คมทิพย์ถีบประตูห้องของชญตว์เปิดออก จึงเห็นว่ามีหลายๆคนอยู่ในห้องของชญตว์พอดี เหมือนกำลังประชุมอะไรสักอย่าง ตอนที่เห็นคมทิพย์เข้ามา ใบหน้าของแต่ละคนก็พากันงงงัน
“เกิดอะไรขึ้น? มีธุระเหรอ?”
ชญตว์กลับไม่ได้รู้สึกอะไร อันที่จริงท่าทีป่าเถื่อนกว่านี้ของคมทิพย์ก็เคยเจอมาแล้ว
คมทิพย์พยายามควบคุมความโมโห เก็บมีดปอกผลไม้ขึ้นมา มองชญตว์อย่างเย็นชา ถามขึ้น: “เมื่อคืนคุณทำอะไร?”
“เมื่อคืนท่านประธานชญตว์ศึกษาประสิทธิภาพของยาอยู่ที่นี่กับพวกเราตลอดน่ะสิครับ”
ผู้ชายคนหนึ่งในนั้นตอบออกมาแทนชญตว์ ทั้งยังกระซิบกระซาบมองชญตว์กับคมทิพย์อีกด้วย
คมทิพย์เป็นดารา แล้วยังเป็นที่ชื่นชอบมากๆ จู่ๆตอนนี้ก็ถือมีดปอกผลไม้เข้ามาในห้องของชญตว์ทำให้ทุกคนไม่เข้าใจจริงๆ
“อยู่ตลอดงั้นเหรอ?”
คมทิพย์อดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย
ชญตว์ถึงพอมองออกว่าเธอแปลกๆไป
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม? พวกนายรอฉันครู่หนึ่ง ไป เราออกไปคุยกันข้างนอก”
ชญตว์ลุกขึ้นเดินผ่านร่างของคมทิพย์ไป
บนร่างของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่ ทำให้รู้สึกแสบจมูกเล็กน้อย
คมทิพย์จึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“ทำไมคุณสูบบุหรี่จัดขนาดนี้?”
“ขอร้องล่ะคุณผู้หญิง ผมอดนอนมาทั้งคืน ไม่สูบบุหรี่ผมจะทำอะไรได้ล่ะ?”
นี่คมทิพย์ถึงได้เห็นเส้นเลือดในดวงตาของชญตว์เห็นรอยช้ำที่หางตาอย่างชัดเจน จึงนึกถึงคำพูดของผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง เธอขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
ไม่ใช่ชญตว์!
เมื่อคืนกลิ่นตัวของคนๆนั้นสดชื่นมาก ค่อนข้างเหมือนกลิ่นครีมอาบน้ำที่พฤกษ์ใช้ประจำ
เมื่อรู้สึกว่าตนเองคิดถึงพฤกษ์อีกแล้ว หัวใจของคมทิพย์ก็ยิ่งเจ็บปวด
“ฉันขอดูกล้องวงจรปิดหน่อยได้ไหม?”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม? อยากให้ผมช่วยอะไรไหม?”
สำหรับความกระตือรือร้นของชญตว์ คมทิพย์ปฏิเสธไปในทันที
“ไม่เป็นไร”
“เดี๋ยวผมจะแจ้งแผนกรักษาความปลอดภัยให้ คุณไปเถอะ”
“ขอบคุณนะ”
คมทิพย์หมุนตัวเดินออกไป ถือโอกาสทิ้งมีดปอกผลไม้ในมือไปด้วย
ชญตว์รู้สึกแปลกๆนิดหน่อย แต่พอนึกถึงปัญหาการวิจัยเมื่อคืน จึงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว ฝืนตัวเองให้ตื่นตัวเล็กน้อย แล้วกลับห้องไปทำงานต่อ
คมทิพย์ไปที่แผนกรักษาความปลอดภัย ดูกล้องวงจรปิดแล้ว แต่กลับไม่เจออะไรเลย วิดีโอช่วงนั้นโดนคนลบทิ้งไป
เหมือนหัวใจของเธอมีอะไรอุดอยู่ ทรมานเหลือเกิน
เธอไม่เพียงไปมีอะไรกับคนอื่น แต่อีกฝ่ายเป็นใครเธอก็ยังไม่รู้เลย!
น่าขยะแขยงจริงๆ!
คมทิพย์รอต่อไปไม่ไหวแล้ว หลังจากกลับบ้านเธอก็ขังตนเองอยู่ในห้องน้ำ แทบจะขัดตนเองจนผิวถลอกออกมาอยู่แล้ว
ส่วนอีกด้านหนึ่งหลังจากที่ชญตว์รู้ว่าเธอกลับไปแล้วจึงมาสอบถามว่าเธอหาอะไร หลังจากได้ยินว่าวิดีโอช่วงนั้นมีคนลบทิ้งไป ชญตว์จึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี รีบหาคนมากู้คืน แต่กลับไม่สำเร็จ
นรมนกับบุริศร์อยู่ที่โรงงานรถยนต์มาทั้งวันแล้ว เดิมทีคิดว่าจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกัน แต่บุริศร์ กลับได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง สีหน้ายากจะคาดเดา
“เป็นอะไรไป? มีเรื่องอะไรเหรอ?”
“อืม มีเรื่องส่วนตัว ที่ต้องไปจัดการนิดหน่อยน่ะ”
บุริศร์มองนรมนอย่างรู้สึกผิด
นรมนพูดอย่างอ่อนโยน: “งั้นคุณไปเถอะ ฉันไปกินข้าวเองได้ จะได้ถือโอกาสไปดูคมทิพย์หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง เรื่องพฤกษ์นี่โจมตีเธออย่างแรงเลย”
“อื้ม”
บุริศร์มาส่งนรมนที่หน้าบ้านคมทิพย์แล้ว นรมนจึงให้เขากลับไป
หลังจากบุริศร์ขับรถมาถึงคลับเฮาส์ที่ลับตาคนแห่งหนึ่งถึงได้จอดรถ ตอนที่อยู่หน้าทางเข้าก็หยิบบัตรใบหนึ่งออกมา อีกฝ่ายจึงต้อนรับเขาเข้ามาด้วยความนอบน้อม
เขาเดินมาถึงห้องสุดท้ายทันที แล้วเคาะประตูเข้าไป
ตอนที่เห็นคริชณะกับป้อง บุริศร์ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่ แค่นั่งลงไปตามใจ รินน้ำให้ตนเอง แล้วพูดนิ่งๆ: “ลมอะไรพัดนายสองคนมาอยู่ที่นี่ได้?”
“มาเยี่ยมนายไง”
ป้องยังคงกะล่อนเหมือนเดิม มองออกเลยว่าไม่ได้รับผลกระทบจากที่ขวัญชนกโดนข่มเหง
บุริศร์ค้อนขวับใส่เขา แล้วมองไปทางคริชณะ
“พี่คริชณะ ที่ด้านนี้มีภารกิจงั้นเหรอ?”
“มารับใครบางคนที่นี่น่ะ รับแล้วก็จะกลับเลย”
บุริศร์ชะงักเล็กน้อย แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ใช่คนของเขตทหารแล้ว บางเรื่องไม่ควรถามก็อย่าถามดีกว่า จึงพูดขึ้น: “ผมอยู่ที่นี่สะดวกหรือเปล่า? ถ้าไม่สะดวกผมจะออกไปก่อน”
“คนๆนี้นายก็รู้จัก”
ป้องเห็นบุริศร์รักษากฎระเบียบอย่างนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่
พวกเขาเคยเป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุด เป็นเพื่อนร่วมสนามรบที่สามารถระวังหลังให้อีกฝ่ายได้ แต่ตอนนี้เพราะบางเรื่อง บุริศร์จึงถอนตัวออกไปจากพวกเขาแล้ว ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลย
“พี่รอง นายไม่คิดจะกลับมาจริงๆเหรอ?”
“ทรัพย์สินของฉันเริ่มย้ายไปที่ต่างประเทศแล้ว ต่อไปถ้ามีเวลาเหล่าเพื่อนๆทุกคนยังมารวมตัวกันได้”
บุริศร์กลับไม่แสดงความเห็น
มิตรภาพที่ลึกซึ้งคงไม่เปลี่ยนไปเพราะเวลาและระยะห่างหรอก แค่มีความผิดหวังบ้างก็เท่านั้น
คริชณะพยักหน้าพูดขึ้น: “เขาใกล้จะมาแล้ว งั้นถือโอกาสนี้รวมตัวก็แล้วกัน บางทีคราวหน้าที่จะได้เจอกันก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่”
“สรุปว่าเป็นใครกันแน่?”
บุริศร์ฟังจนอยากรู้ขึ้นมา
กำลังพูดๆอยู่ ประตูห้องก็โดนเปิดออก ตอนที่พฤกษ์ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา บุริศร์ชะงักเล็กน้อย แล้วก็เข้าใจในทันที แต่สีหน้ากลับค่อนข้างเคร่งขรึม
พฤกษ์ไม่แปลกใจเลยที่เจอบุริศร์ที่นี่ ตอนที่เห็นเขาจึงยืนตรงทำความเคารพ แล้วทักทาย “ประธานบุริศร์”
“คมทิพย์รู้ไหม?”
สายตาของบุริศร์จ้องไปที่พฤกษ์ ไม่พลาดความรู้สึกใดๆที่แสดงออกมาบนใบหน้าของเขาเลย
สีหน้าของพฤกษ์ค่อนข้างเป็นทุกข์ ค่อนข้างเสียใจ แต่มาพร้อมกับความแน่วแน่
“ช้าเร็วเธอก็ต้องรู้”
พูดถึงตรงนี้ บุริศร์ก็ไม่พูดอะไรแล้ว กลับเป็นคริชณะที่ค่อยๆพูดทั้งหมดออกมา
“เดิมทีพฤกษ์เป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยม ตอนแรกที่เขาขอปลดประจำการเบื้องบนก็รู้สึกเสียดายมาก นายสองคนละทิ้งอนาคตดีๆเพื่อผู้หญิง ในสายตาของหลายๆคนก็คือวีรบุรุษที่สูญเสียความมุ่งมั่นเพราะความรัก ดังนั้นตอนแรกที่ปล่อยพวกนายไป จึงไม่ได้ออกคำสั่ง เบื้องบนทิ้งทางหนีทีไล่ไว้ให้แล้ว แค่พวกนายอยากกลับมา เมื่อไหร่ก็ได้เสมอ ครั้งนี้ได้ยินว่าพฤกษ์เกิดเรื่อง คุณชายธเนศพลก็โทรหากองกำลังทหารว่าต้องการคนทันที วันนี้เช้าเขาจึงได้รับการปล่อยตัว ส่วนบุลินที่ด้านนั้นจะมีคนไปจัดการ แต่ทว่าพฤกษ์กำลังจะไปแล้ว เขาจะรีบไปต่างประเทศเพื่อทำภารกิจรักษาสันติภาพ ถึงยังไงก็ต้องฝึกฝนอยู่หลายปี ดังนั้นครั้งหน้าไม่รู้จริงๆว่าจะได้เจอกันเมื่อไหร่ แต่สำหรับพฤกษ์แล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดี ได้ยินว่าเขามอบธุรกิจให้แก่ภรรยาเก่าเขาแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ต้องแบกรับภาระของครอบครัว งานของเขาอาจจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ถึงตอนนั้นไม่แน่อาจจะสูงกว่านายก็ได้”
แต่บุริศร์กลับไม่พูดอะไร แค่มองพฤกษ์ ถามขึ้น: “โดนปล่อยตัวมาเมื่อเช้า นายไปหาคมทิพย์มาหรือยัง?”
แค่พูดออกไป พฤกษ์ก็ชะงักเล็กน้อย แต่ทว่ากลับก้มหน้าอย่างรวดเร็ว พูดขึ้นเบาๆ: “ประธานบุริศร์ครับ ถ้าผมยังอยู่ที่นี่ มันก็จะเป็นความทรมานทั้งสำหรับเธอและสำหรับผม ถ้าเธอเจอผม จะตัดใจก็ไม่ได้ ไม่ตัดใจก็ไม่ได้ แทนที่จะทรมานเธออย่างนี้ ผมออกไปจากที่นี่ดีกว่า เวลาผ่านเลยไปเธอก็ต้องปล่อยวางผมได้ เรื่องนั้นผมมันเลวเอง ผมไม่คาดหวังว่าเธอจะให้อภัย แต่ผมรู้ว่าระหว่างพวกเรามันเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“ขี้ขลาด!”
บุริศร์พูดออกไปสองคำ แล้วลุกขึ้นจะเดินไป