เมื่อนรมนถูกขวัญตาผลักลงไป เธอก็ทำท่าป้องกันตัวเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อเธอมีตั้งหลักได้ รถของขวัญตาก็ขับไปเสียแล้ว
เมื่อมองไปที่ปืนพกขนาดเล็กในมือ นรมนรู้สึกกังวลมาก
สิ่งนี้ขวัญตาควรใช้เพื่อป้องกันตัว?
ตอนนี้เอาปืนมาให้เธอ เธอจะทำยังไง?
คนที่ขับรถเบนท์ลีย์เป็นใครกันแน่เธอยังไม่รู้ แต่ในเวลานี้ถ้าหากว่าขวัญตาถูกจับได้ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
นรมนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น เธอรีบเข้าไปในโบสถ์อย่างรวดเร็ว และโทรหาบุริศร์ทันที
“บุริศร์ เรื่องด่วน”
บุริศร์กลับมาพอดีแต่ไม่เจอนรมน เมื่อได้ยินคนขับรถบอกว่าเธอวิ่งออกไป เขาก็กังวลเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเสียงปืน เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับนรมน จึงรีบวิ่งไปที่ที่มีเสียงปืนดังมา แต่ในเวลานี้นรมนกลับได้รับโทรศัพท์จากนรมน
“นรมน? ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แต่เกิดเรื่องขึ้นกับพี่สะใภ้ ฉันเห็นขวัญตา มีคนขับเบนท์ลีย์ไล่ตามเธอ ทะเบียนรถคือXXXXXX คุณช่วยรีบหยุดรถคันนั้นหน่อย”
นรมนอยู่ตามลำพังในประเทศY และไม่รู้จักใครเลย แต่บุริศร์รู้จัก
นี่ไม่ใช่อาณาบริเวณของอรรณพหรือ?
ตอนนี้เพียงสามารถใช้สอยความสัมพันธ์ที่มีกับอรรณพมาสกัดอีกฝ่ายได้
เมื่อบุริศร์ได้ยินคำว่าขวัญตาก็รู้เลยว่าทำไมนรมนถึงวิ่งออกไปโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ดีที่นรมนยังจำทะเบียนรถของอีกฝ่ายได้
“โอเค ผมจะทำ คุณอยู่ที่ไหน? ผมจะไปหา”
นรมนส่งโลเคชั่นให้บุริศร์
บุริศร์รีบต่อสายหาอรรณพทันที
“นายมีเรื่องอะไรอีก? ทุกวันนี้ฉันไม่มีอะไรทำ จนต้องคอยบริการนายโดยเฉพาะเลยใช่ไหม?”
แต่ละเช้าอรรณพยุ่งจนหัวหมุน ตอนนี้เมื่อเห็นเบอร์ของบุริศร์ เขาโกรธมากจนแทบอยากจะโยนโทรศัพท์ทิ้ง
บุริศร์ไม่มีเวลาที่จะทะเลาะกับเขา จึงรีบพูดอย่างเร็ว “รีบช่วยฉันหยุดรถคันนี้ ป้ายทะเบียนXXXXX ตอนนี้ฉันอยู่ที่ถนนอินทา”
“โอเค”
น้ำเสียงของบุริศร์รีบร้อนมาก อรรณพรู้ว่าเขาไม่หยุดรถคันนั้นโดยไม่มีสาเหตุ เกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่
ทางฝั่งอรรณพจึงรีบออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว และบุริศร์ก็มาถึงตำแหน่งที่นรมนอยู่
“นรมน”
“อยู่นี่ค่ะ”
นรมนออกมาจากโบสถ์ หัวเข่าของเธอบาดเจ็บเล็กน้อย และยังมีคราบเลือดบนแขนอีกด้วย ซึ่งทำให้บุริศร์ที่มองมาขมวดคิ้วมุ่น
“ต้องการหารถครับ”
บุริศร์รีบซื้อรถกับคนระแวกใกล้เคียง เพื่อรับประกันถึงคุณภาพ เขาเลือกรถBMW มันก็พอถูไถใช้ไปได้
เพราะว่าขายได้ราคาสูงกว่าราคาตลาดถึง10,000หยวน คนขายจึงขายให้เขาอย่างเบิกบานใจ
บุริศร์ไปที่ร้านขายยาบริเวณใกล้เคียงเพื่อซื้อเหล้าสมุนไพรให้นรมน
นรมนไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย และพูดขึ้นอย่างร้อนรน “เราเสียเวลาอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว ขวัญตาให้ฉันไปช่วยพี่ชาย นี่คือที่อยู่”
นรมนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ถึงกระดาษที่ขวัญได้ให้ไว้
บุริศร์รับกระดาษแผ่นนั้นมา ก่อนพูดเสียงต่ำ “ถึงแม้ต้องการช่วยชีวิต แต่คุณก็ต้องจัดการแผลของตัวเองให้ดีก่อน ไม่อย่างนั้นจะติดเชื้อ ย่าคนก็ไม่ได้ช่วยได้ กลับนำตัวเองพ่วงเข้าไปด้วย”
“แต่… …”
“ผมรู้ว่าคุณรีบที่จะช่วย และผมก็รู้ด้วยว่าตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายมาก แต่ว่านะ นรมน ผมเป็นห่วงคุณมากกว่า คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหน จนกว่าคุณจะทำแผลให้ดี”
บุริศร์โกรธเล็กน้อย น้ำเสียงเลยไม่ดีนิดหน่อย แต่นรมนกลับไม่รู้สึกอะไร
ผู้ชายคนนี้ก็เป็นแบบนี้
เธอมองดูบุริศร์ที่ปลดกระดุมแขนเสื้อและคอเสื้ออย่างรีบร้อน หยดเหงื่อที่ไหลออกมาจากข้างในทำให้บุริศร์กังวล
จู่ๆนรมนก็พูดเสียงต่ำว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ดูแลตัวเองนะคะ เมื่อตอนที่เห็นขวัญตาเอาปืนที่คุณให้ฉันพกมาด้วย ใครจะไปคิดว่าเธอจะให้ปืนนี่กับฉัน นี่อาจเป็นของที่เธอไว้ใช้ป้องกันตัวในท้ายสุด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับพวกเขากันแน่ เราไม่รู้ ดังนั้นฉันเลย… …”
“ผมเข้าใจ ผมไม่โทษคุณ แค่ปวดใจเมื่อคุณบาดเจ็บ”
บุริศร์ถอนหายใจ ก่อนจะจัดการบาดแผลของนรมนจนเสร็จ แล้วค่อยขับรถไปยังที่อยู่ที่ได้รับจากนรมน
แต่เมื่อขับรถไปตามทางเรื่อยๆ นรมนกับบุริศร์ต่างพากันเงียบไม่พูดจา
นี่คือเส้นทางไปบ้านของเบิร์ด
อ้อมไปอ้อมมา หรือว่ามันจะไปถึงที่เดียวกันนะ?
ในที่สุดรถก็จอดที่ซอยหลังบ้านของเบิร์ด
นรมนและบุริศร์มองหน้ากัน ในตอนนี้เองที่อรรณพโทรมาหา
“รถหยุดลงแล้ว คนข้างในหนีไป แล้วยังทำให้ตำรวจสองคนของฉันบาดเจ็บด้วย แต่ได้ตรวจสอบเจ้าของรถอีกครั้งแล้ว เป็นใครกันแน่?”
บุริศร์ไม่สามารถอธิบายให้แก่อรรณพมากไปได้ จึงได้เพียงพูดว่า “กลับไปฉันจะอธิบายให้นายฟัง นายช่วยฉันหาคนก่อน ฉันจะส่งรูปให้นาย นายลองดูว่าจะสามารถหาคนนี้ได้ไหม”
บุริศร์พูดพลางส่งรูปขวัญตาให้อรรณพ
ทางด้านอรรณพรีบไปค้นหา ขณะที่บุริศร์และนรมนก็ลงจากรถ
เบิร์ดและครอบครัวถูกอรรณพควบคุม ขณะนี้พวกเขาอยู่ที่บ้าน และในตรอกซอกซอยด้านหลัง นรมนได้ยินเสียงพูดไปด่าไปของเบิร์ด รวมไปถึงเสียงปลอบโยนเบิร์ดของคุณนายสุนันท์
เดิมทีคิดว่าไปเที่ยวให้จบดีก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขปัญหาของเบิร์ด ตามคำสั่งของธเนศพล ไม่คิดเลยว่าจะมาพบขวัญตาบนถนน คาดไม่ถึงว่ามันจะอยู่ใกล้กันกับที่ของเจตต์เช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกลิขิตมาให้ไม่สามารถจบทริปนี้ได้
นรมนถอนหายใจ บุริศร์คว้าแขนเธอไว้ ก่อนพูดเสียงต่ำ “ที่นี่ไม่มีเสียงฝีเท้า ผมสงสัยว่าเรามาช้าไป”
“ไม่หรอก? เข้าไปดูสิ”
“โอเค”
บุริศร์และนรมนเข้าไปในบ้านทีละคน
เนื่องจากที่นี่คือย่านชุมชนแออัด ดังนั้นบ้านทุกหลังต่างก็เป็นบ้านชั้นเดียว ประตูใหญ่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าใด ตอนนี้ประตูใหญ่ถูกปิดเอาไว้ ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ด้านในจะเป็นยังไงบ้าง
บุริศร์ดึงนรมนไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะผลักประตูเปิดเบาๆ ข้างในเงียบสงัด และทำให้คนเครียดเขม็งไปด้วย
เพื่อป้องกันเผื่อในกรณีฉุกเฉิน เธอใส่กระสุนปืน พร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ
ที่ลานบ้านมีถุงพลาสติกและกล่องเดลิเวอรี่เยอะมาก และจำนวนก็ไม่ใช่น้อยๆ ดูท่าว่าคงไม่ใช่คนเยอะ แต่เป็นเพราะมีคนอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน
ดวงตาของนรมนจมลงเล็กน้อย
ระยะห่างที่เจตต์โทรมาครั้งสุดท้ายก็ผ่านไปนานแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าครั้งก่อนที่เจตต์โทรมาก็ถูกควบคุมไว้แล้ว?
ในเวลานั้นเขาถูกขังอยู่ที่นี่ตลอดมา?
แต่เกิดอะไรขึ้นกับขวัญตา?
แต่ละคำถามผุดขึ้นในใจของนรมน แต่กลับไม่พบเบาะแสที่เป็นรูปธรรม
ดวงตาของบุริศร์หรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะจูงมือนรมนเดินอ้อมพวกกล่องเดลิเวอรี่เหล่านั้นไป ก่อนจะเดินเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ
ประตูด้านในก็ยังปิดอยู่
หลังจากที่บุริศร์ผลักประตูเข้าไป นรมนก็รีบยกปืนขึ้นเสมอลำตัวเข้าไปด้วย แต่ว่าข้างในกลับไม่มีใครสักคน
ที่นี่คือห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่ง มีประตูอยู่สองสามบานตรงกลาง ว่างเปล่า ไม่มีของตกแต่งหรือเฟอร์นิเจอร์ ดูเหมือนที่นี่ไม่มีคนอาศัยอยู่นี่เป็นเวลานาน
นรมนไม่เจอใครเลยสักห้อง หัวใจของเธอหน่วงลงอย่างเร็ว
พวกเขามาช้าไปสินะ
บางทีตั้งแต่ตอนที่ขวัญตาหนีไปตอนนั้น ทีนี่ก็เตรียมย้ายถิ่นแล้ว เพียงแค่ไม่รู้ว่าพวกเขาเอาคนไปไว้ที่ไหน
ตรงกันข้ามกับอารมณ์ของนรมนที่ซึมเศร้า บุริศร์มาถึงห้องที่กว้างกว่าด้านนอก พบคราบเลือดบางส่วนที่นี่ ถึงแม้ว่ามันจะคล้ำไปแล้ว ราวกับแห้งไป แต่รอยเลือดก็มีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจตต์อาจจะได้รับบาดเจ็บ
อิงตามฝีไม้ลายมือของเจตต์แล้วมีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่สามารถทำร้ายเขาได้ และเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อส่งข้อความถึงตัวเองเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่วันเวลาเหล่านี้พวกเขายังไม่ได้รับข้อความจากเขาเลยสักนิด หรือว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมากขนาดนั้นเลย?
หรือจะเกิดเรื่องขึ้นกับเจตต์
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ บุริศร์ก็มองไปทางนรมนโดยไม่รู้ตัว ด้วยกลัวว่านรมนหลังจากเห็นมันจะคิดมาก เขาจึงรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เราลองไปถามเบิร์ดเถอะ ที่นี่ห่างจากบ้านเขาไม่ไกล บางทีเขาอาจจะรู้ข่าวเกี่ยวกับครอบครัวนี้”
นรมนพยักหน้า ก่อนจะตามบุริศร์ออกจากบ้านไป แต่ก็ยังมีร่องรอยความกังวลในสายตา
รอยคราบเลือดแห้งกรังนั่นเธอเห็นแล้ว เหตุผลที่เธอไม่พูดอะไรก็เพราะว่าเธอเห็นความกังวลของบุริศร์ แต่สิ่งที่บุริศร์คิดได้ นรมนก็คิดได้เช่นกัน
เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าบ้านของเบิร์ด อีกฝ่ายก็ขวางพวกเขาไว้แล้ว
เมื่อบุริศร์หยิบเอาแหวนสวมนิ้วโป้งออกมา อีกฝ่ายพลันทำความเคารพเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณชายบุริศร์ ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณครับ”
“ฉันอยากเข้าไป ดูที่นี่ให้ดี ห้ามใครเข้ามา”
บุริศร์พูดอย่างเย็นชา
“ครับ”
นรมนเดินตามบุริศร์เข้าไปข้างใน และถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “คุณไปเอาแหวนสวมนิ้วโป้งมาจากไหน?”
“อรรณพให้ ก่อนที่เขาจะกลับประเทศเขาให้พวกสามคนที่เหลือคนละวงด้วย แต่ละคนได้คนละสีไม่เหมือนกัน บอกว่าถ้าในอนาคตมีเรื่องในประเทศY ก็สามารถใช้แหวนสวมนิ้วโป้งวงนี้ได้ เทียบเท่ากับการให้เรายืมอำนาจของเขา”
บุริศร์ไม่ได้ปิดบังนรมน ถึงแม้เรื่องนี้จะเป็นความลับของสี่พี่น้อง แต่นรมนเป็นภรรยาของเขา ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถให้เธอรู้ได้
นรมนอิจฉาเล็กน้อย
ความสัมพันธ์ระหว่างคนสี่คนนี้ลึกซึ้งมาก แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณอำนาจของอรรณพ
ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้าน แต่เมื่อเห็นครอบครัวธีรกุลภักดีถูกขังอยู่ในห้องเดียวกันเหมือนหมู แน่นขนัดเสียจนยากที่จะลงฝีเท้า และเมื่อเบิร์ดเห็นบุริศร์เขาก็โกรธขึ้นมาทันใด
“ฉันรู้ว่าเป็นแก! น่ารังเกียจ! แกพาน้ำและไอ้สัตว์เดียรัจฉานนั่นไปที่ไหนแล้วละ? แถมแกยังขังคนในครอบครัวฉันไว้ แกเป็นใครกันแน่? คิดจะทำอะไรวะ?”
ดวงตาของบุริศร์หม่นลง ก่อนจะใช้เท้าถีบไปที่ไหล่ของเบิร์ด
ร่างกายของเบิร์ดไม่ค่อยจะดีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เมื่อถูกบุริศร์ถีบเช่นนี้ จึงกระเด็นถอยหลังไปสองสามก้าว กระทบเข้ากับกำแพงทันที เขาสุดแสนจะเจ็บปวด
เมื่อคุณนายสุนันท์เห็นลูกชายตัวเองได้รับบาดเจ็บอีก เธอก็อดไม่ได้ที่จะก้าวออกมาข้างหน้าทำตัวไร้ยางอาย
“แกกล้าตีลูกชายฉันเหรอ? มาดูกันเร็ว ฆ่ากันแล้ว! นางน้ำหญิงชู้ที่ชอบมั่วผู้ชายคนนั้นจะมาฆ่าครอบครัวเราทั้งบ้านแล้ว”
เธอตะโกนร้องด้วยเสียงอันดังหลายเดซิเบล ทันใดนั้นมุมปากของนรมนก็กระตุกลงโดยควบคุมไม่ได้
นี่มันเหมือนคนบ้านนอกในละคนที่ไม่มีมารยาทเลยนี่?
แต่คุณนายสุนันท์คนนี้ดูเหมือนจะเป็นสตรีสูงศักดิ์ของตระกูลใหญ่ ตอนนี้เหมือนเป็นหญิงที่ดุร้ายเอะอะกลิ้งไปตามพื้น มันดีจริงไหม?
บุริศร์รับไม่ไหวเล็กน้อย เขาจัดการกับคนแบบนี้อย่างเรียบง่ายตรงไปตรงมาเสมอ
“ใครก็ได้ มัดให้ฉันหน่อย หาอะไรมาอุดปากเธอไว้ด้วย ถ้าให้ฉันได้ยินเสียงของเธออีกพยางค์เดียวละก็ ฉันจะแทงเบิร์ดทั้งเป็น”