ผู้ชายบ้านี่ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?
ไอรารู้สึกสับสนขึ้นมาอย่างกะทันหัน นี่ก็คือผู้ชายที่เธอตามจีบมายี่สิบปี?
แม่งจริงๆ…
ช่างเถอะ ไม่สามารถบรรยายได้แล้ว พูดรุนแรงเกินไปเธอปวดใจ พูดเบาเกินไปก็ไม่ระบายอารมณ์อีกกานต์พูดถูก ผู้ชายเป็นสิ่งที่ตนเองเลือกเอง แบบไหนก็ต้องทน
หลังจากไอราคิดจุดนี้ได้ก็นิ่งเงียบไม่พูดจาแล้ว ราวกับงอนใครยังไงอย่างงั้น ทั้งยังดูเหมือนยอมแพ้โดยสมบูรณ์แบบอีก
เห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ ดวงตาที่เยือกเย็นเล็กน้อยของกานต์ในที่สุดก็มีอุณหภูมิขึ้นมาแล้ว
“ถึงเมืองชลธีเรียกฉัน ฉันงีบสักครู่”
คำพูดนี้คือพูดกับสิงหราช
สิงหราชรีบพยักหน้า เขาก็ถือว่าดูออกแล้ว คุณกานต์แคร์นายหญิงในอนาคตคนนี้จริงๆ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่บุกเดี่ยวมาช่วยเธอคนเดียว ก็แค่ค่อนข้างโมโหกับความไม่มีสมองถูกลอบวางแผนของไอรา พูดให้เคลียร์ยังไงก็ส่วนประกอบของความเป็นห่วงมากกว่าหน่อย เกรงว่าการลงโทษเมื่อสักครู่นี้ก็เป็นเพียงแค่พฤติกรรมแข็งกร้าวที่ทำลงไปทั้งหมดเพื่อปลอบประโลมใจที่ไม่เป็นสุขดวงนั้นของตนเองก็เท่านั้น
และกานต์ก็เป็นคนที่ไม่ชอบอธิบายอีก เขาทำได้เพียงเอ่ยกับไอราเบาๆว่า “ตั้งแต่ที่คุณกานต์รู้ว่าคุณเกิดเรื่องก็เริ่มดำเนินงาน ไปสถานที่ฝึกอบรมคนเดียวเลือกผู้ช่วยมาช่วยคุณ ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาว่าคุณกานต์ไม่ยอมรับช่วงต่อกิจการของตระกูล ตอนนี้คุณเกิดเรื่องแล้ว คุณกานต์ไม่พูดอะไรกลับไปที่ตระกูลโตเล็ก ตอนนี้กลายเป็นผุ้นำตระกลู คุณไอรา เมื่อคืนเขานอนไม่ถึงสามชั่วโมง”
คำพูดนี้พูดออกมา ไอรานิ่งอึ้งในทันที
“พูดมาก ตั้งใจขับเครื่องบิน”
คิ้วของกานต์ขมวดเล็กน้อย ฟังไม่ออกว่าคำพูดนี้ดีใจหรือไม่ดีใจ
สิงหราชกับกานต์ร่วมมือกันครั้งแรก สัมผัสกันครั้งแรก กับเจ้านายในภายภาคหน้าคนนี้ก็ค่อนข้างเดาอารมณ์ไม่ออก แต่ว่าที่ตนเองควรพูดก็พูดแล้ว ควรทำก็ทำแล้ว ก็ถือว่าทำหน้าที่ของผู้ช่วยอย่างเต็มที่แล้ว
จนถึงตอนนี้ สิงหราชหุบปากตั้งใจขับเครื่องบิน
ในใจของไอรากลับไม่นิ่งสงบแล้ว
เธอมองดูกานต์ พบว่าผู้ชายคนนี้นัยน์ตาต่างก็เป็นสีทั้งดำทั้งเขียว คิดถึงเงื่อนไขที่ต้องการในการกลับไปยังตระกูลโตเล็กเพื่อรับช่วงต่อคุณกานต์ขึ้นมาอีก จมูกของเธอก็แสบร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน รอบดวงตาแดงก่ำ
“กานต์ คุณปลดแล้ว?”
ตอนที่พูดคำนี้ ใจของไอราก็รู้สึกทรมาน รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ที่กองทัพภาค แต่เธอก็รู้ความรู้สึกที่กานต์มีต่อกองทัพภาค แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาก็เคยพูดว่าจะปลด แต่หากไม่มีเรื่องนี้ของตนเอง กานต์ก็ยังคงกำลังลังเลอยู่ใช่หรือเปล่า?
กองทัพภาคสำหรับกานต์แล้วเท่ากับบ้านหลังที่สอง วัยเด็ก วัยรุ่นทั้งหมดต่างก็ใช้ที่กองทัพภาค ถึงขนาดระยะเวลายาวนานกว่าอยู่ที่บ้านตระกูลโตเล็กเสียอีก
มองดูอนาคตที่สดใสของเขา กลับเป็นเพราะเธอพลั้งมือทำร้ายตัวประกัน เพราะว่าเธอทำเรื่องปลดประจำการ?
ไอราอยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่อะไรเลยจริงๆ
แม้ว่าจุดเริ่มต้นของเธอจะดี แต่ก็คือเธอที่ทำลายกานต์
ทำลายความฝันของเขา ทำลายอนาคตของเขา ทำลายความศรัทธาทั้งชีวิตของเขา
ไอรารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลายปีต่อจากนี้หากกานต์มีชีวิตที่ไม่ดีในโลกธุรกิจ จะเสียใจในภายหลังต่อการกระทำทั้งหมดในวันนี้ไหมนะ?
กานต์ฟังออกถึงความทุกข์ทรมานจากข้างในประโยคนี้ของเธอ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ลืมตาขึ้นมาในทันที
“ฉันปลดแล้วไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เดิมทีเรื่องคราวนี้ก็ค่อนข้างยุ่งยาก ฉันเพียงแต่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณ ยิ่งไปกว่านั้นพ่อแม่ฉันเธอก็รู้ หลายปีมานี้คาดหวังให้ฉันสามารถกลับไปรับช่วงต่อกิจการครอบครัวมาโดยตลอด พี่ชายฉันหลงใหลวิชาแพทย์ น้องชายทั้งสองยังเด็ก ฉันไม่กลับไปรับช่วงต่อตำแหน่งคุณกานต์ใครมารับช่วงต่อ? อย่าไม่มีอะไรก็มักจะดึงเข้าใส่ตัวเอง ถอยหลังหมื่นก้าวมาพูดถึงแม้ว่าฉันไม่เป็นทหารแล้ว กลับมาเป็นนักธุรกิจ ขอเพียงแค่ฉันอยาก ฉันยังคงสามารถทำได้ถึงผู้ที่โดดเด่นออกมา ความมั่นใจในตัวเองเช่นนี้เธอก็ยังไม่มีให้ฉัน?”
กานต์แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจของไอราก็ยังคงติดขัด จะยังไงก็ไม่จางหายไป
คิดถึงตนเองปรากฏตัวในสถานที่เกิดเหตุลักพาตัว คิดถึงตนเองถูกสายฟ้าจูงจมูก คิดถึงเรื่องต่างๆที่ไม่ยอมพูดออกมาข้างในนั้น ไอราก็ลังเลขึ้นมาแล้ว
“กานต์ ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ รอกลับถึงเมืองชลธี ฉันจะบอกกับคุณตามต้นฉบับไม่มีแก้ไข”
“ได้”
กานต์รู้ว่า นี่คือไอราคิดจะบอกกับตนเองแล้ว
เขาพยักหน้าเล็กน้อย นวดคลึงขมับอย่างเหนื่อยล้า อยู่ๆไอราก็พูดขึ้นมาว่า “คุณหลับบนตักฉันสักครู่เถอะ ฉันนวดศีรษะให้คุณสบายหน่อย”
กานต์ตะลึงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ขายาวก้าวเข้าไป สะกิดไอราทีหนึ่งอย่างทำตัวใหญ่มาก
ไอราอยากจะกลอกตามองบนขึ้นมาแล้ว
ผู้ชายคนนี้บ้าเกินไปจริงๆ
เธอเบี่ยงตัวเล็กน้อย หลีกทางให้กับกานต์
กานต์เอนตัวลงบนที่นั่งของตัวเอง นำศีรษะของตนเองพิงลงบนต้นขาของไอรา กลิ่นหอมอ่อนๆผ่านเข้ามาในโพรงจมูกของเขาอย่างละเอียด ทำให้คนรู้สึกหวั่นไหว
“ไอรา”
“หืม?”
“พวกเรากลับไปก็จดทะเบียนสมรสกันเถอะ”
กานต์ปิดตาเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ ตามสบายราวกับพูดว่าวันนี้อากาศเป็นยังไงบ้างอย่างนั้น แต่ไอรารู้ เดิมทีกานต์ก็ไม่ใช่คนที่ตามสบาย
ประโยคนี้เธอรอมายี่สิบปีในที่สุดก็มาถึงแล้ว ความรู้สึกตื่นเต้นในขณะเดียวกันก็มีความหนักแน่นเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย
เธอไม่ทำให้กานต์นึกว่าตนเองอยากจะแต่งกับเขาจนแทบจะอดใจรอไม่ไหวหรอก
“ฉันขอคิดดูก่อน”
คำพูดนี้พูดออกมา มุมริมฝีปากของไอราได้ยกสูงขึ้น บนใบหน้าล้วนเป็นรอยยิ้ม
กานต์ชะงักเล็กน้อย ราวกับคิดไม่ถึงว่าไอราจะพูดไตร่ตรอง จากนั้นลืมตาเล็กน้อย ก็จับได้ว่าไอราดีใจจนยกมุมริมฝีปากขึ้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “ยังต้องคิดหรอ? งั้นช่างเถอะ ถึงอย่างไรฉันก็ไม่เป็นไร รออีกยี่สิบสามสิบปีก็คงจะได้ ถึงเวลาค่อยแต่งงานก็ลดปัญหาไปได้มากเลย เธอดู พวกเราเวลานั้นต่างก็มีเงินปลดเกษียณแล้ว เงินก็มีเก็บสะสมบ้างแล้ว ต่อให้นอนเล่นทุกวันก็ยังได้ จากนั้นอายุเท่านั้นก็ไม่ต้องมีลูกแล้ว หลีกเลี่ยงการทรมานในการคลอดของเธอ เวลานั้นแต่งงานก็คืออยู่ด้วยกันไปจนแก่แล้ว ก็ดีเหมือนกัน ได้ เชื่อเธอก็แล้วกัน”
ไอรานิ่งอึ้งไปเลย
มาตรการนี้ไม่ถูกนี่!
เขาไม่ขอร้องเธออีกหน่อยหรอ?
ทำไมก็ยี่สิบสามสิบปีให้หลังไปเลย?
การแต่งงานวัยชราเธอเอามาทำอะไร?
“กานต์ คุณกล้าเหรอ!”
ไอราจับหูของกานต์เอาไว้ เอ่ยขึ้นอย่างโหดร้ายว่า “คุณกล้ารอถึงยี่สิบสามสิบปีให้หลังค่อยขอฉันแต่งงาน คุณดูว่าฉันจะไม่ทำให้คุณใช้การไม่ได้”
เธอทำปากจู๋ด้วยความโมโหจนหอบหายใจ สีหน้าที่แทบอยากจะให้กานต์เก็บคำพูดเหล่านั้นเมื่อสักครู่นี้กลับคืนไป ทำให้มุมริมฝีปากของกานต์ยกขึ้นมาเล็กน้อยในทันที
“คุณเล่นฉัน?”
นี่ไอราถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา โมโหจนมือที่วางอยู่บนใบหูของกานต์ออกแรงเล็กน้อย
“คุณใจกล้าขึ้นมาแล้วใช่หรือเปล่า? รู้ไหมอะไรที่เรียกว่ารักและโอ๋เมีย?”
“เธอยังไม่ใช่เมียของฉันนะ จะรักและโอ๋ยังไง?”
กานต์ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับแรงของเธอ ถึงขั้นก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรต่อการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนผู้หญิงที่ไม่มีเหตุผลในเวลานี้ของเธอ กลับเป็นสิงหราชที่มองแวบหนึ่งจากกระจกมองหลัง ในใจจะมากจะน้อยก็รู้สึกสั่นไหว
คุณกานต์คนนี้ภายนอกดูเหมือนคนที่เย่อหยิ่งเย็นชาขนาดนั้น ในสายตาของแฟนสาวกลับขยี้ได้อัดให้แบนได้อย่างรู้สึกตัดกันแบบนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำให้เขารู้สึกได้ถึงความน่ารักความหวานนี่เกิดอะไรขึ้นกัน?
ไอราเพิ่งคิดจะพูดว่าไม่อย่างนั้นก็ลงทะเบียนสิ เครื่องบินกลับโคลงเคลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน