แค้นรักสามีตัวร้าย – บทที่ 1774 ถอยออกไปให้ห่างแฟนของฉันเลยนะ

บทที่ 1774 ถอยออกไปให้ห่างแฟนของฉันเลยนะ

ไอราถูกเสียงใสของทั้งสองเรียกจนใบหน้าเริ่มแดงขึ้นมานิดๆ

“ไม่ต้องหรอก เรียกฉันว่าพี่ไอราก็พอแล้ว”

“ได้ยังไง? พี่คือผู้หญิงคนแรกที่พี่รองพามาบ้านเลยนะ ตอนแรกพี่ใหญ่เคยบอกพวกผมว่า ผู้หญิงที่ผู้ชายพามาบ้านแปลว่าจะต้องแต่งงานกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่พาเข้าบ้านหรอก ดังนั้นพี่สะใภ้รอง มีอั่งเปาไหม?”

ท่าทางเหมือนกุ๊ยข้างถนนของภาคิณทำให้กานต์หมดคำจะพูด

หลายปีที่ผ่านมาเขาอยู่ที่กองทหารตลอด กลับมาบ้านไม่บ่อยนัก พอกลับมาที่มีแต่ตามใจพวกเขา คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้จะพัฒนามาถึงขั้นขออั่งเปาคนอื่นแล้ว?

“จะมาอั่งปงอั่งเปาอะไร? มีแต่กำปั้นฉันนี่อยากได้ไหม?”

คำพูดของกานต์ทำให้ภาคิณฮึดฮัดขึ้นมาในทันที

ด้านไอราก็เอ่ยพูดยิ้มๆว่า “ไม่เป็นไร อย่าไปฟังพี่รองของแกเลย ฉันมาที่นี่ครั้งแรก แถมยังเป็นผู้ใหญ่ ก็ควรจะให้อั่งเปาพวกแกน่ะถูกแล้ว”

“งั้นมาแอดไลน์กันเถอะ พี่สะใภ้รอง”

ภาคิณยื่นคิวอาร์โค้ดในโทรศัพท์ของตัวเองออกมา

กานต์มองมาที่พวกเขาอย่างหมดคำจะพูด ในตอนนี้เองก็ได้ยินเสียงบุริศร์พูดว่า “กิจจา กานต์ พวกแกมานี่หน่อย”

ทั้งสองมองตากัน

กานต์กลับมาช้า จึงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อจู่ๆถูกบุริศร์เรียกเข้าไปแบบนี้ ก็อดที่จะใช้สายตาสอบถามกิจจาไม่ได้

กิจจาส่ายหน้า แสดงออกว่าตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

หลังจากที่ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องหนังสือ บุริศร์ก็หยิบเอกสารออกมาจากตู้ยื่นให้พวกเขา

“ตอนนี้พวกแกอยู่ในวัยสร้างเนื้อสร้างตัว อีกหน่อยกิจจาก็จะหมั้น ส่วนกานต์ก็คงเร็วๆนี้เหมือนกันใช่หรือเปล่า? นี่คือหุ้นของบริษัท ฉันแบ่งเอาไว้ตั้งนานแล้วล่ะ สมบัติของตระกูลโตเล็กแกสองพี่น้องเอาไปแบ่งกันคนละครึ่ง”

คำพูดของบุริศร์ทำให้กิจจาและกานต์นิ่งไปเล็กน้อย เอ่ยถามอย่างพร้อมเพรียงว่า “คนละครึ่ง? แล้วภาคิณกับภาณล่ะ? ไหนจะกมลอีก?”

“นี่แหละเป็นเรื่องแรกที่ฉันกำลังจะพูดกับพวกแก”

บุริศร์นั่งลง ส่งสัญญาณให้พวกเขานั่งลงด้วย จากนั้นก็พูดว่า “พวกแกเป็นลูกคนโตของฉัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุหรือเหตุผลอะไร สมบัติของตระกูลก็ต้องตกเป็นของพวกแกทั้งนั้น ส่วนกมล เธอเป็นผู้หญิง ไม่ช้าก็เร็วต้องแต่งออกเรือนในสักวัน เรื่องสินเดิมพวกแกตระเตรียมไว้ได้เลย ฉันกับแม่พวกแกจะไม่เข้าไปมีส่วนร่วม”

เรื่องนี้กานต์กับกิจจาไม่ได้คัดค้านอะไร

เมื่อลูกชายทั้งสองไม่มีความเห็นต่าง บุริศร์ก็พูดต่อว่า “ส่วนภาคิณกับภาณ พวกแกก็น่าจะรู้ ในอนาคตพวกเขาต้องสืบทอดตระกูลพรโสภณ เหล่าอาๆของพวกแกก็ไม่ค่อยสนใจสมบัติของตระกูลพรโสภณเท่าไหร่นัก ก่อนที่คุณตาของพวกแกจะเสียก็ยังทิ้งท้ายเอาไว้ว่าทุกอย่างของตระกูลพรโสภณต้องให้เด็กทั้งสองคนนี้สืบทอด แม้ว่าทรัพย์สินของตระกูลพรโสภณจะมีไม่เท่าตระกูลโตเล็ก แต่ก็ต้องดูแลจัดการให้ดีต่อไป ดังนั้นพวกแกต้องคอยประคองน้องๆอยู่ข้างหลัง เข้าใจไหม”

“เข้าใจครับ”

กานต์ไม่ได้คิดอะไรมาก ยังไงก็เป็นพี่น้องกันทั้งนั้น อะไรที่ช่วยได้ก็จะช่วยแน่นอน

ทว่ากิจจากลับพูดเสียงเบาออกมาว่า “ผมค่อนข้างยุ่งเรื่องที่คณะ ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องธุรกิจหรอกครับ ในเมื่อกานต์รับช่วงต่อกิจการและตำแหน่งผู้นำของตระกูลโตเล็กแล้ว งั้นก็ให้กานต์ดูแลจัดการคนเดียวเถอะครับ”

“พี่ใหญ่ ผมเองก็ไม่ต่างจากพี่เท่าไหร่หรอก ผมกับไอรายังต้องกลับไปที่บ้านเธอเหมือนกันนะ”

กานต์รีบคัดค้าน

กิจจากลับดันกรอบแว่นขึ้นแล้วพูดว่า “ตอนนี้ฉันมีสถาบันวิจัยสามแห่งและโปรเจ็คอีกยี่สิบกว่าโปรเจ็คอยู่ในมือ เวลา24ชั่วโมงในหนึ่งวันฉันใช้มันจนแทบจะกลายเป็น48ชั่วโมง ขนาดนี้โปรเจ็ควิจัยของฉันก็ยังไม่เสร็จเลย อีกอย่างพ่อก็มอบหมายให้ฉันวิจัยหมู่บ้านดารายนด้วย ฉันอยากช่วยแกอยู่นะน้องชาย แต่น่าเสียดายที่พี่ชายคนนี้ไม่มีเวลา”

กานต์ดึงปาก

“ได้ ผมรับช่วงต่อเองก็ได้ ผมพอจะดูออก รู้งี้ไม่น่ากลับมาเลย”

“แกกลับมาช้า ถ้าแกกลับมาเร็วกว่านี้สักปีสองปี ฉันกับแม่แกคงได้เที่ยวรอบโลกไปหลายเมืองละ”

บุริศร์พูดออกมาเหมือนไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พลันทำให้กานต์รู้สึกอยากต่อยหน้าคน

แต่ไม่รู้ว่าต่อยพ่อตัวเองแล้วจะบาปหรือเปล่า

กิจจาเม้มริมฝีปากขำออกมานิดๆ

กานต์เอ่ยถามอย่างฮึดฮัดว่า “พี่ใหญ่ พี่กำลังจะหมั้นนี่ แล้วพี่สะใภ้รองคือใครล่ะ?”

“แกไม่รู้จักหรอก เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ไว้เดี๋ยวฉันจะพาเข้าบ้านมาให้แกรู้จักแล้วกัน”

“ได้”

พี่น้องทั้งสองคนหันมาคุยกันปล่อยให้บุริศร์เป็นมนุษย์ล่องหน

“นี่ พี่ใหญ่ ผมจำได้ในครอบครัวเราพี่พาผู้หญิงมาบ้านเร็วที่สุดนี่? แถมยังเป็นคนแอฟริกาอีก ตอนนั้นทำเอาพ่อกับแม่ตกใจแทบแย่”

กานต์นึกถึงเรื่องราวในอดีต ก็อดที่จะขำออกมาไม่ได้

การได้กลับบ้านเป็นอะไรที่ดีมากจริงๆ

ในตอนที่อยู่กองทัพ ต้องรักษากฎวินัย คอยตื่นตัวระวังภัย และเตรียมพร้อมออกรบตลอดเวลา อารมณ์ก็มักจะเครียดเกร็งตามไปด้วย แต่พอได้กลับบ้าน ได้มาอยู่กับพี่น้องและคนในครอบครัว เขาก็รู้สึกผ่อนคลายแปลกๆ

ความรู้สึกนี้มันยากที่จะจากจริงๆ

เมื่อกิจจาได้ยินคำพูดนี้ ก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

“ตอนนั้นที่พาผู้หญิงคนนั้นมาด้วยเพราะไม่มีทางเลือก พวกแกคิดไปไกลเอง”

“โอ๊ะๆๆ ตอนนั้นใครไม่รู้เป็นคนพูดว่าถ้ามีความรักก็ไม่ต้องรีบพาใครกลับมาบ้าน นอกเสียจากว่าจะแต่งงานกัน”

กิจจาโดนกานต์แซวจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จึงใช้เท้าถีบเขาไปที จากนั้นก็เหลือบตามองบนราวกับรอบข้างไม่มีใคร แล้วหันหลังเดินออกไป

กานต์หัวเราะเหอะๆ เมื่อเห็นบุริศร์มองมาที่เขากับกิจจาอย่างฮึดฮัด กานต์ก็หุบยิ้มฉับ เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “คุณบุริศร์ ในฐานะที่คุณต้องกลายมาเป็นคนยื่นขออนุมัติเงินเกษียณกับผมนับตั้งแต่นี้ มีอะไรอยากพูดไหม?”

“ฉันอยากพูดว่าเมื่อไหร่แกจะเชื่อมสมุดบัญชี”

เมื่อบุริศร์พูดคำนี้ออกมา มุมปากของกานต์ก็พลันหุบฉับ

เขารีบเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงลิงโลดของภาคิณกับภาณดังขึ้นมาว่า

“พี่สะใภ้รอง ใจดีมากๆ!เชร้ด ให้อั่งเปาตั้งหกแสนหกแหนะ รวยโคตร!”

“ผมดูตั้งหลายรอบ ยังนึกว่าตัวเองดูผิดอยู่เลย พี่ภาคิณ เราได้หกแสนหกจริงๆเหรอ?”

ภาณมองมาที่พี่ชายท้องเดียวกันอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ด้านกานต์ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

ถึงยังไงสองแสบนี้ก็เป็นคุณชายตระกูลโตเล็ก ต้องดีใจเว่อร์เหมือนชีวิตนี้ไม่เคยเห็นเงินขนาดนี้เลยเหรอ?”

“พวกแกสองคนเอาเงินไปคืนให้แฟนของฉันเลยนะ”

ภาคิณกับภาณนิ่งไปทันที ในขณะเดียวกันก็พากันจับโทรศัพท์เอาไว้แน่นอย่างพร้อมเพรียง

“พี่รองไม่เอาอย่างนี้สิ นี่คืออั่งเปาที่พี่สะใภ้รองให้พวกผมมานะ พี่จะมาขโมยไปไม่ได้!”

“ใช่ๆ ผมกับพี่ภาคิณใกล้จะเข้ามหาลัยแล้ว อีกหน่อยเดี๋ยวก็มีแฟน มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินอีกมากมาย เงินค่าขนมแสนหนึ่งที่พ่อแม่ให้พวกผมแต่ละเดือนมันไม่พอหรอกนะ”

ภาคิณกับภาณเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทันใดนั้นกานต์ก็ยิ้มออกมาอย่างแปลกๆ “ที่แท้พวกแกก็ได้ค่าขนมเดือนละตั้งเป็นแสน!ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ค่าขนมในทุกๆเดือน จะไม่มีไปมากกว่านี้ วันๆพวกแกเอาแต่กินไม่ทำอะไร ยังได้ค่าขนมมากว่าเงินเดือนตอนฉันอยู่กองหทารอีก มันน่าหัวร้อนนัก ไม่รับความเห็นต่างอะไรทั้งนั้น!”

เมื่อกานต์พูดคำเหล่านี้ออกมา สองพี่น้องก็โหยหวนออกมาในทันที ส่วนไอราก็หัวเราะขำ

เธอพบว่านับวันตัวเองก็ยิ่งชอบตระกูลโตเล็กขึ้นเรื่อยๆ

แค้นรักสามีตัวร้าย

แค้นรักสามีตัวร้าย

Status: Ongoing

ไฟเผาความรักทั้งหมดของนรมนที่มีต่อบุริศร์ หลังจากห้าปี เธอกลับไปอย่างงดงามและเพื่อทวงความยุติธรรมสำหรับตัว เธอเอง แต่คาดไม่ถึงว่าเด็กชายที่ถูกพากลับมาด้วยนั้นมีแผน มากกว่าเธอ เด็กน้อยยืนอยู่ข้างหน้าบุริศร์ กล่าวอย่างไร้เดียง สาว่า “คุณลุง สามารถช่วยผมได้ไหม? ผมขอร้อง” บุริศร์ รู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานการวิงวอนของเด็กได้ คุกเข่าลง เพื่อช่วย แต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกพ่นใส่หน้า อยู่มาวันหนึ่ง บุริศร์ พูดกับเด็กชายหน้าตาดีว่า “เด็กน้อย นี่คือห้องของฉัน!” “แต่ ว่าผมอยากนอนกับหม่าม พวกเรานอนด้วยกันมาห้าปีแล้ว” ชายหนุ่มร้องไห้… แค่ไปจีบภรรยากลับมาเท่านั้น ทำไมลูก ของฉันถึงเอาใจยากเหลือเกิน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท