“ใครโทรมา?”
“ปาณี!”
เสียงนภดลเปล่งออกมา นรมนชะงักไป เดิมทีอยากถามว่าปาณีพูดอะไรบ้าง แต่นึกขึ้นได้ว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของนภดล เธอจึงปิดปาก
นรมนไม่ได้ถาม แต่นภดลตอบโดยอัตโนมัติ
“ปาณีนัดเจอผม พรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมง ที่Rose Cafe”
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย
พรุ่งนี้คือวันแต่งงานของราเชน เฉลิมฉลองกันทั้งประเทศ ปาณีนัดนภดลมาเจอในเวลานี้มันหมายความว่าอย่างไร?
“ต้องให้ฉันไปกับนายไหม?”
“ได้ครับ”
นภดลไม่ได้คัดค้าน ทำให้นรมนประหลาดใจเล็กน้อย
ราวกับดูออกถึงความสงสัยนรมน นภดลก็หัวเราะขมขื่นก่อนพูดขึ้น “ถึงผมจะบอกตัวเองมาตลอดว่าปาณีทำแบบนั้นกับผมด้วยความลำบากใจ แต่ผมได้ยินเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่นาน การตายของหญิงรับใช้คนนั้นมันน่ากลัวและน่าขมขื่นมากจริงๆ”
“นายสงสัยว่าปาณีเป็นคนควบคุมเบื้องหลังเหรอ?”
ถึงนรมนก็สงสัยแบบนี้เหมือนกัน แต่เธออยากฟังความเห็นนภดล
นภดลมองไปข้างนอก ราวกับตกอยู่ในความคิด เวลาผ่านไปนานมากก่อนจะพูดขึ้นเสียงทุ้ม “ผมไม่รู้”
ไม่รู้ มักจะดีกว่าคำพูดอื่น
นรมนเข้าใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อปาณี ถอนหายใจก่อนตบบ่าเขาแล้วพูดขึ้น “ทุกอย่างมันจะต้องชัดเจน ไม่แน่พรุ่งนี้อาจจะรู้คำตอบ”
“ขอให้เป็นแบบนั้นนะครับ ผมก็หวังว่าพรุ่งนี้จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก”
นี่คือความปรารถนาของทุกคน
นรมนออกไปจากที่พักอาศัยของนภดล เดินกลับห้องนอนมาคนเดียว
บุริศร์ไม่อยู่ ที่นี่มันดูค่อนข้างเหงา
นรมนนั่งครุ่นคิดหน้าโต๊ะ มักรู้สึกว่ามันผิดปกติตรงไหนสักแห่ง แต่บอกไม่ได้
ในเวลานี้โทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
นรมนเหลือบมอง เป็นเบอร์จากต่างประเทศ และเป็นเบอร์เข้ารับรหัส เธอนึกถึงบุริศร์และเจตต์อย่างอดไม่ได้
สองคนนี้ถึงเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ?
นรมนรีบเลื่อนปุ่มรับสาย แต่ทางนั้นกลับเป็นเสียงพฤกษ์
“คุณนาย ช่วยผม ช่วยผม……”
เสียงของเขาขาดๆ หายๆ พูดจบโทรศัพท์ก็วางไป เมื่อนรมนโทรไปอีกครั้งทางนั้นก็เชื่อมต่อไม่ได้แล้ว
พฤกษ์โทรหาเธอได้อย่างไร?
คิ้วนรมนขมวดเข้าหากันแน่น
ก่อนพฤกษ์จะไป ทะเลาะกับนรมนไม่ค่อยดีนักเพราะความสัมพันธ์เรื่องลูก สำหรับรายละเอียดพฤกษ์ไม่มีหน้ามาเจอนรมนหรอก ในเวลานี้เมื่อเขาเกิดเรื่อง ควรโทรหาบุริศร์สิ หรือไม่ก็โทรหาเบื้องบน โทรหาเธอมันหมายความว่าอย่างไร?
นรมนลุกขึ้นเดินออกไป
ตอนนี้บุริศร์ไม่อยู่ ราเชนยุ่งกับการจัดงานแต่งและงานเลี้ยงประเทศ เธอทำได้แค่ไปปรึกษากับจณัตว์
จณัตว์เห็นนรมนมาแล้ว ก็ตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็เดินไปยังที่ที่ไม่มีคนพร้อมกับเธอ แล้วถามขึ้น “ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“เมื่อกี้ฉันได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากพฤกษ์”
ดวงตาจณัตว์หรี่ขึ้นมาทันที
“เธอแน่ใจไหมว่าเป็นพฤกษ์?”
“เสียงเขา ฉันฟังไม่ผิดแน่”
ได้ยินนรมนพูดแบบนี้ จณัตว์ก็ครุ่นคิดขึ้นมา
“พี่ พี่ว่าถ้าเป็นพฤกษ์จริงๆ ทำไมไม่โทรหาบุริศร์?”
“บางทีตอนนี้อาจจะโทรหาบุริศร์และเจตต์ไม่ติด”
เรื่องนี้ก็สามารถนำมาพิจารณาได้
อย่างไรแล้วตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ ป้องกันสัญญาณเป็นเรื่องปกติ ถ้าพฤกษ์เจออันตรายต้องการความช่วยเหลือจริงๆ โทรหาพวกเขาไม่ได้ ทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เชื่อมต่อได้ก็เป็นไปได้
คิ้วจณัตว์ขวดเข้าหากันแน่น
ตอนนี้ทำอย่างไรดี?
“เขาบอกไหมว่าพวกเขาอยู่ตำแหน่งไหน?”
“ไม่ได้บอก”
นรมนขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “พูดประโยคเดียวว่าให้ฉันช่วยเขาแล้วก็วางไปเลย พอฉันโทรไปอีกทางนั้นก็เชื่อมต่อไม่ได้แล้ว พี่ พี่ว่านี่เป็นกับดักหรือเปล่า?”
“หมายความว่าไง?”
จณัตว์มองนรมนอย่างตกตะลึง
นรมนพูดขึ้นเสียงทุ้ม “ก่อนหน้านี้นภดลรับสายปาณี ปาณีนัดเขาพรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงให้ไปเจอที่Rose Cafe ฉันตกลงว่าจะไปกับเขา แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานพฤกษ์ก็โทรมา”
“เธอสงสัยว่าที่พฤกษ์หายตัวไปเกี่ยวข้องกับปาณีเหรอ?”
จณัตว์จับความหมายในคำพูดนรมนได้ทันที
นรมนพูดเสียงเบา “ฉันไม่รู้ ฉันแค่รู้สึกว่ามันบังเอิญเกินไป อีกอย่างถ้าพฤกษ์จะขอความช่วยเหลือก็ไม่ควรโทรหาฉันโดยทันที บางทีพี่อาจจะพูดถูก ว่าเขาลองติดต่อคนอื่นเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว แต่ถ้าคุณโดนจับตัว เมื่อคุณเชื่อมต่อโทรศัพท์ถึงฉันได้แล้วจะขอความช่วยเหลือหรือบอกตำแหน่งกับฉันโดยทันที?”
“ตำแหน่ง!”
จณัตว์เป็นทหาร พฤกษ์ก็ใช่ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ ถ้าสถานการณ์เร่งด่วนจริงๆ เมื่อติดต่อขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ อันดับแรกพื้นฐานต้องบอกตำแหน่งของตัวเองกับอีกฝ่าย เพื่อให้อีกฝ่ายมาช่วยชีวิตได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้นคนที่โทรหานรมนไม่ใช่พฤกษ์
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของจณัตว์ก็มืดลง
“ถ้าไม่ใช่พฤกษ์แล้วจะเป็นใคร? เธอบอกว่านั่นเป็นเสียงพฤกษ์จริงๆ”
“ใช่ แต่เป็นเสียง ก็อาจจะไม่ใช่ผู้โทรเสมอไป ถ้าพฤกษ์โดนจับตัว เสียงขอความช่วยเหลือก็อัดเสียงไว้ได้ไม่ยากนี่หน่า? อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยนี้สุดยอดมาก ฉันฟังไม่ออกก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าเป็นการอัดเสียงจากพฤกษ์จริงๆ ก็แสดงว่าพฤกษ์ตกอยู่ในอันตราย ไม่แน่คนคนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับปาณีจริงๆ”
นรมนไม่อยากคิดกับปาณีแบบนี้ แต่เมื่อรวมเรื่องราวเข้าด้วยกันทีละอย่าง มันก็ทำให้เธอต้องสงสัยปาณี
คิ้วจณัตว์ขมวดเข้าหากันแน่น
“แล้วเธอวางแผนจะทำยังไง?”
“แจ้งเบื้องบน ให้พวกเขาติดต่อกับพวกบุริศร์ ให้ช่วยชีวิตพฤกษ์ทันเวลา ทางด้านฉันจะทำเป็นออกไปช่วยพฤกษ์ เพื่อล่องูออกจากถ้ำ”
คำพูดนรมนทำให้จณัตว์เข้าใจทันที
“เธอตั้งใจจะเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ ให้คนที่ซ่อนตัวคิดว่าเธอออกไปแล้ว จากนั้นก็ให้ฉันแอบสังเกต ติดตามนภดล ดูว่าคนที่ติดต่อกับนภดลคือปาณีหรือเปล่า ถ้าใช่ล่ะก็ พอเจอหล่อนก็เข้าไปจับเลย?”
“ใช่ ดังนั้นฝากด้วยนะพี่”
แววตาระยิบระยับของนรมนส่องแสงประกาย
จณัตว์รู้ว่ามันคืออะไร จึงลืมตัวยิ้มออกมา
“เธอเรียนรู้ที่จะเล่นงานคนอื่นตามบุริศร์เก่งขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะ แต่เธอเองก็ต้องระวังความปลอดภัยด้วย”
“ไม่เป็นไร ฉันมีคนของอาณาจักรรัตติกาลช่วยฉันอยู่ลับๆ”
คำพูดของนรมนทำให้จณัตว์ส่ายหน้า
“อย่าเชื่อใจอาณาจักรรัตติกาลของตัวเองมากเกินไป”
“หมายความว่าไง?”
นรมนค่อนข้างสงสัย กระวนกระวายใจขึ้นมา
หรือว่าอาณาจักรรัตติกาลมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?
เห็นท่าทางนรมนเป็นแบบนี้ จณัตว์ก็พูดขึ้น “อย่าลืมว่าปาณีก็เคยอยู่อาณาจักรรัตติกาล ตอนนี้ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับปาณี แต่ดูจากเรื่องสองเรื่อง หล่อนตั้งใจเล่นงานนภดล ไม่มีใครรู้ว่าในอาณาจักรรัตติกาลมีคนหรือสายลับที่หล่อนฝึกเอาไว้”
นรมนเข้าใจโดยทันที