นรมนแทบจะต้องให้บุริศร์ประคองมาจนถึงโรงพยาบาลทหาร
แรกเริ่มนรมนคิดว่ากานต์บาดเจ็บสาหัส ดังนั้นจึงวิ่งไปที่หน้าห้องผ่าตัดทันที แต่ได้รับการแจ้งว่าวันนี้ไม่มีการผ่าตัด
บุริศร์เห็นท่าทางตึงเครียดของภรรยาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะให้คนไปค้นหาเบอร์ห้องคนไข้ของกานต์ นี่ถึงได้พานรมนเดินไป
สิบห้าปีมานี้ ทุกปีนรมนจะมาอยู่กับกานต์สักระยะหนึ่ง ทุกครั้งจะได้เห็นท่าทีที่ฮึกเหิมห้าวหาญของลูกชายเสมอ แต่คราวนี้กลับพบว่าแววตาของกานต์ล่องลอย วินาทีนี้ทำให้เธอรู้สึกแสบจมูก จนแทบจะส่งเสียงร้องไห้ออกมา
กานต์อายุยี่สิบกว่าปีแล้วสืบทอดความแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยวและรูปลักษณ์ที่หล่อเหลามาจากบุริศร์เต็มๆ รูปร่างที่สูงเกือบจะ190ยืนมองด้านนอกอยู่ที่หน้าต่างฝรั่งเศส มองไม่ออกเลยว่าเขาบาดเจ็บตรงไหน แต่กลับทำให้คนที่ได้เห็นค่อนข้างอยากร้องไห้อย่างอธิบายไม่ถูก
“ลูก ลูกบาดเจ็บที่ไหน? รีบให้แม่ดูเร็วๆ”
นรมนมาที่ด้านหน้าของกานต์ทันที หลังจากดึงลูกชายมา
ใจของเธอก็เต้นตึกตัก รีบยื่นมือออกไปโบกๆอยู่ที่ด้านหน้าของกานต์
“กานต์ พูดอะไรหน่อยสิ อย่าทำให้แม่ตกใจนะ! กานต์!”
บุริศร์เห็นนรมนน้ำตาคลอ ส่วนกานต์กลับเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย ไม่เห็นอะไรเลย แยกตนเองออกมาอย่างสมบูรณ์ ท่าทีที่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกของตนเองอดไม่ได้ที่จะทำให้ในใจลึกๆรู้สึกประหม่า
“เจ้าเด็กบ้า แม่แกตกใจจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้วนะ!”
บุริศร์เตะเข้าไปที่น่องของกานต์
แรงเตะนี้ไม่เบาเลย จึงทำให้กานต์ได้สติกลับมา
ตอนที่เขาเห็นสายตาเป็นกังวลของนรมนก็ค่อนข้างซึ้งใจ
“แม่ มาได้ยังไงครับ?”
“แม่ได้ยินว่าลูกบาดเจ็บ บาดเจ็บตรงไหนเหรอลูก?”
นรมนมองกานต์ตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งก็ไม่เห็นว่าเขาบาดเจ็บตรงไหน จึงยิ่งเป็นห่วงมากขึ้น
นี่บาดเจ็บในที่ที่ตนเองมองไม่เห็นงั้นเหรอ?
คิดอย่างนี้นรมนจึงจะถลกเสื้อของกานต์ออก แต่กลับโดนบุริศร์ห้ามเอาไว้
“รีบพูดมา บาดเจ็บตรงไหน? อย่าทำให้แม่แกเป็นห่วงสิ”
เจ้าเด็กบ้า อายุยี่สิบกว่าแล้วนะ ยังไม่เคอะเขินที่จะให้ภรรยาของเขาถลกเสื้อผ้าอีกงั้นเหรอ?
ไม่อายเลยสิ!
แต่กานต์กลับจิตใจล่องลอย เสียงดังวิ้งๆในหู เหมือนแรงดีดกลับของปืนยังอยู่ที่ข้างหูอย่างนั้น ทำให้เขาค่อนข้างหูอื้อ
เขาเห็นแค่นรมนกับบุริศร์กำลังพูด แต่กลับฟังไม่รู้เรื่องว่าพวกเขาพูดอะไรอยู่
เขารู้ว่าหูของตัวเองมีปัญหาแล้ว
แต่เขาไม่อยากให้พ่อแม่ของเขาเป็นกังวล ในเมื่อฟังได้ไม่ชัดเจน แต่ดูจากท่าทางของนรมนกับบุริศร์ก็พอจะเดาได้ว่าพวกเขาถามอะไร
กานต์พูดนิ่งๆ: “ผมไม่เป็นไรครับ เบื้องบนหานักจิตวิทยาให้แล้ว ผมกำลังรอนัดหมายอยู่”
นรมนได้ยินลูกชายพูดแค่นักจิตวิทยา จึงคลายกังวลลงได้ แต่สีหน้าของบุริศร์กลับเคร่งขรึม
นักจิตวิทยางั้นเหรอ?
กานต์อยู่ในเขตทหารมากี่ปีแล้ว?
สิบเจ็ดปีแล้วนะ!
คนที่อยู่ในเขตทหารมาสิบเจ็ดปีไม่นึกว่ายังต้องได้รับคำปรึกษาด้านสุขภาพจิตอีก?
“นรมน คุณไปซื้อของกินให้เขาหน่อย ผมว่าที่เจ้านี่คงไม่มีอะไรกินเลย คงจะหิวบ้างแล้วแหละ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนได้สติทันที มองไปรอบๆด้านก็เรียบง่ายจริงๆ นอกจากเตียงนอนก็เหมือนไม่มีอย่างอื่นเลย
“อื้ม ฉันจะไปซื้อของกินหน่อย คุณอยู่เป็นเพื่อนเขานะ”
นรมนมองแผ่นหลังที่อ้างว้างของลูกชาย หัวใจจึงบีบรัดจนเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง
เห็นนรมนออกไปแล้ว บุริศร์ถึงได้เอ่ยปากถามขึ้น: “ช่วงนี้มีภารกิจอะไรถึงต้องได้รับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา? แกเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
แต่เหมือนกานต์ไม่ได้ยินอะไรเลย ยังคงยืนอยู่ที่ด้านหน้าหน้าต่าง ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
“กานต์ พ่อพูดกับแกอยู่นะ!”
เสียงของบุริศร์ค่อนข้างดัง แต่กานต์ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
จู่ๆเขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง พุ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของกานต์อย่างรวดเร็ว ดึงแขนของเขามาทางตนเองทันที สีหน้าเปลี่ยนไป
“หูของแก……”
ถือว่ากานต์ได้เห็นสีหน้าของบุริศร์รวมไปถึงปากที่กำลังพูดอยู่แล้ว
มุมปากที่ดูดีของเขายกขึ้นเล็กน้อย พูดขึ้น: “พ่อครับ เหมือนผมจะไม่ได้ยินแล้ว ไม่รู้ว่าจะเป็นแค่ชั่วคราวหรือตลอดไป หูอื้อตลอดเลย”
เขายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แต่หัวใจของบุริศร์กลับเจ็บปวดเหลือเกิน
เขาต่อยไปที่ไหล่ของกานต์ แต่เบ้าตากลับร้อนผ่าว
“เจ้าบ้านี่ ถ้าแม่แกรู้ต้องเสียใจตายแน่! เข้าสนามรบไม่รู้จักหลบกระสุนหรือไง?”
เขาพูดเร็วเกินไป กานต์มองรูปปากตามไม่ทัน ดวงตาเรียวยาวที่น่ามองหรี่ลงเล็กน้อย ค่อนข้างเสียใจ ค่อนข้างพ่ายแพ้
บุริศร์เคยเห็นลูกชายหดหู่ขนาดนี้เมื่อไหร่กัน?
เขาดึงลูกชายที่สูงกว่าตนเองเล็กน้อยเข้ามา กอดเขาเอาไว้แน่น พูดเบาๆ: “พ่อจะหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาแกให้หาย แกวางใจเถอะ ต้องหายอยู่แล้ว”
กานต์ไม่รู้ว่าบุริศร์พูดอะไร ทว่ากลับค่อนข้างสบายใจ แต่สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
เขามีเรื่องในใจ!
แต่เขาผู้เป็นพ่อไม่นึกว่าจะไม่รู้!
บุริศร์ทุกข์ใจมาก กำลังอยากจะพูดอะไร แต่ด้านนอกกลับมีเสียงรองเท้าส้นสูงลอยเข้ามา ฟังเสียงออกเลยว่าอีกฝ่ายรีบร้อนมาก
“กานต์!”
อีกฝ่ายผลักประตูเข้ามาทันที สาวสวยคนหนึ่งพุ่งเข้ามา ตอนที่เห็นบุริศร์ก็ชะงักเล็กน้อย รีบลดฝีเท้าลง
“คุณลุงบุริศร์สวัสดีค่ะ”
บุริศร์รีบปล่อยกานต์ออก จึงทำให้เขาเห็นคนที่มา
ไอรานั่นเอง!
บุริศร์รู้อยู่แล้วว่าหลายปีนี้ไอราอยู่ในประเทศZด้วยสถานะของนักเรียนต่างชาติ เจอกับกานต์อยู่บ่อยครั้ง
ตอนเด็กๆทั้งสองคนแค่เจอกันก็ตีกันตลอด โตแล้วกลับอยู่ด้วยกันได้อย่างดี ในเมื่อไอรามาแล้ว บุริศร์จึงตบบ่าของกานต์อย่างเข้าใจในสถานการณ์ พยายามพูดกับกานต์ช้าๆ: “พ่อออกไปดูแม่แกหน่อย พวกแกคุยกันไปนะ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไป ตอนที่ผ่านข้างกายของไอรา จึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเบาๆ: “อบรมเขาให้เต็มที่นะ ลุงกลัวเขาจะแบกรับไม่ไหวขึ้นมากะทันหัน”
“ฉันจะทำให้ได้ค่ะ คุณลุงบุริศร์”
บุริศร์ได้ยินไอราพูดอย่างนี้ ถึงได้เดินออกไปอย่างวางใจ
แต่แค่บุริศร์ไป บรรยากาศรอบๆกานต์ก็เย็นยะเยือกมากขึ้น
“ออกไป!”
ไอราโดนความเมินเฉยของเขาเสียดแทง แต่ทว่าเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้หัวใจก็เริ่มเจ็บปวด
“ฉันโทรหาแม่ของฉันแล้ว เธอจะรีบมาให้เร็วที่สุด หูของนายจะต้องไม่เป็นไร กานต์ นาย……”
ไอราก้าวเข้าไปใกล้ๆ อยากจะดึงมือของกานต์เอาไว้ แต่กลับโดนเขาหลบเลี่ยง
“กานต์?”
ไอราตะลึงเล็กน้อย
ไม่นึกว่าเขาจะหลบเธอ?
เพราะอะไร?
ตั้งแต่โตมาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด เธอถึงขั้นคิดว่าพวกเขาสองคนจะสามารถทำลายหน้าต่างกระดาษชั้นนั้นให้ขาดไปได้แล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้คืออะไร?
ไอราเข้าไปใกล้ๆอีกครั้ง แต่กลับโดนกานต์บีบข้อมือเอาไว้ ดวงตาเรียวยาวที่น่ามองคู่นั้นตอนนี้เย็นชาราวกับพวกเขาเพิ่งรู้จักกันครั้งแรก
“เพราะอะไร? ทำไมเธอถึงปรากฏตัวอยู่ที่นั่น?”
กานต์ถามขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคู่นั้นจดจ้องไปที่ไอรา แม้จะเป็นคำถาม แต่ความหดหู่และความผิดหวังในคำพูดของเขากลับเสียดแทงไอราจนเจ็บปวด
ไม่นึกว่าเขาจะเห็นเธอ?