ปาณีตะลึงงัน
เธอรู้ดีตอนนี้สถานการณ์ประเทศFเป็นอย่างไร โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครเข้าไป กลัวว่าจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แต่นภดลกลับบอกว่าจะไปประเทศF เธอเป็นห่วงขณะเดียวกันก็อดสงสัยไม่ได้
“คุณไปได้หรือคะ อีกอย่างคุณไปทำอะไรที่นั่น ฉันได้ยินว่าที่นั่นประกาศกฎอัยการศึก สงครามกลางเมืองรุนแรงมาก คุณจะไปได้ไงคะ”
นภดลมองเห็นความห่วงใยและความกังวลในสายตาของปาณี ก็อดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มสดใสทำให้ปาณีต้านทานไม่ได้
“ฉันพูดเป็นงานเป็นการกับคุณ คุณยิ้มอะไรคะ”
รอยยิ้มที่มุมปากนภดลยิ่งกว้างขึ้น
“คุณเป็นห่วงผมหรือ”
“พูดอะไรคะ”
ปาณีรู้สึกว่าตอนนี้นภดลเหมือนคนปัญญาอ่อน แต่ไม่มีผลกับหน้าตาของเขา ยังใช้ได้
นภดลไม่รู้ในใจปาณีคิดอะไร เขาหุบยิ้ม ขยี้ผมของเธอ พูดขึ้น “ผมสงสัยว่าคนที่สนับสนุนดร.ฐานทัตจะเกี่ยวข้องกับประเทศF”
“คุณสงสัยสมชัยหรือคะ”
“อาจจะเป็นฉัตรพลก็ได้ แต่ไม่ว่าใคร ผมต้องไปถึงจะรู้”
คำพูดนภดลทำให้ปาณีเป็นห่วงกังวล
“แต่พวกเขาต้องการคือคุณ ถ้าคุณไปจะเป็นการเข้าถ้ำเสือหรือคะ”
“ผมจะอยู่ที่นี่รอให้พวกเขามาถึงที่นี่ไม่ได้หรอก คุณก็เห็นแล้ว ตอนนี้คุณนายสุขภาพไม่ดี เรื่องวันนี้ถ้าเกิดขึ้นอีกครั้ง ไม่แน่ว่าเด็กในท้องคุณนายจะรอดหรือไม่ ร่างกายประธานบุริศร์ก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่ ถ้าหากยังอยู่ที่เมืองชลธี มีแต่จะทำให้พวกเขาเป็นอันตราย”
คำพูดของนภดลทำให้ปาณีสงสาร
“ฉันเข้าใจคุณค่ะ คุณจะพาอันตรายไปจากที่นี่”
“ครับ คุณนายมีบุญคุณกับผมท่วมหัว ผมไม่อาจตอบแทนด้วยการทำร้ายได้ อีกอย่างจณัตว์ก็อยู่ที่ประเทศF ผมเชื่อว่าถ้าผมไปที่นั่น ผมกับเขาจะช่วยกันดูแลได้ หรือบางทีอาจจะ
ก้ไขความลับในร่างกายผมได้ ผมอยากแก่เฒ่าไปกับคุณ หรือไม่ก็ตายหลังคุณ ไม่อยากให้คุณอยู่โดดเดี่ยวในโลกนี้ นี่คือความปรารถนาของผม”
บางทีความปรารถนานี้อาจไม่ยากสำหรับคนอื่น แต่กับนภดลช่างยากมากเหลือเกิน
ปาณีรู้ดี ร่างกายของเขากำลังเผาผลาญอย่างรวดเร็ว บางทีอาจจะรับไม่ไหวเร็วมาก ความปรารถนานี้ทำให้รู้สึกปวดร้าวเหลือเกิน
“ฉันจะไปกับคุณค่ะ”
“คุณอยู่ที่นี่เถอะ ทางนั้นอันตรายเกินไป”
นภดลปฏิเสธทันที
ปาณียังคงยืนกรานหนักแน่น “เพราะว่าเสี่ยงไงคะ ฉันถึงต้องไปกับคุณ ฉันจะปล่อยคุณไปในสภาพร่างกายตอนนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะต้องอยู่ข้างคุณ ฉันจะเผชิญหน้ากับทุกอย่างร่วมกับคุณ ที่นี่มีประธานบุริศร์ และยังมีพวกกิมจิกับชัยยศ คุณเรียกกิมจิมาเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด อีกอย่างเรื่องประเทศFไม่ใช่จะจัดการได้ในวันสองวัน มันเป็นอันตรายที่มองไม่เห็นตัว ไม่รู้ว่าจะสร้างอันตรายให้พวกคุณนายเมื่อไหร่ ในเมื่ออย่างนี้ ฉันตามคุณไปดีแล้วค่ะ”
นภดลรู้ว่าปาณีแม้จะดูเหมือนอ่อนแอบอบบาง แต่มีความคิดเป็นตัวของตัวเอง
เขาพยักหน้า “ก็ได้ งั้นคุณไปเก็บของเถอะ ผมออกไปทำธุระหน่อย”
“คุณไปคนเดียวหรือคะ พาคนไปด้วยจะดีกว่า ตอนนี้คุณเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนที่สุด ฉันกลัวพวกนั้นจะทำอะไรคุณ”
ปาณียังคงเป็นห่วง
นภดลพยักหน้า
มองเห็นปาณีเดินไปทางบ้านเก่าตระกูลโตเล็ก แววตาของนภดลก็ฉายความอาลัยอาวรณ์
ผู้หญิงคนนี้คือแสงสว่างของเขา ความอบอุ่นของเขา แต่เขาจะพาเธอไปไม่ได้
เขารู้ว่าถ้าตัวเองไม่พูดอย่างนั้น ปาณีไม่มีทางไป และยิ่งไม่ยอมห่างตัวเขา
บางทีการจากลาครั้งนี้อาจเป็นชั่วนิจนิรันดร์
เขาประมาทเกินไป
หากรู้ว่าร่างกายเขาย่ำแย่ขนาดนี้ เขาจะไม่มีทางแตะต้องปาณี ผู้หญิงดีๆ อย่างนั้น ไม่คู่ควรที่จะเป็นเพื่อนเขาร่วมเดินเข้ามาในชีวิตที่ไม่มีความหวังสักนิด
บางทีเขาไม่คู่ควรที่จะมีความสุขจริงๆ
ได้อยู่กับปาณีช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ขอบคุณสวรรค์แล้วที่คิดถึงเขา
ได้แต่หวังว่าหลังจากนี้เมื่อเขาไม่อยู่แล้ว ปาณีจะได้พบกับคนที่มอบความสุขให้เธอได้จริงๆ
นภดลยิ้มขมขื่นที่มุมปาก จากนั้นก็โทรไปหาบุริศร์
“ประธานบุริศร์ ผมพร้อมแล้วครับ ปาณีกลับไปแล้ว ต่อไปหวังว่าคุณกับ คุณนายจะดูแลเธออย่างดี”
คำพูดของนภดลทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง
“ผู้หญิงของตัวเองก็ดูแลเอง ฉันรับปากแผนของนายไม่ได้ส่งนายไปตาย นภดล นายเป็นลูกผู้ชาย ไม่ว่าสุขภาพจะเป็นยังไง ก็ไม่อาจลบความจริงของลูกผู้ชายได้ ในเมื่อได้ปาณีแล้ว ก็ดูแลเองเถอะ พวกเราช่วยนายดูแลไม่ได้ตลอดชีวิต ครั้งนี้ไปที่นั่นอันตราย นายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นสำคัญ ถ้าทำไม่ได้ นายอย่าไป ฉันไปเอง”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นภดลเสียใจ
“คุณไปหรือ ตอนนี้สุขภาพคุณยังไม่ดี อีกอย่างคุณนายจะทำยังไง”
“นั่นไม่ใช่เรื่องที่นายต้องกังวล ฉันรับปากแผนของนาย และให้ความร่วมมือ รวมทั้งแจ้งหงส์กับจณัตว์แล้ว แต่สำคัญที่สุดก็คือตัวนายเอง ถ้าหากนายดูแลตัวเองไม่ได้ งั้นแผนนี้ก็ไม่รอด”
บุริศร์พูดย้ำหนักแน่น
นภดลในใจรู้สึกอบอุ่น
เขารู้ดีบุริศร์เป็นคนอย่างไร เพราะรู้นั่นเอง เขาถึงดีใจที่มีเพื่อนและหัวหน้าเช่นนี้
“ครับ งั้นช่วงนี้ก็ขอฝากประธานบุริศร์ช่วยดูแลเธอด้วย”
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
“ครับ”
นภดลวางสาย มองไปทางที่ปาณีจากไปอีกครั้ง จากนั้นก็เดินจากไปอย่างเด็ดเดี่ยว
ในใจเขาอาลัยอาวรณ์ แต่เพราะเช่นนี้ เขาต้องกำจัดอุปสรรคทั้งหมดต่ออนาคตของตัวเองกับปาณี
บางทีเป็นคนปกติเขาอาจทำไม่ได้ แต่เขาจะพยายามทำให้ตัวเองปกติที่สุด ใช้ชีวิตปกติกับปาณีจนหมดลมหายใจ
เวลาชีวิตหนึ่งไม่นาน แต่ก็สั้นมาก สำหรับเขาแล้ว ปาณีคือเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่เหลือของเขา
นภดลพาลูกน้องไปตามสัญลักษณ์ที่มีคนทิ้งไว้
สัญลักษณ์ยิ่งทียิ่งห่างไกล ลูกน้องพูดขึ้นอย่างกังวล “หัวหน้านภดล พวกเราต้องขอความช่วยเหลือมั้ยครับ ดูทางนี้แล้วจะขึ้นเขาแล้ว”
นภดลขมวดคิ้ว เขาก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเสี่ยงอันตรายมาก แต่เดิมทีปฏิบัติการครั้งนี้ก็อันตรายอยู่แล้ว
“พวกนายกลับไปตามคนละกัน อยู่ที่นี่สี่คนก็พอ”
สี่คนน่าจะพอรับมืออีกฝ่ายหรือ
นภดลคิดอย่างนี้ ลูกน้องก็กังวล
“หัวหน้านภดล สี่คนน้อยไปมั้ยครับ อีกอย่างพวกเราโทรไปเรียกคนก็ได้แล้ว”
“ที่นี่ไม่มีสัญญาณ”
นภดลมาที่นี่ก็ดูมือถือแล้ว ที่นี่ไม่มีสัญญาณ บางทีเป็นเพราะอยู่เขตภูเขา หรือบางทีอาจมีคนปิดสัญญาณ
ไม่ว่าอย่างไร แผนการของอีกฝ่ายชัดเจน ก็คืออยากให้เขาอยู่คนเดียวจะได้ลงมือง่าย
ลูกน้องถึงเพิ่งพบปัญหานี้
“แต่หัวหน้านภดล พวกคุณสี่คนจะอันตรายไปนะครับ”
“พวกนายรีบไปรีบกลับละกัน ทางข้างหน้าน่าจะมีตู้โทรศัพท์ พวกนายโทรไปแล้วก็รีบกลับมา ฉันคำนวณแล้ว ถ้านายกลับมาเร็ว อย่างมากก็ไม่เกินสิบนาที สิบนาที พวกเรายังรับมือได้”
นภดลคำนวณทุกอย่างไว้ดีแล้ว
ลูกน้องฟังการคำนวณเวลาแล้ว คิดนิดหนึ่ง ก็พาคนไป
นภดลสังเกตรอบๆ กระซิบ “ไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามทุกคนทำอะไรพลการ”
“ครับ”
นภดลไม่มั่นใจ ที่จริงวิธีที่ดีที่สุดคือขึ้นเขาตอนนี้ แต่ถ้าหากทำอย่างนี้ แผนที่จะล่อให้คนมาจับเขาก็จะชัดเจนเกินไป
เขาต้องการแทรกซึมเข้าไปข้างในอีกฝ่าย ไม่ใช่ถูกสงสัยตั้งแต่แรก
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นรอบๆ
นภดลเตรียมตัวทันที
“ทุกคนเตรียมพร้อม”
เขาควักปืนออกมาจากที่เอว อีกสี่คนก็อยู่ในสภาพเตรียมพร้อม
เดิมคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาต่อสู้กับเขา นึกไม่ถึงว่าตาข่ายไฟฟ้าจะตกลงมา ตอนที่นภดลกับคนอื่นยังไม่ทันตอบสนอง ปริมาณไฟฟ้ามหาศาลของตาข่ายไฟฟ้าก็จับพวกนภดลทั้งห้าคนไว้ได้
“โอ๊ย!”
เสียงกรีดร้องของลูกน้องทั้งสี่ทำให้นภดลโมโห น่าเสียดายเขาทนตาข่ายไฟฟ้าได้ สลบไปทันที
เขาพลาดไปแล้ว
อีกฝ่ายใช้วิธีการชั่วช้าไร้ยางอายทุกวิถีทาง
พริบตาที่นภดลสลบไป ดร.ฐานทัตก็เดินออกมาจากใกล้ๆ
“พาตัวนภดลไป คนอื่นไม่ต้องสน คนของพวกมันจะกลับมาแล้ว ไปเร็ว”
ท่าทางกลัวเมียของดร.ฐานทัตหายไปแล้ว ตอนนี้ในแววตามีแต่ความเย็นชาและความบ้าระห่ำต่อนภดล
ในสายตาของเขา นภดลคือของทดลองที่ดีที่สุดของเขาในชีวิตนี้
ในโลกนี้นอกจากเขาไม่มีใครศึกษาสิ่งที่ไม่ใช่คนแบบนี้ใช่มั้ย
เขากระหยิ่มยิ้มย่อง รีบเก็บตาข่ายไฟฟ้า ให้คนดันนภดลขึ้นรถ รีบขึ้นเขาไปทันที
บนเขามีเครื่องบินส่วนตัวจอดอยู่ ดร.ฐานทัตพานภดลขึ้นเครื่องบินแล้ว กลัวว่านภดลจะตื่นขึ้นมา เขาฉีดยาให้ นภดล นภดลไม่รู้สึกตัวเลย
ปาณีวิ่งกลับไปบ้านเก่าตระกูลโตเล็กก็เจอคนใช้เรียกไปหานรมน นึกถึงสภาพร่างกายนรมนตอนนี้ ตัวเองไปตอนนี้ดูเหมือนไม่ค่อยดีนัก เธอจึงไปที่ห้องนรมน
“คุณนาย เรียกหาฉันหรือคะ”
สายตาปาณีไม่กล้าสู้หน้า
นรมนมองเธอ ในใจรู้สึกสงสาร
ระหว่างเธอกับนภดลเป็นตัวเธอเองนรมนที่ชักนำ บุริศร์ไม่ได้บอกแผนการนี้กับเธอก่อน แต่เพิ่งจะบอกกับเธอเมื่อครู่ นรมนโกรธมาก แต่ก็รู้ว่าบุริศร์ทำเรื่องอะไรก็ย่อมมีเหตุผลของตัวเอง
อีกทั้งได้ยินว่านภดลเป็นคนเสนอแผนนี้เอง เธอก็เข้าใจความคิดของนภดล
เทียบกับนภดลที่ซังกะตายเมื่อก่อนนี้ ตอนนี้เขาทำอะไรก็เพื่อพยายามที่จะมีวันพรุ่งนี้ที่สวยงาม เพียงแต่อาจจะทำให้ปาณีลำบากใจ
เธอเข้าใจดีกว่าใครความรู้สึกที่เป็นห่วงคนในใจแต่ทำอะไรไม่ได้
เห็นสายตาที่มีความหมายของนรมน ปาณีก็ทำตัวไม่ถูก
“คุณนาย มีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันหรือคะ”
“มานั่งนี่สิ”
นรมนตบที่เตียงข้างตัว ยิ้มแย้ม
ปาณีชะงักนิดหนึ่ง แต่ก็ยังเดินไปนั่ง
นรมนจับมือเธอ เอ่ยขึ้น “ปาณี เธอเชื่อใจนภดลมั้ย”
“เชื่อค่ะ”
คำตอบที่ยืนยันหนักแน่นของปาณีทำให้นรมนรู้ว่าความรู้สึกที่เธอมีให้นภดลลึกซึ้งเพียงใด ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรดีไปชั่วขณะ
บุริศร์บ้า ทำไมต้องยกเรื่องนี้ให้เธอทำด้วย
นรมนแอบด่าในใจ แต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เชื่อเขาก็ต้องเชื่อให้ตลอด ไม่ว่านภดลจะตัดสินใจยังไง เธอต้องเชื่อเขา เขาจะต้องกลับมา! จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย!”
นรมนพูดเช่นนี้ ปาณีก็หน้าเปลี่ยนสีทันที