ปาณีไม่รู้ว่าตัวเองจะคาดเข็มขัดใส่ให้เขาอย่างไร รู้สึกเพียงแค่หน้าร้อนเห่อขึ้นมา กลิ่นไอเย็นสดชื่นรายล้อมรอบตัวเธอตลอดเวลา
นภดลไม่ได้เร่งเร้าเธอ เขาปล่อยให้เธอทำอย่างตัวสั่นงันงกจนเสร็จ ก่อนจะพูดเสียงต่ำ “หิวหรือเปล่า?”
“ไม่หิวค่ะ”
ตอนนี้ปาณีอายจะตายอยู่แล้ว จะไปมีเวลาห่วงว่าตัวเองจะหิวเสียที่ไหน
เธอรีบกลับไปนั่งที่เดิม เมื่อนั่งลงในที่ที่ห่างจากนภดล เธอก็รู้สึกหายใจโล่งขึ้น
นภดลมองไปยังเธอ เม้มริมฝีปาก แต่ดวงตายังคงมีรอยยิ้ม
“หัวหน้านภดลครับ พวกเราใกล้ถึงแล้ว จะเตรียมลงจอดแล้วครับ ไม่มีเรื่องอะไรห้ามเดินนะครับ”
แม้ว่านักบินจะยังไม่เห็นฉากเมื่อกี้ แต่เขาก็แปลกใจ
หัวหน้านภดลเย็นชาราวภูเขาน้ำแข็งมาเสมอ ดูท่าคงชอบคุณปาณีไม่น้อย พวกเขาเลยไม่เห็นเขาตรงนี้เลยสักนิดสินะ?
คุณปาณีดูอ่อนโยน ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ถึงขนาดถอดเข็มขัดของหัวหน้าลงได้ ความกล้าหาญของเธอช่างน่ายกย่อง
ไม่เลวเลยนี่คุณปาณี
เธอเกือบลืมไปแล้วว่าในเครื่องบินก็ยังมีคนอื่นด้วย ถ้าอย่างนั้นท่าทางน่าอายของตัวเองเมื่อตะกี้ก็ถูกคนเห็นแล้วสิ?
จบเห่
ชื่อเสียงเธอถูกำลายแล้ว
ท่าทางราวกับจะร้องให้ของปาณีทำให้มุมปากของนภดลยกยิ้มขึ้น ก่อนที่เขาจะหันหน้าไปทางด้านนอกอย่างเร็ว
ใกล้ถึงเมืองชลธีแล้ว
ดวงตาของเขายุ่งเหยิง แต่ก็รีบเก็บซ่อนแววตานั้นไว้อย่างเร็ว
ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันอีก
เมื่อเครื่องบินได้ทำการลงจอดยังเมืองชลธีแล้ว ปาณีไม่ได้รอนภดล เธอรีบกระโดดลงจากเครื่องทันที ไม่ได้บอกลาเขา เธอรีบโบกมือเรียกแท็กซี่และวิ่งออกไป
นภดลมองเธอที่วิ่งเตลิดออกไปแล้วจึงอดไม่ได้ที่ยิ้มอีกรอบ
นักบินเห็นหมดแล้ว วันนี้หัวหน้านภดลยิ้มบ่อยกว่าที่เคยเป็นมาเลย
“หัวหน้านภดลครับ คุณกับคุณปาณี… …”
ยังไม่ทันจะพูดจบ ดวงตาคมปลาบที่เหมือนกับมีดก็มองตรงมี่นักบิน เขาตกใจจนรีบหุบปากไป
นภดลหิ้วสัมภาระลงจากเครื่องบิน
เมื่อชัยยศเห็น เขาก็ก้าวมาข้างหน้า และพูดว่า “กลับมาแล้สินะ ไม่สิ แน่ใจนะว่าไปฝึกฝน? ทำไมผิวนายถึงขาวขนาดนี้?”
“ธรรมชาติให้มา นายอย่ามาอิจฉา”
นภดลหลบชัยยศ ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นรถ
ชัยยศถูกทำให้หงุดหงิดจนเคืองใจ
ผิวขาวหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?
ไอ้หน้าวอก
เขาขึ้นรถอย่างหงุดหงิด แต่ก็ต้องขับรถให้นภดล
“นายไปแหย่ปาณีเรื่องอะไร? เห็นเธอลงจากเครื่องก็วิ่งฉิวไปนู้น ฉันจะบอกนายไว้นะ บนโลกนี้ผู้หญิงที่โง่เหมือนปาณีมีไม่มากแล้ว รักษาเธอไว้เถอะ”
“นายสิโง่”
คำพูดเบาๆของนภดลทำให้ชัยยศนิ่งไปพลัน
นี่เขาถูกมันด่า?
ไอ้สารเลว!
นภดลไม่เคยสนใจเขามาโดยตลอด ทำไมวันนี้ถึงถูกมันด่า?
เขาคิดอย่างถี่ถ้วน หรือเพราะเขาพูดถึงปาณี?
ชัยยศดีใจขึ้นมาทันใด มองไปยังนภดลอย่างนินทา “พวกนายสองทำอะไรดีๆ กันที่เกาะแล้วงั้นสิ?”
“อืม”
“นภดล นาย… …”
ชัยยศไม่รู้ว่าจะสนทนาอย่างไรกับมัน เขาเหยียบคันเร่ง ทะยานไปด้วยความโมโห
นภดลหลับตาอย่างไม่ใส่ใจ ในสมองมีแต่ภาพของปาณีที่วิ่งหนีเตลิดออกไป
เป็นผู้หญิงที่โง่เสียจริง
หนีไปแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีก
ชัยยศมองนภดลที่กำลังยิ้มจากทางกระจกหลัง เขาตกใจจนแตะคันเร่งอย่างแรงจนเกือบชนแปลงดอกไม้
“นี่นายซื้อใบขับขี่มาหรือไง?”
นภดลพูดอย่างเย็นชา
ชัยยศรีบพูดว่า “นายทำให้ตกใจกลัวเองนี่? ไอ้นี่ นายก็ยิ้มเป็นนี่หว่า! ฉันไม่ได้มองผิดนะโว้ย ใช่ไหม? ดูท่าจะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นเร็วๆนี้แล้ว”
“เห็นว่าสมจิตไปค่ายทหารเพื่อฝึกพิเศษ ไม่รู้ว่าเธอจะมองหาใครมาดูแลเมื่อกลับมา ฉันให้เธอไปหานายดีกว่า”
นภดลพูดอย่างไม่เร่งรีบ ชัยยศพลันหน้าซีดขาว
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ เห็นฉันเป็นอากาศเถอะ โอเคไหม? ฉันไม่พูดอะไร ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
ชัยยศตัวสั่น เมื่อนึกถึงความดุของสมจิต
เขาไม่อยากโดนผู้หญิงคนนั้นตีอีกแล้ว
เจ็บมาก!
เมื่อนภดลเห็นว่าเขาหยุดแซวแล้ว จึงหลับตาและหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์
เมื่อปาณีกลับมาถึงบ้านตระกูลโตเล็กจึงเพิ่งรู้ว่านรมนท้อง
เธอประหลาดใจปนดีใจ
“คุณนายคะ ฉันจะไปทำอาหารบำรุงร่างกายมาให้คุณ”
เมื่อพูดจบเธอก็ตั้งท่าจะวิ่งไปทางห้องครัว แต่กลับถูกนรมนห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องไปแล้ว ในครัวมีนักโภชนาการ เธอเป็นเพื่อนฉันคุยเล่นตรงนี้แหละ หลายวันมานี้ฉันเบื่อมาก แล้วก็ลุกจากเตียงไปไม่ได้ ฉันละกลุ้มใจจริงนะ”
ในที่สุดนรมนก็เจอคนที่จะมาคุยเล่นเป็นเพื่อนเธอ
ปาณีรีบส่งแก้วน้ำอุ่นให้นรมน
“คุณนายคะ สถานการณ์ของคุณค่อนข้างจะพิเศษ สามเดือนแรกก็จะลำบากหน่อยนะคะ”
“ไม่ต้องพูดเรื่องฉันแล้ว พูดเรื่องเธอเถอะนา ไม่ดูแลคนไข้แล้ว แต่วิ่งไปฝึกพิเศษบนเกาะนี่? นี่อยากจะเป็นบอดี้การ์ดของฉันแล้วหรืออย่างไร”
นรมนนึกไม่ถึงว่าปาณีจะกลับไปเกาะเพื่อฝึกฝน คงจะเพื่อนภดล ได้แต่หวังว่าผู้ชายคนนั้นจะปลดปมของตัวเอง และถนุทนอมผู้หญิงคนนี้เสียที
เมื่อนรมนถามขึ้นมา ปาณีก็พลันนึกฉากบนเครื่องบินได้ จนเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“ฉันแค่คิดว่าตัวเองอ่อนแอค่ะ ไม่สามารถที่จะหลบอยู่หลังคุณนายได้ทุกครั้ง ก็เลยไป”
“จริงไหม? แน่ใจนะว่าไม่ใช่เพราะผู้ชาย?”
เมื่อนรมนถาม ปาณีก็รีบตอบทันที “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แน่นอน ฉันสาบาน”
“สาบานอะไรกัน ฉันไม่ต้องการคำสัญญาจากเธอ อย่าตกใจไปสิ”
เมื่อนรมนเห็นท่าทางของปาณีก็นึกขัน
“กับนภดลเป็นยังไงบ้างละ?”
ปาณีชะงักไปอีกรอบ
“ไม่มีอะไรค่ะ พอถึงเกาะ ก็พูดกับฉันไม่ถึง10ประโยคด้วยซ้ำ”
“อา?”
นรมนหดหู่
ไม่ใช่แล้วไหม?
นภดลยังไม่ลบเงาของฉัตรยาในใจออกไป?
ปาณีล่วงเกินแม่ของฉัตรยาเพื่อเขา เขายังไม่ซาบซึ้งใจสักนิด?
ผู้ชายคนนี้มีหัวใจไหม?
นรมนถอนหายใจพลางส่ายหน้า
ความรู้สึกเป็นเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจหรอก ดูท่านภดลคงไม่รู้สึกอะไรกับปาณี
เมื่อคิดถึงตรงนี้ นรมนจึงก้มหน้าลงก่อนพูด “อาธรณีของฉัน ญาติของฉันเขารู้จักคนอายุน้อยที่หล่อเหลาเยอะแยะ เธออายุก็ไม่น้อยแล้ว ไม่ต้องแขวนคอตัวเองไว้บนต้นไม้แล้ว คราวหลังฉันจะพาเธอไปเจอพวกเขา ฉันจะแนะนำผู้ชายดีๆให้สองสามคน ดีกว่านภดลแน่นอน นี่มันเป็นความสูญเสียของเขาเอง ปาณี เธอเป็นเด็กสาวที่ดีมาก มีผู้ชายดีๆอีกมากที่จริงใจกับเธอนะ”
ปาณีนิ่งงัน ราวกับไม่เข้าใจความหมายของนรมน ดวงตาคู่นั้นที่มองตรงมายังนรมนดูไม่รู้เรื่องเล็กน้อย
“ทำท่าอะไรนะ? ไม่เข้าใจเหรอ?”
ปาณีส่ายหัว
นรมนยิ้มก่อนพูด “ความหมายของฉันคือวันหลังฉันจะให้พวกเขานัดบอดให้เธอ”
คำว่านัดบอดทำให้ตัวของปาณีสั่นงก
ปาณีรู้สึกต่อต้านเล็กน้อยเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะคุยกับชายแปลกหน้าเกี่ยวกับการแต่งงาน แต่เมื่อคิดถึงเรื่องบนเกาะนานแสนนาน นภดลที่ปฏิบัติต่อเธอเหมือนดั่งอากาศ หากเธอยังคงเพียรพยายามต่อไป เธอจะกลายเป็นสตอล์กเกอร์ไหม?
นอกจากนี้สิ่งที่เธอควรทำ ไม่ควรทำ ทำได้หรือทำไม่ได้ เธอก็ทำไปหมดแล้ว เธอพยายามแล้ว แต่น่าเสียดายที่ผลงานของเธอกลับไม่ได้ดีอย่างที่เธอตั้งใจไว้
แต่เธอไม่โกรธนภดล อย่างไรเรื่องคนในใจของเขาเธอก็รู้อยู่นานแล้ว เธอชอบผู้ชายที่มีคนอื่นในใจ จะโทษใครได้
ตอนนี้แม้แต่นรมนยังรู้สึกว่าตัวเธอเองเสียเวลา เธอควรระงับความรู้สึกของเธอแล้วสินะ ควรจะไปนัดบอดกับผู้ชายคนอื่นไหม?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ปาณีก็ลืมตาขึ้น
“โอเคค่ะ แล้วแต่คุณนายทุกอย่างเลย”
นภดลที่อยู่ข้างนอกตะลึงงัน เขาขมวดคิ้วมุ่น
นี่เธอจะไปนัดบอด?
คนที่บอกว่าชอบเขา แต่ตอนนี้กลับจะไปนัดบอดกับชายอื่น?
ดวงตาของนภดลมีแววเย็นชาพาดผ่าน เขาเคาะประตูทันที
“คุณนาย ผมนภดลครับ”
ทันใดปาณีก็รู้สึกไม่สบายใจ
นภดล?
เขาเพิ่งอยู่หน้าประตูหรือมานานแล้ว?
ฟังไปเท่าไหร่?
เป็นไปได้ไหมที่จะได้ยินว่าเธอกำลังจะไปนัดบอด?
ทันใดปาณีก็รู้สึกร้อนใจเล็กน้อย อยากที่จะอธิบายอะไร แต่ก็เงียบปากไป
อธิบายอะไร?
ไม่มีคำสัญญาใดๆ ระหว่างพวกเรา ถึงแม้ว่าเธอจะเผชิญหน้ากับแม่ของฉัตรยาเพื่อเขา เขาก็ไม่ได้บอกว่าจะแต่งงานอะไรกับกับเธอด้วยใช่ไหม?
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ มันเป็นเธอที่จะยืนกราน
ตาของปาณีหม่นลง
นรมนมองทุกอย่างออกทันที เธอรู้ดีอยู่ในใจอยู่แล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาว่า “เข้ามาสิ”
นภดลผลักประตูเข้ามา
ปาณีลุกขึ้นทันที ก่อนจะก้มหัว “คุณนายคะ ฉันเพิ่งจะกลับมา ยังไม่ทันจะเก็บของเลย พวกคุณคุยกันเถอะค่ะ ฉันจะไปเก็บของเสียหน่อย”
“โอเค ไม่ต้องรีบนะ ไปหาชัยยศ แล้วซื้อชุดดีๆ สักหน่อย คราวหลังจะได้แต่งตัวสวยๆ ไปนัดบอด”
นรมนไม่ได้ซ่อนมันไว้แม้แต่น้อย ทันใดนั้นปาณีรู้สึกถึงสายตาแหลมคมที่เพ่งมาจากทางข้างหลังเธอ
“ฉันออกไปก่อนนะคะ”
ปาณีเกือบจะวิ่งหนีออกไปจากห้อง
นรมนเห็นแววตาที่วาววับของนภดล เธอยิ้มบางๆ ก่อนพูด “นายไม่รักษา ก็ยังมีคนอื่นรักษา ปาณีคือหญิงสาวคนหนึ่ง น่าเสียดาย พวกเธอสองคนไม่มีวาสนาต่อกัน”
“ประธานบุริศร์รู้หรือยังครับว่าคุณเปลี่ยนอาชีพแล้ว?”
นรมนนิ่งไป
“เปลี่ยนอาชีพอะไร?”
“แม่สื่อครับ”
นภดลพูดเสียงเบา แต่น้ำเสียงเจือแววไม่พอใจ
นรมนฟังออก เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
ความรู้สึกของนภดลที่มีต่อปาณีก็ไม่ได้นับว่าไม่สนใจเสียทีเดียว
“ทำไมละ? ทำใจไม่ได้? ทำใจไม่ได้ก็จีบสิ ฉันว่านะนภดล พวกนายหญิงชายที่ยังโสดไปที่เกาะด้วยกันเป็นเวลานานจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเหรอ นายไปทำอะไรบนเกาะ?”
“ฝึกครับ”
นภดลพูดบาๆ แต่กลับทำให้นรมนปวดหัว
“พวกนายมีโอกาสได้เจอกันเยอะมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปาณีบอกว่าพวกนายสองคนคุยกันไม่เกิน10ประโยค ฉันก็ไม่เชื่อว่านายจะยุ่งจนไม่มีเวลาจะพูดเลย?”
“เธอเหนื่อยครับ”
คำพูดของนภดลทำให้นรมนฟังออกว่าหมายความยังไง
“นายหมายความว่าเพราะปาณีฝึกหนัก ก็เลยไม่คุยกับเธอสินะ?”
“ปล่อยให้เธอได้พักผ่อนดีกว่าพวกของบำรุงร่างกาย อีกอย่าง พูดมากจะได้อะไรครับ? ไม่ดีเท่าขวดไวน์ที่ผสมยา”
เมื่อนรมนได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็พลันหดหู่
ไอ้เด็กนี่มันสมควรโสด!