คุณท่านขวัญชัยพยายามกดความเจ็บปวดในหัวใจเอาไว้
ตลอดชีวิตนี้ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้แล้วที่เขาอยากจะคุยกับลูกชายแบบสงบสุข ถึงยังไงการตายของภรรยาเขาก็เป็นเรื่องสำคัญที่ธเนศพลไม่สามารถข้ามไปได้
จู่ๆ คุณท่านขวัญชัยก็ดูแก่หง่อมลงไปในทันที
เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรื่องของนภดลฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอก คำสั่งที่ฉันมีให้ธีรยาก็คือให้เธอไปเป็นลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์ เพื่อที่จะได้รับความไว้วางใจจากลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์ เธอต้องทำเรื่องอะไรบางอย่าง ไม่แน่ว่าคำสั่งให้ฆ่านภดลอาจจะเป็นคำสั่งจากคนของตระกูลนนท์สัจทัศน์ก็เป็นไปได้”
เดิมทีธเนศพลนึกว่าคุณท่านขวัญชัยจะโมโห แต่ว่าตอนนี้เราจากที่โมโหแล้วเขากลับยุติการทะเลาะเบาะแว้ง เรื่องนี้มาทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไหร่
ธเนศพลชะงักไป แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
“แล้วทำไมคนของตระกูลนนท์สัจทัศน์ต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะ?”
“บางทีอาจจะไม่อยากให้นภดลมีประโยชน์ต่อพวกเราก็ได้?”
คำพูดของคุณท่านขวัญชัยทำให้ธเนศพลหัวเราะอย่างเหยียดหยาม
“คำพูดนี้เป็นพ่อจะเชื่อไหม?”
คุณท่านขวัญชัยส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ตอนปีนั้นคนของตระกูลนนท์สัจทัศน์ให้ดร.ฐานทัตมาวิจัยคนทดลองอย่างนภดล แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรกันแน่ ข้อมูลจากบุริศร์ก็คือคนของตระกูลนนท์สัจทัศน์ต้องการเอาชนะการวิจัยและการพัฒนาของประเทศอื่น แต่ว่ามันคืออะไรนั้นก็ยังไม่มีใครรู้รายละเอียด ตอนนี้เกี่ยวกับลูกหลานตระกูลนนท์สัจทัศน์ พวกเรารู้แค่ว่าพวกเขามีตัวตนแต่ก็ไม่เคยเจอหน้ามาก่อน นอกจากทวีกับนิวัฒน์ที่เปิดเผยตัวออกมาแล้ว คนอื่นๆ ก็เหมือนจะซ่อนตัวไว้ ธีรยากำลังจะส่งข่าวมา ยังไม่ทันจะติดต่อคนของฉันได้ก็ถูกนรมนสกัดกั้นเอาไว้ได้ ดังนั้นฉันก็เลยไม่รู้รายละเอียดจริงๆ ”
ธเนศพลขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
“ลูกชายของนรมนหายตัวไป จะไม่ให้เธอทำอะไรหน่อยเหรอ?”
“ฉันไม่ได้จะโทษเธอ แต่ว่าเธอไม่ได้จำเป็นต้องจับตามองมาที่ธีรยา”
“ถ้าอย่างนั้นเธอต้องจับตามองมาที่ใคร?”
คำตอบของธเนศพลก็อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ แต่ว่าคุณท่านขวัญชัยกลับไม่พูดอะไร
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่ว่าตอนนี้คนนั้นคือคนที่แกไม่สามารถแตะต้องได้ ดังนั้นธเนศพล ถ้าเกิดว่าแกอยากจะมาอยู่ตำแหน่งฉัน แกยังต้องพยายามอีกมาก กิจการภายใต้ชื่อของบุริศร์เขาได้มอบให้นรมนไปหมดแล้ว ช่วงนี้ก็ย้ายกิจการไปอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะเขากลัวว่าอำนาจจะมากเกินไปจนทำให้น่าเป็นห่วง ขนาดบุริศร์ยังรู้ถึงปัญหานี้เลย แล้วทำไมแกถึงไม่รู้เลย?”
คุณท่านขวัญชัยก็เป็นแบบนี้ มีเรื่องอะไรก็จะไม่พูดให้ชัดเจน ทุกครั้งก็จะปล่อยให้ธเนศพลไม่เข้าใจเอาเอง
บางครั้งธเนศพลก็คิดว่าถ้าเกิดว่าตัวเองเป็นคนโง่ คุณท่านขวัญชัยจะยังคงเลี้ยงดูเขาแบบนี้ไหม
“ถ้าจะบอกผมตรงๆ ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้”
คุณท่านขวัญชัยพูดจบแล้วก็เดินออกไป เหลือให้ธเนศพลอยู่คนเดียว
ธเนศพลกำลังจะเป็นบ้าแล้ว
ทำไมเขาถึงมีพ่อแบบนี้?
ทันใดนั้นธเนศพลก็นึกอะไรขึ้นได้
ปกติพ่อจะได้ให้เขาออกไป แต่ว่าตอนนี้กลับทิ้งเขาไว้ตรงนี้ หรือว่าในห้องอ่านหนังสือนี้มีอะไรที่จะให้เขาได้ดูหรือเปล่า?
ธเนศพลรีบมาที่โต๊ะของคุณท่านขวัญชัยแล้วก็เปิดพลิกหาดู นอกจากหนังสือแค่ไม่กี่เล่มก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว แล้วก็มีพู่กันอยู่ 2 แท่ง พร้อมกับหมึกที่ยังไม่แห้ง
ในกระดาษนั้นมีเขียนไว้แค่ 2 คำเท่านั้น
คำแรกคือสิทธิรัตน์สุนทร อีกคำหนึ่งคือนันทปภากร
หรือว่านี่คือการชี้แนะจากตาแก่?
ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรกับตระกลูนันทปภากรงั้นเหรอ?
ตอนนี้ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรอยู่ต่ำกว่าตระกูลธนเกียรติโกศลเพียงเท่านั้น พวกเขาอยากจะได้ตำแหน่งของคุณท่านขวัญชัยจนตาเป็นมัน ส่วนตระกลูนันทปภากรถูกทำลายไปเพราะเรื่องของป้าแล้วไม่ใช่เหรอ? ส่วนคนของตระกลูนันทปภากรที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้มีอะไรมาก หรือว่ามีคนของตระกลูนันทปภากรที่เขาไม่ได้สังเกตเห็นอีกอย่างนั้นเหรอ?
หัวของธเนศพลกำลังจะระเบิดแล้ว
เขาออกจากห้องอ่านหนังสือไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ได้เห็น ลุงยศพงศ์ที่อยู่ตรงประตู แล้วก็พูดกับธเนศพลด้วยความเคารพว่า “คุณชายธเนศพล เดินทางปลอดภัยนะครับ”
ธเนศพลหรี่ตาลง แล้วก็มองไปที่ ลุงยศพงศ์พร้อมกับถามว่า “ ลุงยศพงศ์ ผมจำได้ว่าลุงนามสกุลสิทธิรัตน์สุนทรใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
ลุงยศพงศ์พยักหน้า
หัวใจของ ธเนศพลหยุดเต้นไปชั่วขณะ
หรือว่าสิทธิรัตน์สุนทรที่คุณท่านขวัญชัยพูดถึงหมายถึง ลุงยศพงศ์?
พอมาคิดแบบนี้แล้ว การตัดสินใจของคุณท่านขวัญชัยหลายๆ อย่างก็มาจาก ลุงยศพงศ์ ถ้าเกิดว่าอยากจะยืมมือคุณท่านขวัญชัยในการทำอะไรบางอย่างก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สังเกตได้ยาก แต่ว่ามันจะเป็นแบบนั้นเหรอ?
ว่ากันว่าเมื่อก่อน ลุงยศพงศ์เกือบพิการเพื่อที่จะช่วยคุณท่านขวัญชัย จนถึงทุกวันนี้ ลุงยศพงศ์ยังคงรู้สึกเจ็บปวดในวันที่ฝนตก
แล้วคนแบบนี้จะหักหลัง คุณท่านขวัญชัยอย่างนั้นเหรอ?
แต่พอมานึกถึงลูกๆ หลานๆ นึกถึงผลประโยชน์อย่างอื่น ธเนศพลก็ไม่กล้าแน่ใจแล้ว
เขาเลือกมองไปที่ ลุงยศพงศ์ แล้วก็เดินออกไป
หลังจากที่เขาออกไปแล้ว ลุงยศพงศ์ก็ล็อกประตู ตอนหันหน้ากลับไปนั้นก็เห็นคุณท่านขวัญชัยยืนอยู่ตรงนั้น แล้วก็เหม่อลอยมองธเนศพลเดินออกไป
“ไอ้เด็กคนนี้มันสงสัยนายอย่างนั้นเหรอ?”
“ครับ”
ลุงยศพงศ์ยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
คุณท่านขวัญชัยมองเขาแล้วถอนหายใจออกมา “ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ”
“เพราะว่าที่บ้านมีลูกหลานที่ประพฤติไม่ดี เลยต้องลำบากคุณท่านขวัญชัยกับคุณชายธเนศพลให้ต้องออกแรง มันเป็นความผิดของผมเองครับ”
ดวงตาของ ลุงยศพงศ์มีความเจ็บปวดเล็กน้อย
คุณท่านขวัญชัยมองดูเพื่อนร่วมรบที่เก่าแก่ แล้วก็ตบไหล่เขาพร้อมกับพูดว่า “พวกเราแก่แล้ว พวกเด็กๆ ก็โตแล้ว อยากจะเดินทางไหนพวกเขาก็เป็นคนเลือกเอง ในเมื่อเลือกไปแล้วก็ต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ก็ต้องรับผิดชอบเอง เพราะฉะนั้นนายก็ไม่ต้องโทษตัวเองไปหรอก ฉันแค่หวังว่าวันหนึ่งนายจะปล่อยวางมันได้”
“ผมรู้ครับ เพียงแค่ว่ามาทำให้หลานสาวที่น่าสงสารของผมต้องลำบาก”
ดวงตาของ ลุงยศพงศ์เต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น แต่เขาพยายามไม่ให้มันไหลออกมา
คุณท่านขวัญชัยปลอบใจเขา “วางใจเถอะ นรมนต้องพาเธอกลับมา”
“งั้นเหรอครับ?”
ทันใดนั้น ลุงยศพงศ์ก็รู้สึกตื่นเต้น
ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ มีเรื่องไม่กี่อย่างที่จะทำให้เขาใจเต้น แต่ว่าเรื่องวันนี้กลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
“แน่นอนสิ! ผู้หญิงอย่างนรมนเนี่ยนะ โชคชะตาพาให้มาพบกับหลานสาวนาย แล้วอีกอย่างถ้าเกิดว่าไม่มีนรมน เธอก็คงจะไม่อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว”
พอได้ยินคุณท่านขวัญชัยพูดแบบนี้แล้ว ลุงยศพงศ์ก็พยักหน้า พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ “นรมนคือผู้ช่วยชีวิตของหลานสาวผม”
“ต่างคนต่างพึ่งพากัน”
ทั้งสองคนพูดคุยในสิ่งที่คนอื่นฟังไม่เข้าใจ แล้วก็ออกจากห้องอ่านหนังสือไป
คนที่อยู่ในเงามืดก็เอาคำพูดนี้ไปรายงานธเนศพล
พอธเนศพลได้ยินก็ขมวดคิ้วเข้าหากันในทันที
หลานสาวของ ลุงยศพงศ์อย่างนั้นเหรอ?
หรือว่าเธอคือธีรยา?
แต่ว่าเธอนามสกุลกิจศิริวัชรโชติ ไม่ได้นามสกุลสิทธิรัตน์สุนทรนะ
ทันใดนั้นธเนศพลก็นึกขึ้นได้ว่าลูกสะใภ้ของ ลุงยศพงศ์ก็นามสกุลกิจศิริวัชรโชติเหมือนกัน หรือว่าธีรยาคือหลานสาวของ ลุงยศพงศ์งั้นเหรอ?
ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็หมายความว่าธีรยาไม่ได้ทำร้ายนรมน แต่ว่าแอบช่วยเหลือเธออยู่ในเงามืด
พอคิดได้แบบนี้แล้ว ธเนศพลก็รีบเรียกกานต์มาในทันที
“ส่งข้อความให้หม่ามี้หน่อย บอกเธอเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของสมจิต แล้วก็ลองบอกเธอว่าสามารถสอบถามได้ไหมว่าธีรยาดูหรือเปล่าว่าภาณอยู่ที่ไหน”
“มีข่าวเกี่ยวกับน้องชายผมแล้วเหรอครับ?”
กานต์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
แต่ว่าธเนศพลกลับส่ายหน้า
“ตอนนี้ยังไม่มี แต่ว่าไม่นานก็น่าจะมีแล้ว หนูลองบอกหม่ามี้ไปก่อน อย่าเพิ่งให้เธอเป็นกังวล”
“ครับ”
กานต์ส่งข้อความหานรมนในทันที
ตอนที่นรมนรู้ตัวตนที่แท้จริงของสมจิตก็อึ้งไปในทันที
ทำไมเธอถึงนึกไม่ถึงเลยว่าสมจิตที่ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนั้น ที่แท้คือลูกหลานของตระกูลทหารที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร!