“เกิดอะไรขึ้น?”
กานต์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไอราก็มองนะโมด้วยใบหน้าที่กังวลเช่นเดียวกันๆ
“รีบพูดสิ อ้ำๆอึ้งๆอยู่นั่น นายเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า?”
ไอราอ่อนโยนเพียงแค่กับกานต์เท่านั้น กับคนอื่นนั่นเป็นแบบง่ายๆหยาบๆ
มุมปากของนะโมกระตุกทีหนึ่ง แต่คิดถึงสถานการณ์ของไอรา ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่นี้หมอถอดเข็มที่อยู่บนคอของชมพูออกแล้ว แต่จุดที่เข็มเงินแทงเข้าไปนั้นดำไปหมด หมอสงสัยว่าจะได้รับสารพิษ”
“ได้รับสารพิษ?”
คิ้วของไอราขมวดขึ้นมาในทันที
“เรื่องนี้ค่อนข้างรับมือยาก”
“ฉันโทรหาน้าพล เรื่องนี้ต้องให้เขารู้”
กานต์รีบโทรหาธเนศพล เล่าสถานการณ์ของชมพูให้เขาฟังหนึ่งรอบ
ธเนศพลกับน้ำได้ยินว่าลูกสาวได้รับสารพิษแล้ว ก็รีบขับรถมาถึงโรงพยาบาลในทันที
และไอราก็ดึงแขนเสื้อของกานต์ ท่าทางแบบนั้นดูว่านอนสอนง่ายจนทำให้คนรู้สึกเอ็นดูสงสาร
“เป็นอะไรไป?”
“ฉันอยากโทรหาแม่ฉัน ให้ท่านมาลองดูหน่อย คุณว่ายังไง?”
ที่จริงไอราคิดถึงบ้านแล้ว
กานต์บอกว่าจะกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่เป็นเพื่อนเธอ แต่สถานการณ์ของชมพูซับซ้อนเช่นนี้ ยังไม่รู้ว่าจะต้องหยุดชั่วคราวอีกนานแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาเกี่ยวกับด้านแพทย์แผนจีน คุณแม่ของเธอรมิดาก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
เธอสามารถอาศัยโอกาสนี้เจอคุณแม่พอดี
เป็นธรรมดาที่กานต์จะรู้แผนการเล็กๆนั่นของไอรา คิดถึงข้อเสนอของตนเองกับกิจจาขึ้นมา กานต์ก็พยักหน้าพร้อมกับเอ่ย “ได้ ให้คุณน้ารมิดามาสักรอบก็แล้วกัน ฉันก็คิดถึงท่านพอดี”
“คุณคิดถึงแม่ฉันทำไม? ระวังพ่อฉันต่อยคุณ!”
ไอรารำหมัดทำท่าที่ดุร้ายออกมา กลับตลกจนกานต์ขำ
ยัยเด็กนี่ก็คือเสือบนแผ่นกระดาษ
“รีบไปเถอะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้คุณน้ารมิดากำลังทำการผ่าตัดอยู่หรือเปล่า”
“ช่วงนี้แม่ฉันหยุดประจำปีล่ะ”
ไอราพูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเดินไปคุยกระซิบกระซาบกับแม่ที่อีกด้าน
กานต์มาถึงข้างกายของธเนศพล เอ่ยขึ้นเบาๆว่า “น้าพล ไอราบอกว่าโทรหาคุณน้ารมิดา ให้ท่านมาดูชมพูหน่อย”
ธเนศพลชะงักเล็กน้อย
ต้องรู้ว่าตอนนี้ใครอยากเชิญรมิดาศัลยแพทย์มือหนึ่งระดับโลกมาดูอาการต่างก็ต้องต่อคิว ตอนนี้คิวยาวไปถึงครึ่งปีหลังแล้ว ขณะนี้คิดไม่ถึงว่าไอราจะให้รมิดามาได้เพื่อลูกสาวของตนเอง ในใจของธเนศพลไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามีความตื้นตันมากแค่ไหน
“ดี ขอบใจเธอแล้ว”
“ไม่ต้องขอบใจ นั่นคือภรรยาของผม เธอทำเพื่อที่จะช่วยผม”
ท่าทางที่ได้ดีแล้วโอ้อวดของกานต์ทำให่ธเนศพลรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมาในชั่วขณะ
“ไสหัวไป!”
“ได้เลยครับผม”
กานต์รู้ว่าตนเองอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ ช่วยอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งเดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความรู้สึกแบบหนุ่มสาวกับชมพู โอกาสที่จะได้ออกหน้าออกตาเช่นนี้ยังไงก็ให้คนอื่นจะดีกว่า
ไอราทางนี้ยังคงกำลังพูดคุยกับรมิดา กานต์ได้เดินมาจากทางด้านหลัง อีกทั้งสองมือก็ได้โอบรอบเอวบางของเธอเอาไว้โดยจิตใต้สำนึก ลมหายใจที่คุ้นเคยเข้าเต็มจมูกของไอรา
เธอเขินอายเล็กน้อย กลับก็ไม่ได้ดิ้นออก กลับเอนตัวพิงไปทางด้านหลังแทนด้วยซ้ำ นำพลังหมดทั้งตัวมอบให้กับกานต์
รมิดาทางนี้ยังคงกำลังบ่นไอราว่าลูกสาวโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องแต่งงานให้ทันเวลา อยู่บ้านได้ไม่นาน รั้งเอาไว้ก็ไม่อยู่ ไม่รู้จักกลับบ้านมาดูบ้างอะไรทำนองนี้ กานต์มาเลยหนึ่งประโยค “รอคุณน้ารมิดามาช่วยชมพูตรวจดูร่างกายเสร็จ ผมก็จะพาไอรากลับบ้านคุณอาอรรณพคุณน้ารมิดาพักอยู่ยาวช่วงเวลาหนึ่ง”
“กานต์?”
รมิดาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย
ลูกสาวตัวเองคลั่งรักกานต์ก็ไม่ใช่วันสองวัน ถึงขนาดเพื่อกานต์เจ้าเด็กแสบนี่ระเหเร่ร่อนจนบ้านก็ไม่เอาแล้ว พูดตามตรงรมิดาไม่พอใจกานต์เป็นอย่างมาก แม้ว่าเจ้าเด็กแสบนี่จะเป็นอ้จฉริยะจริงๆ แต่ในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่ง ใครก็ไม่หวังให้ลูกสาวของตนเองลำบากขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นไอราตามจีบกานต์มาตั้งหลายปี กานต์นิ่งเฉยมาโดยตลอด แม้จะพูดไม่ได้ว่ากานต์ยื้อไอราเอาไว้ สุดท้ายรมิดาก็สงสารลูกสาวและไม่ชอบกานต์ เวลานี้มาได้ยินกานต์พูดเข่นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะอึ้งไปครู่หนึ่ง
กานต์อยู่ต่อหน้าว่าที่แม่ยายแน่นอนว่าจะต้องนอบน้อมประจบเอาใจ รีบเอ่ยขึ้นว่า “ผมเองครับ คุณน้ารมิดา ไม่ได้เจอกันหลายปี สุขภาพยังดีอยู่นะครับ?”
“ดีอะไรกันล่ะ? ให้ลูกสาวที่ไม่เอาไหนนั่นของฉันยั่วโมโหจนโรคหัวใจกำเริบ มีชีวิตรอดมาได้ก็ไม่เลวแล้ว”
คำพูดนี้ของรมิดา แอบประชดประชัน
“โอ๊ย แม่ แม่พูดอะไรน่ะ”
ไอรารีบเอ่ยปาก
แฟนหนุ่มที่เธอยากมากกว่าจะจีบติด จะเป็นเพราะคำพูดแม่ของเธอไม่กี่ประโยคก็วิ่งหนีไปไม่ได้นะ
รมิดาได้ฟังคำพูดนี้ของไอราก็รู้ว่าลูกสาวที่ต้องแต่งออกไปจิตใจไปทางด้านนอก ลูกสาวคนนี้เกรงว่าจะหายไปแล้วจริงๆ
“แกก็ปกป้องมันไปเถอะ เจ้าเด็กแสบนี่ให้แกเสียใจมาตั้งหลายปี พอเขาบอกตอบรับการตามจีบของแกแล้วก็เริงร่า มีความสุขอย่างกับคนโง่ แกไม่คิดถึงความรู้สึกของฉันกับพ่อแกสักหน่อยหรอ? มีสิทธิ์อะไรแกตามจีบเจ้าเด็กนั่นมาตั้งหลายปีขนาดนั้น มันบอกตกลงแล้วก็ตกลงแล้ว? ไอรา แกมีความทะเยอทะยานหน่อยได้หรือเปล่า? จะต้องแขวนคอตายบนต้นไม้ที่ลำต้นบิดเบี้ยวให้ได้เลยใช่ไหม? บนโลกใบนี้ก็ไม่มีผู้ชายคนอื่นอีกแล้วหรอ?”
รมิดายิ่งพูดยิ่งโมโห แทบอยากจะเปิดกะโหลกของลูกสาวออกมาดูว่าข้างในใส่อะไรไว้บ้างกันแน่ และเธอได้ละเลยกานต์ไปเลย
กานต์ลูบจมูกเล็กน้อย อยู่ๆก็รู้สึกว่าเส้นทางที่จะขอไอราแต่งงานนี้ดูเหมือนค่อนข้างยาวไกลนัก แค่ทำให้แม่ยายยอมรับก็ยังต้องเปลืองแรงหน่อย
“คุณน้ารมิดา อย่าว่าไอราเลยครับ มีความโกรธอะไรมาลงที่ผม”
“โอ้ ตอนนี้รู้จักปกป้องเมียแล้ว? ตอนที่แกให้ไอราของเราวิ่งตามตูดของแกทำไมแกไม่รู้จักให้ฉันมาลงที่แกล่ะ? ฉันบอกแกให้ กานต์ ไอราชอบแกเป็นเรื่องของเธอ แกให้ลูกสาวของฉันทุกข์ทรมานมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ยังคิดให้พวกเรายอมรับแก? ฝันไปเถอะ”
พูดจบรมิดาก็ไม่ให้โอกาสกานต์ได้อธิบาย ตัดสายทิ้งไปเลย
ฟังเสียงสายไม่ว่างของโทรศัพท์ ไอราทำตัวไม่ถูกขึ้นมา
เธอรู้มาโดยตลอดว่ามารดาผู้ยิ่งใหญ่ของตนเองนิสัยใจร้อนมาก หลายปีมานี้เพราะเธอยืนหยัดที่จะอยู่ประเทศZทำให้ไม่พอใจกานต์จนถึงขีดสุด
หากไม่ใช่เพราะมิตรภาพของตระกูลโตเล็กและตระกูลเชาวนภูติสองตระกูลยังคงอยู่ คาดว่ารมิดาคงจะถือดาบใหญ่ยาวสามเมตรมาสับกานต์แล้ว
แต่ว่ากานต์ที่จริงแล้วเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะสิ
ตกหลุมรักเขาเป็นเรื่องของไอราเอง จะตามกานต์อย่างก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้จะยังไงก็ไม่หันหลังกลับก็เป็นไอราเองที่ตัดสินใจ ดังนั้นเธอรู้สึกว่าการตำหนิคราวนี้กานต์ค่อนข้างได้รับความไม่เป็นธรรม
“กานต์ คุณอย่าไปสนใจแม่ฉัน แม่ฉันวัยทองแล้ว กับใครก็เป็นแบบนี้”
กานต์กลับไม่ได้โกรธ แต่ลูบศีรษะของเธอเบาๆ เอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “แม่ของเธอนี่คือเป็นห่วงเธอ หากอนาคตพวกเรามีลูกสาวสักคน ตามจีบเจ้าเด็กแสบคนหนึ่งอย่างบ้าคลั่งมายี่สิบปี เจ้าเด็กแสบนั่นไม่ตอบรับสักทีล่ะก็ ฉันคงทำเกินไปยิ่งกว่าคุณน้ารมิดา”
ตอนที่ไอราได้ยินกานต์พูดว่า“ลูกสาวของพวกเรา”ก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน มุมกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ้มจริงจังจนราวกับคนโง่ยังไงอย่างงั้น
กานต์มองท่าทางเช่นนี้ของเธอ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยเสียงหัวเราะ “เส้นประสาทเส้นไหนของเธอกระตุกแล้ว?”
“กานต์ คุณชอบลูกสาวหรอ?”
ไอราจ้องหน้าตรงกับกานต์ ประโยคคำถามหนึ่งประโยคทำเอากานต์นิ่งอึ้งอยู่กับที่
วงจรสมองของยัยเด็กนี่เติบโตมายังไงกัน?