แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1668 คราวหน้าผมจะเร็วกว่าพี่ให้ได้

บทที่ 1668 คราวหน้าผมจะเร็วกว่าพี่ให้ได้

“ตกลง!”

ธเนศพลเคาะมติ ทำให้กิจจาค่อนข้างประหลาดใจ

น่าเกรงขามแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ได้เป็นผู้สืบทอด

ทั้งสามคนคุยกันอย่างออกรส กานต์เห็นจะดีใจกว่าใคร หลังจากนี้ไม่ต้องสู้รบตบมือคนเดียวในกองทหารอีกต่อไปแล้ว

หลังจากนั้นกิจจาก็มาเยี่ยมภาณ หลงัจากเห็นร่างกายซูบผอมของภาณ และทำการตรวจร่างกายของเขาเสร็จ นัยน์ตาสุภาพอ่อนโยนคู่นั้นพลันเยือกเย็นขึ้นหลายเท่า

“ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร!สมควรตาย!”

ไม่บ่อยนักที่กิจจาจะโกรธเกลียดใครแบบนี้

ตั้งแต่นรมนกับบุริศร์มองเขาเหมือนลูกแท้ๆ ตั้งแต่ที่เขามีน้องๆ หัวใจของกิจจาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง และรู้ดีว่าตัวเองกำลังแบกความรับผิดชอบไว้บนไหล่ แต่ว่าตอนนี้แด๊ดดี้หม่ามี๊ไม่อยู่ เขากับไม่ได้ดูแลพวกน้องๆ

กิจจาอดที่จะโทษตัวเองไม่ได้

ราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ กานต์จึงตบไหล่เขาแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ไม่โทษพี่หรอก ยังไงเราก็ต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ส่วนคนพวกนั้นก็ต้องแก่ ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งมันต้องเป็นวันของเรา”

“แต่ว่าฉันจะไม่ยอมให้ครอบครัวเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรอีก ว่าแต่คุณตาล่ะ?”

กานต์ส่ายหน้า

ไม่มีใครรู้ว่าชินทรไปไหน ร่องรอยของเขาไม่เคยอยู่กับที่ อย่าว่าแต่ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร แม้แต่คนของธเเนศพลก็ยังหาเขาไม่เจอ

“ฉันจะออกไปข้างนอก”

กิจจาเดินออกจากประตูไป

ธเนศพลจะให้คนตามไปด้วย แต่กลับถูกกิจจาปฏิเสธ

กานต์กลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับเขา จึงเดินตามข้างหลังไป

คราวนี้กิจจาไม่ได้ปฏิเสธ

เมื่อทั้งสองคนเดินออกมาจากตระกูลธนเกียรติโกศล กานต์ก็อดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “พี่ พี่จะไปไหน?”

“ไปหาคุณตา”

“พี่รู้เหรอว่าคุณตาอยู่ไหน?”

กานต์อดที่จะรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

กิจจาส่ายหน้า“ฉันคิดว่าฉันน่าจะหาเจอ”

“หืม?”

กานต์ประหลาดใจอีกหน

หรือว่าคุณตาบอกช่องทางติดต่อพิเศษอะไรกับพี่ใหญ่ไว้?

เมื่อเห็นกานต์ซักถาม จู่ๆกิจจาก็หัวเราะออกมา

“กำลังคิดอะไรของแก? ฉันก็แค่คิดว่าบางทีฉันอาจจะหาคุณตาเจอจากวิธีของฉัน”

“วิธีของพี่? วิธีอะไร?”

ตอนนี้กานต์ทำตัวเป็นเจ้าหนูจำไม

ไม่บ่อยครั้งนักที่กิจจาจะเห็นกานต์มีท่าทีจำยอมแบบนี้ จึงอดที่จะขำออกมาอย่างสะใจไม่ได้

“พี่ก็รีบพูดมาสิ”

กานต์ชกหมัดใส่เขา แต่เขาหลบทัน

“นี่ พี่กล้าหลบเหรอ?”

กานต์พับแขนเสื้อแล้ววิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าหลายปีมานี้กิจจาจะยุ่งอยู่กับการเรียนแพทย์ แต่ก็ไม่ปล่อยร้างเรื่องออกกำลังกาย วินาทีต่อมาก็เริ่มเล่นวิ่งไล่จับกับกานต์อยู่บนถนน

ชมพูนั่งอยู่ในรถ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกานต์ในอากัปกิริยาที่แตกต่าง

เขามักจะเว้นระยะห่างกับคนอื่นเสมอ เธอรู้ว่ากานต์ดีกับเธอ และใส่ใจเธอ แต่ก็ไม่เหมือนกับตอนที่เขาอยู่กับคนในครอบครัวเหมือนอย่างตอนนี้

เมื่ออยู่กับครอบครัว เขามักจะปล่อยตัวตามสบายและร่าเริง สดใสเหมือนคนอื่นในวัยเดียวกัน

นัยน์ตาของชมพูหม่นแสงลง

เมื่อคนขับรถเห็นท่าทางแบบนี้ของชมพูด ก็อดถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “คุณหนู เข้าไปทักทายคุณชายภาคินสักหน่อยไหมครับ?”

“ไม่ล่ะ ไปเถอะ กลับบ้านกัน”

ชมพูส่ายหัว

อยากเป็นคนในครอบครัวของกานต์จัง

แน่นอนว่าชมพูอิจจา แต่จะไปถึงจุดนั้นได้หรือเปล่า เธอเองก็ไม่รู้

ด้านกานต์ก็ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกมอง มัวแต่วิ่งไล่จับกับกิจจาจนมาถึงแถบนอกเมือง

เมื่อมาถึงแถบนี้ กานต์เห็นว่าอยู่ไม่ไกลจากสนามฝึกของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร จึงเอ่ยบอกกิจจา

กิจจาหรี่ตาลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย

“แกบอกว่าข้างล่างนี้มีอะไรนะ?”

“ไม่แน่ใจ คุณตารู้ แต่ไม่ให้คนเข้าไป พูดแค่ว่าข้างล่างเป็นห้องวิจัย อีกอย่างก็เจอตัวน้าปาณีที่นี่ด้วย”

เมื่อกานต์พูดถึงเรื่องนี้ก็อดที่จะมีน้ำโหขึ้นมาไม่ได้

กิจจาโน้มตัวไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูกานต์ กานต์จึงมีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาในทันที

“ความคิดดี”

กิจจาหยิบขวดเล็กๆที่พกติดตัวมา แล้วยื่นไปให้กานต์ พูดยิ้มๆว่า “ขึ้นอยู่กับฝีมือแกแล้ว”

“มาแข่งกันไหมล่ะ ตั้งแต่ที่เราแยกย้ายจากกองทหาร ผมก็ไม่รู้เลยว่าฝีมือห่างกับพี่มากเท่าไหร่แล้ว ผมได้ยินมาว่าพี่ฝึกอยู่ตลอดเวลา มาดูกันไหมว่าใครเร็วกว่ากัน?”

“ได้สิ”

กิจจาไม่ปฏิเสธคำท้าทายของกานต์

ทั้งสองออกตัวพร้อมกัน พุ่งตรงไปยังสนามฝึกของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทร

ความเร็วของเด็กทั้งสองดีมาก ทั้งยังปราดเปรียวว่องไว

กานต์โยนขวดเล็กๆในมือไปยังทางเข้าทิศเหนือของสนามฝึกซ้อม

ส่วนกิจจาโยนไปทางทิศใต้

ทั้งสองถอนตัวออกมาแทบจะเวลาเดียวกัน จากนั้นก็วิ่งตรงไปยังจุดเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว

พวกเขามาถึงจุดเริ่มต้นในเวลาพร้อมกัน

กานตฺแปลกใจเล็กน้อย

เขาเคยคิดว่าการฝึกซ้อมของกิจจาได้ผลมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าความเร็วของกิจจาจะสูสีพอๆกับเขา ทั้งๆที่เขาฝึกในฐานทัพโดยเฉพาะ

ชั่วขณะกานต์ก็รู้สึกขัดใจขึ้นมา

ตอนนี้เขาสู้พี่ไม่ได้แล้วเหรอ?

ขนาดพี่ไม่ได้อยู่ในฐานทัพยังมีวินัยขนาดนี้ แต่เขาล่ะ?

เขาใช้ชีวิตอยู่ในแหล่งทรัพยากรแท้ๆ แต่ความเร็วกลับเท่าๆกันกับพี่

คิดมาถึงตรงนี้ หัวคิ้วของกานต์ก็เริ่มขมวดแน่น

เหมือนกิจจาจะทายใจเขาออก จึงพูดเสียงต่ำว่า “เราเพิ่งอายุกี่ปีเอง? ยังมีเวลาอีกเยอะ อย่าไปท้อสิ พี่จะรอคำท้าจากแกตลอดเวลา”

นานมาแล้ว กิจจาเคยเป็นเด็กอ้วนทำอะไรไม่เป็นนอกจากกินเก่ง วันๆเอาแต่ตามตูดกานต์ต้อยๆแล้วเรียกว่าลูกพี่ๆ เพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีคิดไม่ถึงเลยว่าจะโตถึงขนาดนี้แล้ว

สีหน้าของกานต์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โกรธที่ตัวเองไม่ขยัน มากไปกว่านั้นคือดีใจที่มีพี่ชายที่โดดเด่นขนาดนี้

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ที่กิจจาไม่ใช่เด็กท้ายแถวอีกต่อไป แต่กลับกลายมาเป็นพี่ใหญ่ ที่ทำอะไรก็ดีไปหมด กานต์รู้ว่าเบื้องหลังเขาต้องพยายาม และเสียเหงื่อไปมากขนาดไหน ซึ่งการที่กิจจาเป็นอย่างนี้ทำให้กานต์มีแรงบันดาลใจในการไล่ตามให้ทัน

“ไม่ต้องห่วง คราวหน้าผมจะเร็วกว่าพี่ให้ได้”

“ฉันจะรอนะ”

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังหัวเราะเบาๆ ก็ได้ยินไอค่อกแค่กอดังมาจากสนามฝึก ไม่นานหลังจากนั้นก็มีควันสีดำเข้มพุ่งขึ้นสู้ฟ้า

กานต์เข้าใจในทันที

ครั้งก่อนก็เพราะว่าการขัดขวางของชินทรตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรถึงได้มีเวลายื้อชีวิตออกไป ตอนนี้ควันเข้มๆเริ่มพวยพุ่ง ไม่นานรถดับเพลิงก็จะมา พอถึงตอนนั้นนักข่าวก็จะทำข่าว ต่อให้ตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรอยากจะปิดข่าวมากแค่ไหนก็ต้องใช้เวลา

กานต์กดโทรหาตำรวจด้วยความรวดเร็ว แถมยังโทรไปหาสถานีโทรทัศน์ด้วย

เขาใช้ทักษะแฮกเกอร์ให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ให้อีกฝั่งค้นหาเบอร์ของเขาได้ หลังจากเสร็จสิ้นกิจจาก็ลากกานต์ไปหลบอยู่ข้างๆ

“พี่คิดว่าคุณตาจะมาไหม?”

กานต์ไม่ค่อยมั่นใจ

แต่กานต์กลับพยักหน้า “มา คราวก่อนี่เกิดเรื่องคุณตาก็อยู่ที่นี่ จนตุลธรหวาดกลัว ตอนนี้ถึงจะไม่รู้ว่าคุณตาอยู่ที่ไหน แต่ฉันเชื่อว่าเขาต้องจับตามองสนามฝึกซ้อมของตระกลูสิทธิรัตน์สุนทรอยู่ตลอดเวลาแน่ๆ ดังนั้นการที่ควันกำลังพุ่งอยู่ในตอนนี้ คุณตาต้องมาดูแน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้น”

ขณะที่พูด ร่างของใครบางคนก็พุ่งพรวดเข้ามา รวดเร็วจนทั้งกิจจาและกานต์ตาตั้ง

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท