แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1712 ต้องทำอย่างนี้กับยัยคนนี้

บทที่ 1712 ต้องทำอย่างนี้กับยัยคนนี้

“ใคร?”

นรมนหันหน้ามาอย่างรวดเร็ว แต่กลับได้เห็นแค่เงาจางๆเท่านั้น

บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ชั่วพริบตาเดียว ก็มีคนวิ่งตามไปทันที

“คุณกลับมาจากสนามรบได้เอาอะไรติดตัวมาด้วยหรือเปล่า?”

นรมนรู้สึกเป็นกังวลใจเล็กน้อย

บุริศร์ลูบผมของเธอแล้วพูดเสียงเบาๆว่า “อย่าเพิ่งสนใจผมเลย ร่างกายคุณไม่มีปัญหาใช่ไหม?”

“ไม่มีปัญหา ฉันมีสูตรยารักษาโรค แล้วยังเอาไปให้พฤกษ์ทางนั้นด้วย แต่ว่า เพื่อรับรองความปลอดภัยก็ต้องกักตัวสิบสี่วันเหมือนกัน ทำอย่างนี้จะได้เป็นการรับผิดชอบต่อตัวเองและคนในประเทศด้วย”

นรมนเข้าใจสภาพร่างกายของตัวเองดี สถานการณ์โรคติดต่อที่ตรวจพบในที่นี่ก็ไม่ได้มีอาการอะไรมากเท่าไหร่ แต่ว่าคนในประเทศอาจจะไม่คิดเช่นนี้ ดังนั้นยังไงเธอก็ต้องระวังตัวไว้

“ตามหลักการแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ตระกูลนนท์สัจทัศน์ถึงแม้จะดับสูญไปแล้ว ก็จริง แต่ว่าใครจะไปรู้ว่าจะมีคนคอยฉวยโอกาสอยู่อีกหรือเปล่า ดังนั้นก็ไม่ควรประมาท ประเดี๋ยวฉันจะให้วินเซนต์ควบคุมคนที่นี่ให้ดี ภายในสิบสี่วันห้ามใครออกจากที่นี่ไป”

สีหน้าบุริศร์เคร่งขรึมเล็กน้อย

นรมนกลับไม่ได้คิดถึงอย่างอื่น เพียงแต่รู้สึกว่าทำอย่างนี้มันไม่ค่อยถูกหลักมนุษยธรรมเท่าไรนัก

“ความจริงแล้วไม่จำเป็นจะต้องใช้ความรุนแรงกันเลย ทุกคนต่างก็เข้าใจประโยชน์ในการกักตัวเอง น่าจะร่วมมือกันได้ อีกทั้งตอนนี้ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ฉันเห็นอารมณ์ความรู้สึกของทุกคนก็ยังพอไหวอยู่”

“สองวันกับสิบสี่วันมันไม่เหมือนกันนะ นรมน นิสัยคนบางครั้งก็ไม่มีความอดทนต่อเวลาที่ยาวนานเกินไปก็ได้”

สายตาของบุริศร์ดูเหมือนยากที่จะอธิบายอะไรออกมา

จู่ๆนรมนก็รู้สึกไม่คุ้นชินกับบุริศร์ในตอนนี้เลย

อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตัวเองไม่รู้ก็ได้? ทำให้บุริศร์มีความเข้าใจนิสัยของผู้คนได้อย่างลึกซึ้งเพียงนี้?

นรมนในใจครุ่นคิดอยู่ แต่ก็ไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้ต่อไปแล้ว จึงลุกขึ้นมา

“ฉันจะไปทำอะไรให้คุณกินนะ สถานการณ์ไม่ปกติแบบนี้ ทุกคนก็มีกำลังคนไม่เพียงพอ แล้วไม่มีคนมาคอยบริการคุณด้วย อีกอย่างวัสดุข้าวของก็มีน้อย งั้นฉันจะทำบะหมี่ราดหน้าให้คุณก็แล้วกันนะ”

“เดี๋ยวผมทำเอง คุณก็เหนื่อยมากแล้ว”

สำหรับบุริศร์แล้ว ไม่มีอะไรที่ทำให้เขาสบายใจมากไปกว่าที่ได้กอดนรมนเอาไว้แล้ว

นรมนกลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจอะไร แล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ให้ฉันได้บริการคุณบ้างสักครั้งเถอะนะ อึ้ม?”

น้ำเสียงลงท้ายของเธอสั่นเล็กน้อย ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้หัวใจเหมือนถูกเอาไม้ขนไก่มากวาดใส่ แต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น

“ได้ อย่าหักโหมเกินไปนะ ที่จริงแล้วถ้าไม่ไหวก็ต้มบะหมี่ชามหนึ่งให้ผมก็พอแล้ว”

บุริศร์ไม่อยากให้เธอลำบากจริงๆ

นรมนกลับหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณเป็นถึงท่านหัวหน้านรมน ยังไงเสียก็ยังเป็นถึงประธานใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดในแถบนี้อีกด้วย กินบะหมี่สำเร็จรูปเหรอ? ถ้าลือออกไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก”

“ไม่เป็นไร ขอให้ได้อยู่กับคุณ กินผักหญ้าข้างทางก็ยังรู้สึกเป็นอาหารเลิศรสในโลกนี้แล้ว”

“อย่าปากหวานไปหน่อยเลย ตอนนี้คุณยิ่งมายิ่งกะล่อนแล้วนะ ไม่รู้ว่าไปหัดมาจากใคร”

นรมนทำตาค้อนใส่ จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าแล้วลงจากเตียง เดินไปยังห้องครัวข้างนอก

บุริศร์ไม่ได้นอนต่อ ถือโอกาสที่นรมนออกไปแล้วจึงรีบส่งข่าวให้กับวินเซนต์

“ช่วยตรวจสอบคนที่อยู่ภายในนี้ด้วย เมื่อกี้มีเงาร่างคนเดินผ่านห้องฉันไปเว็บหนึ่ง ไม่รู้เป็นคนหรือเป็นผี”

วินเซนต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

จะต้องมีใครสักคนที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วมารนหาที่ตายถึงที่นี่ มันน่าเบื่อหน่ายจริงๆ

เขาก็ให้คนไปตรวจสอบดู

คิดถึงน้องเมียที่อยู่ที่บ้านตอนนี้ วินเซนต์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ไม่รู้ว่ายัยคนนี้ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว จะเป็นเหมือนนรมนที่เป็นห่วงบุริศร์เช่นนั้นหรือเปล่า

น่าจะใช่นะ

ได้ข่าวว่ายัยคนนั้นตั้งท้องแล้ว

เขาทั้งสองคนก็ได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ว่าก็ไม่รู้ว่ายัยคนนี้ตอนนี้สมองมีปัญหาหรือเปล่า แล้วยังพูดว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมแต่งงานกับเขา เพราะว่าเขาเป็นพี่เขยของเธอ

พี่เขยจะไปนอนบนเตียงเดียวกับน้องเมียได้ยังไง?

คิดได้ยังไง?

วินเซนต์รู้ตัวดีว่าในใจของเขายังคิดถึงคนรักเก่าอยู่บ้าง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เห็นผู้หญิงคนปัจจุบันนี้เป็นตัวแทนเธอ ไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็ยังไม่ยอมเชื่อสักที

ถ้าเป็นศัตรูละก็ วินเซนต์ก็ยังสามารถใช้ปืนผาหน้าไม้ในการจัดการได้ แต่เรื่องของความรู้สึกมันช่างทรมานใจคนเสียจริง

หรือว่าอีกประเดี๋ยวจะไปขอคำชี้แนะจากนรมนดีกว่าไหม?

วินเซนต์คิดเช่นนั้นแล้ว ก็หยิบมือถือออกมาส่งข้อความไปให้ผู้หญิงของตัวเอง

“มาอยู่สถานที่กักตัวครึ่งเดือนแล้ว คุณอยู่ที่บ้านดีๆนะ ถ้าคุณกล้าคิดจะหนีละก็ผมกลับไปจะตีขาคุณให้หักเลย แล้วจะเลี้ยงคุณไปตลอดชีวิต ไม่เชื่อคุณก็ลองดู”

ส่งข้อความเสร็จแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจมาก

ต้องทำอย่างนี้กับยัยคนนี้แหละ

หลังจากที่นรมนมาถึงห้องครัวแล้ว เห็นว่ามีมะเขือเทศอยู่หลายลูก นึกถึงท่าทางที่อ่อนล้าของบุริศร์แล้ว เธอก็ลงมือทำนวดแป้งทำบะหมี่อย่างคล่องแคล่วว่องไว ในไม่ช้าก็ได้ทำบะหมี่ออกมาหลายชาม

วินเซนต์เดินเข้ามาได้กลิ่นหอมแล้วรู้สึกหิวขึ้นมาทันที

“พี่สะใภ้ครับ ผมขอกินชามหนึ่งได้ไหม? แค่ชามเดียวเอง!”

ท่าทางของเขาทำให้นรมนหัวเราะทันที

“ฉันกำลังจะเอาบะหมี่ไปให้บุริศร์ ที่เหลือคุณก็เอาไปแบ่งให้กับพวกพี่น้องก็แล้วกันนะ”

“ขอบคุณพี่สะใภ้ครับ”

วินเซนต์ก็รู้สึกหิวจริงๆ

อยู่ในสนามรบนอกประเทศถึงแม้ว่าก็ไม่ได้อดอยาก แต่ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ได้แต่กินขนมปังอบกรอบมาโดยตลอด กินจนรู้สึกงงกับชีวิตตัวเองไปหมดแล้ว

คนที่เคยกินขนมปังอบกรอบต่างก็รู้ดีว่า พวกนี้กินก็แค่ประทังความหิวเท่านั้น ทั้งแข็งทั้งไม่อร่อย เหมือนกับกินเปลือกไม้ชัดๆ ตอนนี้เมื่อได้กลิ่นหอมของบะหมี่ราดหน้าแล้ว ทำให้รู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆ

นรมนไม่เข้าใจความลำบากของพวกเขา ยกบะหมี่ราดหน้าเข้าไปในห้อง เห็นว่าบุริศร์ยังหลับอยู่บนเตียง

ขอบตาของเขาเขียวไปหมด เห็นได้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำงานอยู่ข้างนอกไม่ได้สบายเลย

ถึงแม้ว่าทุกคนต่างก็พูดว่าบุริศร์ทำงานสบาย แต่ว่าหลังจากที่นรมนรู้ว่าเขาต้องแอบย่องเข้าไปในทำเนียบประธานาธิบดี เพื่อเข้าไปเจรจากับประธานาธิบดี ไม่ว่าทางด้านร่างกายหรือทางด้วยจิตใจก็ต้องตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เมื่อได้ผ่อนคลายลงแล้วคงจะรู้สึกเหนื่อยจริงๆ

เธอก็ค่อยๆเดินย่องเข้าไป แล้วดึงผ้าห่มมาห่มบนตัวบุริศร์

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนละก็ บุริศร์จะต้องรีบตื่นขึ้นทันที แต่ว่าตอนนี้เขากลับนอนหลับสนิทมาก

มองดูบะหมี่ราดหน้าที่อยู่ข้างๆ นรมนก็ลังเลว่าจะเรียกเขาดีไหม แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนเพลียของบุริศร์แล้ว เธอก็คิดว่าไม่เรียกดีกว่า

บะหมี่ราดหน้าชามนี้ถ้าวางไว้นานเกินไปจะเย็นชืดแล้วก็จะไม่อร่อย

นรมนก็นึกขึ้นได้จึงยกบะหมี่ราดหน้านั้นออกไปให้กับลูกน้องคนหนึ่ง เธอคิดว่ารอให้บุริศร์ตื่นมาก่อนแล้วค่อยทำให้ใหม่ดีกว่า

งานตรวจสอบข้างนอกก็กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

นรมนรู้ว่าตอนนี้มีกำลังคนไม่เพียงพอ จึงเดินเข้าไปทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย

บุริศร์นอนหลับไปเป็นเวลาค่อนข้างยาวนาน

เป็นเพราะว่านรมนไม่อยากจะรบกวนเขา ดังนั้นจึงไม่ได้กลับไปที่ห้องอีก คิดว่าถ้าบุริศร์ตื่นขึ้นมาแล้วคงจะมาหาตัวเอง ดังนั้นเธอจึงยุ่งอยู่กับการทำงานมาตลอด

จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินแล้ว บุริศร์ก็ยังไม่ออกมาเลย งานของนรมนตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจึงนึกขึ้นมาได้

นี่บุริศร์ก็หลับนานเกินไปแล้วนะ?

หรือว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่เคยได้พักผ่อนเลยเหรอ?

เมื่อคิดเช่นนี้แล้วในใจของนรมนก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด

เธอเดินกลับไปที่ห้อง ภายในห้องค่อนข้างมืด แต่ก็ยังเห็นว่าบุริศร์นอนอยู่บนเตียงยังไม่ตื่นเลย เหมือนกับตอนที่เธอเดินออกจากห้องก่อนหน้านั้น

นรมนก้าวเท้าเดินเข้าไป กลับพบว่าสีหน้าของบุริศร์แดงก่ำ หายใจก็ค่อนข้างถี่ แต่ว่าดูไปแล้วก็เหมือนยังหลับสนิทอยู่

ไม่ปกติแล้ว!

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท