“เป็นอะไรไป?”
เมื่อนรมนเห็นท่าทางแบบนี้ของเขาก็คิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จึงรีบเอ่ยถามขึ้นมา
บุริศร์ส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ปัญญ์อยู่ในวังของประเทศF
“อะไรนะ? เขาไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง?”
นรมนค่อนข้างประหลาดใจ
ประเทศFในตอนนี้พูดได้เลยว่ากำลังอยู่ในช่วงโกลาหล ผู้คนจากทั่วทุกแขนงมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ระวังตัวดีๆอาจจะต้องจบชีวิตก็เป็นได้ แล้วทำไมปัญญ์ถึงไปอยู่ที่นี่ในเวลาแบบนี้ได้?
บุริศร์เองก็แปลกใจเป็นอย่างมาก
ตอนที่ยกธุรกิจต่างประเทศให้ปัญญ์ดูแล เพราะกลัวว่าการรักษาของขาจะใช้เวลานาน จนพาลทำให้เขาฟุ้งซ่านได้ง่าย ดังนั้นเลยมอบหมายงานเพื่อเติมเต็มชีวิตให้เขา ต่อมาปัญญ์ก็กลายเป็นอัจฉริยะทางด้านธุรกิจ สามารถบริหารธุรกิจต่างประเทศได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บุริศร์จึงวางมือได้อย่างสบายใจ ไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับการดำเนินงานและการตัดสินใจของปัญญ์มาเป็นเวลานาน เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาที่เดิมทีควรอยู่ที่ต่างประเทศจะโผล่มาที่นี่ได้
นรมนร้อนใจ
คมทิพย์เป็นเพื่อนรักของเธอ เป็นคนเดียวที่เธอไม่อยากทำให้เสียใจและผิดหวัง แล้วการที่ปัญญ์มาปรากฏตัวที่นี่ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นเธอจะอธิบายกับคมทิพย์ยังไง?
“ไม่ได้ ต้องพาเขาออกมา ปัญญ์ไม่ควรอยู่ที่วังในช่วงเวลาแบบนี้ อีกอย่างบางทีสมชัยอาจจะรู้จักเขา แล้วถ้าเกิดเจอตัวเขาขึ้นมาล่ะ ฉันไม่อยากจะจินตนาการถึงผลที่ตามมาเลย”
หัวคิ้วของนรมนขมวดเข้าหากันแน่น
ในตอนนี้เอง ข้อความจากจณัตว์ก็ถูกส่งเข้ามาเหมือนกัน
“ประเทศFปิดเมืองเพื่อตามจับตัวปัญญ์ ต่อให้จับเป็นหรือจับตาย ก็ต้องนำตัวมาประหารทิ้ง ตามที่ได้ยินมาปัญญ์ไปหลอกล่อดารัณ ทั้งยังหลอกใช้ดารัณทำเรื่องอะไรบางอย่างจนจุดชนวนไฟโกรธของสมชัย ตอนนี้ดารัณถูกกักบริเวณ ในสภาพนิ้วขาด ส่วนปัญญ์ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ถ้าพวกนายติดต่อเขาได้ บอกเขาไม่ให้ไปไหนสุ่มสี่ส่มห้าเด็ดขาด ออกไปตอนนี้ก็มีแต่ตาย”
จวัตณ์กับหงส์ไม่สามารถอยู่ในห้องได้นานเกินไป บวกกับการที่หงส์เป็นคนมีทักษะการต่อสู้ ไม่นานก็ฟื้นขึ้นมา เพียงแต่เมื่อเห็นจวัตณ์นอนอยู่ข้างๆตัวเอง แถมเสื้อผ้าของเธอก็อยู่ในสภาพหลุดลุ่ย จึงอดคิดไปไกลไม่ได้ เธอเตรียมตบจวัตณ์โดยไม่หยุดคิด แต่ทำอะไรไม่ได้เมื่อจวัตณ์ไม่ได้ดูนุ่มนิ่มเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก ในวินาทีที่เธอยื่นมือออกไปเขาก็สกัดเธอเอาไว้ได้ ซ้ำยังกดเธอเอาไว้ใต้ร่าง
“ถ้าคุณขยับตัวอีกเชื่อไหมผมปล้ำคุณจริงๆแน่? ญาณิน อย่าท้าทายขีดจำกัดความอดทนของผมเชียวนะ”
นัยน์ตาของจวัตณ์ทอแววดุดัน ภายในเวลาแค่นิดเดียวก็สามารถทำให้หงส์มาอยู่ใต้อาณัติได้ ในตอนที่เธอรู้ตัว ก็ถูกจวัตณ์อุ้มเดินออกไปนอกห้องแล้ว
บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความผิดปกติ ทุกคนต่างก็หวาดกลัวจนตัวสั่น คนที่ตอนแรกหยามเหยียดหงส์ ตอนนี้แทบไม่กล้าทำอะไรทั้งนั้น เมื่อเห็นพวกเขาออกมาก็ทำได้แค่เหลือบมองตาม
ธีรตารีบเดินเข้าไปหา พร้อมกับบอกเล่าคำพูดของสมชัยให้หงส์ฟัง นัยน์ตาของหงส์หรี่ลงโดยฉับพลัน
“ปัญญ์อยู่ที่ไหน?”
เพราะความสัมพันธ์ของบุริศร์ หงส์จึงใส่ใจทุกคนรอบตัวนรมน แน่นอนว่าสืบมาแล้ว เธอจึงรู้ว่าปัญญ์เป็นคนของนรมน เคยเสียขาทั้งสองข้างไปเพื่อช่วยนรมน ต่อมาก็ถูกบุริศร์ส่งตัวไปรักษาที่ต่างประเทศ ทั้งยังยกธุรกิจต่างประเทศให้เขาจัดการ
เพราะธุรกิจของบุริศร์ค่อนข้างใหญ่ หงส์จึงไม่ค่อยวางใจเป็นธรรมดา ดังนั้นเลยส่งคนคอยจับตามองปัญญ์อยู่เป็นเวลานาน หลังจากที่ได้พบว่าเขาเป็นอัจฉริยะทางด้านธุรกิจถึงได้วางใจ และล้มเลิกการจับตามองเขา ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าคนคนนี้จะมาที่ประเทศF
เขามาสร้างความวุ่นวายเพิ่มทำไมกันนะ?
หงส์เริ่มอยากด่าซะแล้วสิ
แน่นอนว่าจวัตณ์เองก็ได้ทราบข่าวจากทางธีรตาเหมือนกัน และเขาก็ส่งข่าวไปให้บุริศร์โดยไม่คิดปิดบังหงส์
เมื่อหงส์เห็นจวัตณ์ที่อยู่ข้างๆหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความเธอก็หันไปมองโดยอัตโนมัติ เมื่อพบว่าเขาส่งข้อความไปหาบุริศร์ เธอก็ชะงักไปเล็กน้อย ตอนนี้เองถึงเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนของเฮียบุริศร์
แบบนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องส่งข้อความหาเฮียบุริศร์แล้วใช่ไหม?
เมื่อคิดได้แบบนี้ หงส์ก็วางใจลง แต่ก็ยังรู้สึกขัดใจ
ผู้ชายไร้ยางอายคนนี้เป็นคนของเฮียบุริศร์หรอกเหรอ ทำไมเฮียบุริศร์ให้คนแบบนี้มาติดตามล่ะ?
เธอกระโดดลงจากวงแขนของจวัตณ์อย่างฮึดฮัด ในตอนที่กำลังจะเดินหนีก็ได้ยินจวัตณ์เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณต้องกลับตระกูลแหลมวิไลกับผม”
“ได้ยังไง? ฉันคือองค์หญิงห้านะ!”
หงส์รู้สึกว่าจวัตณ์ทะนงตัว และทำตัวเยอะเกินเหตุ
ไม่ใช่แค่สร้างความปั่นป่วนให้เธอ ตอนนี้ยังมีหน้ามาออกคำสั่งกับเธออีก เขาคิดว่าเขาเป็นใคร?
ด้านจวัตณ์กลับไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย หยิบโทรศัพท์ออกมากดต่อสายหาเนกษ์ในทันที
“ฝากบอกสมชัยด้วย ต้องให้ญาณินกลับตระกูลแหลมวิไลกับเรา เราถึงจะพิจารณาเรื่องการลงทุนโครงการการวิจัยทางการทหาร”
จวัตณ์พูดจบก็ตัดสายทิ้ง
ถ้าก่อนหน้านี้หงส์ยังสงสัยตัวตนที่แท้จริงของจวัตน์อยู่ล่ะก็ ในตอนนี้เธอก็คงเชื่อไปแล้วว่าคนตรงหน้าคือจวัตณ์จริงๆ
เขาคือผู้ปกครองตระกูลแหลมวิไลต่างหากล่ะ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือผู้นำตระกูลดีๆนี่เอง
“จวัตณ์ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ญาณินคนนี้ปกครองตัวเอง อย่าคิดว่าพ่อฉันมีอำนาจบารมี แล้วจะมาบังคับให้ฉันทำเรื่องที่ไม่อยากทำได้นะ”
“งั้นเหรอ?”
จู่ๆจวัตณ์ก็ยิ้มขำออกมาเล็กน้อย ท่าทางยั่วสวาทแบบนั้นทำให้หงส์ชะงักไปนิด
ในตอนนี้เอง จวัตณ์ก็ยื่นมือออกมาสับเข้าตรงลำคอของหงส์ให้สลบอย่างฉับพลัน
“ดื้อจริงๆ เสียใจด้วยนะ ถ้าเป็นสิ่งของที่จวัตน์คนนี้อยากได้ ไม่ว่าใครก็ขัดขวางไม่ได้ทั้งนั้น”
จวัตณ์รับร่างกายของหงส์ที่ทรุดลงได้อย่างแม่นยำ ทำเอาธีรตาที่อยู่ข้างๆตกใจจนขาอ่อน
ผู้ช่วยของตระกูลแหลมวิไลคนนี้พูดว่าอะไรนะ?
เขาบอกว่าเขาคือจวัตณ์งั้นเหรอ?
ถ้าอย่างนั้นผู้นำตระกูลแหลมวิไลที่อยู่ในงานเลี้ยงคือใคร?
เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของธีรตา จวัตณ์ก็ยิ้มออกมานิ่งๆ “เธอจะยอมตามไปดูแลองค์หญิงห้าของเธอที่ตระกูลแหลมวิไลกับฉัน หรือจะให้ฉันฆ่าปิดปากเธอ? เลือกมาข้อใดข้อหนึ่ง”
รอยยิ้มของเขาดุจดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ แต่ธีรตากลับหนาวเย็นไปทั้งร่างกาย
“ฉันจะไปดูแลองค์หญิงห้า”
คนเราน่ะ อยากมีชีวิตอยู่กันทั้งนั้นล่ะใครมันจะอยากตาย?
ดูจากที่จวัตณ์ทำกับหงส์แล้ว เธอก็แทบจะไม่สงสัยเลยว่าถ้าหากเธอไม่ยอมไปด้วย อีกสักพักเธอจะโดนปลายมีดหรือลูกปืน อีกอย่างต่อให้คนที่ไม่ได้มีฐานะสำคัญอย่างเธอตายไปพระราชาก็คงไม่พูดอะไรอยู่แล้ว
“ฉันชอบคนฉลาด เอาเป็นว่าไปกันเถอะ ที่ตระกูลแหลมวิไลมีให้ทุกอย่าง ไม่ต้องเก็บของให้องค์หญิงของเธอหรอก”
ขณะที่พูด ข้อความจากบุริศร์ก็ถูกส่งกลับมา
“ปัญญ์อยู่ในวังของประเทศF นายหาทางพาเขาออกมาหน่อย”
หัวคิ้วของจวัตณ์ขมวดมุ่น เอ่ยพูดเสียงเบาว่า “ยุ่งยาก”
หลังจากพูดจบ เขาก็มองมาที่ธีรตาด้วยแววตาวาวโรจน์
ธีรตารู้สึกเหมือนมีมือล่องหนบีบคอของเธอเอาไว้ จนลมหายใจติดขัด ทว่าก็ไม่กล้าขยับไปไหน
“คุณชายจณัตว์ คุณอยากให้ฉันทำอะไร?”
ธีรตาไม่รู้ว่าตกลงจวัตณ์ตรงหน้าเป็นใครกันแน่ ดังนั้นจึงทำได้เพียงเรียกเขาว่าคุณชายจณัตว์
จวัตณ์ยิ้มตาหยี ดูเผินๆแล้วเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ แต่ธีรตารู้ว่ามันคือภาพลวงตาเท่านั้น
เธอรู้สึกกลัวมากกว่าเดิม
“ฉันคิดไปคิดมา ของติดตัวองค์หญิงจำพวกเสื้อผ้าจำเป็นต้องเก็บไปด้วย ถึงยังไงฉันก็ไม่ค่อยรู้ไซซ์ของเธอเท่าไหร่ พาฉันไปดูที่ตำหนักของเธอหน่อยสิ อะไรที่พอเก็บได้ก็เก็บ อีกสักพักฉันก็จะกลับตระกูลแหลมวิไลแล้ว”
“แต่ว่าทางพระราชายังไม่มีบัญชามาเลยนะคะ”
ธีรตารู้ว่าไม่ควรขัดใจคนตรงหน้า แต่ว่าเธอเป็นคนรับใช้ในวัง ถ้าจะติดตามองค์หญิงออกไปนอกวังต้องมีคำสั่งจากพระราชาก่อนถึงจะได้
ขณะที่พูด ผู้ส่งสารก็วิ่งเหยาะๆเข้ามา เมื่อเห็นจวัตณ์ก็เอ่ยพูดอย่างนอบน้อมว่า “ผู้ช่วยเนกษ์ พระราชามีรับสั่งให้รบกวนคุณพาองค์หญิงห้าไปอยู่ที่ตระกูลแหลมวิไลสักพัก”
“รับทราบ ไม่รบกวนหรอก ผมก็กำลังจะไปเก็บของที่ตำหนักขององค์หญิงห้าอยู่เหมือนกัน อีกประเดี๋ยวอาจจะต้องฝากผู้ส่งสารบอกผู้นำตระกูลของผมด้วยว่าผมจะออกไปรอเขาที่รถข้างนอก”
จวัตณ์ขี้เกียจเสแสร้งทำเป็นเห็นดีเห็นงามกับพวกสมชัยในงานเลี้ยงเต็มที
“รับทราบ”
ในสายตาของคนนอกจวัตณ์คือผู้ช่วยคนโปรดของผู้นำตระกูลแหลมวิไล ดังนั้นคนอื่นๆจึงค่อนข้างที่จะชื่นชมและเคารพเขา
จวัตณ์ยิ้มออกมาบางๆ รับศาสน์ของสมชัยมาถือเอาไว้ แล้วเหลือบมองธีรตา ธีรตาจึงเข้าใจในทันที จากนั้นก็นำทางจวัตณ์เดินไปยังตำหนักของหงส์
“บอกปัญญ์ส่งตำแหน่งของเขามาให้ฉัน”
จวัตณ์ตอบกลับข้อความของบุริศร์อย่างรวดเร็ว
ไม่นานตำแหน่งของปัญญ์ก็ถูกส่งมาให้
เมื่อเห็นว่าเป็นตำหนักของนงลักษณ์ จวัตณ์ก็แอบสบถออกมาเงียบๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปในตำหนักของหงส์พร้อมกันกับธีรตา
“ที่นี่มีทางไหนสามารถไปยังตำหนักของพระมเหสีเจ็ดได้ไหม? ทางที่จะไม่ถูกคนอื่นมาเจอน่ะ”
จวัตณ์ถามธีรตาออกไปตรงๆ ทำเอาธีรตาไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไร
“หืม?”
ไอข่มขู่จากตัวของจวัตณ์แผ่กระจายออกมา ไม่รู้ว่าเขาหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาแกว่งเล่นตอนไหน รังสีเยือกเย็นทำเอาเหงื่อเย็นๆผุดขึ้นมาตามร่างกายของธีรตา
“ที่นี่มีทางลัด สามารถผ่านไปยังที่นั่นได้ แต่ว่านี่เป็นความลับขององค์หญิง”
“หลังจากนี้คนของเธอก็ถือว่าเป็นคนของฉัน รวมไปถึงความลับทุกอย่างด้วย”
หลังจากพูดจบจวัตณ์ก็ผิวปาก ต่อมาก็มีใครคนหนึ่งรุดเข้ามาจากทางไหนก็ไม่รู้ ทำเอาธีรตาสะดุ้งตกใจ
“ใครน่ะ?”
“คนของฉันเอง”
จวัตณ์เอ่ยพูดนิ่งๆ จากนั้นก็ออกคำสั่งกับคนที่เพิ่งมาว่า “ตามสาวใช้คนนี้ไปรับตัวปัญญ์ที่ตำหนักพระมเหสีเจ็ดผ่านทางลัด แล้วใช้อาศัยเส้นสายพาเขาออกไปจากวัง”
“ครับ คุณชายจณัตว์”
พูดจบคนคนนั้นก็มองมาที่ธีรตา
ตอนนี้ธีรตาตกอยู่ในที่นั่งลำบาก จึงทำได้เพียงทำตามคำสั่งของจวัตณ์
ไม่นานหลังจากนั้นปัญญ์กับมายด์ก็ถูกพาตัวมา เมื่อปัญญ์เห็นคนแปลกหน้าอย่างจวัตณ์ก็ชะงักไปเล็กน้อย
“ผู้ช่วยเนกษ์?”
“นายรู้จักฉัน?”
จวัตณ์รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
แม้ว่าตัวตนของเขาในสายตาคนนอกจะเป็นผู้ช่วยของผู้นำตระกูลแหลมวิไล แต่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่สามารถเจอและรู้จักได้ง่ายๆ แต่ปัญญ์กลับรู้จักเขา นั่นแปลว่าปัญญ์เคยติดตามเขา อาจถึงขั้นเคยสืบเรื่องของเขา แต่เขากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปัญญ์เลย
ตอนนี้รู้แค่ว่าเขาเป็นคนของบุริศร์ รู้เพียงแค่นี้เท่านั้น
ด้านปัญญ์ก็หัวเราะออกมาบางเบา พูดว่า “ผมเป็นนักธุรกิจ มาที่นี่ก็เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโต แน่นอนว่าต้องทำความรู้จักเส้นสายที่มีศักยภาพไว้ก่อนอยู่แล้ว”
“นักธุรกิจ? น่าสนใจนี่”
หลังจากที่จวัตณ์ส่งสายตาคลุมเครือให้เขาก็เอ่ยพูดขึ้นมานิ่งๆว่า “ออกไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน นรมนกับบุริศร์เป็นห่วงนายมาก ยิ่งตอนนี้สมชัยสั่งประหารนายด้วยแล้ว ทางที่ดีนายไม่ควรโผล่หน้าออกไปให้เขาเห็น ตั้งใจฟังที่ฉันบอกก็พอ”
“ครับ”
ปัญญ์ไม่คัดค้านสิ่งนี้ ถ้าจะพูดให้ถูกคือถ้าอยากเจอนรมน เขาก็ไม่ควรสร้างปัญหาเพิ่ม
จวัตณ์เหลือบมองมายด์ที่อยู่ข้างกายของปัญญ์ เอ่ยถามขึ้นมาว่า “คนของนาย?”
“ครับ คนของผมเอง”
ปัญญ์จับมือของมายด์เอาไว้ทันที น้ำเสียงหนักแน่นของเขาพลันทำให้หัวใจของมายด์รู้สึกหวานซึ้ง