แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1382 คือตัวคุณเองที่มีความคิดแปลกประหลาดไปแล้ว

บทที่ 1382 คือตัวคุณเองที่มีความคิดแปลกประหลาดไปแล้ว

กล้าณรงค์รออยู่แต่บุริศร์ไม่พูดสักที จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

“ตัวคุณเองก็รู้ ว่าคุณเป็นคนอัจฉริยะคนหนึ่ง ผมไม่ได้อยากจะต่อกรกับคุณหรอกนะ ขอแค่คุณร่วมมือกับผม เราก็จะได้ชนะกันทั้งสองฝ่าย”

และนี่ถึงจะเป็นเป้าหมายของกล้าณรงค์

บุริศร์กลับยิ้มเย็นแล้วพูดขึ้นว่า “ชนะด้วยกันงั้นเหรอ? ภารกิจของผมคือจับตัวคุณกลับไป คุณสามารถช่วยผมได้ไหมล่ะ?”

สีหน้าของกล้าณรงค์ขรึมลงมาทันทีเลย

“ดูท่าระหว่างเราไม่มีทางที่จะไปด้วยกันได้แล้ว”

“คือตัวคุณเองที่มีความคิดแปลกประหลาดไปแล้ว”

บุริศร์พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวอะไร

ในดวงตาของกล้าณรงค์มีแววโหดเหี้ยมพาดผ่านไปเสี้ยวหนึ่ง “งั้นก็อย่ามาโทษว่าผมไม่เกรงใจก็แล้วกัน ใครอยู่ที่นี่ออกมา! มาจับตัวคนไว้ให้ฉันหน่อย”

รอบข้างมีทหารองครักษ์รุดหน้าออกมา ที่แท้ก็ซ่อนตัวอยู่ที่นี่กันหมดนี่เอง

คนที่นี่ดูท่าแล้วไม่ค่อยเหมือนกับทหารองครักษ์ของสมชัยซะเท่าไหร่ น่าจะเป็นคนของกล้าณรงค์เอง

สมชัยนั้นรู้ว่าพวกบุริศร์อยู่ในวัง แต่ว่าจากความหมายของกล้าณรงค์เมื่อกี้เหมือนกับว่าจะไม่ได้อยากจะเอาตัวเองส่งมอบให้กับสมชัย เพราะฉะนั้น……

หัวสมองของบุริศร์หมุนวนไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่ได้ขัดขวางคนที่มาจับตัวเขา แต่กลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างมากจนโดนจับมัดไว้เรียบร้อย

กล้าณรงค์จ้องมองรอบข้างทีหนึ่ง แล้วก็ยิ้มเย็นขึ้นมาและพูดว่า “คุณคงจะไม่ได้กำลังรอให้นรมนมาช่วยคุณหรอกนะ? จะบอกคุณตามความจริงเลยนะ ราเชนได้โดนสมชัยเฝ้าจับตามองไว้แล้ว ขอแค่เธอไปถึงหน้าประตูตำหนักของราเชนก็จะโดนคนจับตัวไปเลย ยัยโง่นรมนนั่นเอาให้สมชัยไปแล้วก็ให้สมชัยไปเลย แต่คุณไม่เหมือนกัน คุณเป็นอัจฉริยะทางทหาร และยังเป็นหัวหน้าตระกูลของตระกูลโตเล็กอีกด้วย ขอแค่คุณอยู่ในมือผม ไม่ว่าจะเป็นความสามารถทางทหารของคุณหรือว่าเงินทองของคุณต่างก็เป็นของผมทั้งนั้น”

ที่แท้นี่ถึงจะเป็นเจตนาของกล้าณรงค์

ครั้งนี้บุริศร์แม้แต่จะพูดยังขี้เกียจพูดแล้ว

เขาโดนกล้าณรงค์พอตัวไปแล้ว แต่ว่าในใจก็ยังเป็นห่วงนรมนอยู่ กลัวว่านรมนจะไปหาราเชนจริง ๆ

นรมนกลับไม่ได้จากไป แต่เฝ้าดูกล้าณรงค์และบุริศร์เจรจากันอยู่ไกล ๆ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพวกคุยอะไรกัน แต่ว่าการที่บุริศร์ไม่ได้ขัดขืนกลับทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง และก็ครุ่นคิดอย่างหนักขึ้นมาด้วย

ถ้าเกิดบุริศร์ลงมือละก็ กล้าณรงค์ก็ใช่ว่าจะเป็นคู่ปรับกับบุริศร์ได้ จนถึงตอนที่คนของกล้าณรงค์ปรากฏตัวออกมานั้น นรมนถึงได้เข้าใจว่าบุริศร์นั้นต้องการเก็บแรงเอาไว้ หรือว่าต้องการจะแผนซ้อนแผนนั่นเอง

ถ้าหากเป็นอย่างนี้แล้วละก็ ถ้าตัวเองออกไปก็เท่ากับไปแหวกหญ้าให้งูตื่นนะซิ

เธอเห็นบุริศร์โดนจับตัวไปถึงแม้ว่าจะปวดใจอยู่บ้าง แต่ว่าก็ยังมีสติอยู่ และไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่กลับตามไปอยู่ห่าง ๆ

กล้าณรงค์ไม่ได้เก็บตัวบุริศร์ไว้ในวัง แต่กลับใช้ทางเล็ก ๆ เส้นหนึ่งเอาตัวไปยัดไว้ในรถยนต์ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “พาตัวไป”

ดูท่าแบบนี้คือน่าจะเอาตัวบุริศร์ไปไว้นอกวังแน่

ดวงตาของนรมนหรี่ลงมา แล้วคิดขึ้นมาว่าตัวเองออกไปจากที่นี่ไม่ได้ แล้วร่างกายก็กลิ้งไปตามพื้นอย่างอัตโนมัติ และก็ถือโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังฟังกล้าณรงค์พูดอยู่ ตัวเองก็รีบไปเกาะอยู่ใต้ท้องรถ

รถเคลื่อนตัวแล้ว ได้พาตัวบุริศร์ออกไปจากวัง และก็รวดพาตัวนรมนออกไปด้วย

เพราะว่าสมชัยได้ให้สิทธิ์กล้าณรงค์ไว้เยอะมาก เพราะฉะนั้นกล้าณรงค์ส่งตัวบุริศร์ออกไปจึงราบรื่นเป็นอย่างมาก ตลอดระยะทางแม้แต่คนที่จะมาตรวจตราสักคนก็ยังไม่มี เมื่อเทียบกับบุริศร์แล้ว นรมนก็ค่อนข้างทุกข์ทรมานกว่ามาก

ร่างกายของเธอไม่มีเรี่ยวแรง พอตอนนี้มาเกาะอยู่ใต้ท้องรถ ร่างกายก็เริ่มไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่อไอเสียของรถยนต์ก็ยังทำให้เธอรู้สึกหายใจลำบากด้วย

หลังจากที่ออกจากวังแล้ว นรมนอดทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ก็เลยปล่อยมือ รถยนต์ขับผ่านไปจากตัวเธอ แล้วเธอก็รีบกลิ้งไปตามพื้น กลิ้งไปจนถึงริมทางที่อยู่อีกข้างหนึ่ง พอเห็นว่ามีรถสาธารณะอยู่คันหนึ่ง แล้วก็ไม่คิดอะไรเลยและรีบขับเคลื่อนออกไปทันที

เธอตามอยู่ข้างหลังพวกบุริศร์ไกล ๆ ขับไปนานมาก ออกจากชานเมืองมา มาจนถึงเขตทางทิศเหนือของเมือง

ในตอนที่มาถึงเขตไร้ผู้คนอีกครั้งนั้น นรมนก็ได้สละรถยนต์ทิ้งไป แล้วก็สะกดรอยตามไปด้วยเท้าของตัวเอง นี่ถือว่าค่อนข้างหนักหน่วงต่อร่างกายของเธอ แต่ว่าตอนนี้เธอจะสนใจมากขนาดนั้นไม่ได้แล้ว

บุริศร์คือชีวิตของเธอ เธอจะมาทิ้งบุริศร์ไปได้ยังไง?

รถยนต์จอดลงตรงโรงงานร้างแห่งหนึ่งในเขตไร้ผู้คน

ช่างเป็นคนของตระกูลจันทรวงศ์จริง ๆ ล้วนเลือกที่แห่งนี้เหมือนกัน

นรมนจ้องมองคนพวกนั้นพาตัวบุริศร์ลงมา จากนั้นก็ผลักเขาให้เดินเข้าไป นรมนพยายามหลบหลีกผู้คนเอาไว้และตามอยู่ข้างหลัง

โรงงานเป็นโรงงานร้าง แน่นอนว่าก็ต้องค่อนข้างว่างเปล่า

นรมนมองเห็นพวกเขาเข้าไปทางอุโมงค์ใต้ดินอันหนึ่ง แล้วถึงรู้ว่าข้างในนี้ยังมีที่ขนานอยู่อีกแห่งหนึ่ง

แต่ว่าตอนนี้ถ้ายังตามต่อไปอีกละก็ ก็อาจจะสามารถเปิดเผยตัวเองได้เป็นอย่างมาก

พอคิดมาถึงตรงนี้ นรมนก็จ้องมองอุโมงค์ใต้ดินอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง แล้วก็ไม่พูดอะไรและหมุนตัวแล้วจากไปเลย

เธอไม่ได้กลับวัง แต่กลับโทรศัพท์หาจณัตว์เลย แต่น่าเสียดายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทางด้านจณัตว์ กลับไม่มีคนรับสายตลอดเลย

นรมนรู้สึกร้อนใจอยู่บ้าง และไม่รู้จะทำยังไงแล้วจึงโทรหาธรรศ

ตอนแรกธรรศกะว่าจะพาคนจากไปแล้ว แต่พอตอนนี้นรมนมาพูดแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง

“จณัตว์ล่ะ?”

คนที่เขาถามขึ้นมาอย่างอัตโนมัติเป็นคนแรกกลับเป็นจณัตว์

นรมนอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ไม่มีคนรับสายโทรศัพท์ค่ะ”

“นั่นคือไม่สะดวกที่จะรับสาย เอาอย่างนี้ละกัน เธอเอาตำแหน่งส่งมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันส่งกำลังคนไปหาเธอชุดหนึ่ง”

ธรรศนั้นไม่มีทางที่จะไม่สนใจนรมนและบุริศร์แน่ แต่ว่าภารกิจของตัวเขาเองที่อยู่ตรงหน้านี้ก็สำคัญมากเช่นกัน ถ้าหากเขาโดนเปิดโปงไปละก็ ไม่ต้องพูดถึงตัวเอง แค่พูดถึงพวกผู้หญิงที่อยู่ในมือนี้ก็คงจะไม่สามารถพากลับประเทศได้ นี่เป็นเรื่องใหญ่ และก็เป็นภารกิจที่ธรรศต้องมาที่นี่ เขาจะทำให้เสียเวลาไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงทำได้แค่ให้กำลังคนกับนรมนเท่านั้น แล้วให้นรมนไปจัดการเอาเอง

“นรมน ฉันไปไม่ได้ ฉันได้ติดต่อกับทางกรมทหารเรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงให้หลังจำเป็นจะต้องไปให้ถึงจุดนัดหมาย เธอพาคนของฉันไปรอไว้ก่อน เดี๋ยวฉันส่งผู้หญิงพวกนี้ขึ้นเครื่องบินเสร็จแล้วก็จะรีบกลับมาหาเธอเลย”

คำพูดของธรรศทำให้นรมนรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของเขา พอคิดถึงความสำคัญของผู้หญิงพวกนั้นแล้ว นรมนก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อาสามค่ะ อาไม่ต้องกลับมาหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูไปกับคนพวกนั้นเอง ทิ้งกำลังคนไว้ให้หนูหน่อยก็พอแล้วค่ะ”

“แบบนั้นไม่ได้ เธอตัวคนเดียวจะไปช่วยเขาได้ยังไง? อย่าดื้อเลยนะ รอฉันกลับมาก่อน”

คำพูดของธรรศทำให้เรณุการู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

“บุริศร์เกิดเรื่องขึ้นเหรอ?”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

ธรรศไม่ได้รู้สึกดีกับเรณุกาเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นคนประเทศไหนต่างก็ไม่ได้รู้สึกดีกับสายลับซะเท่าไหร่

เรณุกาเองก็ไม่ได้สนใจท่าทีที่ธรรศมีต่อตัวเอง แต่กลับคุกเข่าลงทั้งสองข้าง แล้วพูดอย่างจริงใจขึ้นว่า “คุณชายธรรศ ฉันรู้ว่าคุณเกลียดฉัน คนของประเทศคุณต่างก็เกลียดฉัน แต่ว่าตอนนี้บุริศร์เกิดเรื่องแล้ว ฉันเป็นคนประเทศF ฉันคุ้นเคยกับที่นี่ที่สุด คุณให้ฉันไปเถอะนะ ฉันสามารถช่วยบุริศร์กลับมาได้”

“คุณคงจะไม่ได้ต้องการหลบหนีหรอกนะ?”

ถึงแม้ว่าธรรศจะรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังถามออกมาแบบนี้

เรณุกาส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า “โลกกว้างใหญ่ไพศาล ฉันจะสามารถหนีไปไหนได้? แผ่นดินเกิดของฉันยังให้ฉันอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ถึงฉันจะหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียวก็เป็นแต่ก็ยังเป็นแค่คนที่ไม่มีรากเหง้าอยู่ดี ไม่ว่าจะพูดยังไง บุริศร์ก็เป็นคนที่ฉันเลี้ยงดูมาเองกับมือ ตอนนี้เขาเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ฉันจะไม่สนใจไยดีได้ยังไงล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่มีอันตรายอยู่รอบด้าน พวกคุณต่างก็ไม่เข้าใจที่นี่ดี ให้ฉันไปเถอะนะคะ ฉันรับรองว่าจะกลับประเทศพร้อมกับบุริศร์แน่ ได้หรือเปล่าคะ?”

“คุณเอาอะไรมารับประกัน?”

“นรมนให้ฉันกินยาพิษเข้าไปแล้ว ถ้าไม่มียาถอนพิษฉันจะต้องตายแน่ เพราะฉะนั้นฉันไม่หนีแน่ ยิ่งไม่มีทางทำเรื่องอะไรที่มันผิดต่อพวกคุณ แบบนี้คุณสามารถวางใจได้หรือยังคะ?”

พอได้ยินเรณุกาพูดแบบนี้ ธรรศกลับอึ้งไปครู่หนึ่ง

ยาพิษเหรอ?

ถ้างั้นนรมนกับจณัตว์ก็ได้มีความสัมพันธ์กันค่อนข้างลึกซึ้งเลยนะ?

พอคิดมาถึงจุดนี้ ธรรศก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

“ทางที่ดีที่สุดคุณก็ทำอย่างที่คุณว่ามา ไม่งั้นละก็ พวกเราจับคุณมาได้ครั้งหนึ่ง ก็สามารถจับคุณได้ครั้งที่สองเหมือนกัน พอถึงตอนนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจคุณนะ”

เรณุกาพูดถูกแล้ว เธอคุ้นเคยกับที่นี่มากกว่า ให้เธออยู่ช่วยนรมนต่อก็ถือได้ว่าเป็นเรี่ยวแรงอย่างหนึ่ง ขอแค่เธอยินยอมที่จะช่วยเหลือนรมน

“ฉันจะทำแน่ค่ะ”

เรณุกาพยักหน้าเล็กน้อย

ธรรศให้กำลังคนชุดหนึ่งดูเรณุกาไว้ แล้วก็ขับรถไปตามที่อยู่ที่นรมนให้มา

เพราะว่ากำลังคนชุดนี้มีความเกี่ยวข้องกับจณัตว์ และชุดที่สวมใส่ก็เป็นชุดทีมแพทย์ของตระกูลโตเล็ก จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นขึ้นมา

ตอนที่นรมนเห็นเรณุกานั้นก็อึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ว่าก็ไม่ได้พูดอะไร สำหรับการวางแผนของธรรศนั้น นรมนเองก็ค่อนข้างเชื่อมั่นมาตลอดในเมื่อเขาส่งเรณุกามาก็ต้องมีจุดประสงค์ของเขาอยู่แล้ว

“นรมน บุริศร์เป็นยังไงบ้าง?”

ความกังวลของเรณุกานั้นไม่ได้เป็นของปลอม

บุริศร์จ้องมองเธอทีหนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “อยู่ข้างในโรงงานร้าง เมื่อกี้คนของกล้าณรงค์เพิ่งจะถอยออกไปชุดหนึ่ง ข้างในนั้นน่าจะยังมีอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ของเราก็คือต้องเข้าไปดูว่าตกลงบุริศร์มีเจตนาอะไรกันแน่”

“ไม่ช่วยเขาเหรอ?”

เรณุกามีความเป็นห่วงขึ้นมาเล็กน้อย

นรมนพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “บุริศร์ตามเข้าไปอย่างไม่ขัดขืนอะไรเลย ฉันคิดว่าเขาจะต้องมีความคิดของตัวเองแน่ และกล้าณรงค์ไม่ได้เอาตัวบุริศร์ส่งมอบให้สมชัย บางทีอาจจะมีความต้องการอย่างอื่น ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าราเชนเป็นลูกนี่ลูกน้องของฉัน ถ้าบุริศร์เกิดเรื่องขึ้นมา คนเพียงคนเดียวที่ฉันจะพึ่งพาได้ก็คือราเชน ไม่แน่ตอนนี้ที่หน้าประตูตำหนักของราเชนอาจจะมีคนรอให้ฉันไปตกกับเองอยู่แล้ว ในตอนที่พวกเราเพิ่งเข้ามาในวังไม่นานสมชัยก็รู้ว่าพวกเรามาถึงแล้ว แต่ว่าไม่ได้เคลื่อนไหวเลย และอีกอย่างก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่มต้นขึ้นสมชัยยังเคยไปที่ตำหนักของราเชนด้วย น่าจะเป็นเพราะว่าเกิดความสงสัยขึ้นมาแล้ว”

พอได้ยินคำพูดของนรมนแล้ว เรณุกาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว เธอกลัวมากว่านรมนจะแตกตื่นไปเพราะว่าบุริศร์โดนจับตัวไป แต่ตอนนี้ดูแล้วช่วงที่ผ่านมานี้นรมนเติบโตขึ้นไม่น้อยเลย

“งั้นตอนนี้จะทำยังไงดี?”

เรณุกาถามเสียงต่ำขึ้น

นรมนจ้องมองข้างในเล็กน้อย แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ตอนนี้กล้าณรงค์เหลือคนทิ้งไว้ไม่มาก อาจจะค่อนข้างเชื่อมั่นที่แห่งนี้ ตอนนี้พวกเราเข้าไปจัดการคนของเขาซะ แล้วดูว่าบุริศร์มีแผนการอะไรค่อยว่ากันดีกว่า”

“ได้”

คนทั้งกลุ่มเข้าไปในโรงงานร้างอย่างรวดเร็วภายใต้การควบคุมของนรมน แต่เรณุกากลับขัดขวางไว้ซะก่อน

“ที่นี่มีระบบตรวจจับรังสีอินฟราเรดอยู่”

เธอเป็นคนประเทศF และแน่นอนก็ต้องค่อนข้างคุ้นเคยกับการป้องกันของทางนี้ และเปิดปากพูดขึ้นก่อนที่คนของนรมนยังไม่ได้เหยียบเข้าไปในเขตตรวจจับ

นรมนรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

และก็ค่อนข้างเกรงกลัวกับรังสีอินฟราเรดนี่อยู่เหมือนกัน แต่เรณุกากลับรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็ปิดระบบควบคุมไป แล้วนรมนถึงได้พาคนเข้ามาแล้วก็จัดการกับคนของกล้าณรงค์ไปอย่างรวดเร็ว

วินาทีที่เห็นบุริศร์นั้น ยังไงนรมนก็รู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

เธอตรวจดูร่างกายของบุริศร์ไป คราบควันดำจากท่อไอเสียบนใบหน้ายังเช็ดออกไม่หมดเลย

ใจของบุริศร์เจ็บปวดเล็กน้อย

“โง่หรือเปล่า? ถึงได้เกาะอยู่ใต้ท้องรถตามมาเนี่ย ไม่กลัวว่าร่างกายจะรับไม่ไหวเหรอ?”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันทนไหว”

นรมนยิ้มหน้าระรื่นไป รอยยิ้มนั่นทำให้รู้สึกเต็มไปด้วยความหวัง และรู้สึกอบอุ่น

เธอก็เป็นคนแบบนี้คนหนึ่ง มักจะนำพาแสงสว่างและความอบอุ่นมาให้โลกที่เหน็บหนาวของคน

บุริศร์กอดเธอไว้ จากนั้นก็มองเห็นเรณุกา

“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท