แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1403 สมแล้วที่เป็นพี่น้องกันจริง ๆ

บทที่ 1403 สมแล้วที่เป็นพี่น้องกันจริง ๆ

“ในประเทศFนี่คนมีความสามารถเยอะจริง ๆ และนี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการกระทำของยอดฝีมือคนไหน ถึงได้เอาความคิดมากมายอยู่บนหัวผมแล้ว”

จณัตว์หัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง แล้วก็ออกคำสั่งออกไปโดยตรง

“เอาคนไปโยนไว้บนเสาที่ลานกล้างแจ้งตรงใจกลางเมือง ฉันจะดูสักหน่อยว่าในประเทศFนี้ใครกันที่อยากมีเรื่องกับตระกูลแหลมวิไลเรา”

“ครับ”

พวกลูกน้องรีบมายกคนออกไปเลยทันที

หัวคิ้วของบุริศร์ก็ขมวดเข้าด้วยกันแน่นขึ้นมาเหมือนกัน

สามารถเข้ามาในตระกูลแหลมวิไลอย่างไม่มีสุ้มเสียง และยังใช้บ่อน้ำร้อนมาเป็นที่กำบังกาย ตกลงอีกฝ่ายอยากจะทำอะไรกันแน่? หรือว่าแค่มาดูคนแช่น้ำเฉย ๆ เหรอ? นี่มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลไปหน่อยแล้วมั้ง

“จณัตว์ ห้องทดลองอะไรของคุณนั่นก็อยู่ในบ้านใหญ่นี่ใช่ไหม?”

“อืม”

จณัตว์พยักหน้าเล็กน้อย

“ที่นี่เป็นที่ที่ผมทำการทดลองมาตลอด ทำไมเหรอ? คุณรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะมาเพื่อห้องทดลองของผมเหรอ?”

บุริศร์พยักหน้าแล้วก็พูดขึ้นว่า “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้นี้ ทำไมสมชัยจะต้องชักชวนคุณล่ะ? ไม่ใช่เพราะว่ารหัสทางการวิจัยทางพันธุกรรมนั่นไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของคนคนนี้ ก็คงจะมุ่งมาเพราะอันนี้ด้วยเหมือนกัน ตอนนั้นตระกูลโตเล็กเราก็มีเชษฐ์คนหนึ่งที่ชื่นชอบเรื่องแบบนี้เป็นอย่างมาก และตอนนี้ก็พูดได้ยากว่าจะไม่มีใครที่อยากได้การทดลองแบบนี้”

แน่นอนว่าจณัตว์นั้นรู้จักเชษฐ์อยู่ แต่ว่าเขากลับพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ถึงผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับด้านนี้อยู่ แต่ว่าก็ไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปวิจัยลึกซึ้งอะไร ของอย่างพันธุกรรมในร่างกายมนุษย์นี้ สมชัยอยากจะเอาไปใช้ในตัวคน แล้วกระตุ้นศักยภาพที่สูงที่สุดในตัวคนออกมาเพื่อให้กลายเป็นนักรบคงกระพัน ความคิดแบบนี้เชื่อถือไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ผมไม่มีเวลามาบ้าบอกับเขาด้วยหรอกนะ ตอนนี้ก็แค่มาเสแสร้งแกล้งทำกับเขาไปเท่านั้น แต่ว่าถ้าเป็นอย่างที่คุณเดามาจริง ๆ ละก็ ถ้าอีกฝ่ายมาเพื่อการวิจัยทางพันธุกรรมนั่นละก็ คุณไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอก ไอ้ห้องทดลองนี่ถ้าไม่มีลายนิ้วมือของผมกับการสแกนม่านตาของผมก็ไม่มีทางเข้าไปได้หรอก นอกซะจากว่าพวกเขาจะตัดมือของผมไป และควักดวงตาของผมไปด้วย”

พอได้ยินจณัตว์พูดแบบนี้ บุริศร์กลับไม่ได้วางใจลง แต่กลับเป็นกังวลขึ้นเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “ยังไงคุณก็ระวังตัวหน่อยดีกว่า หลักการที่ว่าชาวบ้านไม่มีความผิด แต่ชาวบ้านที่ซ่อนหยกนั้นมีความผิดเพราะชาวบ้านธรรมดาไม่มีทางที่จะมีหยกได้นั้นก็ไม่ได้ไม่มีเหตุผลเลยนะ”

“รู้แล้ว”

จณัตว์ฟังออกว่าบุริศร์นั้นเป็นห่วงตัวเองจริง ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าขึ้น

และเพื่อไม่ให้นรมนคิดไม่เรื่อย บุริศร์ก็รีบเดินกลับไปเลย

“เป็นยังไงบ้างคะ? ตรวจเช็กเจออะไรบ้างคะ?”

นรมนเห็นบุริศร์ออกมาแล้วก็รีบเข้าไปถามทันที หงส์ถึงจะไม่ได้เอ่ยถาม แต่ว่าแววตาก็เป็นห่วงอยู่บ้างเหมือนกัน

บุริศร์ลูบหัวของนรมนเล็กน้อย แล้วก็พูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “ไม่พบอะไรเลย ก็แค่คนพลีชีพคนหนึ่ง แต่ว่าบนตัวกลับมีรอยสักขององครักษ์ลับอยู่ เรื่องนี้อีกเดี๋ยวค่อยคุยกับคุณนะ”

“ได้ค่ะ”

นรมนกลับไม่ได้ถามต่ออีก

บุริศร์จ้องมองหงส์เล็กน้อย แล้วครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง แล้วก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “หงส์ ปฏิบัติกับจณัตว์ดีหน่อยนะ”

สีหน้าของหงส์นิ่งค้างไปเล็กน้อยทันทีเลย

ถึงแม้ว่าเธอได้คิดว่าจะปล่อยวางความดื้อดึงที่มีต่อบุริศร์แล้ว แต่ว่าตอนนี้บุริศร์มาพูดแบบนี้มันทำให้คนเสียใจมากจริง ๆ นะรู้หรือเปล่า

“เฮียบุรศร์ เรื่องของฉันคุณอย่ามายุ่งเลย”

“เขาเคยช่วยชีวิตเธอมาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะลืมไปแล้ว แต่ว่าฉันรู้สึกว่ายังไงก็จะต้องบอกกับเธอสักหน่อย ตอนนั้นชีวิตเธอแขวนอยู่บนเส้นด้าย หมอสนามไปอยู่ด้านหน้ากันหมด จึงไม่มีคนมาผ่าตัดให้เธอ แล้วจณัตว์ก็เป็นคนมาผ่าตัดให้เธอโดยไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ถ้าหากไม่มีเขาเธอไม่มีทางรอดมาได้หรอก”

บุริศร์พูดจบก็จูงมือนรมนแล้วก็หมุนตัวเดินจากไปเลย เหลือหงส์ทิ้งไว้ให้ว้าวุ่นอยู่ท่ามกลางสายลมคนเดียว

นี่เธอติดค้างชีวิตหนึ่งชีวิตกับผู้ชายอย่างจณัตว์นั่นเลยเหรอ?

เป็นไปได้ยังไงกัน?

แต่ว่าเฮียบุริศร์ไม่มีทางที่จะหลอกเธอแน่

หงส์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย

นรมนหันไปมองหงส์ทีหนึ่งอยู่ไม่หยุด แล้วก็ดึกแขนของบุริศร์เบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “คุณกะว่าจะจับคู่ให้พวกเขาเหรอคะ?”

“พวกเขาต้องการให้ผมมาจับคู่ด้วยเหรอ?”

บุริศร์ยักคิ้วเล็กน้อย

“แต่ว่าที่คุณทำแบบนี้มันก็ชัดเจนมากเลยนี่คะ?”

“หงส์มีความทรงจำช่วงหนึ่งหลงลืมไป มันไม่ยุติธรรมต่อจณัตว์ และที่สำคัญจณัตว์เหมือนจะมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อเธอมากด้วย เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่าบอกความจริงบางอย่างกับหงส์บ้าง บางทีสำหรับหงส์แล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้”

บุริศร์เล่าเรื่องสถานการณ์ของหงส์ให้นรมนฟังไปรอบหนึ่ง

นรมนฟังจบก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“เธอมีความทรงจำสองปีที่ขาดหายไปเหรอ? งั้นทำไมเรื่องที่ช่วยชีวิตคุณไว้ แล้วอยากจะให้คุณแต่งงานกับเธอถึงได้จำได้แม่นยำแบบนี้ละคะ? แต่กลับเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่ฉันกลับจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ไอ้ช่วงความทรงจำนี่มันยังเลือกได้ด้วยเหรอคะ? แล้วถึงจะเลือกได้ก็เถอะ ทำไมเธอถึงได้เลือกแต่ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพี่ฉันมาลืมไปล่ะ? บุริศร์ คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลก ๆ เหรอคะ?”

บุริศร์จ้องมองนรมนเล็กน้อย อยู่ ๆ ก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “สมแล้วที่เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แม้แต่คำถามก็ยังเหมือนกันเปี๊ยบเลย เมื่อกี้จณัตว์เองก็พูดแบบนี้ สำหรับเหตุผลนั้นผมก็ไม่ชัดเจน”

“เป็นไปได้ไหมคะ ว่าหงส์จะตั้งใจแกล้งจำพี่ฉันไม่ได้?”

นรมนถามขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมไม่รู้ เธอจะคิดยังไงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องไปคิด ผมก็แค่ทำเรื่องที่ผมรู้สึกว่าควรจะทำไปเท่านั้น สำหรับอนาคตพวกจะพัฒนาไปทางไหนนั้น ผมก็ควบคุมไม่ได้แล้ว ไปเถอะ พวกเรากลับห้องกันกว่า แช่บ่อน้ำร้อนสักหน่อยก็ยังทำให้เมียผมโดนคนเห็นไปจนหมด เมื่อกี้ผมควรจะควักลูกตาของเจ้าคนนั้นคนออกมาซะก่อนนะ”

พอคิดถึงเรื่องนี้บุริศร์ก็มีไฟโกรธอยู่เต็มอกเลย

นรมนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ใครจะไปคิดว่าใต้บ่อน้ำร้อนจะมีคนอยู่ ต่อไปฉันก็มีภาพฝังใจแล้ว จะไม่ออกไปอาบน้ำข้างนอกอีกแล้ว”

“คงไม่ต้องถึงขนาดนั้น เจ้าชั่วนั่นก็น่าจะมองไม่เห็นอะไรมากหรอก ตอนนั้นก็ได้ให้คุณคลุมชุดคลุมอาบน้ำอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

บุริศร์กลับว่าถ้านรมนแช่น้ำร้อนเสร็จแล้วออกมาจะหนาว ก็เลยให้เธอใส่ชุดคลุมอาบน้ำลงน้ำเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยได้แต่เอาข้ออ้างอันนี้มาปลอบใจตัวเองเท่านั้น

นรมนยังไงก็ยังรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย

“เอาล่ะ ไม่คิดมากแล้ว คนคนนั้นก็ได้ตายไปแล้ว เดี๋ยวผมให้คนต้มน้ำขิงมาให้คุณสักหน่อยดีกว่า จะได้ไม่เป็นหวัด”

“ตกลงคนคนนั้นเป็นคนของใครคะ?”

นรมนโมโหจะตายอยู่แล้ว

บุริศร์ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ อีกฝ่ายมีเจตนาจะใส่ร้ายไปให้พรินทร์ แต่ว่าคนจะต้องไม่ได้เป็นของเขาแน่”

“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ เจตนาของอีกฝ่ายก็ชัดเจนมาก ก็คืออยากจะให้พรินทร์กับตระกูลแหลมวิไลเกิดความขัดแย้งกัน คนที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ตอนนี้ดูแล้วมีแต่ลูกพี่ลูกน้องของฉันราเชนที่น่าสงสัยแล้ว”

“ผมรู้สึกว่าไม่ใช่นะ ถึงแม้ราเชนจะมีความน่าสงสัยอยู่ แต่ว่าเขาน่าจะไม่เอาคุณมาเสี่ยงหรอก ผมได้ส่งคนไปบอกเขาแล้วว่าพวกเราอยู่ที่จณัตว์นี่ และที่สำคัญก็ได้ยินมาว่าเขาได้ร่วมมือกับจณัตว์เป็นพวกเดียวกันแล้ว ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้สถานะที่แท้จริงของจณัตว์ แต่ว่าจากความเป็นคนของราเชนนั้นยังไม่น่าจะทำแบบนี้ได้หรอก”

บุริศร์กลับมองได้อย่างชัดเจน

นรมนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นจะเป็นใครไปได้ละคะ? สมชัยเองก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำอย่างนี้ ส่วนฉัตรพลก็ได้จิตใจร้อนรนเพราะว่าการตายของกล้าณรงค์ไปตั้งนานแล้ว ไม่มีอารมณ์มาต่อกรกับตระกูลแหลมวิไลแน่ และอีกอย่างถ้าเขาต้องการจะต่อกรกับสมชัยจริง ๆ ละก็ ขาดตัวช่วยอย่างตระกูลแหลมวิไลไปก็ไม่ได้ แน่นอนว่าต้องไม่มีทางทำแบบนี้แน่ งั้นฉันก็ไม่เข้าใจแล้วจริง ๆ ยังจะมีใครที่ทำแบบนี้ได้อีก ถึงแม้ดารัณจะน่าสงสัยอยู่บ้าง แต่ว่าอย่างน้อยพี่ชายของฉันก็ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธออยู่ ฉันรู้สึกว่าเธอคงจะไม่มีทางคิดไม่ซื่อกับตระกูลแหลมวิไลหรอก”

พอเห็นว่าหัวคิ้วของนรมนขมวดกันคนเป็นสามขีดแล้ว บุริศร์ก็รีบยื่นมือออกไปนวดหัวคิ้วให้เธอ แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ว่าจะเป็นใครยังไงสักวันหนึ่งก็คงจะต้องมีพิรุธโผล่ออกมาแน่ คุณอย่ามัวสูญเสียเซลล์สมองยู่เลย รีบไปอาบน้ำเถอะ แล้วก็ออกมาดื่มน้ำขิงซะ ผมได้ติดต่อกับกานต์แล้ว อีกเดี๋ยวเขาจะโทรวิดีโอคอลมาหาพวกเรา คุณคงจะไม่อยากเจอหน้าลูกชายด้วยสภาพแบบนี้หรอกนะ”

“ทำไมคุณไม่รีบพูดล่ะ”

พอนรมนได้ยินว่าจะวิดีโอคอลกับลูกชาย ก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเลย

พอบุริศร์เห็นท่าทางแบบนี้ของเธอก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มออกเล็กน้อย

ช่วงระยะเวลาหลายวันมานี้ต้องระแวงอยู่ตลอด ก็เลยไม่ได้โทรวิดีโอคอลกับพวกลูก ๆ เลย นรมนเองก็คิดถึงเด็ก ๆ พวกนั้นตั้งนานแล้ว ถึงจะไม่พูด แต่ว่าบุริศร์เองก็รู้

ตอนนี้อยู่ในบ้านตระกูลแหลมวิไลก็สามารถใช้ดาวเทียมรบกวนสัญญาณมาพูดคุยกับพวกเด็ก ๆ ได้แล้ว

นรมนอาบน้ำอย่างรวดเร็วไปรอบหนึ่ง ตอนที่ออกมานั้นผมยังเป่าไม่แห้ง คนที่อยู่ข้างนอกก็ส่งน้ำขิงเข้ามา บุริศร์เฝ้ามองเธอดื่มจนหมด แล้วถึงไปหาไดร์เป่าผมมาเป่าผมให้เธอ

เธอส่งคำเชิญโทรวิดีโอคอลไปให้กานต์อย่างแทบจะอดทนไม่ไหว ทางด้านโน้นก็แทบจะรับสายในเวลาแรกเลย

“หม่ามี้ แด๊ดดี้ พวกคุณสบายดีไหมครับ?”

น้ำเสียงของกานต์ลอยมา นรมนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว

“หม่ามี้คิดถึงพวกหนูจังเลย”

ข้างหลังกานต์นั้นคือกมลและกิจจาทั้งสองคน พวกเขาสามคนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเป็นเด็กดีมาก แล้วก็จ้องมองนรมนผ่านวิดีโอคอล

บุริศร์เพียงแต่แค่มองพวกเขาอย่างเรียบเฉยทีหนึ่ง แล้วก็เป่าผมให้นรมนต่อไป

กมลพิงอยู่ในอกของกิจจา ยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “หม่ามี้ พวกคุณจะกลับมาเมื่อไหร่คะ? หนูก็คิดถึงพวกคุณแล้ว ตอนที่พวกคุณกลับมานั้นอย่าลืมเอาของขวัญมาให้พวกเราด้วยนะคะ”

“ได้จ้ะ พวกหนูอยู่ที่สหภาพQTเป็นเด็กดีกันหรือเปล่าจ๊ะ?”

นรมนรู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สหภาพQTกันทั้งหมด จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง

“พวกเราสบายดีค่ะ หม่ามี้ หม่ามี้วางใจเถอะ คุณอาวินเซนต์ดีกับพวกเรามากเลย อ๋อใช่แล้วหม่ามี้ หนูมีเรื่องอะไรจะบอกหม่ามี้ด้วยค่ะ”

กมลเปลี่ยนเป็นสอดรู้สอดเห็นมากและมองไปข้างนอก จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เหมือนว่าคุณอาวินเซนต์จะมีความรักแล้วค่ะ และนอนห้องเดียวกับคุณน้าเกวลินทุกวันเลยค่ะ น่าอายจริง ๆ หนูยังเห็นเขาจูบคุณน้าเกวลินตั้งหลายครั้งแล้วค่ะ”

“กมล ทำไมเธอถึงไปแอบดูผู้ใหญ่เขาจูบกันได้เนี่ย?”

กานต์รู้สึกหมดคำพูดเล็กน้อยแล้ว

ตั้งแต่ที่มาถึงสหภาพQTแล้ว กลมก็ตัวของตัวเองเต็มที่เลย และก็ไม่เสแสร้งแล้วด้วย นอกจากกินแล้วก็ออกไปก่อเรื่องไปทั่ว ตัวเขาเองก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว

ตอนนี้กานต์คิดถึงกมลคนนั้นที่แกล้งแสดงเป็นผู้อ่อนแอมากเลย น้องสาวที่เชื่อฟังขนาดนั้นได้หายไปไหนแล้วนะ?

กิจจาแค่เม้นปากไว้แอบขำเล็กน้อย แล้วก็ไม่พูดอะไร

กมลพูดอย่างเป็นผู้บริสุทธิ์มากว่า “หนูไปแอบดูที่ไหน? พวกเขาสองคนไม่รู้จักหลบต่างหาก โดนหนูเห็นเข้า น่าจะหนูเป็นฝ่ายร้องเรียนมากกว่ามั้ง? หนูยังเป็นเด็กคนหนึ่งอยู่นะ”

“เธอเลิกพูดไปเถอะ”

กานต์ไม่ไว้หน้ากมลเลยแม้แต่น้อย

จ้องมองท่าทางของเด็กทั้งสามคนในตอนนี้ นรมนก็ยิ้มขึ้นมาทันที ความคิดถึงในใจก็ยิ่งหนักหน่วงมากยิ่งขึ้นแล้ว

“เอาล่ะ กานต์ หนูเป็นพี่ จะต้องดูแลกมลให้มาก ยังมีกิจจา วัน ๆ อย่าเอาแต่อ่านหนังสือนะ จะต้องพูดคุยกับคนอื่นให้มาก ๆ หน่อยนะรู้ไหม? ฉันหาพี่ชายของฉันเจอที่นี่แล้ว เดี๋ยวกลับไปจะแนะนำให้เธอรู้จักสักหน่อย เขาเป็นดอกเตอร์ทางการแพทย์เลยนะ เก่งมากด้วย”

คำพูดของนรมนทำให้กิจจารู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

“หม่ามี้พูดจริงเหรอครับ?”

“ต้องจริงอยู่แล้วซิ”

กิจจาดีใจมาก แต่กลับลังเลไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่บุริศร์ที่ไม่รู้ว่าเป่าผมให้นรมนเสร็จไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วมานั่งอยู่ข้าง ๆ ทีหนึ่ง แล้วถึงพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “แด๊ดดี้ หม่ามี้ อาจารย์ของมิลินมาหาผมแล้วครับ”

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท