“เกิดอะไรขึ้น?”
คนที่มาคือผู้ช่วยที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งโดยราเชน แล้วก็ยังเป็นคนที่เขาเชื่อใจมากคนหนึ่ง ตอนนี้เขาวิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ทำให้จิตใจที่อึดอัดของราเชนชะงักไปพักหนึ่ง
เมื่ออีกฝ่ายเห็นจณัตว์ เขาไม่แปลกใจสักนิด ทำเพียงนิ่งไปชั่วครู่ และมองไปยังราเชน เมื่อรู้ท่าทางของราเชนว่าไม่ต้องปิดบังจณัตว์ เขาจึงพูดออกมาอย่างเร็ว “ป่าดำทางตอนเหนือระเบิดครับ”
“ป่าดำ?”
สีหน้าของราเชนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“อย่างไร? มีอะไรผิดปกติกับป่าดำแห่งนี้เหรอ?”
เมื่อจณัตว์เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของราเชน เขาก็ตระหนกเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
ราเชนมองมาที่เขา ก่อนพูดว่า “ป่าดำเป็นป่าที่เก่าแก่ คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าไปได้ และไม่มีใครกล้าเข้าไปหลังจากเหตุการณ์สัตว์ทำร้ายคน ดังนั้นสมชัยเลยย้ายสถาบันวิจัยการทหารไปที่ป่าดำเมื่อปีที่แล้ว”
“สถาบันวิจัยการทหาร? ไม่ได้อยู่ในวัง?”
จณัตว์ยังคงจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาเข้ามาได้อย่างไรและออกไปได้อย่างไร เมื่อได้ยินราเชนพูดเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ราเชนส่ายหน้า “สถาบันวิจัยทางการทหารในวังเป็นที่ตบตาคนอื่น สมชัยเป็นคนที่รักชีวิตของตัวเองมาก เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาสารเคมีที่อันตรายขนาดนั้นอยู่ใกล้ตัวเอง? เขาไม่กลัวว่าวันหนึ่งจะเกิดอุบัติเหตุระเบิดกับตัวเองเหรอ? สถาบันวิจัยของจริงอยู่ที่ป่าดำ เรื่องนี้ฉันเพิ่มรู้แต่เพราะว่าฉันไม่ใช่คนที่สมชัยจะมอบตำแหน่งให้ ดังนั้นเลยไม่รู้เส้นทางที่จะไปป่าดำ แต่ไม่คิดเลยนะว่ามันจะระเบิด หากของเหลวในสถาบันวิจัยรั่วไหลออกมา ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรไม่กล้าคิดนะ”
“นภดลละ?”
ทันใดจณัตว์ก็นึกถึงนภดล
สถาบันการวิจัยทหารไม่สามารถระเบิดได้โดยไร้ซึ่งเหตุผล แล้วคนเบื้องหลังนภดลเป็นใครกันแน่? พวกเขายังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ไม่ใช่ว่าดร.ฐานทัตไม่อยู่เหรอ? หรือนภดลเป็นคนทำกัน?
จณัตว์รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
เมื่อราเชนได้ยิน ก็รีปสั่งให้ผู้ช่วยไปหาร่างของนภดล แต่เมื่อจณัตว์และราเชนมาถึง ไหนเงาของนภดลกัน?
ศพในสถาบันวิจัยการทหารในวัง เสียชีวิตด้วยอาการสาหัส ใส่ชุดสีขาว มีตัวเลขบนหน้าอก น่าจะเป็นบุคลากรภายในสถาบัน
แต่คนเหล่านี้กลับตาย?
ถูกตัดแขนตัดขา ทำให้คนมองชวนคลื่นไส้
ภาพสีแดงฉานทำให้ดวงตาของจณัตว์มืดหม่น
นภดลเป็นคนทำ?
แต่ทำไมถึงฆ่าได้อย่างโหดร้ายทารุณ?
เขารู้จากบุริศร์ว่านภดลได้ไปที่เกาะห่างไกลเพื่อฝึกฝนพิเศษ ดังนั้นหากเขาต้องการฆ่าคนเหล่านี้ เขาสามารถฆ่าพวกเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้วิธีการตัดอวัยวะออกอย่างโหดร้ายเช่นนี้ นอกเสียจากในร่างกายของนภดลเกิดการจลาจลถูกทำให้เกิดชนวน หากเป็นเช่นนี้ เขาอาจจะเสียสติ จนกลายเป็นเครื่องจักรสังหาร
เมื่อคิดดังนี้ จณัตว์ก็ยิ่งเครียดจัดเป็นเท่าตัว
“ฉันจะกลับบ้านอีกรอบ นายอย่าไปที่ป่าดำ ฉันจะพาคนไป”
จณัตว์มองไปที่ราเชนอย่างจริงจัง
“มีอันตรายไหม?”
เมื่อเขารู้สึกถึงความห่วงใยจากพี่ชายของเขาเป็นครั้งแรก ราเชนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“ไร้สาระนา มีหรือไม่มีอันตรายนายไม่รู้เหรอ? ตอนนี้ฐานะของนายไม่เหมือนเก่า นายเป็นพระราชาของประเทศF ผู้คนมากมายรอให้คุณนายนำประเทศกลับสู่เส้นทางเดิม เรื่องเล็กแค่นี้ให้ฉันทำเถอะน่า อีกอย่างนภดลก็เป็นคนที่นรมนห่วงใย นายไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉันเป็นหมอ ฉันมีประสบการณ์มากกว่านายในด้านนี้ เชื่อฟังนะ เด็กดี”
จณัตว์พูดพลางยื่นมือไปลูบศีรษะของราเชน ผู้ช่วยที่กำลังดูอยู่ก็รีบก้มหน้าลงอย่างเร็ว เหงื่อเย็นโทรมกาย
กล้าลูบหัวพระราชาของประเทศคาดว่าคงมีเพียงจณัตว์ และพระราชาก็ไม่ห้ามด้วย เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ระวังตัวด้วย”
ราเชนไม่ชินนักกับการที่มีคนมาปฏิบัติกับเขาราวกับเด็กน้อย แต่น่าแปลกที่เขาไม่หลบ โตขนาดนี้แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ญาติปฏิบัติต่อเขาอย่างสนิทสนม เขาไม่อาจหลบได้
ยังไงก็ไม่มีใครเห็น
เมื่อมองเห็นผู้ช่วยที่แทบจะซุกหัวลงเป้ากางเกงตัวเอง ดวงตาของราเชนก็หนักหน่วงซับซ้อนมาก แต่เขากลับไม่พูดอะไร
จณัตว์พยักหน้าก่อนจะจากไป
เมื่อเขากลับมาถึงบ้านตระกูลแหลมวิไล ก็เห็นเนกษ์รอที่หน้าประตู
“ป่าดำระเบิด เป็นครั้งแรกที่องครักษ์ในวังปิดไม่ให้เข้าป่าดำ คนของเราเข้าไปไม่ได้”
“เข้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเข้าไป เนกษ์ เรื่องในตระกูลแหลมวิไลก็เยอะพออยู่แล้ว นายจะมีปัญหาในคราวหลังได้”
จณัตว์มองไปที่น้องชายที่เติบโตมากับเขาด้วยกัน และพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่ นี่พี่จะเข้าไปในป่าดำใช่ไหม? ผมไปด้วย”
เนกษ์จะให้พี่ชายของเขาเข้าไปเสี่ยงอันตรายคนเดียวได้อย่างไร
จณัตว์กลับยิ้มและพูดว่า “เป็นถึงผู้นำตระกูลแล้ว จะมาโกรธเป็นเด็กได้ยังไง? นายมีคนที่ต้องดูแลกี่คนข้างหลังไม่ได้นับเหรอ? ตอนนี้นายจะเอาแต่ใจไม่ได้นะ เชื่อฟังหน่อย ฉันรู้อยู่แก่ใจน่า ถ้าเจออันตรายละก็ ฉันจะไม่เข้าไปเผชิญแน่ ฉันไม่ได้โง่นะ”
ราวกับเดาออกว่าจณัตว์จะต้องปฏิเสธเป็นแน่ สีหน้าของเนกษ์แย่ลงทันตา
“พี่ นี่ตั้งใจใช่ไหม?”
“ตั้งใจอะไร?”
“ตั้งใจส่งตำแหน่งผู้นำตระกูลมาให้ผม พี่ก็ไม่อยากถูกผูกมัดด้วยความรับผิดชอบเหล่านี้ใช่ไหม? แล้วให้ความรับผิดชอบพวกนี้รั้งผมเอาไว้ ผมจะไปไหนก็ไม่ได้ เมื่อก่อนไม่ว่าพี่จะไปไหน ผมก็ไปด้วยเป็นเงาตามตัว แต่ตอนนี้พี่ไม่ต้องการผมแล้ว ทำไมพี่ถึงไม่ต้องการผมแล้วละ?”
พูดไปพูดมา ขอบตาเนกษ์แดงก่ำขึ้น
ใจของจณัตว์รู้สึกเศร้ามาก
“เนกษ์ นายไม่ใช่เงาของฉัน นายเป็นคุณชายของตระกูลแหลมวิไล นายมีชีวิตเป็นของตัวเอง นายเป็นอิสระรู้ไหม? ไม่มีใครตามใครไปได้ตลอดชีวิต แม้จะเป็นพี่น้องกันก็ตาม เราต่างก็ต้องสร้างครอบครัวและดูแลครอบครัวของตัวเอง ตอนนี้ฉันก็มีพี่สะใภ้ของนายแล้ว ในอนาคตนายก็ต้องหาผู้หญิงสักคนมาเป็นภรรยา บนไหล่ของพวกเราทุกคนต่างก็มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันทั้งนั้น ดังนั้นนายอย่าพูดอะไรเด็กๆแบบนี้อีก”
“ผมไม่สนหรอก ยังไงผมก็จะตามพี่ไปให้ได้ ผมไม่อยากเป็นอิสระ ผมเต็มใจเป็นเงาของพี่ ตั้งแต่เด็กจนโต พี่ทำอะไรก็จะให้ผมไปด้วย พี่บอกว่าจะพาผมกลับตระกูลแหลมวิไล ให้ผมรู้จักรากเหง้าเดิม พี่ก็ทำได้แล้ว แต่พี่ไม่ได้บอกผมว่ากลับมายังตระกูลแล้ว พี่จะไม่ต้องการผมอีก”
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการนายนะ”
“พี่ไม่ต้องการผม! พ่อก็ไม่อยู่แล้ว พี่คือญาติเพียงคนเดียวของผม ผมขัดขวางพี่ให้ไปเจออันตรายไม่ได้ แต่ผมจะไปด้วยกันกับพี่ ผมไม่อยากเห็นญาติตัวเองเป็นศพอีกแล้ว ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในโลกรอพี่กลับมาอีก ผมไม่ต้องการ!”
เนกษ์ไม่เคยทำตัวแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นน้องชายคนนี้ซึ่งสูงพอๆ กับตัวเขาเองร้องไห้แล้ว จณัตว์ก็พลันรู้สึกไม่ดี
“เนกษ์”
“สมชัยก็ตายแล้ว ความแค้นของพ่อผมก็สะสางแล้ว ประเทศต้องการเงินเพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจ ผมบริจาคทรัพย์สินของตระกูลแหลมวิไลครึ่งหนึ่ง เรื่องที่เหลือผมมอบหมายให้คนของครอบครัวลูกคนที่สองแล้ว ตอนนี้ผมไม่มีความรับผิดชอบอะไรบนตัว ความรับผิดชอบของผมตอนนี้ก็คือพี่”
เนกษ์รู้สึกว่าตัวเองร้องให้ค่อนข้างน่าเกลียด เขารีบเอามือไปเช็ดน้ำตาตัวเอง แต่มันกลับดูเหมือนเด็กน้อย
จณัตว์รู้สึกกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย
เขานำทรัพย์สมบัติเหล่านี้มาส่งถึงมือของเนกษ์อย่างยากลำบาก ไม่คิดว่าเขาจะสลัดมันออก และให้ครอบครัวลูกคนที่สองอย่างง่ายดาย
ถึงแม้ว่าครอบครัวลูกคนที่สองจะไม่มีความทะเยอทะยานที่จะอยากเป็นผู้นำตระกูล แต่จณัตว์ก็ยังเสียดายแทนเขาอยู่ดี
“ไม่ต้องร้อง เป็นผู้ชายจะมาร้องกระจองอแงได้ยังไงกัน พี่สะใภ้ของนายเห็นเข้าจะหาว่าฉันรังแกนายอีก อยากตามฉันมาก็ตามมา แต่อย่าเสี่ยงนะ รู้ไหม?”
“รู้แล้วครับพี่ชาย”
เนกษ์ยิ้มดีใจ ก่อนจะวิ่งออกไปจากลานบ้านอย่างเร็ว
จณัตว์มองไปยังแผ่นหลังของเขาพลางส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
โตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังทำตัวเป็นเด็กนะ?
แล้วก็ยังมีราเชน
เขาต้องเป็นหนี้น้องชายสองคนนี้ในชาติที่แล้วแน่ ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้พวกเขาจะมาทำให้เขาทรมานทำไมกัน
จณัตว์ผลักประตูและเดินเข้ามา เมื่อเขากลับมาในห้องเขาเห็นหงส์นั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้วยอาการใจลอย
“คิดอะไรอยู่?”
จณัตว์กอดเธอจากทางด้านหลัง
เมื่อได้กลิ่นอายที่คุ้นเคย หงส์ก็ได้สติกลับมา เธอเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของจณัตว์ผ่านทางกระจก ก่อนจะยิ้มออกมา “กลับมาแล้วเหรอคะ?”
“อืม เมื่อกี้คิดอะไรอยู่ ทำไมถึงใจลอย?”
“ไม่มีอะไรค่ะ”
หงส์ก้มหน้าลง มีร่องรอยหดหู่ในแววตาพาดผ่าน
เธอไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเธออิจฉานรมนเล็กน้อย
นรมนมีลูก3คนแล้ว แต่เธอไม่รู้เลยว่าชีวิตนี้จะมีลูกของตัวเองสักคนได้ไหม ถ้าเธอตัวคนเดียวเธอคงไม่สนใจ แต่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของจณัตว์ ถึงแม้จณัตว์จะบอกว่าจะรักษาให้ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะเชื่อ
หมอหลายคนต่างก็บอกว่าชีวิตนี้ของเธอคงไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่แม่ กลับกันเพราะคำพูดของจณัตว์แค่หนึ่งประโยคกลับทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้งแต่สิ่งที่ตามมาคือความตึงเครียดและความวิตกกังวล
หงส์ลูบท้องของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
จณัตว์หรี่ตา ทันใดก็เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เขาย่อกายลง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนข้องหูของหงส์ “เราจะโลกของเราสองคนหลังจากผ่านไปสองปีได้ไหม? รอเรื่องของทางนี้จบลง ผมจะพาคุณไปท่องโลกดีไหม?”
“ไร้สาระนา อาชีพของคุณจะทำให้คุณไปเที่ยวกับฉันได้ยังไงคะ?”
หงส์ตบมือของจณัตว์ ในขณะที่เขาปลอบโยนตัวเอง
จณัตว์กลับยิ้มและพูดว่า “หลายปีมานี้ผมสะสมวันหยุดของตัวเองไว้ ถ้าผมทำเรื่องละก็ บวกวันหยุดแต่งงานกับฮันนีมูนอีก ผมจะมีวันหยุดประมาณ1ปีเลย จะที่ไหนผมก็ไปเป็นเพื่อนคุณได้”
“จริงไหม?”
“โกหกขอให้ผมเป็นหมา”
หงส์แย้มริมฝีปากยิ้มขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็อย่าเป็นหมาน้อยละ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คุณเห่าไปตลอดชีวิต”
“โฮ่งโฮ่ง — — อย่างนี้เหรอ?”
จณัตว์ที่จู่ๆ ก็เห่าออกมา ทำให้หงส์ชะงักไปนิด ราวกับถูกฟ้าผ่า
จณัตว์ที่เย็นชาและเย่อหยิ่งมาโดยตลอดถูกอะไรเข้าสิงหรือเปล่า?
เมื่อเห็นแววตาที่เหลือเชื่อในดวงตาของภรรยาของเขา หูของจณัตว์ก็กลายเป็นสีแดงโดยพลัน
“เสียงเห่าแบ่งออกเป็นกี่ประเภทกัน?”
หงส์หัวเราะก๊ากออกมา
“วันนี้คุณดูผิดปกติ มีเรื่องอะไรที่ปิดบังฉันไหม?”
จณัตว์รู้สึกว่าภรรยาของเขาจะเข้าใจเขาเกินไปแล้ว แต่เขากลับยิ้ม “มีเรื่องอะไรละ? สมองของผมก็คิดแต่เรื่องของคุณ”
“ให้มันน้อยหน่อย วันนี้คุณไปหาพระราชามานี่? หรือว่า… …อืม… …”
หงส์ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกจณัตว์ครอบครองริมฝีปาก จูบที่ซาบซึ้งกินใจนี้ราวกับจิตวิญญาณถูกดูดเข้าไป ทำให้เธอลืมสิ้นแล้วทุกสิ่งอย่าง วิ่งเวียนตาลายไปหมด เธอถูกจณัตว์อุ้มไปที่เตียง และกิจกรรมของหนุ่มสาวก็ได้เริ่มต้นขึ้น… …