“พวกเขาอยากให้ทั้งประเทศของเราติดเชื้อ มีเจตนาร้าย ดังนั้นฉันจึงอยากให้พวกเขารับกรรมที่ตัวเองก่อเอาไว้ ไม่รู้ว่าตอนนั้นประเทศของพวกเขาจะเป็นยังไงบ้าง”
คำพูดของนรมนทำให้คมทิพย์เข้าใจขึ้นมาทันที
“ในยาพิษที่เธอวางใส่พวกเขาก็แพร่ระบาดได้งั้นเหรอ?”
“ทำไม่ได้เหรอ? จุดประสงค์ที่พวกเขามาที่ด้านนี้ไม่ใช่เพราะอย่างนี้หรอกเหรอ?”
คำพูดของนรมนทำให้คมทิพย์ตกตะลึง
เธอพูดขึ้น: “แต่ประชาชนเป็นผู้บริสุทธิ์นะ”
“ตอนที่พวกเขาวางแผนจะทำอย่างนั้นกับเราเคยคิดว่าประชาชนเป็นผู้บริสุทธิ์บ้างไหม?”
พูดจบนรมนก็เดินออกไปเลย
คมทิพย์มองด้านหลังของนรมน ไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่ใส่ใจชีวิตของประชาชน แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้ไล่ตามออกไปถามอีก ถึงยังไงในใจของนรมนก็คงมีวิธีแก้ปัญหาอยู่แล้ว
หลังจากนรมนออกมา ก็ไม่สบายใจมากๆ
เธอไม่อยากจะกังวลใจมากมายขนาดนั้นจริงๆ
ในเมื่อศัตรูสามารถปฏิบัติต่อประชาชนของประเทศเธออย่างโหดร้ายขนาดนั้น ทำไมเธอถึงต้องทำตัวเป็นนางฟ้าอีกล่ะ?
แต่สายตาของคมทิพย์เมื่อกี้ทำให้เธอเข้าใจ ตนเองยังใจร้ายไม่ลงหรอก
เธอถอนหายใจเดินมาที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล เห็นพวกโสธรกำลังซ่อมแซมระบบอินเทอร์เน็ต พยายามติดต่อกับโลกภายนอก
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิบสองคนนั้นสำเร็จภารกิจแล้วหรือเปล่า อินเทอร์เน็ตจึงเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็ว สัญญาณที่โดนปิดกั้นก็สลายไปแล้ว
“คุณนาย ติดต่อเบื้องบนได้แล้วครับ”
โสธรตื่นเต้นมาก แต่นรมนกลับไม่ได้มีท่าทีอะไร
“ทราบแล้ว”
นรมนเดินไปที่ป่าไผ่ด้านหลังเพียงคนเดียว หยิบมือถือที่ใช้เฉพาะกิจออกมา แล้วโทรออกไปหาหมายเลขหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเสียงปลายสายก็ลอยเข้ามา เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยแออัดอยู่ข้างหูของนรมน
“คุณนายคะ”
“สมจิต หรือตอนนี้ฉันต้องเรียกเธอว่าธีรยา?”
คำพูดของนรมนทำให้ธีรยาชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น: “คุณนายเรียกฉันว่าสมจิตเถอะค่ะ ถึงยังไงตอนนี้ฉันก็ยังเป็นลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์”
“อื้ม ระวังตัวหน่อยนะ ฉันรอเธอกลับมาอย่างปลอดภัยหลังเสร็จสิ้นภารกิจอยู่”
สมจิตอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ค่ะ คุณนายโทรหาฉันมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“เธอไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับฉันเหรอ?”
นรมนกลับไม่ได้เอ่ยปากก่อน
สมจิตมองรอบๆด้าน แล้วพูดขึ้นเบาๆ: “ฉันได้ยินว่ามีบุคคลสิบสองคนปะปนเข้าไปในกองกำลังทหารที่เป็นคนเจ็บของพวกเรา พวกเขาพกพิษกู่ติดตัวไปด้วย วางแผนจะไปวางยาพิษที่ด้านนั้น แล้วให้คนเจ็บพาพิษกู่กลับเข้ามาในประเทศเพื่อแพร่ระบาดใส่ประชาชนของประเทศเรา ฉันอยากส่งข่าวให้คุณ แต่สัญญาณที่ด้านนั้นโดนปิดกั้นอยู่ตลอดเลย ฉันลองหลายวิธีแล้ว ก็ไม่สำเร็จ แต่โชคดีที่ฉันเจอตำรายาถอนพิษที่กำจัดพิษกู่ได้ อีกเดี๋ยวฉันจะส่งวีแชทไปให้คุณนาย แล้วคุณก็ให้หมอภายในประเทศผสมยาถอนพิษออกมา น่าจะไม่มีปัญหาอะไรมากนะคะ”
ได้ฟังสมจิตพูดอย่างนี้ ในที่สุดนรมนก็คลายกังวลลงได้
แม้จะรู้ว่าสมจิตเป็นคนของตนเอง ตอนที่อยู่เมืองหลวงก็โดนยศพงศ์เรียกเข้าพบเป็นการส่วนตัวอย่างลับๆ แล้วบอกวิธีการติดต่อระหว่างเธอกับสมจิต แต่นรมนยังไม่รู้ว่าสมจิตคิดจะทรยศหรือเปล่า
ตอนนี้ดูแล้วเธอยังคงเป็นคนของตนเอง
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมนรมนถึงต้องมาสนามรบต่างประเทศให้ได้
คนอื่นๆล้วนแต่คิดว่าเธอมาเพราะบุริศร์ เธอคิดถึงบุริศร์อยู่แล้ว แต่เธอก็มีภารกิจมาด้วย
ยศพงศ์กับคุณท่านขวัญชัยหวังจะติดต่อกับสมจิตผ่านทางเธอ เพื่อจะจัดการลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์ให้ราบคาบ
ถ้าพอจะใช้สนามรบต่างประเทศจัดการลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์ได้อย่างเงียบๆ นั่นจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
นี่เป็นการลงมืออย่างลับๆ เธอไม่สามารถบอกใครได้ นอกจากสมจิต ระหว่างพวกเธอเป็นการติดต่อสื่อสารทางเดียว
หลังจากนรมนได้ยินสมจิตรายงานถึงได้พูดขึ้น: “คนพวกนั้นฉันจัดการแล้ว อีกสองวันพวกเขาน่าจะกลับไปถึงตระกูลนนท์สัจทัศน์ ตอนนั้นเชื้อโรคบนตัวของพวกเขาคงจะแพร่กระจายอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดการติดเชื้อเป็นวงกว้าง จะทำให้ทั่วประเทศตื่นตระหนก ถึงตอนนั้นฉันจะบอกส่วนประกอบของยาถอนพิษแก่เธอ จำไว้ว่าในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดต้องช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากอันตราย และต้องชักนำข้อวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมไปที่คนของตระกูลนนท์สัจทัศน์ ครั้งนี้จำเป็นต้องใช้มือและข้อวิพากษ์วิจารณ์ของต่างประเทศกดให้ลูกหลานของตระกูลนนท์สัจทัศน์ตายให้ได้ ทำให้พวกเขากระโดดหนีไปไม่ได้อีก ตั้งแต่นี้จงหยุดความคิดที่จะจัดการประเทศของฉันเสียที”
“ค่ะ!”
สมจิตตอบกลับอย่างไร้กังวล
ทั้งสองคนพูดถึงเรื่องที่ต้องระวังอีกนิดหน่อย แล้วนรมนก็วางสายไป
ความโหดเหี้ยมของสนามรบมันเป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบุริศร์
ไม่รู้ว่าพวกเขาที่แนวหน้าตอนนี้จะเป็นยังไงกันบ้าง
เหตุการณ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนรมนก็มีโอกาสที่จะควบคุมได้ ตั้งแต่ทั้งช่วงเช้าคมทิพย์เหนื่อยจนหมดเรี่ยวแรง นรมนจึงสั่งให้คนใช้กำลังพาคมทิพย์ไปพักผ่อน
ตอนที่คมทิพย์เพิ่งหลับไปได้ไม่นาน รถของคนเจ็บก็ส่งเสียงร้องเข้ามาอีกคัน
จู่ๆนรมนก็รู้สึกกระวนกระวายใจ
เธอลุกขึ้นออกไปต้อนรับ เห็นหลายๆคนกระโดดลงมาจากบนรถ วุ่นวายอยู่กับการไปยกเปลหาม
ชุดเครื่องแบบของคนพวกนั้นไม่เหมือนกับคนเจ็บอื่นๆ เหมือนเป็นเพียงเฉพาะกลุ่มส่วนตัว แต่ทว่าสัญลักษณ์ประจำชาติที่อยู่ด้านบนนั้นกลับทำให้นรมนสบายใจลงได้
“รีบให้หมอกับพยาบาลเตรียมตัว”
นรมนกำชับ แล้วตนเองก็รีบสวมชุดปลอดเชื้อ เดินเข้าไปทันที
หลายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความกังวล: “ระวังหน่อย หัวหน้าทีมของพวกเราบาดเจ็บหนักเอาการ”
นรมนรีบเข็นเปลหามเข้ามา มองหลายคนนั้นยกคนที่พวกเขาเรียกว่าหัวหน้าทีมขึ้นบนเปลหาม
แทบจะในทันทีที่ได้เห็นนรมนก็มองออกแล้วว่าคนด้านบนเป็นใคร
“พฤกษ์?”
เธออดไม่ได้ที่จะเรียกออกมาด้วยความตกใจ
พฤกษ์ในตอนนี้เหมือนกับมนุษย์เลือดโดยสมบูรณ์ ร่างกายครึ่งหนึ่งไม่มีผิวหนังที่ดูได้เลย ราวกับโดนอะไรแผดเผามา และตอนนี้เขาไม่มีสติสักเท่าไหร่ ไม่แสดงความโกรธใดๆออกมาเลย
ใจของนรมนลนลานขึ้นมาทันที
นี่ถ้าโดนคมทิพย์เห็นเข้าอาจจะเสียใจจนเป็นอะไรไปก็ได้
สมาชิกในทีมพอจะฟังออกว่านรมนเรียกชื่อพฤกษ์ จึงอดไม่ได้ที่จะมองเธอ
“คุณรู้จักหัวหน้าทีมของพวกเรางั้นเหรอ?”
“รู้จัก ภรรยาของเขายังทำงานอาสาอยู่ที่นี่ด้วย ส่งเขาเข้าไปก่อน บอกหมอว่าต้องช่วยเหลือให้ได้”
นรมนพูดกับโสธรที่อยู่ข้างๆ แล้วดันเปลหามส่งเข้าไปด้านในด้วยตัวเอง
“ถ้าคมทิพย์ตื่นแล้ว อย่าให้เธอมาช่วยที่ห้องผ่าตัดเด็ดขาด”
“ครับ!”
โสธรรีบพยักหน้า
สมาชิกทีมหลายคนได้ยินว่าภรรยาของพฤกษ์ก็อยู่ที่นี่ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ
“เพราะหัวหน้าทีมช่วยพวกเราถึงได้บาดเจ็บ พวกเรารู้สึกผิดต่อพี่สะใภ้”
“อีกเดี๋ยวไม่ว่าใคร ก็ห้ามพูดเรื่องของพฤกษ์ต่อหน้าคุณนายรัตติกรวรกุลทั้งนั้น อย่างน้อยที่สุดห้ามพูดก่อนที่เขาจะพ้นขีดอันตราย เพราะคุณนายรัตติกรวรกุลท้องอยู่ นี่เป็นไปได้มากว่าจะเป็นลูกเพียงคนเดียวระหว่างเธอกับพฤกษ์ ถ้าเธอเสียใจมากเกินไปจนแท้งเพราะเรื่องนี้ ฉันจะไม่ให้อภัยพวกคุณ!”
นรมนไม่สนใจหรอกว่าคนตรงหน้าพวกนี้จะเป็นคนที่มีบุญคุณต่อประเทศหรือเปล่า เธอรู้แค่สถานการณ์ของพฤกษ์ในตอนนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคมทิพย์และลูกที่อยู่ในท้องของเธอโดยตรง
เธอไม่สามารถและไม่ยินยอมให้ใครหน้าไหนทำร้ายคมทิพย์ทั้งนั้น ถึงจะเป็นพฤกษ์ก็ไม่ได้!