นรมนดุแต่กลับน่ารัก เจตต์รู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษความรักแบบชายหญิงในตอนเริ่มแรกกลายเป็นความรักแบบพี่น้องในตอนหลัง เขาทะนุถนอมมิตรภาพระหว่างทั้งสองมาก
“ก็ได้ ฉันสัญญา”
บางทีอาจเป็นเพราะน้ำเสียงเจตต์รักใคร่และสายตาที่อ่อนโยนทำให้ขวัญตาแปลกใจ เธอเขย่งเท้าดึงคอเสื้อ เจตต์ พูดเคือง “คุยโทรศัพท์กับสาวที่ไหน ต่อหน้าฉันกล้าพูดจิ๊จ๊ะ ลับๆ ล่อๆ เจตต์ นายกล้ามากใช่มั้ย”
นรมนชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะคิก
“พี่สะใภ้ ฉันเองค่ะ”
เสียงสดใสของนรมนดังมา ทำให้ขวัญตาเก้อเขิน
“แหะๆ นรมนเองหรือ เมื่อกี้พี่ชายเธอรับสายก็ทำลับๆ ล่อๆ แล้วยังหันหลังรับสายอีก ฉันนึกว่าถูกสาวสวยที่ไหนยั่วไปแล้ว เอาล่ะ พวกเธอสองคนคุยกันเถอะ ฉันจะไปช็อปปิ้งเสื้อผ้า”
พูดจบขวัญตาก็ปล่อยมือ แล้วตบคอเสื้อเจตต์ที่ไม่มีฝุ่น จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปอย่างสง่างาม แต่สายตาแวบหนึ่งฉายความอ้างว้างที่ให้เจตต์เห็น
ขวัญตารู้จักเขาดีทุกอย่าง รู้ว่าเขาเคยรู้สึกอย่างไรกับนรมน เจตต์รู้ดีเป็นพี่สะใภ้ เป็นภรรยาทำได้อย่างเธอนี้ที่จริงไม่ง่ายเลย
ในโลกนี้มีผู้หญิงคนไหนไม่อิจฉา
แต่แม้ขวัญตาจะอิจฉาก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ เพราะนรมนเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
เจตต์รู้สึกสงสารเธอขึ้นมา
ในที่สุดเขาก็เข้าใจที่นรมนเคยพูด
เธอบอกว่า เจตต์ ชีวิตนี้พี่จะต้องได้เจอกับคนที่เป็นหนึ่งเดียว ถึงตอนนั้นพี่จะรักเธอยิ่งกว่าใคร
เจตต์รู้แล้ว ตอนนี้นาทีนี้ เขารักภรรยามากกว่านรมนขึ้นมาแล้ว
นรมนมีบุริศร์ แต่ขวัญตามีแค่เขา อีกอย่างพวกเขาก็เพิ่งเสียลูกไปไม่นาน
เมื่อคิดอย่างนี้ เจตต์รีบพูด “ฉันจะโทรไปหาสายข้างในนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นยังไงไม่อาจรับปาก นรมน ขอโทษด้วยนะ ครั้งนี้ฉันไม่อาจเสี่ยงอันตรายไปช่วยเธอได้ ช่วงนี้ขวัญตาอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มากหน่อย”
นรมนชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นก็เข้าใจบางอย่าง
พี่ชายของเธอในที่สุดก็วางหัวใจไว้ที่ขวัญตาแล้ว
ชีวิตคนเราก็อย่างนี้ มักจะต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง
เธอไม่เสียใจที่ถูกทิ้ง กลับดีใจเสียอีกที่ในที่สุดเจตต์ก็คิดได้ พี่น้องเติบโตแล้ว ต่างมีครอบครัวของตัวเอง ข้างกายมีคนที่ใช้ชีวิตหนึ่งปกป้อง แต่อย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกระหว่างพี่น้องจะจืดจาง แต่กลับยิ่งเติบโต
การเติบโตนี้บางครั้งอาจจะหายไปบ้าง แต่กลับน่ายินดียิ่งกว่า ทุกคนต่างมีครอบครัวของตัวเองที่ต้องรักษา ชีวิตนี้ได้อยู่กับตัวเองจนแก่เฒ่าก็มีแต่คนรักของตัวเอง
นรมนอวยพรเขาด้วยความจริงใจ “พี่ ฉันเข้าใจค่ะ”
“อย่าว่าฉันนะ นรมน ขวัญตาอยู่กับฉันเดิมทีก็เสียใจอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเสียลูกอีก ถ้าฉันใส่ใจเรื่องของพวกเธอมากเกินไป ฉันกลัวว่าเธอจะเสียใจจริงๆ”
เจตต์ยังคงรู้สึกผิดมาก
เมื่อก่อนนรมนโทรหาเขา ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาจะไปทำให้โดยไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น เหมือนตอนที่ไปเมืองใต้ดินครั้งนั้น เขาไม่เคยเสียใจ
แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ยังมีขวัญตาเคียงข้าง และยังทั้งตระกูลปวนะฤทธิ์ เขาจะดึงทั้งตระกูลปวนะฤทธิ์มาเกี่ยวข้องเพราะการตัดสินใจของตัวเองไม่ได้ ต่อให้อยากจะช่วยนรมน เขาจะหาวิธีที่ช่วยได้ทั้งสองฝ่าย วิธีที่ปกป้องตระกูลปวนะฤทธิ์และยังช่วยเหลือได้ด้วย
แม้ว่าจะยากมาก แต่เขาต้องทำอย่างนี้ เพราะตอนนี้เขาเป็นสามีของขวัญตา เป็นลูกเขยของตระกูลปวนะฤทธิ์
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ ไม่ต้องขอโทษฉัน เดิมทีฉันไม่มีเจตนาให้พี่เข้าร่วมอยู่แล้ว ถ้าพี่มีเบอร์ของสายข้างใน ก็ให้ฉันละกันค่ะ ฉันจะติดต่อเขาเอง อย่างนี้จะได้กันพี่กับตระกูลปวนะฤทธิ์ออกไป”
คำพูดของนรมนทำให้เจตต์เสียใจ
เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันหนึ่งที่ตนเองจะทิ้งนรมนเพื่อปกป้องผู้หญิงคนอื่น แต่วันนี้ก็มาถึง เขาเสียใจกว่าปกติ
“มีเรื่องอะไรจำเป็นยังโทรหาฉันได้ อย่างไรฉันก็เป็นพี่ชายเธอนะ”
“ค่ะ”
นรมนวางสายแล้ว
เจตต์ได้ยินเสียงวางสาย ก็ขอบตาแดง
เขาทำอย่างนี้เห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า
เจตต์จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นยะเยือก
เขารีบเดินเข้าไป กอดขวัญตาแน่นๆ จากข้างหลัง รู้สึกเสียใจจนอยากร้องไห้
รู้สึกได้ว่าเจตต์ผิดปกติ ขวัญตาก็ตกใจ
“คุณเป็นอะไรไปคะ นรมนเกิดเรื่องหรือเปล่า เด็กหลุดหรือเปล่า บุริศร์ล่ะ ไปๆๆ พวกเราไปตระกูลโตเล็กกันค่ะ”
ขวัญตารีบลากมือเจตต์จะวิ่งไปตระกูลโตเล็ก แต่ถูกเจตต์กอดไว้แน่น
“เปล่า เธอสบายดี”
เจตต์พูดเสียงสะอื้น
น้อยครั้งที่เจตต์จะควบคุมตัวเองไม่ได้ในสถานที่มีคนเยอะ อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “งั้นคุณเป็นอะไรไปคะ คุณบอกฉันมาเร็วๆ ฉันร้อนใจจะแย่แล้ว”
“ไม่มีอะไร ก็แค่รู้สึกว่าดีจังที่มีคุณ แต่คุณกลับได้ผู้ชายอย่างผม ลำบากแล้ว”
คำพูดของเจตต์ทำให้นัยน์ตาของขวัญตาเปียกรื้น ดูเหมือนความน้อยใจทั้งหมด ความเสียใจทั้งหมดจะมลายหายไปเพราะคำพูดนี้
ผู้หญิงเรา ต้องการไม่มาก เพียงแค่คำพูดอบอุ่นหัวใจ การกระทำที่ใส่ใจก็เท่านั้น
เธอพยายามเงยหน้าขึ้น กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน
“เจตต์คะ คุณไม่สบายหรือเปล่า จู่ๆ ก็พูดทำไม คุณเป็นอะไรกันแน่”
“ขวัญตา พวกเราไปเที่ยวกันมั้ย พวกเราไปที่ไหนดี พวกเรายังฮันนีมูนไม่จบนะ”
เจตต์จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา
เขาคลายกอดขวัญตา ยื่นมือไปจับผมยาวของเธอทัดหู สายตาอ่อนโยน
มองเงาสะท้อนในดวงตาของเขา ขวัญตามองเห็นตัวเองตาแดงเหมือนกระต่าย รู้สึกว่าน่าเกลียดชะมัด
“เจตต์ คุณตั้งใจหรือเปล่า อยากจะทำให้ฉันขายหน้าหรือไง ทำไมน่ารำคาญชะมัด”
เธอพูดพลางกำหมัดชกหน้าอกของเจตต์
เจตต์กำมือเธอแน่นพลางถาม “งั้นคุณตอบตกลงใช่มั้ย”
ขวัญตาเงียบขรึม
เธอก้มหน้า นานทีเดียวถึงจะเงยหน้าขึ้นมองเจตต์ พูดเสียงแผ่วเบา “นรมนเกิดเรื่องอะไรใช่มั้ยคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรหาคุณ ปกติเธอจะไม่รบกวนพวกเรา โทรมาอย่างนี้จะต้องมีเรื่องด่วนใช่มั้ยคะ”
“ไม่มีอะไรครับ สามีเธอคือบุริศร์ มีอะไรบ้างที่จัดการไม่ได้ เธอแค่ถามสารทุกข์สุกดิบเท่านั้น”
เจตต์รีบพูด
ขวัญตาเห็นความอึดอัดในแววตาของเจตต์แวบหนึ่ง ที่จริงเธอฉลาดมาก
ไม่มีผู้หญิงคนไหนโง่จริงๆ มีแต่แกล้งโง่เท่านั้น
ขวัญตามองเจตต์ อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง เชื่อว่านรมนไม่เป็นอะไร เชื่อว่าเจตต์อยากจะไปเที่ยวกับตัวเองจริงๆ กระทั่งรู้สึกว่าอย่างนี้ดีมาก
ไม่มีนรมนคั่นกลาง พวกเขาสองคนถึงจะเป็นครอบครัวจริงๆ
ใช่ว่าเธอไม่ถือสาความรู้สึกของเจตต์ต่อนรมน แต่เพราะความรักลึกซึ้ง เธอถึงได้ยอม แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่อิจฉา
ทุกครั้งที่เจตต์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อนรมนเธอเสียใจมาก
ขวัญตารู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงไม่ดี
ด้านหนึ่งเธอขอให้เจตต์ไปช่วยนรมน แสดงความใจกว้างของตัวเอง แต่เมื่อเจตต์ไปช่วยนรมนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่คำนึงถึงผลใดๆ ที่จะตามมาเธอก็โกรธแค้นนรมน
โดยเฉพาะหลังจากเสียลูกไป ขวัญตายิ่งรู้สึกหงุดหงิด
เธอต้องการให้เจตต์คอยอยู่เคียงข้าง แต่เพราะนรมนกับบุริศร์เผชิญอันตรายที่ประเทศF เจตต์กลับทิ้งเธอไป ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเองเสแสร้งจริงๆ
ชัดๆ ว่าเธอไม่อยากให้เจตต์ไป ไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นเข้ามาครอบครองความคิดและความใส่ใจของเจตต์ แต่เธอยังแสดงออกว่าเป็นห่วงเขาและสนับสนุนเขา
ตอนนี้ในที่สุดเจตต์ก็ทิ้งนรมนเลือกไปเที่ยวกับเธอ นี่เห็นชัดว่าระหว่างเธอกับนรมนเจตต์เลือกเธอใช่มั้ย
แต่ทำไมใจที่ควรจะดีใจตอนนี้กับรู้สึกจุกผิดปกติ จุกจนอยากจะร้องไห้
ขวัญตาจู่ๆ ก็ผลักเจตต์ออก นั่งลงข้างทาง เหมือนหมาตัวน้อยกอดตัวเอง สองมือกอดเข่า น้ำตาหยดเผาะลงกระทบพื้น ราวกับกระทบใจของเจตต์
เจตต์ตกใจมาก
“ขวัญตา คุณเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ผมพาไปโรงพยาบาล พวกเรากลับบ้านกันก่อน”
เจตต์พูดพลางจะเข้าไปอุ้มขวัญตา แต่ถูกขวัญตาผลัก
“อย่ามาถูกตัวฉัน!”
ขวัญตาเก็บกดมานาน ดูเหมือนว่าการเลือกกะทันหันของเจตต์ทำให้ทำนบของเธอพังทลาย
เธอร้องไห้ตัวโยนเหมือนเด็กๆ
“เจตต์ คุณไม่จำเป็นต้องทำดีกับฉันขนาดนี้ ฉันไม่ได้ดีขนาดนั้น คุณรู้มั้ย ทั้งหมดคือคำโกหก! ฉันรู้สึกว่าข้างในตัวเองมีปีศาจ ทุกวันฉันต้องสู้กับเธอ จากนั้นก็ใส่หน้ากากจอมปลอมเผชิญหน้ากับคุณ อย่างนี้ไม่ดีใช่มั้ย ในสายตาคุณฉันใจกว้างและเอาใจใส่ เป็นภรรยาที่ดีที่สุด เป็นพี่สะใภ้ที่ดีที่สุด ทำไม ทำไมคุณต้องทำลายทุกอย่างนี้”
ขวัญตารู้สึกเหมือนตัวเองบ้าไปแล้ว
นี่ไม่ใช่ความหวังของเธอมาตลอดหรือ แต่พอถึงวันนี้จริงๆ จู่ๆ เธอกลับพบว่าตัวเองเหมือนตัวตลก
ที่แท้เจตต์เข้าใจทุกอย่าง
อย่างนั้นที่เธอเสแสร้งใจกว้าง เสแสร้งเอาใจใส่มีความหมายอะไร
เขาจะรู้สึกว่าตัวเองจอมปลอมหรือไม่
จะรู้สึกเสียใจมั้ยที่แต่งงานกับเธอขวัญตา
ที่จริงความรู้สึกนี้ เธอระมัดระวังมาตลอด
ดูเธอสบายๆ ดูเธอเป็นมิตรกับนรมน ที่จริงเป็นเพราะกลัวว่าเจตต์จะไม่รักเธอไม่ต้องการเธอก็เท่านั้น
เธอรักษาภาพลักษณ์จอมปลอมอย่างระมัดระวัง แต่กลับถูกเจตต์มองทะลุปรุโปร่ง
หรือว่านรมนก็มองเห็น
อย่างนั้นเธอจะเผชิญหน้ากับพวกเขาได้ยังไง
“ฉันสบายดี สบายดีมาก ฉันรอคุณจัดการเรื่องนรมนเสร็จค่อยไปเที่ยวก็ได้ค่ะ จริงๆ นะคะ ฉันไม่รีบ”
ขวัญตากลั้นน้ำตา อยากจะยิ้ม แต่เกร็งไปทั้งตัว ท่าทางอดกลั้นนั้นเหมือนมีดคมกริบกรีดแทงหัวใจของเจตต์ เจ็บจนแทบหายใจไม่ได้
ครั้งที่เขาเข้าใจลึกซึ้งตัวเองทำให้ภรรยาเจ็บมากแค่ไหนกันแน่
ผู้ชายอย่ามองความใส่ใจและการให้อภัยของผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดา เพราะคุณไม่รู้ว่าเบื้องหลังนั้นเธออดกลั้นมากแค่ไหน
เสียสละมากแค่ไหน และเสียใจมานานแค่ไหน
เจตต์ดึงตัวขวัญตาเข้ามา กอดเธอแน่นๆ พูดจาดุดัน “กลับบ้าน!”