ตอนที่นรมนได้ยินข่าวนี้นั้นหัวเราะจนเอวยืดตรงขึ้นมาไม่ได้เลย จนทำให้บุริศร์ตกใจจนหวาดระแวง และสีหน้าก็ขาวซีดขึ้นมาเลย
“อย่าหัวเราะ อย่าหัวเราะ ระวังร่างกายของคุณด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
นรมนหัวเราะไปด้วยแล้วก็โบกมือไปด้วย จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “คุณว่านภดลทำไมถึงได้ซื่อขนาดนี้คะ?”
“มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่เขาเติบโตมาน่ะ ฉัตรยาเป็นคู่สร้างคู่สมกับเขามาตั้งแต่เด็ก ชอบเขาก็บอกกับเขาเลย โดยไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด และไม่ได้รู้สึกว่านี่คือความดีงามของผู้หญิง เพราะฉะนั้นจากที่นภดลดูแล้ว การชื่นชอบก็ต้องให้คนอื่นเป็นคนบอกกับเขา”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนอึ้งไปเล็กน้อย
“งั้นปาณีก็เคยบอกแล้วนี่คะ ตั้งแต่แรกปาณีก็บอกว่าชอบเขาแล้วนี่คะ”
“แต่ว่าต่อมานภดลได้ปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ? พอหลังจากที่ปฏิเสธแล้วปาณีก็ไม่เคยพูดอีกเลย ผมเดาว่า ปาณีไปที่เกาะร้างทำไมนภดลก็คงไม่รู้เรื่องหรอก แปดสิบเบอร์เซ็นต้องคิดว่าปาณีไปเพื่อฝึกฝีมือให้เก่งขึ้นจริง ๆ แน่”
การวิเคราะห์ของบุริศร์ทำให้ทั้งตัวนรมนรู้สึกไม่ดีขึ้นมาเลย
“คงจะไม่ได้ซื่อขนาดนี้จริง ๆ หรอกมั้ง?”
“หรือไม่คุณลองถามดูไหม?”
พอเห็นท่าทางภรรยาที่ไม่เชื่อแบบนี้ บุริศร์จึงอดไม่ได้ที่จะออกความคิดเห็นขึ้นมา แต่จริง ๆ ก็คืออยู่ในสภาพที่อยากจะดูอะไรสนุก ๆ มากกว่า
แล้วนรมนก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหานภดลจริง ๆ ด้วย
“นภดล นายรู้หรือเปล่าว่าทำไมปาณีถึงไปฝึกฝนบนเกาะร้าง?”
พอได้ยินคำถามของนรมน นภดลก็นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
“ทำไมครับ? หรือว่ายังมีสาเหตุอื่นอีกเหรอครับ?”
“นายรู้สึกว่าคือสาเหตุอะไรล่ะ?”
“ไม่ใช่เป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอมาก แล้วไปฝึกฝนฝีมือสักหน่อยเหรอครับ?”
พอคำพูดนี้พูดออกไป นรมนก็มองบุริศร์อย่างรู้สึกนับถือมากขึ้นมาทันที และยังชูนิ้วโป้งออกมาให้เขานิ้วหนึ่งด้วย
แน่นอน คนที่เข้าใจผู้ชายมากที่สุดก็คือผู้ชายเอง
ตอนนี้นรมนรู้สึกโชคดีเป็นอย่างมากที่คนที่ตัวเองชอบนั้นไม่ใช้ผู้ชายซื่อบื้อแบบนภดล ไม่งั้นตัวเองจะหงุดหงิดขนาดไหนกัน
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับปาณีใช่หรือเปล่าครับ?”
ในน้ำเสียงของนภดลแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเสี้ยวหนึ่ง กลับทำให้นรมนทนทำใจไม่ได้บ้างแล้ว
“ถ้าหากฉันจะบอกนายว่าที่ปาณีไปฝึกฝนบนเกาะร้างก็เพื่อนายนั้น นายจะคิดยังไงกัน?”
“เป็นไปได้ยังไงครับ? ที่เธอฝึกฝนนั้นคือร่างกายของตัวเอง มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผมครับ?”
คำตอบของนภดลทำให้นรมนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
“นายนี่โง่หรือเปล่าเนี่ย?”
อารมณ์ของนรมนพุ่งขึ้นมาทันทีเลย
เธอรู้สึกว่าปาณีนั้นช่างไม่ง่ายเลยจริง ๆ ทำไมถึงได้ชอบเจ้าท่อนไม้ใหญ่นี่เข้าได้นะ?
“ทำไมเหรอครับ?”
สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือนภดลยังไม่รู้สึกว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปอีก และยังมาถามอย่างน้อยใจมากอีก
บุริศร์หัวเราะออกมาตรง ๆ เลย
เพราะว่าเปิดลำโพงเองไว้ เพราะฉะนั้นนภดลเองก็ได้ยินเสียงหัวเราะของบุริศร์ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ประธานบุริศร์ก็อยู่ด้วยเหรอครับ”
“อืม อยู่ นภดล ที่จริงสมองที่ความคิดซื่อตรงของนายสามารถสลายไปหน่อยได้แล้ว”
บุริศร์พูดได้อย่างถนอมน้ำใจเป็นอย่างมาก
นรมนกลับรู้สึกว่านภดลไม่เหมาะกับการถนอมน้ำใจ แล้วก็พูดออกไปตรง ๆ เลยว่า “ที่ปาณีไปที่เกาะร้างก็เพื่อที่จะอยู่เป็นเพื่อนนาย อยู่เป็นเพื่อนนาย เป็นเพื่อนนาย! ฟังชัดเจนหรือยัง? ผู้หญิงที่อ่อนโยนคนหนึ่งจะไปฝึกฝนร่างกายทำไมกัน?”
“แต่ว่าคุณนายเองก็มีฝีมือเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ?”
นภดลรู้สึกไม่เข้าใจเท่าไหร่เลย
นรมนรู้สึกว่าไม่รู้จะพูดยังไงขึ้นมาทันที
“ที่ฉันมีฝีมือนั้นมันเป็นเรื่องจำเป็น”
“ปาณีก็เหมือนกันนี่ครับ”
คำพูดของนภดลทำให้นรมนรู้สึกไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงต่อไปดีแล้ว
บุริศร์รับโทรศัพท์ไป ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “นภดล ปาณีเป็นพยาบาลคนหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะว่าเธอชอบนาย ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาทำให้ชีวิตตัวเองเหนื่อยขนาดนี้เลย ทักษะของเธอสามารถทำให้เธอมีชีวิตที่ดีมาก ๆ ได้ ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีการลอบทำร้าย อยู่อย่างเรียบง่ายไป แล้วหาหมอสักคนหรือใครคนอื่นแต่งงานมีลูก ก็จะมีความสุขมากได้ แต่เป็นเพราะว่ามาชอบนายเข้า เพราะฉะนั้นเธอถึงได้อยากจะเข้าใกล้นาย ถึงได้รู้สึกว่านายไปฝึกฝนบนเกาะร้างคนเดียวนั้นลำบากเกินไป เงียบเหงาเกินไป เพราะฉะนั้นถึงได้ไปอยู่เป็นเพื่อนนาย เป้าหมายของเธอไม่ใช่ต้องการไปฝึกฝนฝีมือ แต่คือหวังว่าบนเกาะร้างจะมีแค่พวกนายสองคนง่าย ๆ จะสามารถใกล้ชิดกันได้ สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้ สามารถกลายเป็นคนที่คนสนิทที่อยู่ข้างกายนายได้จริง ๆ”
หลังจากที่นภดลฟังจบแล้วก็นิ่งเงียบไปนาน นานจนนรมนนึกว่าเขาหลับไปแล้ว หรือว่าไม่อยู่แล้ว
“ตกลงนายยังฟังอยู่หรือเปล่าเนี่ย?”
คำพูดของนรมนทำให้นภดลค่อย ๆ ตั้งสติกลับมาได้
“ฟังอยู่ครับ แต่ว่ามันเป็นอย่างนี้จริง ๆ เหรอครับ?”
“งั้นจะเป็นยังไงได้ล่ะ? นายนี่โง่จริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย? โอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพังที่ปาณีตั้งใจสร้างขึ้นมาอยู่นาน แต่ตลอดระยะเวลานายกลับพูดกับเธอไม่ถึงสิบประโยค นายเป็นแบบนี้จะทำให้ปาณีนึกว่านายไม่มีความรู้สึกต่อเธอได้นะ น้ำที่เดือดมากแค่ไหนก็สู้พายุหิมะกระหน่ำไม่ได้หรอกนะ นภดล ทำไมปาณีถึงตอบตกลงกับฉันว่าจะไปนัดดูตัวนายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“เพราะอะไรครับ?”
เหมือนกับว่านภดลจะไม่เข้าใจจริง ๆ นรมนรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรโทรโทรศัพท์สายนี้จริง ๆ
บุริศร์มองดูท่าทางที่ใกล้จะระเบิดแล้วของภรรยา จึงได้แต่ยอมจำนนแล้วพูดชี้แนะต่อไป “เพราะว่าปาณีรู้สึกว่านายไม่มีความรู้สึกต่อเธอ ความพยายามทั้งหมดของเธออยู่ในสายตานายก็เป็นแค่ตัวตลกที่น่าเกลียดเท่านั้น เพราะฉะนั้นเธอก็เลยตัดสินใจที่จะไม่ชอบนายอีกแล้ว จะเก็บความชอบที่มีต่อนายกลับคืน แล้วก็เตรียมตัวที่จะไปใช้ชีวิตกับคนอื่นแล้ว”
เก็บความชอบที่มีต่อเขาคืนตัวอักษรพวกนี้กระตุ้นโดนนภดลแล้ว จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา แล้วก็สนใจอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้ว และรีบวางสายโทรศัพท์ไป
พอนรมนได้ยินเสียงโทรศัพท์โดนวางสายไป แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างโกรธเคืองเขาขึ้นว่า “เจ้านภดลนี่ควรจะเป็นโสดไปตลอดชีวิตเลย”
“เขาจะต้องคิดได้แน่ วางใจเถอะ”
“ฉันจะไปมีอะไรไม่วางใจกัน? ไม่ใช่ลูกชายของฉันซะหน่อย นี่ถ้าเป็นลูกชายของฉันนะ ฉันสามารถตีเขาให้ตายได้เลย”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นผมจะต้องบอกกานต์แล้ว ว่าเป็นผู้ชายซื่อบื้อมากไม่ได้นะ”
“คุณวางใจเถอะ ลูกชายฉันไม่มีทางมีEQต่ำขนาดนั้นหรอก”
พูดถึงกานต์แล้ว อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกคิดถึงลูกชายขึ้นมาหน่อยแล้ว
“พูดแล้วพวกลูก ๆ ยังอยู่ทางนั้นอยู่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง หรือไม่ไปรับกลับมาเถอะค่ะ?”
คำพูดของนรมนทำให้บุริศร์ค่อย ๆ ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“คิดถึงพวกเขาแล้วเหรอ?”
“ค่ะ คิดถึง คิดถึงกมล คิดถึงกานต์ และก็คิดถึงกิจจาด้วย”
นรมนเบ้ปากขึ้นเล็กน้อย ถ้าไม่พูดยังไม่รู้สึกอะไร พอพูดแล้วความคิดถึงก็พรั่งพรูมาอย่างกับสายน้ำไหล จนทำให้เธอแทบอยากจะเห็นหน้าลูก ๆ ในวินาทีต่อไปเลย
“ที่บ้านใหญ่นี้เงียบสงบเกินไปแล้ว พวกลูก ๆ กลับมาแล้วอาจจะครึกครื้นขึ้นมาหน่อยก็ได้”
“ได้ เดี๋ยวผมให้วินเซนต์ส่งพวกเขากลับมา”
สำหรับข้อเรียกร้องของภรรยานั้นขอแค่มีมาบุริศร์ก็ต้องสนองทั้งนั้น
นรมนหัวเราะขึ้นมาทันที
นภดลกลับไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้ พอวางโทรศัพท์แล้วก็คิดใคร่ครวญคำพูดของนรมนและบุริศร์อย่างละเอียดสักหน่อย จากนั้นก็กลับมาจากฐานอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปที่ห้องของปาณีเลย
เพราะว่าช่วงสองวันมานี้นภดลเป็นคู่ที่อยู่ในข่าวลือมาตลอด เพราะฉะนั้นในตอนที่คนรับใช้เห็นนภดลมาที่ห้องของปาณีอีกนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมาเกาะแอบดูแอบฟังกัน
ตอนนี้ในหัวสมองของนภดลมีแต่คำพูดที่บุริศร์พูดว่าจะเก็บความชอบที่มีต่อเขาคืน เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ค่อยได้สนใจคนอื่นเท่าไหร่
เขาตบประตูห้องปาณีเล็กน้อย
“ใครคะ?”
ปาณีไม่ได้นอนมาทั้งคืน และโดนเรื่องของนภดลทำให้ปวดหัวจนจะระเบิด พอเปิดประตูมาก็เห็นนภดลยืนอยู่ตรงหน้าประตู เธอก็รีบปิดประตูลงอย่างตอบสนองอัตโนมัติ
พอนภดลเห็นภาพนี้แล้ว คิดก็ไม่คิดแล้วก็เอาเท้ายื่นเข้าไปขวางเลย จากนั้นก็ได้ยินเสียง“ตั๊บ”คำหนึ่ง ปาณีได้หนีบเท้าของนภดลเข้าแล้ว
“คุณนี่โง่หรือเปล่าเนี่ย? ฉันปิดประตูคุณไม่เห็นเหรอ? เอาเท้ายื่นเข้ามาทำไมเนี่ย?”
ปาณีรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที แล้วก็รีบเปิดประตูออก
นภดลกลับไม่พูดอะไรเลยผลักประตูออกแล้วก็เดินเข้าไปเลย
“นี่ นี่ นี่ ฉันให้คุณเข้ามาแล้วเหรอ?”
“ปิดประตู”
น้ำเสียงของนภดลนั้นต่ำมาก เคร่งขรึมมาก แถมยังแฝงไว้ด้วยความข่มขู่เล็กน้อย
ปาณีอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรถึงได้เชื่อฟังอย่างว่าง่ายเลย
พวกคนรับใช้พอเห็นว่าประตูปิดลงแล้ว ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที
“ดูไม่ได้แล้ว ความเก็บเสียงก็ดีมากด้วย”
“ใช่ ทำไมพยาบาลปาณีถึงได้ปิดประตูลงอย่างเชื่อฟังขนาดนี้ด้วยนะ?”
พวกคนรับใช้ถอนหายใจกันแล้วก็ไปทำงานกันแล้ว
นภดลเข้ามาในห้องก็นั่งลงบนเตียงของปาณี
คนที่เป็นหมอกับพยาบาล ที่จริงยังไงก็รักเกลียดความสกปรกอยู่บ้าง โดยปกติแล้วปาณีค่อนข้างรังเกียจคนอื่นมานั่งเตียงตัวเอง แต่ว่านภดลมาห้องของเธอตั้งหลายครั้งแล้วก็นั่งลงไปด้วย ทำให้หัวคิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย แล้วก็พูดอะไรไม่ได้
นภดลเห็นหัวคิ้วของปาณีขมวดขึ้นมาทีหนึ่งอย่างไม่รู้สึกตัว แถมยังมองที่ที่เขานั่งอยู่ด้วย จึงอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
“ทำไม? นั่งไม่ได้เหรอ?”
“ไม่เป็นไร คุณนั่งไปเถอะ เดี๋ยวยังไงฉันค่อยเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ก็ได้”
ปาณีพูดไปตามใจ แต่กลับทำให้หน้าของนภดลขรึมลงมาทันที
“คุณรังเกียจผมมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ฉันไปรังเกียจคุณที่ไหนกัน? ฉัน……”
“รังเกียจผมยังจะตามผมไปถึงเกาะ ไปฝึกฝนเป็นเพื่อนผมอีก?”
พอคำพูดนี้ของนภดลพูดออกมา หน้าของปาณีก็แดงขึ้นมาทันที
“คุณพูดไปเรื่อยอะไร?”
“พูดไปเรื่อยเหรอ? ที่คุณไปที่เกาะไม่ได้ไปเพราะผมเหรอ? คุณกล้าสาบานไหมล่ะ? สาบานถ้าคุณพูดโกหกละก็ ชาตินี้ก็ให้หาแฟนไม่ได้ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต”
ปาณีโดนทำให้สำลักขึ้นมาทันทีเลย
“นภดล คุณนี่ไม่อยากจะให้ฉันได้ดีเลยใช่ไหม?”
“ตกลงใช่หรือเปล่า?”
นภดลค่อนข้างยึดถือกับปัญหานี้อยู่เล็กน้อย อย่างกับว่าถ้ารู้ปัญหานี้แล้วก็จะทำให้รู้เรื่องอื่นแล้ว
ปาณีโดนเขาทำให้โกรธจนย่ำแย่แล้วย่ำแย่อีก แล้วก็พูดตรง ๆ ขึ้นว่า “ใช่ ใช่ ใช่ พอหรือยัง? คุณพอใจหรือยัง? ฉันปาณีก็คือคนชั่วช้าเอง ชอบผู้ชายคนหนึ่งแล้วทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เข้าใกล้เขา แต่คนอื่นเขาล่ะ? ไม่ได้สนใจฉันด้วยซ้ำ แถมยังรู้สึกว่าการที่มีฉันอยู่ก็คือการขวางหูขวางตาอย่างหนึ่ง งั้นทำไมฉันถึงยังไม่รู้จักจำอีกล่ะ? คุณวางใจเถอะ เวลาที่ฉันฝันมานั้นนานมากพอแล้ว ตอนนี้ฝันก็ตื่นแล้ว จะไม่ไปเกาะเกี่ยวคุณอีกแล้ว เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปฉันรับรองว่าจะไปมาปรากฏตัวต่อหน้าคุณอีก แบบนี้ได้หรือยัง?”
“ไม่ได้”
จู่ ๆ นภดลก็รู้สึกว่าในใจมีอะไรบางอย่างโดนสั่นไหวแล้ว มันอ่อนนุ่ม มันอบอุ่น แต่กลับแฝงได้ว่าความสั่นไหวและตื่นกลัวเสี้ยวหนึ่ง
ปาณีคิดไม่ถึงว่าตัวเองพูดคำพูดมาจนถึงขั้นนี้แล้ว นภดลกลับยังแข็งกร้าวเช่นนี้อีก จึงอดไม่ได้ที่จะโกรธจนดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาเลย
“นภดล คุณอย่ามามากเกินไปนะ!”
พูดแล้วเธอก็มาถึงตรงหน้านภดล แล้วก็กระชากแขนเสื้อของนภดลไว้ทีหนึ่ง แล้วใช้แรงดึงเขา
“คุณออกไปเลยนะ! ที่ฉันนี่ไม่ต้อนรับคุณ!”
นภดลดึงตามมือของเธอตรง ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็ดึงเธอเข้ามาอยู่ในอกเลย จากนั้นก็จูบที่ร้อนแรงก็ประกบเข้าไปเลย
ปาณีมึนงงไปทั้งตัวเลย
นี่ผู้ชายคนนี้ ช่างน่ารังเกียจจริง ๆ!
เขาจูบเธออีกแล้ว!
ดวงตาของปาณีลืมจนตาโตมาก แถมยังแฝงไปด้วยความโกรธเคืองเสี้ยวหนึ่ง
ถ้าไม่มีความรู้สึกต่อเธอก็อย่ามาก่อกวนเธอ จุดยืนของเธอไม่มั่นคงจริง ๆ นะรู้หรือเปล่า?
ถึงแม้ว่านภดลจะอยากจะจูบต่อไป แต่ว่าพอมองเห็นดวงตาโตคู่นั้นของปาณีจ้องมองตัวเองด้วยความโกรธจัดอยู่ ความตั้งใจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนของเขาก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
พอปล่อยตัวปาณีออก นภดลก็ถอนหายใจอย่างไม่รู้ตัวทีหนึ่ง จากนั้นก็ลูบหัวปาณีอย่างรักใคร่ แล้วยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงได้โง่ ถึงได้ไม่ฉลาดขนาดนี้นะ?”
ผู้ชายซื่อบื้อคนหนึ่ง เจ้าโง่คนหนึ่งกล้ามาหัวเราะเยาะว่าเธอโง่เหรอ? บนโลกใบนี้ยังมีสัจพจน์อยู่อีกไหม?
ปาณีโกรธจนก้มหน้าลงไป แล้วกัดเข้าที่หัวไหล่ของนภดลคำหนึ่ง ที่สำคัญถึงตายก็ไม่ยอมปล่อยออกด้วย