“อยากดูให้เต็มตาจริงๆเหรอ?”
จู่ๆร่างกายของทั้งสองคนก็แนบสนิทกันอย่างไร้รอยต่อ หน้าของไอราแดงขึ้นมาทันที ส่วนณิตาก็ไอออกมาได้ถูกเวลาพูดขึ้น “ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นส่วนเกิน งั้นฉันจะออกไปก่อนแล้วกัน อีกเดี๋ยวถ้ากานต์จะไปแล้วเรียกฉันนะ”
พูดจบณิตาก็ไม่สนใจการส่งสัญญาณของไอราแล้ว หนีออกไปทันที
สิงหราชก็ถอยออกไปอย่างเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา
ตอนนี้มีกานต์อยู่ ความปลอดภัยของไอราจึงมีหลักประกันไปโดยปริยาย
ชั่วพริบตาในห้องก็เหลือแค่พวกเขาสองคน
ไอราพอจะได้ยินเสียงหัวใจของตนเองมันเต้นเร็วจนเหมือนจะทะลุออกมานอกร่างกายอยู่แล้ว และความอบอุ่นบนร่างกายของกานต์ในตอนนี้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จู่ๆก็ถามขึ้นอย่างร้อนรน “บอกว่าไม่มีเวลาเข้ามาไม่ใช่เหรอ?”
“คิดถึงเธอแล้ว”
คำพูดนี้ของกานต์ทำให้ไอราตะลึงเล็กน้อย แล้วตามมาด้วยความสุขที่โผล่เข้ามาในก้นบึ้งของหัวใจ
“ไม่นึกว่านายจะยอมแต่งตัวเป็นผู้หญิง ทำให้ฉันแปลกใจมากจริงๆ”
แต่กานต์กลับพูดอย่างเมินเฉย “แค่พอจะทำให้ได้เจอเธอ ไม่ต้องพูดถึงแต่งตัวเป็นผู้หญิงหรอก ให้ฉันแก้ผ้าฉันก็ไม่ใส่ใจ”
ในหัวของไอราจึงนึกถึงร่างกายที่เปลือยเปล่าของกานต์ขึ้นมาทันที
“ไม่ได้!”
“ห๊ะ?”
“ห้ามแก้ผ้า นั่นเป็นสวัสดิการของฉันนะ”
ถึงไอราจะหน้าแดงสุดๆ แต่เธอยังคงจดจ้องไปที่กานต์ ราวกับว่าต่อให้ต้องตายก็ต้องได้รับคำตอบ
จู่ๆกานต์ก็ยิ้มออกมา
เพราะการแต่งหน้า แค่เขายิ้มออกมาก็สวยเกินต้านสุดๆเลย ทำให้ไอราเคลิบเคลิ้ม มองเขาอย่างใจลอยไม่พูดไม่จาอยู่นาน
ความอึดอัดที่กานต์ต้องสวมชุดผู้หญิงนั้นในที่สุดก็สลายหายไปหมดแล้ว
“สวยไหม?”
“สวย”
“ถ่ายรูปคู่กันไหม?”
“เอาสิ”
ไอรารีบหามือถือ
กานต์เห็นท่าทางเบิกบานของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
เขาชอบมองไอราที่เป็นอย่างนี้ที่สุดเลย
ตอนที่ไอราหยิบมือถือมา กำลังโอบคอของกานต์แล้วมองไปที่กล้อง ในวินาทีที่เธอกดชัตเตอร์ กานต์ก็จุ๊บลงไปที่แก้มของเธอทันที
เสียงแชะทำให้ไอราได้สติกลับมาเล็กน้อย มองรูปที่อยู่ในจออีกครั้งไม่อยากจะตื่นเต้นเกินไปจริงๆ
“ถ้าแม่ฉันเห็นเข้า นายต้องตายแน่ๆ”
แต่กานต์กลับยิ้ม ทว่าเขาไม่พอใจแค่จุ๊บที่แก้มหรอก จึงกดไอราไปบนกำแพงแล้วจูบลงไปทันที
ไอราก็คิดถึงกานต์แล้ว ตอนที่เห็นเขาปลอดภัยดีความกังวลในช่วงนี้ในที่สุดก็คลายกังวลลงได้ เธอโอบคอของเขาไว้แน่น ตอบสนองกลับไปอย่างเร่าร้อน
กานต์เกือบจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ในวินาทีสุดท้ายเขาจึงปล่อยไอราออก
“ผ่าตัดอย่างปลอดภัยนะ รอเธอฟื้นตัวดีแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด”
ภายในดวงตาเรียวยาวที่น่ามองของกานต์มีแต่การรุกรานและความเป็นเจ้าของ
นี่เป็นครั้งแรกที่ไอราได้สบเข้ากับแววตาที่ปรารถนาของเขาอย่างตรงไปตรงมา ยิ้มพูดขึ้น “รอให้ฉันฟื้นตัวดีแล้ว จะยอมให้นายเล่นให้เต็มที่เลย”
“นี่เธอพูดเองนะ ถึงตอนนั้นอย่ามาอ้อนวอนล่ะ”
“ใครจะเป็นคนอ้อนวอนยังไม่แน่นอนหรอก”
ทั้งสองคนกำลังต่อปากต่อคำกัน แต่กลับอิงแอบกันอย่างแนบแน่น
กานต์ลูบผมยาวๆของไอรา พูดขึ้นเบาๆ “ตอนที่เธอผ่าตัดฉันไม่สามารถอยู่ข้างๆเธอได้ เธอโกรธฉันหรือเปล่า?”
“ไม่โกรธ นายคงมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำแน่ๆ”
เผชิญหน้ากับความเข้าใจในตัวเขาของไอรา กานต์ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ
ไม่โกรธไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ต้องการตนเอง
กานต์จูบลงไปบนหน้าผากของไอรา พูดขึ้น “ฉันจะพยายามกลับมาให้ทัน ในวินาทีที่เธอออกมาจากห้องผ่าตัดฉันจะพยายามทำให้เธอได้เจอฉัน”
“อื้ม”
กานต์เป็นคนที่รักษาสัญญามาโดยตลอด แค่เขาพูดเขาก็ต้องทำได้แน่นอน
ในที่สุดในใจของไอราก็สงบลงได้เล็กน้อยแล้ว
กานต์ไม่ได้บอกไอราเรื่องกิจจา แล้วก็ไม่ได้บอกเธอเรื่องที่เกี่ยวกับสายฟ้าด้วย เขาแค่อยู่เป็นเพื่อนไอรา กำลังฟังไอราเล่าเรื่องสัพเพเหระอย่างเงียบๆ ตอนนี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่สงบอย่างนี้มันช่างดีจริงๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไอราไม่ได้รู้สึกว่าเวลาที่ตนเองกับกานต์อยู่ด้วยกันนานขนาดไหน แต่ตอนที่ณิตาเคาะประตูเข้ามา เธอก็ค่อนข้างอาลัยอาวรณ์
“นายจะไปแล้วเหรอ?”
เธอดึงชายเสื้อของกานต์ราวกับเด็กน้อย ท่าทางน้อยอกน้อยใจทำให้เขาตัดใจจากไปไม่ได้
กานต์เจ็บปวดในใจ นอกจากปลอบใจก็ไม่รู้ว่าตนเองยังพูดอะไรได้อีก
“ฉันต้องไปแล้ว มีคนที่ฉันจำเป็นต้องไปช่วยออกมา”
“สำคัญกว่าฉันเหรอ?”
ไอราไม่อยากถามอย่างนี้จริงๆ แต่เธอไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป แค่ในหัวกระตุกก็ถามออกไปเลย แสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วในใจของเธอกระวนกระวายมาก
แววตาของกานต์สั่นไหวเล็กน้อย
เขาลูบใบหน้าของไอรา พูดเบาๆ “สำคัญเหมือนเธอเลย วางใจเถอะ หลังเธอผ่าตัดเสร็จฉันจะรอเธออยู่ข้างนอกแน่นอน”
“คำไหนคำนั้นนะ คนโกหกเป็นหมา”
“อื้ม”
เห็นไอรายื่นนิ้วก้อยออกมาอย่างใสซื่อ กานต์จึงยิ้มบางๆแล้วยื่นนิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวกับเธอ
ณิตาเห็นท่าทีอย่างนี้ของพวกเขาสองคนจู่ๆก็อิจฉาขึ้นมา
กิจจาคงไม่อดทนกับความไร้เดียงสาอย่างนี้ของเธอหรอก
เฮ้อ!
เป็นผู้ชายของตระกูลโตเล็กกันทั้งคู่ แต่ทำไมถึงแตกต่างกันขนาดนี้ล่ะ?
วันหน้าเธอต้องคุยกับกิจจาหน่อยแล้ว ให้เรียนรู้จากกานต์เยอะๆ
หลังจากกานต์กับไอราประทับตราด้วยนิ้วมือกันแล้ว ณิตาจึงพากานต์ออกไป
ระหว่างนั้นกานต์ไม่กล้าหันกลับไป กลัวว่าจะเห็นสายตาที่อาลัยอาวรณ์ของไอรา
ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะชอบทำตัวเป็นจุดสนใจเหิมเกริมขนาดไหน เผด็จการขนาดไหน ท้ายที่สุดเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนที่กานต์เดินสวนกับสิงหราชจึงพูดขึ้นเบาๆ “พรุ่งนี้ก่อนเธอผ่าตัดครึ่งชั่วโมงแจ้งฉันด้วย”
“ครับ”
สิงหราชรับปากเบาๆ ทั้งสองคนเดินสวนกัน ในสายตาของคนนอกก็เหมือนคนธรรมดาที่เดินสวนกันตามทางเท่านั้น
ณิตาได้ยินกานต์พูดประโยคนี้ ก็ไม่ได้พูดอะไร พากานต์ออกไปจากโรงพยาบาลทหาร
ระหว่างนั้นกานต์เจอเข้ากับนะโม แต่น่าเสียดายที่นะโมไม่ได้สังเกตเห็นกานต์ตั้งแต่แรกแล้ว หรืออาจจะบอกได้ว่าใครๆก็คงคิดไม่ถึงว่ากานต์จะปลอมตัวเป็นผู้หญิงเพื่อเข้ามาในโรงพยาบาล
แต่ทว่าตอนที่กานต์กำลังจะเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งชมพูกลับตะโกนเรียกเขาเอาไว้
“คุณเป็นผู้หญิงเหรอ?”
เธอเอาแต่รู้สึกว่าคนตรงหน้าตัวสูงใหญ่เกินไป
กานต์สีหน้าเย็นชา จริงๆในใจกระวานกระวายอยู่ตั้งนานแล้ว
ชมพูกับเขาเติบโตมาด้วยกัน แค่เอ่ยปากก็ต้องเผยความลับแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ทีมลาดตระเวนของเขตทหารกำลังตรงมาทางนี้ด้วย
กานต์อดไม่ได้ที่จะร้อนรนและกังวลใจ
ณิตาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รีบพูดขึ้น “นี่คุณเป็นอะไรเหรอ? ไม่ได้มีเรื่องอะไรจะมาขวางทางพวกเราทำไม?”
ชมพูชำระล้างพิษในร่างกายภายใต้การช่วยเหลือของหมอ เธอรู้สึกว่าภายในห้องมันอึดอัดเกินไปถึงได้เดินออกมา ไม่คิดว่าจะได้เจอผู้หญิงที่สูงถึง180กว่าๆ จึงรู้สึกสงสัยถึงได้เรียกเธอเอาไว้ ตอนนี้โดนณิตาฉีกหน้าไปหนึ่งยก จู่ๆเธอก็ไม่รู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไรแล้ว
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“งั้นช่วยหลีกทางด้วยนะคะ”
ณิตาพูดแล้วก็กำลังจะเดินออกไป ความหมายชัดเจนมาก ก็คือหวังว่าชมพูจะหลบ แต่ชมพูกลับไม่ถอย ทั้งยังมองกานต์ที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงอย่างโจ่งแจ้ง ครั้นแล้วก็เบิกตาโพลงขึ้นมาทันที
“คุณคือ……อือ……”
เธอยังพูดไม่ทันจบก็โดนกานต์ปิดปากเอาไว้ทันที แล้วผลักประตูเข้าไปในห้องคนไข้อย่างง่ายดาย