“บุริศร์! นายกำลังทำอะไร”
เจตต์เพิ่งรู้ความสัมพันธ์ระหว่างบุริศร์กับหงส์ และได้ข้อมูลมาโดยบังเอิญ ตอนนี้คิดว่านรมนท้อง หงส์อยู่กับจณัตว์ เขาคิดจะมาเยี่ยมนรมน แต่นึกไม่ถึงจะมาเห็นบุริศร์กอดกับหงส์
ชักจะเกินไปแล้ว!
นรมนเพิ่งจะท้อง บุริศร์ก็นอกใจแล้วหรือ
และยังเป็นสมภารกินไก่วัด คาดไม่ถึงบุริศร์จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับหงส์ เขาไม่รู้หรือหงส์เป็นภรรยาของจณัตว์
เจตต์โมโหเดินเข้าไปหาบุริศร์ ทำให้หงส์ตกใจ
น้ำตาของเธอยังเปรอะหน้า มองเห็นเจตต์เดินเข้ามาหาบุริศร์โมโหโกรธา หันมาบังตัวบุริศร์ทันที
“คุณจะทำอะไร”
หมัดของเจตต์เกือบมาถึงหน้าหงส์แล้ว แต่ก็หยุดค้างอย่างนั้น
“ถอยไป!”
เสียงของเขาเย็นชา
บุริศร์เข้าใจแล้วเขาเข้าใจผิดอะไร พูดเสียงเบา “ฉันกับหงส์ไม่ได้มีอะไรกัน เธอเป็นน้องสาวฉัน”
“เชื่อตายล่ะ! ฉันเห็นเต็มสองตาพวกนายสองคนกอดกัน พวกนายกล้าทำอย่างนี้กับนรมนได้ไง”
เจตต์โกรธจัด แต่หงส์ยืนขวางหน้า ทำให้เขาสั่งสอนบุริศร์ไม่ได้
หงส์ถึงได้รู้ตัวเมื่อกี้ตัวเองทำอะไร
“ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ฉันอารมณ์ไม่ดี มีเรื่องกลุ้มใจนิดหน่อย ไม่เกี่ยวกับเฮียบุริศร์ค่ะ”
หงส์มองบุริศร์ขอโทษ
บุริศร์พูดขึ้น “ฉันบอกแล้ว เธอเป็นน้องสาวของฉัน”
“ไอ้ห่า…”
“เจตต์!”
เจตต์ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกบุริศร์ตัดบท
สีหน้าเขาบูดบึ้ง เสียงก็ยิ่งเย็นชา
ใช่ว่าเจตต์ไม่เคยเห็นบุริศร์เป็นอย่างนี้ แต่ตอนนั้นเขาทำเพื่อปกป้องนรมน ตอนนี้นึกไม่ถึงเขาจะทำอย่างนี้กับเขาเพื่อหงส์คนนี้ เจตต์รู้สึกโมโหเดือดดาล
เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง บุริศร์ก็พูดกับหงส์ “ขึ้นเครื่องเถอะ ไปแล้วระวังตัวเองด้วย มีเรื่องอะไรอย่าลืมปรึกษากับจณัตว์ ที่ประเทศFเขาพึ่งพาได้ อีกอย่างฉันเชื่อว่าจณัตว์ไม่ใช่คนตื้นเขินอย่างนั้น ถ้าใช่ละก็ เขาไม่มีทางแต่งงานกับเธอ อย่าคิดมาก ทำตามหัวใจตัวเอง หงส์ ความสุขเราต้องเป็นคนไขว่คว้าเอง คนอื่นให้ไม่ได้ และช่วยไม่ได้ เธอคิดให้ดีล่ะ ถ้าชาตินี้ขาดจณัตว์ไม่ได้ ก็มีบางเรื่องที่เธอต้องเผชิญหน้า”
ใจของหงส์เหมือนหยุดเต้น จากนั้นก็เห็นทางสว่างทันใด
จริงสิ
ตอนนี้เธอคือภรรยาของจณัตว์ ไม่ใช่องค์หญิงห้าของประเทศF ต่อให้สมชัยเป็นพ่อแท้ๆ ของเธอแล้วอย่างไรล่ะ ขอแค่จณัตว์เชื่อเธอ รักเธอ เธอก็จะทุ่มเทจิตใจให้กับเขา
“เฮียบุริศร์ ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันไปครั้งนี้ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ ฝากพี่ดูแลนรมนให้ดีนะคะ”
“อึม รอพวกเธอกลับมา พวกเราค่อยเจอกัน ถึงตอนนั้นเธอจะแต่งงานออกเรือนจากตระกูลโตเล็ก ให้จณัตว์จัดงานแต่งงานให้เธอสมเกียรติ ลูกสาวของตระกูลโตเล็กจะยอมถูกรังแกไม่ได้”
คำพูดของบุริศร์พลันทำให้หงส์น้ำตาไหลพรากอีกครั้ง
“เฮียบุริศร์!”
“ต่อไปเรียกพี่ชาย”
บุริศร์กางสองแขนออก กอดหงส์ในอ้อมกอดต่อหน้าเจตต์ ตบบ่าของเธอเบาๆ พูดอ่อนโยน “ตระกูลโตเล็กคือบ้านของเธอ ไม่มีใครกล้ารังแกเธอ ฉันกับนรมนไม่ยอมให้ใครรังแกเธอ จำไว้ล่ะ ต่อไปเธอคือหงส์ เธอคือน้องสาวของบุริศร์ น้องสาวแท้ๆ”
หงส์ร้องไห้โฮอีกครั้ง
เจตต์ลูบจมูก ทำไมรู้สึกเหตุการณ์ตรงหน้าไม่เหมือนนอกใจล่ะ
บุริศร์กับหงส์ไม่สนใจเจตต์ บุริศร์ส่งคนไปคุ้มครองส่งหงส์ไปประเทศF
ตอนที่เครื่องบินขึ้นไป สีหน้าของบุริศร์ไม่ค่อยดีจ้องมองเจตต์
เจตต์ลูบจมูก พูดขึ้น “พวกนายสองคนเป็นอะไรกันแน่”
“นายหูหนวกหรือไง ฟังไม่เข้าใจหรือไง”
บุริศร์พูดจบก็เข็นรถเข็นหนีไป
เจตต์เดินตามหลัง เข้าไปเข็นรถเข็นให้เขา พูดขึ้น “พวกนายผู้ชายผู้หญิงกอดกัน ฉันเข้าใจผิดก็เป็นเรื่องปกติหรือเปล่า”
“นายก็เลยตาบอดงั้นสิ”
“เฮ้ บุริศร์ พอเหอะๆ นึกว่าฉันกลัวนายหรือไง เชื่อมั้ยล่ะฉันจะไปบอกนรมน”
เจตต์รู้สึกว่าถูกบุริศร์ดูถูก
บุริศร์นึกถึงสุขภาพของนรมน ในที่สุดก็หยุดลงแล้วพูดขึ้น “ถ้าฉันจะมีอะไรกับหงส์ คงจะมีไปนานแล้ว ไม่รอให้ถึงตอนนี้หรอก อีกอย่าง เรื่องนี้ห้ามบอกนรมน”
“ทำไมล่ะ นายต้องมีทำผิดอะไรแหงๆ ไม่งั้นทำไมต้องปิดบังนรมนล่ะ”
คำพูดของเจตต์ทำให้บุริศร์กลอกตามองบน
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ บริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลมีนายจะไม่ล้มละลายได้ยังไง”
“บุริศร์ นายโจมตีให้น้อยๆ หน่อย อย่าคิดว่าฉันฟังไม่ออกนายเสียดสีฉันไม่มีสมอง นายไม่บอกฉัน ฉันจะรู้ได้ไงมันเรื่องอะไร นรมนเป็นน้องสาวของฉัน นายกอดกับผู้หญิงคนอื่น ฉันถามไม่ได้หรือไง”
เจตต์พูดจริงจัง
เห็นแก่ที่เขาทำทุกอย่างเพื่อนรมน บุริศร์เล่าความสัมพันธ์ของตัวเองกับหงส์ให้เจตต์ฟัง และยังเล่าเรื่องของเอกฉัทที่เพิ่งเกิดขึ้นด้วย
ในที่สุดเจตต์ก็เข้าใจทำไมบุริศร์รับหงส์เป็นน้องสาว
ตอนนี้สถานะของหงส์ในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาขัดเขินมาก
แม้ว่าจณัตว์ไม่ถือสาสถานะของหงส์ แต่ถ้าบุริศร์รับหงส์เป็นน้อง หงส์กลายเป็นคุณหนูของตระกูลโตเล็ก ก็จะคลายความขัดเขินลงได้บ้าง
“ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง สาวน้อยคนนี้น่าสงสารทีเดียว ไม่อย่างนั้นฉันรับเธอเป็นน้องสาวก็ได้ ตระกูลรัตติกรวรกุลของเราก็ไม่มีใครอยู่”
บุริศร์ได้ยินเจตต์พูดอย่างนี้ก็อึ้ง จากนั้นก็พูดเสียงเบา “นายคิดว่าตัวเองเป็นพี่ชายหงส์ได้หรือ นายมีคุณสมบัติพอหรือไง”
“เฮ้บุริศร์ นายอยากท้าต่อยหรือไง อย่าคิดว่าตอนนี้นายบาดเจ็บแล้วฉันจะปล่อยนายไปนะ ฉันบอกเลย…”
เจตต์ยังบ่นกระปอดกระแปด บุริศร์เข็นรถเข็นหนีไปแล้ว แต่มุมปากยิ้มนิดหนึ่ง
เจตต์คนนี้ ยังคงมีน้ำใจเหมือนแต่ไหนแต่ไรมา
ผู้ชายสองคนนี้ทำอะไร นรมนไม่รู้ ขวัญตาขนของบำรุงมาเยอะแยะ จนทำให้นรมนเกรงใจ
“พี่สะใภ้ ทำอะไรเนี่ย ฉันเพิ่งท้องเอง จะขุนฉันเป็นหมูเลยหรือไงคะ”
นรมนย่นคิ้วนิดหนึ่ง
ขวัญตาหัวเราะแหะๆ “ของพวกนี้เจตต์ซื้อมาหลังจากฉันแท้ง ตอนนี้วางไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เธอรีบช่วยฉันกินเถอะ อีกอย่างร่างกายของเธอก็ไม่แข็งแรง บำรุงหน่อยดีกับเธอและลูก”
“นั่นเยอะเกินไป”
นรมนเห็นของบำรุงเหมือนภูเขากองเล็กๆ ก็รู้สึกเซ็ง
“ไม่เป็นไร ไม่ได้ให้เธอทำซะหน่อย”
คำพูดของขวัญตายิ่งทำให้นรมนอยากจะร้องไห้
เธอกลุ้มใจไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเพราะที่เธอต้องกินหมดนี้
ของพวกนี้ต้องกินกี่วัน ตัวเธอไม่กลายเป็นลูกบอลก็แปลกแล้ว
“เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจเก็บเด็กไว้แล้ว ก็บำรุงเยอะๆ ร่างกายเธอบำรุงไม่ดี จะให้สารอาหารเด็กได้อย่างไรล่ะ
นรมน ที่จริงฉันอิจฉาเธอมากนะ เธออย่าตัวอยู่ในความสุขแต่ไม่เห็นค่าสิ”
แววตาของขวัญตามีความเสียใจอยู่ลึกๆ
นรมนรีบจับมือของเธอ “พี่สะใภ้ สามปีเร็วมาก”
“ฉันรู้ เทียบกับผู้หญิงที่ท้องไม่ได้ ก็นับว่าฉันโชคดีแล้ว”
ได้ฟังขวัญตาพูดอย่างนี้ นรมนพลันนึกถึงหงส์กับคมทิพย์
เธอพูดเสียงแผ่วเบา “หงส์เพิ่งไป ไม่รู้ว่าพวกเธอได้เจอกันมั้ย ต่อไปถ้ามีโอกาสจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกัน เธอเป็นคนดีมาก”
“เอาสิ”
ขวัญตากลับรู้สึกไม่เป็นไร ขอแค่นรมนเห็นว่าเป็นคนดี ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร
นรมนยิ้ม สองคนคุยกันสัพเพเหระ
บุริศร์กับเจตต์เห็นพวกเธอพูดคุยกันสนุกสนาน พวกเขาก็ไปห้องหนังสือ
“สุขภาพนายเป็นไงบ้าง”
ต่อปากต่อคำก็ส่วนนั้น บุริศร์ยังคงเป็นห่วงสุขภาพของเจตต์มาก โดยเฉพาะเมื่อครู่ได้ยินขวัญตาบอกว่าหลังจากนี้สามปียังมีลูกได้ ก็อดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจ
“เหมือนเดิม นายก็รู้ พิษบางอย่างต้องค่อยๆ ขับออก”
แววตาของเจตต์มีความเย็นเยียบ
กล้าณรงค์ตายน่าเวทนาอย่างนั้น แต่กับเขาแล้ว ยังไม่เพียงพอ
หากไม่สามารถแทรกแซงได้ เขาอยากจะสับกล้าณรงค์เป็นชิ้นๆ
บุริศร์เข้าใจความรู้สึกของเขา พูดขึ้น “ฝีมือรักษาของจณัตว์อาจจะเหนือกว่าป้อง ต่อไปให้เขาดูอาการให้นาย บางทีอาจไม่ถึงสามปี”
“จณัตว์ลูกชายของคุณอาบุญทิวา สามีของผู้หญิงคนเมื่อกี้เหรอ”
“นายรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เคยคุยกันมาก่อน”
เจตต์ไม่เคยพูดคุยกับจณัตว์มาก่อน ถ้าหากไม่ใช่เพราะนรมน ก็ไม่รู้ว่าเขาคือใคร
บุริศร์ยิ้มบาง “ไม่เคยเจอก็ไม่เป็นไร ต่อไปยังมีโอกาส”
เจตต์เหมือนจะนึกอะไรได้ “บุริศร์ ฉันบอกแล้วรับสาวน้อยนั่นเป็นน้องสาว นายก็ไม่ยอม ถ้าฉันเป็นพี่เขยของจณัตว์ ก็ไม่ต้องขอร้องเขาใช่มั้ย ไม่แน่เขาอาจจะรักษาฉันเอง ถูกแล้ว ฉันต้องรับสาวน้อยเป็นน้องสาว เรื่องนี้ไม่ต้องหารือ”
บุริศร์มองเจตต์เหมือนมองคนโง่ พูดเรียบๆ “หงส์ ไม่รู้จักนายเลยสักนิด เมื่อกี้นายยังเกือบต่อยเธอ นายไปเอาความมั่นใจจากไหนทำให้นายรู้สึกว่ารับหงส์เป็นน้องสาวได้”
คำพูดนี้ทำให้เจตต์จนมุม
“งั้นฉันทำความรู้จักกับเธอใหม่ได้มั้ย”
“อย่าวุ่นวายอีกเลย สู้เอาเวลามาคิดเรื่องสุขภาพตัวเองดีกว่า จริงสิ ช่วงนี้กิจการของบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลไม่ค่อยดี นายมัวทำอะไรอยู่”
ได้ยินบุริศร์พูดอย่างนี้ เจตต์ก็ประหลาดใจ
“เฮ้ย นายมาสนใจบริษัทตระกูลรัตติกรวรกุลทำไม บุริศร์ ฉันจะบอกนายให้ ถึงยังไงฉันก็เป็นพี่เขยนายนะ นายจะมาสนใจกิจการของตระกูลฉันไม่ได้”
“ไอ้บ้า”
บุริศร์คร้านจะอธิบายกับเขา ไม่รู้จักคิดสักนิด เขาโยนแฟ้มข้อมูลให้เจตต์ พูดเรียบๆ “ที่ดินเรียกประมูลครั้งนี้ นายดูละกัน ถ้าหากมีสินทรัพย์เหลือก็ลองพิจารณาดู ฉันได้ข่าววงในมา ที่นี่ปีหน้ารัฐจะเริ่มพัฒนา ถ้าตอนนี้ได้ที่ดินผืนนี้มา ต่อไปคงไม่ต้องให้ฉันพูดใช่มั้ย”
เจตต์แววตาเป็นประกาย
“ว้าว นายมีข่าววงในไม่รีบพูด ฉันไม่มีเงินเหลือแล้ว นายมี เร็วๆ เลย ให้ฉันยืมก่อนสักร้อยล้าน”
น้ำเสียงของเจตต์เหมือนเป้นเรื่องสมเหตุสมผลทำเอามุมปากบุริศร์กระตุกโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่เกรงใจจริงๆ!