“พี่ไม่ได้จะลองเสื้อเหรอ?”
กมลกำลังมองกานต์อย่างหยอกเย้ายิ้มถามขึ้น
กานต์ชำเลืองมองเธอ พูดอย่างไม่ใส่ใจ: “เธอหาเรื่องเจ็บตัวสินะ?”
“ฉันแค่อยากรู้ว่ากล้ามท้องแปดก้อนที่ไอราพูดถึงมันจริงหรือเปล่า?”
กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นผู้หญิงก็ทำตัวให้เหมาะสมกับเป็นผู้หญิงหน่อย แล้วก็ เธออย่ามาชักนำไอราไปในทางที่ไม่ดี”
“โห สรุปว่าภรรยาพี่ชักนำฉันไปในทางที่ไม่ดี หรือฉันชักนำเธอไปในทางที่ไม่ดีกันแน่? กานต์ พี่พูดให้รู้เรื่องเลย ตอนนี้ฉันเป็นคนโสดนะ!”
กมลค่อนข้างกลุ้มใจแล้ว
แต่กานต์กลับพูดอย่างเมินเฉย: “การเป็นคนโสดเหมือนจะไม่ได้ขัดขวางให้เธอจินตนาการถึงผู้ชายนะ”
“กานต์!”
กมลรู้สึกว่าตนเองโดนทำร้ายเข้าแล้ว
แต่กานต์กลับยิ้มพูดขึ้น: “เธอมาเพื่อพูดกับพี่เรื่องนี้เหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่”
กมลนั่งลงตรงข้ามกานต์ทันที หาแก้วเซรามิกหนึ่งใบแล้วส่งไปให้
“ชาดิบเหรอ?”
“อื้ม”
กานต์พยักหน้า
ช่วงนี้เขาค่อนข้างชอบรสชาติของชาผู่เอ๋อร์ดิบ ดังนั้นจึงต้มขึ้นมานิดหน่อย แต่ทว่าเห็นท่าทีขมวดคิ้วของกมล เขาจึงหยิบชุดต้มชาอีกชุดขึ้นมา ต้มชาสุกให้
กมลกำลังมองท่าทีสูงส่งของกานต์ ตรงไหนมีแบบอย่างของชายชาติทหารที่หยาบๆอยู่บ้าง?
แม้จะผ่านการฝึกฝนอยู่ที่กรมทหารมาหลายปีขนาดนี้ แต่เขายังคงมีท่าทีของคุณชายผู้สูงศักดิ์ สุขุมเก็บตัว ห่างเหินเย็นชาอยู่ดี
“พี่ ฉันจำได้ว่าแต่ก่อนพี่ไม่ใส่ใจไอราเลย จู่ๆทำไมถึงยอมรับความรู้สึกของเธอล่ะ?”
คำพูดของกมลทำให้ท่าทีที่กำลังต้มชาของกานต์หยุดชะงักไปชั่วครู่ ชำเลืองมองเธอ แล้วพูดขึ้น: “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
“พี่นี่เป็นคนที่ไม่น่ารักเอาซะเลยนะ”
กมลอดไม่ได้ที่จะแขวะ
แต่กานต์กลับพูดอย่างไม่ใส่ใจ: “น่ารักมันหมายถึงผู้หญิงนะ เธอคิดว่าใช้กับพี่มันเหมาะสมเหรอ?”
“ก็ได้ งั้นฉันถามตรงๆเลยนะ ทำไมจู่ๆพี่ถึงยอมรับไอรา?”
“เธอทำให้หวั่นไหวไง น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันเลยกร่อนไม่ได้เหรอ?”
กานต์พูดนิ่งๆ
แต่กมลกลับเบ้ปาก: “พี่เนี่ยนะ? น้ำหยดลงหินทุกวันหินก็เลยกร่อน? หัวใจของพี่ทำมาจากเพชรนะ น้ำอะไรก็หยดจนกร่อนไม่ได้หรอก รีบๆบอกมาสิ พี่รู้เรื่องอะไรใช่ไหม?”
“เธอคิดว่าพี่ควรจะรู้เรื่องอะไรล่ะ?”
กานต์วางกาน้ำชาลง ยิ้มมองกมล
ในใจของกมลต่อว่าเขาเจ้าเล่ห์ทันที แต่กลับไม่ปกปิดอะไรอีกแล้ว
“พี่รู้เรื่องที่ไอราเป็นคนบริจาคไตให้พี่แล้วใช่ไหม?”
ประโยคนี้ถามขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ท่าทีของกานต์กลับไม่แปลกใจเลยสักนิด
น้องสาวของตนเองคนนี้ในสายตาของคนนอกก็เหมือนกับตุ๊กตาเซรามิกตัวหนึ่ง แต่พวกเขาคนของตระกูลโตเล็กต่างก็รู้ว่า ภาพลักษณ์ภายนอกที่สวยหวานของกมล ความจริงกลับเป็นตัวแทนที่แสดงถึงตัวตนของคนในตระกูลโตเล็ก
เขาแค่เงียบไปชั่วครู่ แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่กมลรู้ว่าตนเองเดาถูกแล้ว
“เพราะเรื่องนี้พี่ถึงยอมรับไอรางั้นเหรอ?”
“เธออยากถามอะไรกันแน่?”
กานต์รู้ ถ้าวันนี้ยัยน้องสาวนี่ไม่ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์อะไรจากปากของเขาคงไม่ยอมไปแน่ๆ
กมลถามขึ้นอย่างจริงจัง: “พี่รักไอราไหม?”
“ช้าเร็วก็ต้องรักอยู่ดี”
คำพูดนี้ของกานต์ทำให้กมลค่อนข้างโมโห
“พี่ ถึงพี่จะเป็นพี่ชายฉัน แต่ไอราโตมากับฉัน แทบไม่แตกต่างจากพี่สาวน้องสาวแท้ๆของฉันเลย ถึงขั้นที่บางครั้งความรู้สึกของเราสองคนไม่เหมือนกับพวกพี่ด้วยซ้ำ ฉันไม่อยากให้เธอเสียใจ!”
“ไม่มีทาง! พี่จะดีกับเธอตลอดไป ถึงพี่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติต่อเธอใช่ความรักหรือเปล่า แต่พี่จะเอาอกเอาใจเธอ ปกป้องเธอ ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากที่แน่ใจในความสัมพันธ์แล้ว พี่รู้สึกว่าพี่ค่อนข้างชอบอยู่กับเธอ”
กานต์พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มๆ
แม้กมลจะไม่ได้รับคำตอบที่ตนเองอยากฟังที่สุด แต่ทว่าพี่ชายตนเองพูดอย่างนี้ก็แสดงว่าเขายอมรับไอราแล้ว ยินยอมที่จะเริ่มต้นความรักครั้งนี้กับเธอ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี
“ไอราไม่รู้ว่าพี่รู้เรื่องที่เธอบริจาคไตสินะ?”
“เธอไม่อยากให้พี่รู้ งั้นพี่ก็จะไม่รู้ ดังนั้นเธอก็ไม่ได้คุยอะไรกับพี่ที่นี่ เข้าใจไหม?”
กานต์ถลึงตาใส่กมลเป็นคำเตือน
กมลจึงรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาทันที
พูดไปพูดมานี่เป็นความเอาใจใส่ระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยาใช่ไหม?
เธอยุ่งเรื่องคนอื่นมากไปสินะ?
บ้าเอ้ย!
“กานต์ พี่นี่วอนให้ฉันทุบจริงๆเลยรู้ตัวไหม?”
“เธอสู้พี่ไม่ได้หรอก”
น้ำเสียงอวดดีอย่างนี้ของกานต์แทบจะทำให้กมลโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้ว
“แล้วพี่รู้เรื่องที่ไอราบริจาคไตให้พี่ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ตอนที่เธอปรากฏตัวอยู่ในสถานที่ลักพาตัว”
คำพูดนี้ของกานต์กลับเกินกว่าที่กมลคาดเอาไว้
“เป็นไปได้ไง?”
“ก่อนเกิดเหตุการณ์ลักพาตัว พวกพี่ได้จับตาดูโจรลักพาตัวคนนั้นเอาไว้แล้ว แต่ทว่าข้อมูลของโจรลักพาตัวยังไม่ได้สืบสวนออกมาอย่างสมบูรณ์ กลับเกิดการลักพาตัวพริมรตาขึ้นมาก่อน ภายใต้สถานการณ์เร่งด่วน พี่ทำได้เพียงช่วยเหลือตัวประกันก่อน แต่วินาทีนั้นที่ได้เห็นไอราอยู่ในสถานที่ลักพาตัวพี่ก็นึกถึงคำพูดที่นะโมเคยพูดไว้ ครึ่งปีก่อนที่พี่บาดเจ็บสาหัสเข้าโรงพยาบาล ในช่วงเวลาที่ชีวิตเฉียดตาย ไอราใช้เส้นทางอื่นเข้ามาในโรงพยาบาลเขตทหารที่พี่อยู่นานถึงสองชั่วโมงกว่า และเธอก็ออกมาด้วยสีหน้าที่แย่มากๆ”
กานต์กำลังนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น พูดขึ้น: “สองชั่วโมงกว่าสามารถทำอะไรได้มากมาย แต่การผ่าตัดของพี่ก็ผ่าตัดไปสองชั่วโมงกว่าพอดี ต่อให้บอกว่าเธออาจจะเป็นห่วงจึงรออยู่ถึงสองชั่วโมงกว่า แต่ตอนนั้นเรื่องที่พี่บาดเจ็บถือเป็นความลับขั้นสูง แม้แต่พวกเธอก็ไม่มีการแจ้งให้รู้ แต่เป็นเพราะปัญหาแหล่งที่มาของไตถึงได้จำเป็นต้องบอกพวกเธอ งั้นทำไมไอราถึงปรากฏตัวอยู่ที่นั่นล่ะ?”
กมลตะลึงงัน
เธอต้องยอมรับว่าบางรายละเอียดยังคงโดนกานต์จับได้ ทั้งยังสามารถมองผ่านรายละเอียดนี้พิจารณาออกมาถึงอะไรบางอย่าง
“พี่ก็เลยไปสืบดูงั้นเหรอ?”
“ตอนนั้นไม่มีแรง แล้วก็ไม่มีเวลาไปสืบด้วย แต่ความสงสัยนี้ก็อยู่ในใจของพี่ตลอด ต่อมาหลังจากรอให้พี่ออกจากโรงพยาบาล สิ่งแรกที่พี่ทำคือไปสืบหาร่องรอยการเคลื่อนไหวของไอราในช่วงนั้น มันประจวบเหมาะมากๆที่หลังจากพี่ผ่าตัดได้หนึ่งสัปดาห์กว่าๆ ไอราไม่เคยมาเยี่ยมพี่สักครั้งเลย ผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามจีบพี่มายี่สิบปี ตอนที่พี่อาการทรุดหนักคนที่ใช้เส้นทางอื่นเข้ามาดูพี่โดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่หลังจากที่พี่พ้นขีดอันตรายกลับไม่มาหาสักครั้งเลยน่ะเหรอ? นอกซะจากเธอมีเรื่องอะไรที่กำลังพัวพันอยู่”
แววตาของกานต์ลุ่มลึก
“ช่วงเวลานั้นเธอคงจะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอื่น ไอราเป็นเจ้าหญิงของประเทศเธอ มีโรงพยาบาลส่วนตัวของตนเอง แน่นอนว่าคนอย่างพวกเราสืบหาไม่เจอหรอก แต่เธอลืมไปเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลส่วนตัวที่ไหน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะรักษาความลับได้แข็งแกร่งขนาดไหน พวกเขาก็จำเป็นต้องนำยาเข้ามาจากบริษัทยา ดังนั้นพี่จึงสืบหาบันทึกการนำเข้ายาในเวลานั้นของโรงพยาบาลเธอ”
พูดถึงตรงนี้ กมลก็พอจะเข้าใจแล้ว
โรงพยาบาลแห่งนั้นก่อตั้งขึ้นเพี่อรับรองสุขภาพที่แข็งแรงของไอรา พูดตรงๆก็เพื่อดูแลไอราเพียงคนเดียว แต่จู่ๆโรงพยาบาลก็มียาหลังการผ่าตัดไตเข้ามาจำนวนหนึ่ง กานต์ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าต้องเข้าใจอยู่แล้ว
ลำบากไอราที่ต้องกัดความลับนี้เอาไว้อย่างแน่นหนาไม่ยอมเปิดปาก ไม่ได้คิดเลยว่าพี่ชายของเธอจะเข้าใจทั้งหมดตั้งแต่แรกแล้ว ทั้งยังรู้เรื่องทั้งหมดแล้วด้วย
และเรื่องที่ไอราไม่อยากใช้บุญคุณมาทำให้กานต์ยอมรับตนเองในที่สุดมันก็เกิดขึ้นแล้ว