อยู่ ๆ นรมนก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีแล้ว
และคมทิพย์เองก็รู้สึกว่าไม่รู้จะเผชิญหน้ากับตัวเองขึ้นมาหน่อยแล้ว
เธอปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้
แต่ว่าการหย่า ก็เจ็บปวดเหมือนกับกรีดเลือดกรีดเนื้อยังไงอย่างงั้น แต่ถ้าพูดจากใจจริง เธอไม่อยาก
ใช่!
เธอไม่อยาก!
ตอนนั้นตอนที่ตัวเองโดดเดี่ยวเดียวดายไร้การช่วยเหลืออยู่ตัวคนเดียวที่สุสานนั้น พฤกษ์เป็นคนแบกเธอลงมาจากเขา ในเวลานั้นแผ่นหลังของเขากว้างขวางซะขนาดนั้น ทำให้คนรู้สึกปลอดภัยซะขนาดนั้น
ต่อมาพฤกษ์เสียสละเพื่อเธอมากขนาดนั้น แถมยังยอมปล่อยหน้าที่การงานที่มีความก้าวหน้ามากแบบนั้นไปแล้วเปลี่ยนมาทำธุรกิจ และเพื่อความฝันที่จะเป็นดาราของเธอแล้วก็ยังคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลังตลอด
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่คมทิพย์นั้นรู้ดีที่สุดว่าเพื่อความรักระหว่างพวกเขาแล้วพฤกษ์ได้เสียสละไปมากเท่าไหร่ ส่วนเธอก็ได้แต่คอยเป็นฝ่ายรับอย่างสบายใจอยู่ตลอด แต่กลับไม่ได้ตอบแทนกลับไปซะเท่าไหร่ มีกี่ค่ำคืน ที่พอเธอถ่ายละครเสร็จแล้วโทรหาพฤกษ์ แล้วบอกออกไปแค่ประโยคเดียวว่า “ฉันคิดถึงคุณแล้ว” พฤกษ์ก็จะขับรถหลายสิบกิโลรีบมาอยู่เคียงข้างเธอ เพื่อที่จะได้เห็นหน้าเธอ และเอาโจ๊กอุ่น ๆ มาให้เธอถ้วยหนึ่ง
แต่ว่าสามีที่ปฏิบัติเธออย่างไร้ที่ติแบบนี้ กลับไปมีลูกกับผู้หญิงอื่นที่ข้างนอกลับหลังเธอได้!
ถึงแม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กันทางร่างกาย แต่ว่าเด็กคนนั้นก็ไม่มีสายเลือดของเธอและพันธุกรรมของเธอ แล้วจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่เธอรับไม่ได้ที่สุด
จณัตว์เห็นท่าทีของคมทิพย์ดูเจ็บปวด แล้วก็รู้สึกทนทำใจขึ้นมาไม่ได้นิดหน่อย แต่ว่าเรื่องแบบนี้คนนอกมักจะเห็นชัดที่สุด คนที่อยู่ในเหตุการณ์มักจะไม่ชัดเจน เขาไม่ได้พูดแทนพฤกษ์ เพียงแต่แค่อยากให้คมทิพย์มองเห็นได้ว่าตกลงหัวใจตัวเองต้องการอะไรก็เท่านั้น
ถือโอกาสในช่วงที่คมทิพย์กำลังเจ็บปวดอยู่นั้น จณัตว์ก็ลากตัวนรมนแล้วออกมา
สีหน้าของนรมนยังไงก็ยังดูแย่อยู่บ้าง
“พี่ พี่ไม่ซื่อตรงนี่”
“เป็นเพราะว่าเธอยุ่งมากเกินไปต่างหาก”
จณัตว์รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างนรมนกับคมทิพย์เป็นยังไง แต่ว่าเรื่องแบบนี้คนนอกไม่มีทางที่จะยื่นมือเข้าไปแทรกได้จริง ๆ
“นรมน ฉันกลัวว่าถ้าต่อไปคมทิพย์หย่าขึ้นมาจริง ๆ ในทางกลับกันเธอกับคมทิพย์อาจจะมีช่องว่างขึ้นมาได้”
“จะเป็นไปได้ยังไง?”
นรมนถามจบแล้วถึงรู้สึกว่าคำพูดนี้ถามได้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่
จณัตว์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องของสามีภรรยาคนอื่นยื่นมือเข้าไปแทรกไม่ได้หรอก ตอนนี้ตัวคมทิพย์เองก็ยังไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองอยากจะหย่ากับพฤกษ์จริง ๆ หรือเปล่า แถมในจิตใต้สำนึกยังไม่อยากจะหย่าด้วย แต่ว่าอยู่ภายใต้การที่เธอเข้าไปยุ่งแล้วถ้าพวกเขาเกิดหย่ากันขึ้นมา แล้วถ้าวันหนึ่งคมทิพย์รู้สึกตัวขึ้นมาจริง ๆ เธอคิดว่าคมทิพย์จะไม่โทษเธอเหรอ? และอีกอย่าง เธอคือเธอ บุริศร์คือบุริศร์ เขาเป็นพี่น้องกับพฤกษ์มานานหลายปี แล้วถึงแม้ว่าพฤกษ์จะชั่วช้ายังไง ทำเรื่องไม่ดีแค่ไหน สำหรับเขาแล้ว นั่นก็ยังเป็นพี่น้องเขาอยู่ดี เธออย่ามาคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอข่มขู่บุริศร์ยังไง ที่เขารับปากเธอก็ไม่ได้คิดว่าเธอทำถูกต้องจริง ๆ เพียงแต่แค่ไม่อยากเกิดความขัดแย้งกับเธอเพราะคนนอกเท่านั้น สำหรับควรจะทำยังไงนั้น ในใจของเขาก็คงมีความคิดอยู่นานแล้ว บุริศร์นั้นรักเธอ ตามใจเธอ แต่ว่าเธอก็อย่างฟุ่มเฟือยและไม่เห็นค่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ อย่างคำพูดว่าหย่าแบบนั้น ต่อไปอย่าพูดอีกดีกว่า”
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
นรมนก้มหัวไว้อย่างกับเด็กที่ทำเรื่องผิดพลาดคนหนึ่ง ในใจรู้สึกไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก
“กลับไปเถอะ ให้คมทิพย์อยู่ที่นี่ ให้เธอคิดให้ชัดเจนด้วยตัวเองเถอะ”
นรมนพยักหน้าเล็กน้อย
ตอนที่เธอกลับมาถึงห้องนั้น บุริศร์ยังคงยุ่งอยู่ พอเห็นอารมณ์ของนรมนไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ก็อดไม่ได้จนต้องวางงานที่อยู่ในมือลง
“เป็นอะไรไป? ใครทำคุณอารมณ์เสียเหรอ? บอกสามีมา เดี๋ยวสามีไปช่วยคุณเอาคืนให้”
นรมนเห็นบุริศร์มีท่าทีที่เหน็ดเหนื่อยแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเป็นห่วงตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย
“ที่รัก ที่ฉันบังคับไม่ให้คุณไปติดต่อกับพฤกษ์ และบังคับให้คุณไปสั่งให้พฤกษ์หย่านั้นมันช่างไม่คำนึงถึงความรู้สึกของคุณเลยใช่ไหมคะ?”
นรมนคิดถึงคำพูดของจณัตว์ ในใจก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็จับมือของนรมนไว้แล้วถามขึ้นว่า “ไปฟังใครพูดอะไรมา?”
“ก็ไม่มีอะไรค่ะ เพียงแต่ว่าจู่ ๆ ก็รู้สึกว่าเอาความคิดของฉันไปยัดเยียดให้คุณมันเหมือนจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ และที่สำคัญพฤกษ์มีความสำคัญต่อคุณ ก็เหมือนกับที่คมทิพย์มีความสำคัญต่อฉัน ฉันกำลังคิดว่าถ้าคุณมาบอกให้ฉันตัดขาดความสัมพันธ์กับคมทิพย์เพราะว่าพฤกษ์ละก็ ฉันคิดว่าฉันน่าจะยอมรับไม่ได้หรอกค่ะ”
พอได้ยินนรมนพูดแบบนี้ ในใจของบุริศร์ก็รู้สึกได้รับการปลอบประโลมขึ้นมาอย่างมาก
เขารวบตัวนรมนเข้ามาไว้ในอก แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ผมจะไปเกลี้ยกล่อมให้พฤกษ์ยอมหย่า ไม่ใช่เพราะว่าคำพูดของคุณ แต่เป็นเพราะว่าผมรู้สึกจริง ๆ ว่าชีวิตแต่งงานของเขากำลังมีปัญหาอยู่ และตัวเขาเองก็ได้ทำผิดไปจริง ๆ ด้วย แต่ถ้าคุณจะบอกให้ผมอย่านับเขาเป็นพี่น้องอีก คิดว่าคงจะยากนิดหน่อย หลายปีมานี้พฤกษ์ช่วยผมทุก ๆ อย่าง อยู่ในสนามรบก็ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันกับผม เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายที่ผมสามารถเอาใจฝากไว้กับเขาได้อย่างไว้วางใจ จะมาเป็นเพราะเรื่องแค่นี้แล้วจะไม่คบหากันจริง ๆ ได้ยังไง?”
“งั้นตอนนั้นคุณยังเชื่อฟังฉันซะขนาดนั้น ฉันก็นึกว่าคุณจะเลิกคบหากับเขาแล้วจริง ๆ”
“นั่นก็เพราะว่ากลัวคุณโกรธไง เรื่องของคมทิพย์ก็ได้ทำให้คุณกลุ้มใจมากพอแล้ว แล้วถ้าผมยังดึงดันว่าจะไม่ตัดขาดการติดต่อกับพฤกษ์ต่อหน้าคุณอีก งั้นคุณก็คงจะต้องรู้สึกทุกข์ใจมากซิ สามีตัวเองยังไม่เข้าข้างคุณ ในใจคุณก็คงจะต้องรู้สึกแย่แน่ๆ”
พอได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็เข้าใจขึ้นมาทันทีเลย
“อ๋อดีนี่ นี่คุณต่อหน้าพูดอย่างลับหลังทำอีกอย่างนี่! คุณหลอกฉันนี่!”
นรมนยกกำปั้นเล็กๆขึ้นมาก็ทุบลงไปเลย แต่กลับโดนบุริศร์คว้าขวับไว้เลย
เขาหัวเราะแล้วก็พูดขึ้นว่า “ผมจะไปกล้าหลอกคุณได้ยังไง? ก็แค่อะลุ่มอล่วยหน่อยเท่านั้นเอง พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ชีวิตก็จะต้องมีพวกเราสองคนมาดำเนินด้วยกัน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาทำให้ชีวิตตัวเองยุ่งเหยิงไปเพราะคนอื่นหรอกใช่ไหม? ถ้าสามารถแก้ปัญหาได้โดยที่ไม่ต้องเลือดตกยางออก จะอ้อมค้อมหน่อยก็ไม่เป็นไรใช่ไหม”
“หึ! คุณมีเหตุผลอยู่คนเดียวนั่นแหละ”
นรมนยอมรับว่าเถียงบุริศร์ไม่ไหว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบุริศร์มีความคิดของตัวเองอยู่ เขาตามใจนรมน ยอมตามเธอ แต่ก็ไม่สามารถที่จะขาดหลักการและขีดจำกัดไปซะทั้งหมด
“เฮ้ย คุณว่าคนที่ฉลาดขนาดนั้นอย่างพฤกษ์ ทำไมพอมาเรื่องนี้ถึงได้โง่ขนาดนี้ไปได้นะ?”
นรมนรู้สึกคิดไม่ตก
แต่บุริศร์กลับมองได้ชัดเจนมาก
“คนอย่างเขาเป็นคนดื้อด้านคนหนึ่ง บางครั้งพอเชื่อมั่นในเรื่องอะไรไปแล้ว ถ้าไม่ถึงทางตันก็จะไม่หันหลังกลับ ตามความคิดของเขา เขาไม่ได้มีชู้ เพียงแค่อยากได้ลูกคนหนึ่งเท่านั้น แล้วก็ทำอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้ทำร้ายคมทิพย์จึงสามารถทำได้ เหมือนโดนสิ่งชั่วร้ายครอบงำไปหมด ใครว่าอะไรก็ไม่มีห้ามไม่ได้ นอกจากว่าจะไปถึงวันที่ไม่สามารถไปต่อกับคมทิพย์ได้อีกแล้วจริง ๆ บางทีเขาอาจจะตื่นขึ้นรู้มาก็ได้”
“แต่ว่าพอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว หัวใจของผู้หญิงนั้นไม่ได้จะเย็นยะเยือกไปในคราวเดียว ในตอนที่บุลินทำเรื่องเกี่ยวกับสลิงของคมทิพย์ขึ้นมาแล้วเขาไม่จัดการ คมทิพย์ก็ได้รู้สึกเจ็บปวดมากแล้ว เรื่องต่อ ๆ มาก็ทำเกินเลยแล้ว”
นรมนรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา
บุริศร์ถอนหายใจทีหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “พฤกษ์เป็นทหารที่ดีคนหนึ่ง เป็นผู้ช่วยที่ดีคนหนึ่ง แถมยังเป็นนักธุรกิจที่ดีคนหนึ่ง แต่ว่าทำเรื่องนี้ออกมา ช่างไม่ใช่สามีที่ดีคนหนึ่งจริง ๆ ตอนนี้คุณมีความคิดอะไรบ้าง?”
“ฉันยุ่งไม่ไหวแล้ว ให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะค่ะ พี่ชายฉันพูดถูกแล้ว เรื่องของสองสามีภรรยา ฉันที่เป็นคนนอกไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปยุ่งจริง ๆ”
ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเห็นท่าทีที่เจ็บปวดของคมทิพย์ บางทีจนถึงตอนนี้นรมรก็คงจะยังไม่รู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้ทำผิด คิดว่าคมทิพย์ต้องการจะหย่าจริง ๆ แต่ว่าจากคำพูดของจณัตว์เธอถึงรู้ว่า บางครั้งถึงจะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมากแค่ไหนแต่พออยู่ในด้านความรักก็จะลังเลไม่จบสิ้น เอาแน่เอานอนไม่ได้ และสิ่งที่เธอสมควรทำที่สุดก็คือคอยสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ
ไม่ว่าคมทิพย์จะทำการตัดสินใจออกมายังไง เธอก็จะเลือกสนับสนุนคมทิพย์อย่างไม่มีข้อแม้!