ไอรากระโดดลงมาจากบนตักของเขา พูดอย่างเคอะเขิน: “ฉันจะไปดูคุณป้าหน่อยว่าทำอะไรอยู่”
พูดจบเธอก็ออกไปราวกับวิ่งหนี
กานต์เห็นท่าทางเขินอายของไอรา จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก
ยัยนั่นยิ่งโตก็ยิ่งขี้อายนะ
เขายังจำท่าทางวางอำนาจของเธอตอนที่เจอตนเองครั้งแรกได้อยู่เลย ต่อมาก็เดินตามก้นเขาอยู่ข้างหลังไม่ยอมปล่อย เหมือนไม่มีความหวาดกลัวอะไรเลย คิดไม่ถึงว่าแค่นั่งตักเขาก็จะตกใจจนวิ่งหนีไป
โทรศัพท์ยังคงดังตื๊ดๆอยู่ กานต์มองเบอร์โทรศัพท์ ไม่นึกว่านะโมจะโทรมา
กานต์จึงชะงักเล็กน้อย
ตามกำหนดการเดินทาง ตอนนี้นะโมน่าจะขึ้นเครื่องบินไปกับชมพูแล้ว ทำไมยังมีเวลาโทรหาตนเองอีก?
ในใจของกานต์ค่อนข้างสงสัย แต่กลับกดรับอย่างรวดเร็ว
“มีอะไร?”
“เฮีย ชมพูเกิดเรื่องแล้ว เฮียรีบมาที่เมืองหลวงนะ”
เสียงนะโมสั่นมาก
อยู่กับเขามาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่กานต์ได้ยินเสียงของนะโมเป็นอย่างนี้ กานต์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ในใจก็เป็นห่วงอยู่เล็กน้อย
“ฉันจะจองตั๋วเครื่องบินเดี๋ยวนี้ ส่งที่อยู่มาให้ฉัน”
หลังจากกานต์วางโทรศัพท์ ตำแหน่งของนะโมก็ส่งเข้ามาทันที
ความเคอะเขินของไอรายังไม่ทันลดลง กานต์ก็เดินเข้ามาแล้ว
เขามองไอรา พูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มๆ: “ไอรา ชมพูเกิดเรื่อง ฉันต้องกลับไปเมืองหลวง เธอไปกับฉันนะ”
เดิมทีกานต์วางแผนจะหาเวลากลับเมืองหลวงไปย้ายทะเบียนบ้านออกมาเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้ชมพูเกิดเรื่อง ด้วยมิตรภาพของเขากับชมพูที่เติบโตมาด้วยกันจะไม่ไปก็ไม่ได้อยู่แล้ว แต่สถานการณ์ที่ชวนให้คิดดีไม่ได้ในตอนนี้ ชมพูก็คิดกับเขาอย่างนั้นอีก เขาจึงไม่สามารถเดินทางไปเพียงลำพังได้
ไอราตะลึงงันไปเลย ใบหน้าที่ยังแดงระเรื่อได้ยินข่าวอย่างนี้ จึงค่อนข้างกลุ้มใจ แต่ทว่าเธอก็รู้ถึงความรักแบบพี่ชายน้องสาวที่กานต์มีต่อชมพู ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดขึ้น: “ได้ ฉันไปเก็บของแป๊ปหนึ่ง”
“ลำบากเธอหน่อยนะ”
กานต์ลูบหัวของไอราอย่างรู้สึกผิด กลิ่นอายของความเอาอกเอาใจจึงวนเวียนเข้ามาอย่างฉับพลัน
ความกลัดกลุ้มบางๆในใจของไอราจึงสลายหายไปทันที
“ไม่เป็นไร นายไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวฉันก็เสร็จแล้ว”
“อื้ม”
กานต์ออกมาจากห้องของไอรา ก็เจอกับกมลที่ออกมาพอดี เห็นท่าทีของกานต์ตอนนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม: “พี่ จะไปข้างนอกเหรอ?”
“อืม ไปเมืองหลวงน่ะ เธอช่วยพี่บอกพ่อกับแม่ทีนะ”
ตอนนี้บุริศร์กับนรมนทำอะไรอยู่ในห้องไม่มีใครรู้หรอก เขาก็ไม่อยากเจอกับโชคร้าย จะได้ไม่ต้องโดนบุริศร์ด่า
กมลพยักหน้า มองไปทางไอรา ถามขึ้น: “ไอราก็ไปด้วยเหรอ?”
“อื้ม”
กมลวางใจได้ทันที
“พี่กานต์ พี่ห้ามรังแกไอรานะ ไม่งั้นฉันจะไม่ยกโทษให้พี่”
กมลทำหน้าตาทะเล้นใส่เขา แล้วถือโทรศัพท์เดินออกไป
กานต์ส่ายๆหน้า รีบจองตั๋วเครื่องบิน มอบเรื่องของบริษัทไว้ให้สิงหราช ส่วนตนเองเก็บเสื้อผ้าสองสามชุดแล้วก็ออกมา
เขาคิดว่าผู้หญิงจัดการตนเองคงต้องใช้เวลานานมาก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าความเร็วของไอราจะสูสีกับเขาเลย
“เป็นอะไรไป? มองฉันอย่างนี้ทำไม?”
“คิดไม่ถึงว่าเธอจะเก็บของเร็วขนาดนี้”
กานต์ยังคงพูดออกมา
ไอราพูดเบาๆ: “ชมพูเกิดเรื่อง นายต้องร้อนใจอยู่แล้ว คงจะจองตั๋วเครื่องบินรอบที่ใกล้ที่สุด ส่วนฉันก็ไม่มีอะไรให้ต้องเก็บนักหรอก เรารีบไปกันเถอะ”
ได้ยินเธอคิดเผื่อตนเองอย่างนี้ ในใจของกานต์ก็ทนไม่ไหว
“ไอรา”
“ห๊ะ?”
“เธอเป็นเจ้าหญิงของประเทศเธอ ไม่จำเป็นต้องทำให้ตัวเองลำบากเพื่อฉันหรอกนะ”
คำพูดนี้กานต์อยากพูดมาตั้งนานแล้ว
ไม่ว่าเขาจะแสดงหรือไม่แสดงออกว่ารู้เรื่องที่ไอราบริจาคไตให้ตนเอง แต่ในใจของเขายังคงค่อนข้างสะเทือนใจ
ความเย็นชาในตอนนี้กลายเป็นเรื่องที่เห็นจนชินตาตั้งนานแล้ว สามารถที่จะรักคนๆหนึ่งอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจอะไรเลย สำหรับกานต์มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยินมาก่อน
ดังนั้นเขาจึงรักและทะนุถนอมไอรา
โดยเฉพาะทุกครั้งตอนที่ไอราคิดเรื่องราวต่างๆบนตำแหน่งของเขา กานต์ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
ความรู้สึกผิดนี้ราวกับสลักอยู่ในกระดูก แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บจนลืมไม่ลง
เขารู้ว่าชีวิตนี้ปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปไม่ได้แล้ว
แต่ไอรากลับคิดไม่ถึงว่ากานต์จะพูดอย่างนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นทันที: “ฉันไม่ได้รู้สึกลำบากเลย สำหรับฉันแล้ว การรักนายก็คือทั้งหมดของฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างของนายก็คือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน”
กานต์ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว
ยัยนี่หัวแข็งเกินไปจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เขาเกิดเห็นอกเห็นใจ ถ้าความรู้สึกนี้มอบให้ผู้ชายผิดคน กานต์ก็ไม่กล้าคิดเลยว่าจุดจบของเธอจะเป็นยังไง
“เธอเนี่ยน้า ไปเถอะ”
กานต์ก้าวเข้าไปโอบไอราเอาไว้ พาเธอออกไปจากบ้านของตระกูลโตเล็ก
ตอนที่เครื่องบินมาถึง ฟ้าก็มืดแล้ว
กานต์เรียกรถคันหนึ่ง ยังไม่ทันได้จองโรงแรม ก็ตรงไปโรงพยาบาลกับไอราทันที
ตอนที่นะโมเห็นกานต์กับไอรามาด้วยกันจึงชะงักเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ: “เฮีย ทำไมเฮียถึงพาลูกพี่มาด้วย?”
“เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน ฉันพาเธอมาด้วยแล้วมันจะทำไม? อีกอย่างหลายปีมานี้ความสัมพันธ์ของไอรากับชมพูก็ไม่เลว มาเยี่ยมหน่อยมันก็เป็นเรื่องสมควร”
กานต์พูดมาขนาดนี้แล้ว นะโมจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?
แต่ทว่าสีหน้าของนะโมก็ยังไม่ค่อยดี
“ชมพูเป็นอะไร?”
กานต์รู้ถึงสภาพร่างกายของชมพูมาโดยตลอด ทำไมจู่ๆถึงเกิดเรื่องได้ล่ะ?
นะโมมองไอราเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น: “ชมพูกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย แผลค่อนข้างลึกทีเดียว เพิ่งช่วยชีวิตไว้ได้ น้าพลกับน้าน้ำอยู่เฝ้าหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ เพิ่งกลับไปพักผ่อนเมื่อกี้เอง”
ฆ่าตัวตาย?
ด้วยนิสัยอย่างนั้นของชมพูจะฆ่าตัวตายได้ยังไง?
หรือเป็นเพราะกานต์จริงๆเหรอ?
ไอราหรี่ตาลงเล็กน้อย
ชมพูที่เธอคุ้นเคย ไม่น่าจะปล่อยวางไม่ได้เช่นนี้ ทำไมถึง……
แต่ถ้าไอราพูดออกมาตอนนี้ยังไงก็ไม่เหมาะสม เธอจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้ดีกว่า
ทว่าหลังจากกานต์ได้ยินคำพูดนี้กลับดึงมือของไอราแล้วหันหลังเดินไป
นะโมงุนงงกับการกระทำของเขา เห็นกานต์กำลังจะเดินไปจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปขวางกานต์เอาไว้ พูดขึ้น: “เฮีย เฮียทำอะไรเนี่ย? เพราะเฮียชมพูถึงฆ่าตัวตายนะ นี่เฮียจะไม่เข้าไปดูเธอจริงๆเหรอ?”
“คนที่ไม่รับผิดชอบแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ฉันจะเข้าไปดูเธอทำอะไร? หลายปีมานี้ ดูแล้วสิ่งที่ฉันอบรมสั่งสอนเธอคงเปล่าประโยชน์สินะ ใช่ ตอนนี้ฉันปลดประจำการแล้ว ต่อไปเธออยากทำอะไรก็แล้วแต่เธอ ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว”
พูดจบกานต์ก็ก้าวเท้าเดินไป ไม่ลังเลและไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่นิดเดียว
นะโมจึงลนลานขึ้นมาทันที เขาคว้าแขนของไอราเอาไว้ วิงวอนขอร้อง: “ลูกพี่ ช่วยผมโน้มน้าวเฮียหน่อยเถอะ ถ้าชมพูไม่ได้เจอเฮีย ต้องฆ่าตัวตายต่อไปแน่ๆ!”