ในบ่ายสดใสมีลมพัดโชยมาอ่อนๆ นรมนจู่ๆ ก็เริ่มปวดท้องขึ้นมา ทั้งร่างบุริศร์ก็เครียดมาก
“ใครก็ได้มานี่ มานี่หน่อย ภรรยาฉันจะคลอดแล้ว”
บุริศร์จับมือนรมนไว้แน่น เห็นหน้าผากเธอเหงื่อออก เจ็บจนสีหน้าซีดเซียว อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ไม่คลอดแล้ว นรมน เราไม่คลอดแล้ว”
“เฮ้ย นี่คุณพูดไร้สาระอะไร? ฉันท้องมาเก้าเดือน ถึงตอนนี้คุณบอกฉันว่าจะไม่คลอดแล้ว? บุริศร์ คุณมันไอ้ชั่ว!”
นรมนเจ็บจนทำได้แค่ด่าบุริศร์ ดูเหมือนแค่ทำแบบนี้เท่านั้นความเจ็บเธอถึงบรรเทาลงได้บ้าง
ตอนนี้บุริศร์ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ตราบใดที่ภรรยาสามารถลดความเจ็บปวดได้บ้าง อย่าว่าแต่ด่า ตีเขาก็ไม่มีปัญหา
“ทำยังไงดี? ตอนนี้เราทำยังไงดี? คุณทำคลอดไม่เป็นด้วย คนล่ะ? หรือตอนนี้ต้องหาหมอทำคลอดให้คุณ?”
บุริศร์ยิ่งพูดยิ่งไร้เหตุผลแล้ว
นรมนเคยคิดว่าบุริศร์คือคนที่สงบนิ่งไม่ตื่นตระหนก ตอนนี้เห็นท่าทางเครียดและกระวนกระวายของเขา เธอก็รู้สึกสติในใจแตกสลายเป็นชิ้นๆ ทันที
“กรี๊ด! ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว! บุริศร์”
นรมนเจ็บจนกรีดร้อง บุริศร์รีบเข้ามา แต่ถูกนรมนคว้าผมเอาไส้ ใบหน้าบุริศร์บ่งบอกความรู้สึกทุกอย่างทันที แต่เขาไม่กล้าขยับ
“ภรรยา ภรรยาตะโกนเถอะ ตราบใดที่คุณบรรเทาความเจ็บปวดได้ก็พอแล้ว”
นรมนดูต่อไปไม่ลงแล้วจริงๆ
ชัญญาคือคนแรกสุดที่เข้ามา
“นี่จะคลอดแล้วเหรอ?”
“ครับ คุณน้าชัญญา ทำยังไงดี? ตอนนี้ผมทำอะไรได้บ้าง?”
บุริศร์ตกตะลึงพรึงเพริดอย่างแท้จริง
เขาไม่รู้มาก่อนว่าผู้หญิงคลอดลูกจะเป็นแบบนี้ ไม่กี่วันนี้ที่ได้อยู่เป็นเพื่อนทำให้เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่าผู้หญิงคลอดลูกมันไม่ง่ายเลย จึงยิ่งหวงแหนนรมนอย่างช่วยไม่ได้ แต่การคลอดที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดนี้ทำให้เขาควบคุมไม่ได้จริงๆ อ่า
ชัญญาเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของบุริศร์ซีดเซียวหมดแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะขำก่อนพูดขึ้น “นายไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น อยู่เป็นเพื่อนนรมนก็พอ”
“ช่างเถอะ ให้เขาอยู่คนเดียวดีกว่า ฉันกลัวว่าฉันยังไม่ทันคลอดเขาก็เป็นลมไปก่อน”
นรมนหายใจหอบขณะพูดขึ้น รู้สึกว่ามันเจ็บปวดรุนแรงมาก รุนแรงมากกว่าตอนคลอดพวกกานต์เยอะเลย
“เด็กคนนี้อยากออกมามากหรือไง? ฉันรู้สึกว่าวินาทีต่อมาก็คลอดได้แล้ว เด็กเริ่มลงมาแล้ว”
นรมนเจ็บจนทั้งร่างเหงื่อออก
บุริศร์เห็นนรมนเจ็บจนเป็นแบบนี้ ตัวเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะไป จึงหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
“ทำยังไงถึงทำให้เธอไม่เจ็บได้?”
“ประธานบุริศร์ เวลาแบบนี้ผู้หญิงจะเจ็บกันหมด ความลำบากในการคลอดลูกไม่มีทางบรรเทาได้ ความเจ็บในการคลอดลูกเจ็บเท่ากับซี่โครงหักพร้อมกันสิบซี่ แต่ผู้หญิงก็อดทน ผู้หญิงเสี่ยงชีวิตมีลูกให้พวกผู้ชายอย่างคุณ”
คำพูดชัญญาทำให้ดวงตาบุริศร์ค่อนข้างแดง จมูกก็แสบขึ้นมา
“ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว ตอนแรกไม่ให้……”
“หุบปาก!”
นรมนรู้ว่าบุริศร์จะพูดว่าถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว ตอนแรกไม่ควรมีลูกคนนี้เลย แต่ลูกจะคลอดออกมาแล้ว เขาในฐานะแด๊ดดี้ยังจะพูดแบบนี้ ถ้าลูกได้ยินจะทำอย่างไร?
บุริศร์ถูกนรมนตะคอกด้วยเสียงเย็นชาจนตกใจไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบหุบปาก แต่ยังคงเป็นห่วงมาก
“รีบเอาคนท้องขึ้นรถ เราจะไปโรงพยาบาลกัน”
เสียงคุ้นเคยดังขึ้น บุริศร์และนรมนล้วนตกตะลึง ก็เห็นโพนี่ผลักประตูห้องเดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง? ยังรู้สึกโอเคไหม?”
นรมนไม่เจอโพนี่มาเกือบ เห็นเธอในขณะนี้ไม่ต้องบอกเลยว่าตื่นเต้นมากแค่ไหน
“ไม่ค่อยดี ฉันรู้สึกว่าเด็กเริ่มลงมาแล้ว”
ถึงนรมนจะตื่นเต้น แต่ก็เจ็บ เจ็บจนเธอจะร้องไห้แล้ว
โพนี่จับมือเธอไว้แน่น พูดขึ้นเสียงทุ้ม “อย่าเครียด ฉันมาทำคลอดให้เธอแล้ว”
“จริงเหรอ?”
นรมนค่อนข้างประหลาดใจ อย่างไรแล้วตอนนี้เธอกับบุริศร์ยังอยู่ในช่วงกักตัวตรวจสอบ เดิมทีแล้วนึกว่าจะคลอดลูกที่นี่ ไม่คิดว่าโพนี่จะมา ไม่ใช่แค่นี้ ด้านหลังยังมีพยาบาลมากมาย
โพนี่รีบตรวจให้นรมน แล้วพูดขึ้น “เปิดแล้วสองนิ้ว ครรภ์ที่สองจะคลอดค่อนข้างเร็ว ดูท่าทางแล้ว เดาว่าอีกไม่นานจะคลอด ครรภ์แรกของนรมนเป็นการผ่าตัดคลอด และร่างกายเป็นรอยแผลเป็น ตามหลักการครรภ์แรกควรผ่าตัดคลอด แต่ตอนนี้ดูสถานการณ์แล้วเด็กอยากคลอดออกมาเอง ดังนั้นฉันอยากให้บุริศร์ไปโรงพยาบาลกับเราด้วย ถ้าเป็นไปได้ ให้เขาคลอดเป็นเพื่อน”
โพนี่พูดอย่างรวดเร็ว ทางด้านชัญญาเริ่มรายงานทันที
บุริศร์จับมือนรมนตลอดเวลา รู้สึกถึงความเปียกชื้นบนฝ่ามือเธอ เห็นภรรยาเจ็บปวดโดยที่ช่วยอะไรไม่ได้และหมดหนทางไม่สามารถแทนที่ได้มันทำให้เขากังวลมาก
โพนี่คือผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหาร ตอนนี้ทำคลอดให้นรมนก็ไม่ผิดนัก และทางด้านคริชณะก็รู้สถานการณ์นี้ ก็แจ้งธรรศทันที ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและคุณท่านตระกูลพรโสภณรวมถึงคริชณะก็ร่วมกันรายงานข้อเสนอแนะ
คุณท่านขวัญชัยขมวดคิ้วไม่พูดอะไร
ธเนศพลผลักประตูเดินเข้ามาทันที
“เข้ามาไม่รู้จักเคาะประตูเหรอ? ตอนนี้ไม่มีกฎระเบียบอะไรแล้ว?”
ดวงตาคุณท่านขวัญชัยมีความเข้มงวดเคลื่อนผ่านไป
ธเนศพลกลับมองเขาอย่างเกียจคร้าน พูดขึ้นเรียบๆ “เซ็นชื่อเถอะ คลอดลูกเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากนี้ตระกูลโตเล็ก ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาและตระกูลพรโสภณทุ่มเทไปมาก คุณตั้งใจจะทำให้พวกเขาผิดหวังเหรอ?”
“พูดอะไรไร้สาระ! ความเป็นความตายของจณัตว์ยังไม่แน่ชัดเลย นายไม่รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้เหรอ?”
คุณท่านขวัญชัยขึ้นเสียงทันที
ธเนศพลกลับพูดขึ้นอย่างเงียบสงบ “จะเป็นจะตายมันสำคัญขนาดนั้นไหม? จะเป็นหรือจะตาย คุณคิดว่าคนในตระกูลทวีทรัพย์ธาดาจะทำอะไรกับเรา? ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาทหารผ่านศึกตายในสนามรบ ตระกูลทวีทรัพย์ธาดาลูกชายสี่คนตายไปสอง ความโดดเด่นของผลการรบของตระกูลพรโสภณ คุณท่านตนุวรเป็นคนทำยุทธการกี่ครั้ง? และตระกูลทวาทสิน คุณงามความดีพวกนี้ยังไม่พอแลกกับจณัตว์คนหนึ่งเหรอ?”
คำพูดนี้มันค่อนข้างรุนแรง
ดวงตาคุณท่านขวัญชัยเย็นชาขึ้นมาทันที
“อยู่ในตำแหน่งก็ต้องทำหน้าที่ จณัตว์เขา……”
“เขาตายไปแล้ว! ตายไปเกือบปีแล้ว! คุณกำลังค้นหาอะไรอยู่กันแน่? กำลังหวังอะไรล้มๆ แล้งๆ เหรอ? เพื่อคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง คุณจะหยุดไม่ให้นรมนคลอดลูกเหรอ? นรมนสุขภาพไม่ดี ตอนนั้นที่คลอดพวกกานต์ก็ทิ้งโรคเรื้อรังไว้
จริงๆ แล้วไม่เหมาะที่จะท้องและคลอดลูก อีกอย่างผมได้ยินป้องบอกว่า ร่างกายนรมนมีรอยแผลเป็น การคลอดธรรมชาติจะเสี่ยงชีวิต คุณต้องคิดให้ดี ถ้านรมนเกิดอุบัติเหตุอะไร ตระกูลโตเล็ก ตระกูลทวีทรัพย์ธาดา ตระกูลพรโสภณและตระกูลทวาทสิน อาจจะรวมถึงตระกูลพรรณโรจน์ด้วย และอิทธิพลเบื้องหลังอรรณพจะทำยังไง”
คำพูดของธเนศพลทำให้คุณท่านขวัญชัยอึดอัดมาก
“นี่นายกำลังขู่ฉันเหรอ? หรือนี่สิ่งที่พวกมันต้องการ?”
“ความหมายของผมเอง ตำแหน่งของคุณต้องส่งให้ผมไม่ช้าก็เร็ว ผมไม่อยากให้คุณทำให้ผมยุ่งยาก เดิมทีแล้วคนพวกนี้คือผู้ช่วยของผม แต่ตอนนี้ถ้าการตัดสินใจของคุณทำให้พวกเขากลายเป็นศัตรูและตัวขัดขวางผม ผมว่ามันไม่เป็นเรื่องดีสำหรับผม”
ธเนศพลพูดอย่างเย็นชา ไม่ปิดบังความทะเยอทะยานของตัวเองที่มีต่อตำแหน่งนั้นเลยสักนิด
คุณท่านขวัญชัยตกตะลึงเล็กน้อย ดวงตาเป็นคลื่นเล็กน้อยทันที
“นายแน่ใจขนาดนั้นเชียวว่าตำแหน่งนี้ฉันจะส่งต่อให้นาย? ประเทศเราไม่ได้สืบทอดทางกรรมพันธุ์ นายหยิ่งเกินไปแล้ว”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง แต่คุณปฏิเสธไม่ได้ มีตัวช่วยพวกนี้ โอกาสที่ผมจะชนะมันก็มาก”
คำพูดของธเนศพลทำให้คุณท่านขวัญชัยกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ในเวลานี้ชัญญาก็โทรศัพท์เข้ามาอีกครั้ง
“พี่ ถ้าไม่มีบุริศร์และนรมน ฉันอาจจะตายไปตั้งนานแล้ว บางทีความเป็นความตายของฉันอาจจะไม่มีผลกระทบอะไรและไม่มีค่ามากพอในการเอ่ยถึงต่อตระกูลธนเกียรติโกศล แต่ฉันหวังว่าพี่จะเห็นแก่ที่เราเป็นพี่น้องร่วมท้องกัน ให้ฉันคืนน้ำใจนี้ได้ไหม?”
น้องสาวของตัวเองพูดแบบนี้แล้ว คุณท่านขวัญชัยก็พยักหน้าในที่สุด
“ก็ได้ ส่งไปโรงพยาบาลคลอดลูก แล้วก็ยกเลิกการกักตัวตรวจสอบพวกเขาด้วย เรื่องจณัตว์ให้มันจบลงตรงนี้ แต่เธอก็ต้องส่งคนไปตรวจสอบลับๆ ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ สมัครเป็นคนสนิทได้ก็จะดีที่สุด”
“รู้แล้ว”
ธเนศพลพูดจบก็เดินออกไป ด้านหลังก็ชุ่มเหงื่อมาก
นี่คือการพนันหนึ่ง เอาอนาคตและอาชีพตัวเองมาพนัน โชคดีที่เขาชนะ
ธเนศพลรีบโทรหาชัญญา
“คุณน้า ผมไม่สะดวกที่จะไป คุณดูแลพวกเขาให้ดีแทนผมที มีเรื่องอะไรโทรหาผมได้ทุกเมื่อ”
“ได้”
หลังจากชัญญาวางสายไป ทางด้านนรมนก็เจ็บปวดเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โพนี่ร้อนใจจนเหงื่อแตกหมดแล้ว
“การกักตัวตรวจสอบของพวกคุณสิ้นสุดลงแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกคุณเป็นอิสระ”
เมื่อชัญญาพูดประโยคนี้ นรมนก็ร้องไห้ทันที
“จบแล้ว ในที่สุดก็จบแล้ว”
บุริศร์แค่เป็นห่วงร่างกายนรมน
“ตอนนี้ไปโรงพยาบาลได้หรือยัง? เร็วหน่อย ภรรยาฉันจะทนไม่ไหวแล้ว”
โพนี่รีบให้คนหาเปลมา แล้วส่งนรมนขึ้นรถพยาบาลไป
บุริศร์จับมือนรมน ได้ยินเธอตะโกนจนแทบขาดใจ ทั้งร่างเครียดจนจะเป็นลม
โพนี่ปลอบอารมณ์นรมนอยู่ตลอดเวลา
หลังจากคนกลุ่มหนึ่งมาถึงโรงพยาบาลทหาร ถูกโพนี่ผลักเข้าไปในห้องคลอดทันที
นรมนอยากให้บุริศร์อยู่ด้านนอก แต่บุริศร์ยืนหยัดจะคลอดเป็นเพื่อน โพนี่ก็ไม่ได้ห้าม
เดิมทีแล้วนรมนตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ความเจ็บปวดระลอกใหม่ทำให้เธอเอ่ยปากไม่ออกอีกต่อไป
“เร็ว รีบเตรียม คนท้องอาจจะใกล้คลอดแล้ว”
โพนี่ตรวจให้นรมน พบว่าภายในเวลาสั้นๆ นรมนก็เปิดแล้วหกนิ้ว ร่างเด็กก็ลงไปอุ้งเชิงกรานแล้ว
เธอรีบสวมถุงมือปลอดเชื้อช่วยนรมนออกแรง แต่เหมือนเด็กจะติดอยู่ในกระดูกเชิงกราน สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย
นรมนเจ็บจนอยากเป็นลมตายแล้ว สีหน้ายิ่งซีดเซียวน่ากลัว
บุริศร์ตกตะลึงพรึงเพริดทันที
ถึงแม้จะเผชิญกับสัญญาร้อยล้านเขาก็ไม่เคยประหม่าแบบในวันนี้มาก่อน
“โพนี่ เป็นยังไงบ้าง? นรมนดูไม่ค่อยดีเลยอ่า”
โพนี่เห็นนรมนมีสภาพแบบนี้ ตอนนี้จะขยับมีดมันก็ไม่ทันแล้ว เธอครุ่นคิดสักพัก แล้วพูดกับนรมน “นรมน ฉันต้องใช้มือเข้าไปช่วยเธอ เธอทนได้ไหม?”
นรมนตกตะลึงเล็กน้อย
“หมายความว่าไง?”
ใช่แบบนั้นที่เธอคิดหรือเปล่า?
ฉิบหาย!
ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?
ขณะที่นรมนตะลึง โพนี่ก็ยื่นมือเข้าไปใต้ล่างโดยตรง ดวงตาบุริศร์เบิกกว้างทันที ทั้งร่างราวกับโดนเตะผ่าหมาก ลืมแม้กระทั่งหายใจ