“พอแล้วๆ กมลก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ นี่นายทำอะไรน่ะ? อีกหน่อยถ้าเรามีลูกสาว แล้วนายยุ่งวุ่นวายขนาดนี้ฉันจะไม่เชื่อฟังนายนะ”
แค่ไอราพูดออกไป กมลกับกานต์ต่างก็ชะงักไปชั่วครู่
กมลรีบยกนิ้วโป้งให้ไอรา ส่วนกานต์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ดีสุดๆเลย
ลูกสาวเหรอ?
ลูกสาวของเขากับไอรา!
อื้ม แค่คิดๆก็ไม่เลวแล้ว
เจ้าก้อนแป้งนุ่มๆนิ่มๆ อยากจะตามใจยังไงก็ได้
“ตามนี้แหละ อีกไม่นานเราสองคนจะมีลูกสาวสักคน”
คำพูดนี้ของกานต์ เหมือนกับเขาเป็นคนตัดสินใจว่าจะให้กำเนิดลูกชายหรือลูกสาวได้ยังงั้นแหละ ทำเอาไอราพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย
“รีบไปกันเถอะ พวกเราจะสายแล้วนะ”
จริงๆไอราค่อนข้างทำตัวไม่ถูก จึงรีบดึงกานต์ขึ้นรถ
กมลเห็นไอราจัดการพี่ชายของตัวเองได้อยู่หมัด จึงอดไม่ได้ที่จะแอบยิ้มขึ้นมา
ดูแล้วต่อไปอิสรภาพในการมีความรักของเธอคงต้องประจบพี่สะใภ้รองคนนี้ให้เต็มที่ซะแล้ว
ทั้งสามคนขึ้นไปบนรถ กานต์เป็นคนขับ อย่างรวดเร็วก็ถึงสถานที่ที่นัดกับณิตาแล้ว เพียงแต่ณิตายังมาไม่ถึง
กมลจึงสงสัยขึ้นมา
“ยัยณิตานัดพวกเรา ก็ไม่ควรมาสายสิ ทำไมตอนนี้ยังมาไม่ถึงอีก?”
ถึงไอราจะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ค่อนข้างเป็นห่วง
“งั้นให้ฉันรอเป็นเพื่อนพวกเธอสักพักไหม?”
“ไม่ต้องหรอก นายไปทำงานเถอะ”
ไอรารู้ว่ากานต์เพิ่งรับช่วงต่อYS Group ตอนนี้กำลังเป็นช่วงที่ยุ่งวุ่นวาย เธอกับกมลต่างก็เป็นคนที่มีทักษะป้องกันตัวอยู่แล้ว คงไม่โดนใครรังแกหรอก
กานต์พยักหน้า แล้วชี้ๆไปที่แก้มของตนเอง ทำเอาไอราหน้าตางงงันและประหลาดใจ
“หมายความว่าไง?”
กมลที่อยู่ข้างๆเห็นแล้วก็ค้อนขวับทันที
เธอไม่รู้เลยว่าหลังจากที่พี่ชายแท้ๆของตนเองมีความรักแล้วจะเลี่ยนขนาดนี้
แต่ก่อนยังคิดอยู่ว่าชีวิตนี้ของกานต์คงจะครองตัวโสด คิดไม่ถึงว่าเขาจะเรียนรู้การโชว์หวานต่อหน้าคนโสดได้ด้วยตัวเอง นับถือจริงๆ
กมลมองไอราที่กำลังงุนงง แล้วก็มองกานต์ที่หน้าตาเคร่งขรึมเล็กน้อย จึงรีบก้าวเข้าไปใกล้ๆ ออกแรงผลักไอราทันที
ไอราไม่ทันตั้งตัว จึงพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของกานต์อย่างกะทันหัน แล้วจุ๊บลงไปที่แก้มของกานต์พอดิบพอดี
เธอรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนไฟจะลุกขึ้นมาอยู่แล้ว
ส่วนกานต์กลับอมยิ้ม พูดขึ้น: “ยัยบ๊อง ต่อไปจำเอาไว้ด้วยนะ”
พูดจบเขาก็จูบลงไปบนใบหน้าของไอราทันที ถึงได้หมุนตัวเดินกลับไป ทิ้งให้ไอราจิตใจว้าวุ่นอยู่คนเดียว
โดนกานต์จูบในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่แต่ก่อนเธอไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ อีกอย่างเห็นๆอยู่ว่ากานต์ก็ไม่ได้เป็นคนที่เปิดเผยขนาดนั้น เพียงแต่ความอบอุ่นใจที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้ไอราตะลึงงันไปเลย
กมลเม้มปากยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เข้ามาใกล้ๆใช้แขนกระทุ้งไอราที่กำลังเหม่อลอยพูดขึ้น: “พี่ฉันเดินไปแล้ว ยังอาลัยอาวรณ์อยู่อีกเหรอ? ตอนนี้พวกเธออยากจะเป็นเหมือนแฝดสยามที่ตัวติดกันทั้งวันให้ได้เลยใช่ไหมล่ะ?”
ไอราได้สติกลับมาทันที จึงนึกถึงเมื่อกี้ที่กมลทำอะไรลงไป
“เธอยังกล้าพูดอีกนะ? เมื่อกี้ใครผลักฉัน?”
เธอถกแขนเสื้อขึ้น ท่าทางอยากจะสั่งสอนกมล
กมลหัวเราะไปหลบไป พูดขึ้น: “พี่ฉันรอให้เธอจุ๊บเขา แต่เวลานั้นเธอดันโง่ซะได้ ถ้าฉันไม่ช่วยเธอ คงไม่ได้จุ๊บง่ายๆอย่างนี้หรอก ไม่แน่พี่ฉันอาจจะกินเธอตรงนี้เลยก็ได้”
“ไปให้พ้นเลยนะ! วันๆเอาแต่พูดจาเหลวไหล”
แม้ไอราจะต่อว่ากมล แต่ทว่ามุมปากกลับเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
“อีกอย่างนะ ต่อให้จะกิน ก็ต้องเป็นฉันที่กินพี่เธอ! อย่าลืมสิ ฉันน่ะจีบพี่เธอมาตั้งยี่สิบปีนะ”
“จ้าๆๆ เธอจีบเขามายี่สิบปีแล้ว เธอเนี่ยมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ที่สุดเลย”
กมลส่ายหน้า แต่ในใจกลับเตือนตนเองเอาไว้ ชีวิตนี้จะไม่ทำให้ตนเองลำบากเช่นนี้เพื่อผู้ชายคนไหนเลย
จากที่เธอเห็น ถ้าไอราไม่ได้ถูกใจกานต์มาตั้งแต่เด็กๆ ก็คงไม่ถึงขั้นต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาใช้ชีวิตอยู่ที่ด้านนี้เพียงคนเดียวหรอก
ความกล้าหาญอย่างนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมี
ส่วนกมลคนอย่างเธอน่ะตั้งแต่เด็กก็เติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักความเอาอกเอาใจจากพ่อและพี่ๆ ถ้าเธอต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเพื่อผู้ชายสักคน ก็ฝันไปเถอะ
ทั้งสองคนไปที่ร้านกาแฟ ส่วนณิตายังมาไม่ถึง ทั้งสองคนจึงสั่งกาแฟมาค่อยๆดื่ม แล้วเปิดประเด็นหัวข้อสนทนาเลย
“ไอรา เธอว่าพี่ใหญ่ฉันจะแต่งงานกับสิชาจริงๆเหรอ?”
“ไม่รู้สิ”
ไอราไม่ได้สนิทกับกิจจา แม้เธอจะชอบกานต์ และได้รับความชื่นชอบจากคนอื่นๆของตระกูลโตเล็กด้วย แต่ปกติแล้วทุกคนก็จะต่างคนต่างยุ่งเรื่องของตัวเอง พูดตามความจริงโอกาสที่จะได้นั่งคุยความในใจกันมีไม่เยอะหรอก โดยเฉพาะกิจจา สุขุมเก็บตัว ทั้งยังยุ่งอยู่กับข้อมูลในสถาบันวิจัยเป็นเวลานานๆ ถึงจะใส่แว่นตาขอบทองที่ดูแล้วค่อนข้างสุภาพเรียบร้อย แต่ไอรารู้ว่า ผู้ชายของตระกูลโตเล็กไม่ง่ายดายเลย
กมลพูดด้วยความกลุ้มใจ: “ปกติพี่ใหญ่ฉันก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ แค่ดีกับณิตาบ้างก็เท่านั้น ภายหลังณิตาไปต่างประเทศแล้ว ข้างกายพี่ใหญ่ฉันจึงไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกเลย เธอว่าสิชาเข้ามาใกล้ชิดกับพี่ใหญ่ฉันได้ยังไง? แล้วยังท้องลูกของพี่ใหญ่ฉันอีก? แค่นึกถึงผู้หญิงเจ้าชู้คนนั้น แต่ในท้องกลับมีสายเลือดของตระกูลโตเล็กของพวกเราอยู่ฉันก็รู้สึกแย่สุดๆเลย”
ไอรารู้นิสัยของกมลดี เธอเป็นเจ้าหญิงน้อยของตระกูลโตเล็ก โดนตามใจมาตั้งแต่เด็กจนโต แน่นอนว่าไม่ชอบใครก็พูดออกมาตรงๆ อันที่จริงนิสัยของเธอกับกมลค่อนข้างคล้ายกัน สำหรับสิชาเธอก็ไม่ชอบเหมือนกัน
“เรื่องนี้จะจัดการยังไงคงต้องดูพี่กิจนั่นแหละ ถ้าเขายังยืนกรานว่าจะแต่งงานกับสิชา พวกเราก็คงจนปัญญา”
คำพูดนี้ของไอรากลับเป็นความจริงที่ต้องยอมรับ
กมลกลุ้มใจขึ้นมาทันที
ตอนที่ณิตามาถึงแล้วได้ยินประโยคนี้พอดี จึงขมวดคิ้วขึ้นมา
“พี่กิจจะแต่งงานกับสิชาเหรอ?”
กมลกับไอราได้ยินเสียงของณิตาจึงรีบหันไป
“ณิตา เธอมาแล้วเหรอ?”
กมลรีบเรียกพนักงานเสิร์ฟ แล้วสั่งคาปูชิโน่ให้ณิตาหนึ่งแก้ว
ณิตากลับดื่มไม่ลงแล้ว กำลังมองกมลกับไอราแล้วถามขึ้นอย่างร้อนรน: “เมื่อกี้ที่พวกเธอพูดจริงหรือเปล่า? พี่กิจจะแต่งงานกับสิชาเหรอ?”
เรื่องนี้กมลไม่รู้ว่าควรจะพูดกับณิตายังไงดี
เนื่องจากไอรากับณิตาเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตั้งแต่เด็กก็ชอบผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกัน แล้วยังเป็นผู้ชายของตระกูลโตเล็กด้วย ดังนั้นตั้งแต่เริ่มแรกทั้งสองคนจึงอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งตอนที่ณิตาไปต่างประเทศ
ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว แต่กิจจากลับจะแต่งงานกับคนอื่น แล้วยังเป็นน้องสาวต่างแม่ของเธอด้วย ความรู้สึกนี้คงแย่มากสินะ
ไอราดึงมือของณิตาเอาไว้ กำลังพูดปลอบใจ: “พี่กิจพูดอย่างนี้ และตามที่พูดๆกันก็กำลังจะเริ่มคุยกันเรื่องงานหมั้นระหว่างสองครอบครัวแล้ว ณิตา เธอ……”
“สิชาผู้หญิงคนนั้นใช้ลูกไม้อะไรทำให้พี่กิจยอมแต่งงานกับเธอ?”
สีหน้าของณิตาซีดขาวราวกับกระดาษ แต่ทว่าดวงตากลับเปล่งประกาย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นผู้หญิงที่มีความคิดเป็นของตัวเอง
กมลพูดเหยียดหยาม: “จะเป็นอะไรได้ล่ะ? พี่ใหญ่ฉันบอกว่าสิชาท้องลูกของเขา ดังนั้นจะหมั้นกันไว้ก่อน พวกเธอก็รู้ สิชาเป็นคนเจ้าชู้ สรุปว่าในท้องเป็นสายเลือดของพี่ใหญ่ฉันหรือเปล่า ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้”
แค่พูดออกไป ณิตาก็ตะลึงงัน
สิชาท้องลูกของกิจจางั้นเหรอ?