สึกว่าการตัดสินใจของตัวเองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
การยืนอยู่ข้างบุริศร์ถึงจะเป็นการเลือกที่ชาญฉลาดที่สุด น่าเสียดายที่ครึ่งชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอกลับไม่ได้มองทุกอย่างให้ทะลุเร็ว ๆ หน่อย มาตอนนี้ก็ได้แต่ต้องจบลงอย่างหงอยเหงาแล้ว
แน่นอนว่านรมนจะต้องไม่รู้เรื่องของทางนี้ หลังเธอจากไปได้ไม่นาน เรณุกาก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “บุริศร์ ให้ฉันตามนรมนไปเถอะ ทางนั้นฉันคุ้นเคยดี ถึงความสามารถของนรมนจะไม่เลว แต่ก็ยากที่จะไม่โดนกลลวงได้ กล้าณรงค์ไม่ใช่คนทั่วไป จิตใจของเขาปลิ้นปล้อนมาก ถ้าฉันไปกับนรมนก็ยังพอดูแลกันได้”
คำพูดของเรณุกาทำให้บุริศร์อึ้งไปครู่หนึ่ง
เขาเป็นห่วงนรมน ไม่วางใจนรมน แต่ว่าก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจเรณุกาเล็กน้อย ในจุดนี้เรณุกาเองก็รู้
“ฉันรู้ว่านายไม่ไว้วางใจฉัน แต่ว่าได้โปรดให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับฉันได้ไหม? ฉันรับรองว่าฉันจะต้องไม่มีทางทำร้ายนรมนแน่ และที่สำคัญยังจะใช้ความสามารถทั้งหมดของฉันไปพยายามปกป้องเธอด้วย ในเมื่อเธอเป็นภรรยาของนาย เป็นแม่ของลูกนาย ฉันได้ทำผิดต่อพ่อของนายไป ได้ทำผิดต่อตระกูลโตเล็กไป ก่อนที่ฉันจะตายจะต้องไม่มีทางทำผิดต่อนายแน่”
เรณุกาพูดอย่างความรู้สึกลึกซึ้ง
บุริศร์ค่อย ๆ ขมวดคิ้วขึ้น แต่สุดท้ายก็ให้โอกาสเรณุกา
หรือบางทีจากดวงตาของเรณุกา บุริศร์อาจจะมองเห็นความสำนึกผิดแล้ว
หลังจากที่บุริศร์พยักหน้าแล้วเรณุกาก็รีบตามนรมนไปอย่างรวดเร็วเลย
ตอนที่นรมนรู้สึกว่าข้างหลังมีคนตามมานั้นก็หวาดระแวงเล็กน้อย ในตอนที่เธอเห็นเรณุกานั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย
“คุณมาได้ยังไงคะ?”
“ฉันมาช่วยเธอ”
เรณุกาพูดเพียงสี่คำสั้น นรมนก็เข้าใจแล้ว ว่านี่คือการไม่ไว้วางใจของบุริศร์
แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงทางโน้นก็เป็นที่ของสมชัย บางทีพาเรณุกาไปด้วยก็ใช่ว่าจะไม่ได้
ทั้งสองคนไปถึงบ้านหลังเล็กอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ชัญญาจากไปแล้วที่นี่ก็โดนปล่อยให้รกร้างไป แต่ว่ายังพอดูออกได้ว่า เป็นเพราะชัญญาหนีไปแล้ว สมชัยก็ได้ระเบิดอารมณ์ครั้งใหญ่ที่นี่ ของในห้องแทบจะโดนทุบทำลายไปหมดแล้ว
นรมนจ้องมองรอบข้างอย่างรวดเร็ว รอบข้างมีเนินสูงสองสามแห่งสามารถใช้เป็นจุดซุ่มยิงได้ แต่ว่าก็ดูโจ่งแจ้งเป็นอย่างมาก โดยรวมแล้วน่าจะโดนเล็งเห็นเป็นอันดับแรกเลย
แน่นอนว่าปัญหาที่เธอพบเห็นเรณุกาก็ต้องพบเห็นแล้วเหมือนกัน
“ฉันไปทางนั้น เธอลงไปที่ข้างล่างไปหาที่ซ่อนตัวสักแห่งแล้วซ่อนตัวให้เรียบร้อย พวกเราคนหนึ่งอยู่ข้างบนคนหนึ่งอยู่ข้างล่างร่วมมือกัน ถึงกล้าณรงค์จะฉลาดหลักแหลมมีใจรอบคอบแค่ไหนก็ไม่แน่ว่าจะเดาได้หรอก”
เรณุกาชี้ไปที่จุดซุ่มยิงที่โจ่งแจ้งแล้วพูดไป
นรมนกลับส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่ค่ะ ฉันไปทางนั้นดีกว่า ถึงจะโจ่งแจ้งไปหน่อย แต่ว่าก็เป็นจุดซุ่มยิงที่ดีที่สุดเรณุกา ขอแค่กล้าณรงค์เข้ามา ฉันก็จะสามารถยิงเขาทิ้งได้เป็นคนแรกเลย”
นรมนรู้ จุดซุ่มยิงจะต้องอยู่บนที่สูงถึงจะได้ผลดี ถึงแม้ว่าที่อื่น ๆ ก็สามารถหลบซ่อนตัวได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผลจะต้องออกมาดี ถึงแม้ว่าที่สูงจะเปิดเผยง่าย ๆ แต่ว่าถ้าสามารถกะเวลาให้แม่นยำได้ละก็ ก็ยังสามารถทำสำเร็จได้อยู่
แน่นอนว่าเรณุกาเองก็รู้หลักการนี้ เธอก็แค่กลัวนรมนจะตกอยู่ในอันตรายเท่านั้น พอตอนนี้มาได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ก็รู้แล้วว่านรมนได้ตัดสินใจแล้ว
ที่เธอมาที่นี่ก็เพราะว่ามาช่วยเหลือนรมน แต่ไม่ใช่มารบกวนนรมน
“ได้ งั้นฉันจะไปหาที่ซ่อนสักแห่งซ่อนตัวไว้ พวกเราก็คอยดูแลซึ่งกันและกันนะ”
“ได้”
นรมนนั้นกลับไม่ได้มีปัญหาอะไรกับสิ่งนี้
ทั้งสองคนหาที่ซ่อนตัวได้ไม่นาน กล้าณรงค์ก็พาคนเร่งรีบมาถึงแล้ว
“ระวังให้ดี ๆ นะ ที่นี่อาจจะมีกับดักอยู่ ทุกคนระวังตัวกันหน่อยนะ”
เสียงของกล้าณรงค์ไม่ได้ดังมาก แต่ว่ากลับสามารถทำให้คนทั้งหมดได้ยินอย่างชัดเจน รวมทั้งนรมนด้วย
คนของบุริศร์ยังมาไม่ถึง และคิดไม่ถึงว่ากล้าณรงค์จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ดูท่าทางที่กล้าณรงค์ใช้มานั้นน่าจะมีทางลัดแล้ว น่าเสียดายที่บุริศร์ไม่ได้คุ้นเคยกับที่นี่ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถมาเร็วกว่าพวกเขาก้าวหนึ่ง
ตอนนี้ขอแค่กล้าณรงค์เข้ามาก็จะรู้ว่ามีกับดักอันนี้ พอถึงตอนนั้นก็ไม่มีทางที่จะอยู่ที่นี่นานต่อสักนาทีแน่ เขาที่เป็นคนรักตัวกลัวตายแบบนั้นจะต้องไม่มีทางให้ตัวเองมาตกอยู่ในอันตรายแน่
นรมนประเมินสถานการณ์ไป ตอนนี้มีอยู่หนทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือตอนที่กล้าณรงค์เข้ามาจะต้องยิงเขานัดเดียวให้ถึงตายไปเลย แต่ว่าแบบนี้ก็จะเปิดเผยตำแหน่งของตัวเองไปได้ แล้วด้วยกำลังของกล้าณรงค์ มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะลากตัวเองไปตายพร้อมกันด้วย!
พอคิดมาถึงตรงนี้ หัวคิ้วของนรมนก็ขมวดขึ้น ในหัวสมองของเธอปรากฏภาพของบุริศร์ออกมา
ถ้าหากว่าตัวเองตาย บุริศร์จะเป็นยังไงบ้างนะ?
คิดว่าน่าจะบ้าไปเลยมั้ง
แต่ว่ายังมีพวกลูก ๆ อยู่ พวกเรณุกากับอาสามก็ยังอยู่ ถึงแม้ว่าบุริศร์จะทำอะไรก็คงต้องครุ่นคิดอีกรอบหนึ่งละมั้ง
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่า นรมนได้เดาความในใจของบุริศร์ได้อย่างชัดเจนเป็นอย่างมาก
อีกเดี๋ยวก็อาจจะต้องแยกจากกับบุริศร์ไปอีกโลกหนึ่งแล้ว ใจของนรมนก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
หลงรักผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย ได้แต่งงานกับเขา และยังได้คลอดลูกเลี้ยงลูกให้กับเขา นรมนไม่ได้รู้สึกเสียใจเลยสักนิด ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นจะเคยเข้าใจผิดกัน ตัวเองจะต้องมีบาดแผลเต็มไปหมด แต่พอนึกย้อนกลับไป การอยู่กับบุริศร์ก็ยังมีความสุขมากกว่าเป็นทุกข์นะ
เธอรู้มาตลอดว่าชีวิตคนเราชาติหนึ่งจะต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมามากมาย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเวลาที่ตัวเองได้อยู่กับบุริศร์จะมีเพียงแค่สั้น ๆ ไม่กี่ปีนี้เท่านั้น และระหว่างนี้ก็ยังแยกจากกันห้าปีเพราะเรื่องเข้าใจผิดด้วย
เธอยังอยู่กับบุริศร์ไม่พอเลย ยังไม่เคยเป็นแฟนกันเลย กับลูก ๆ ก็ยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยสักคำ ก็อาจจะต้องมาจากโลกนี้ไปตลอดกาลแล้ว
นรมนพูดไม่ได้ว่าตัวเองไม่มีอะไรเสียใจ แต่ว่าถ้าเลือกระหว่างประเทศเธอก็รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไง
เธอเป็นภรรยาของบุริศร์ เธอเป็นภรรยาทหาร และเธอก็ยังเป็นนายหญิงของอาณาจักรรัตติกาลอีกด้วย บนตัวเธอมีหน้าที่และความรับผิดชอบมากมาย ถึงแม้ว่าจะเสียดายความหนุ่มสาวของตัวเอง แต่ก็จะพลาดเวลาที่ดีที่สุดในการฆ่ากล้าณรงค์ไปไม่ได้ ไม่งั้นถ้าเกิดกล้าณรงค์หนีไปได้ก็จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วแผนการที่เธอกับบุริศร์วางเอาไว้ก็อาจจะถูกกล้าณรงค์และสมชัยคิดออกได้ พอถึงตอนนั้นที่อยากจะให้ฉัตรพลและสมชัยแตกหักกันก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
รากของสมชัยนั้นหยั่งลึกเกินแล้ว ถ้าไม่มีการตำหนิหรือว่าต่อต้านของฉัตรพล สมชัยจะต้องกลายเป็นเนื้อร้ายก้อนหนึ่งแน่ ยิ่งอยู่ก็จะยิ่งก้อนใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศZหรือว่าประเทศอื่น ๆ อยู่ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ก็จะไม่มีทางทำอะไรเขาและประเทศFได้เลย
พอคิดได้ว่าจะต้องมีคนอีกมากมายที่ต้องพรากจากกับลูกเมียเพราะสมชัย ต้องบ้านแตกสาแหรกขาด นรมนก็รู้แล้วว่าภารกิจในตอนนี้ของตัวเองคืออะไร
ถึงแม้ว่าจะต้องชีวิตแลกด้วยชีวิต เธอก็ไม่ขาดทุนแล้ว!
เบื้องหลังของเธอจะมีญาติพี่น้องเป็นหมื่นเป็นพันจดจำเธอได้ ในร่างกายของเธอมีเลือดของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาไหลเวียนอยู่
คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาก็เกิดมาในสนามรบ ตายอยู่ในสนามรบทั้งนั้น นี่คือโชคชะตาของพวกเขา และก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา
อยู่ ๆ นรมนก็คิดถึงพ่อชินทรขึ้นมา
ถ้าหากว่าพ่อยังมีชีวิตอยู่ละก็ คงจะต้องรู้สึกภาคภูมิใจกับเธอที่เป็นลูกสาวคนนี้อยู่แหละมั้ง
ในใจของนรมนรู้สึกมีความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา
เธอไม่เคยรู้สึกดีใจที่ตัวเองเป็นลูกหลานของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอย่างวินาทีมาก่อน
พอเห็นคนของกล้าณรงค์เดินเข้ามาทีละคนทีละคน แต่กล้าณรงค์กลับอยู่ข้างหลังสุด นรมนก็เริ่มรู้สึกร้อนใจขึ้นมาหน่อยแล้ว
เรณุกาเองก็รู้สึกถึงความจริงที่ว่าคนของบุริศร์จะต้องมาไม่ทันเวลาแล้วแน่ ๆ
เธอมองไปทางนรมนทีหนึ่ง แล้วจากแววตาของนรมนเธอสามารถมองออกถึงความกล้าหาญที่เด็ดเดี่ยวและความไม่กลัวตายอยู่เสี้ยวหนึ่ง
ใจของเรณุกาเย็นวาบขึ้นทีหนึ่ง แล้วก็เข้าใจขึ้นมาทันที
เธอรู้สึกมาตลอดว่านรมนไม่คู่ควรกับบุริศร์ เพราะว่าบุริศร์คือความภาคภูมิใจของเธอ เธอเป็นคนเลี้ยงดูมาเองกับมือ เธอรู้ว่าบุริศร์มีความยอดเยี่ยมมากมาย แต่ว่าวินาทีนี้เรณุกาถึงพบว่าตัวเองผิดไปแล้ว
นรมนเองก็ยอดเยี่ยม!
เธอดีงามพอที่จะคู่ควรกับบุริศร์ หนำซ้ำยังมากพอที่จะให้ทุกคนมาเคารพด้วย!
แต่ว่าภารกิจของเธอก็คือมาปกป้องนรมนนี่ แล้วจะมาทนเห็นนรมนไปตายได้ยังไง?
เรณุกาจ้องมองกล้าณรงค์ที่ขี้ขลาดยังลังเลอยู่ข้างนอก แต่กลับกับให้ลูกน้องของตัวเองเข้าไป เธอรู้ว่านรมนเหนี่ยวไกไม่ได้ และก็ไม่มีโอกาสที่จะเหนี่ยวไกด้วย
แต่ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เมื่อคนที่อยู่ข้างในพบว่าไม่เห็นเงาของบุริศร์ ก็จะต้องรายงานกับกล้าณรงค์แน่ พอถึงตอนนั้นกล้าณรงค์ก็จะไม่เข้าไปแล้ว
ถ้ากล้าณรงค์ไม่เข้าไป ก็เท่ากับว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลว แต่ว่าเรณุกาจะมายอมให้มันล้มเหลวไปได้ยังไง?
อยู่ ๆ เธอก็มองนรมนทีหนึ่ง จากนั้นก็ทำการตัดสินใจออกมา
ตำแหน่งที่เธอซ่อนตัวอยู่คือข้างนอก ขอแค่เธอเหนี่ยวไกก่อน เจ้าคนขี้ขลาดกล้าณรงค์ก็จะต้องนึกว่าคนที่แอบซุ่มเอาไว้ต้องอยู่ข้างนอกทั้งหมดแน่ พอถึงตอนนั้นก็จะต้องวิ่งเข้าไปข้างในเป็นอันดับแรกแน่
ขอแค่กล้าณรงค์เข้าห้องไป ก็จะได้ให้โอกาสนรมนเลย พอนรมนเหนี่ยวไกปืน กล้าณรงค์ก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่านี่ก็เท่ากับว่าเรณุกาจะต้องเปิดเผยตัวเองออกไปก่อน และก็เท่ากับว่าเธออาจจะโดนปืนที่ยิงมามั่ว ๆ ยิงตายไปด้วย